ตอนพิเศษ 127 เป็นหรือไม่เป็น
ตอนพิเศษ 127 เป็นหรือไม่เป็น
ติงเซียงมองไป๋หลิวอี้ด้วยใบหน้าซีดเผือด จากนั้นหันไปหาเนี่ยนเนี่ยน
เหตุใดเจ้านายถึงจัดให้นางอยู่ที่ห้องด้านซ้าย? นางเป็นแค่สาวใช้ ซึ่งสาวใช้ไม่ควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
นางรับใช้คุณชายใหญ่มาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยได้นอนในห้องด้านซ้ายเลย
หญิงคนนี้ เหตุใดกัน?
ทว่าเรื่องนี้กลับไม่สำคัญสำหรับเนี่ยนเนี่ยน นางคิดอยู่แล้วว่าการอยู่ในห้องคนเดียวจะสะดวกกว่า
หากนางอยู่กับติงเซียงที่มีอคติต่อนาง ก็จะทำให้นางรู้สึกอึดอัด
“ติงเซียง ไปทำความสะอาดห้องด้านซ้าย แล้วให้… อวี้ซีไปอยู่” ไป๋หลิวอี้เกือบจะโพล่งออกไป แต่สุดท้ายก็กลืนคำนั้นลงไปทัน
อวี้ซีเป็นชื่อที่เขาเรียกลำบากจริง ๆ
ติงเซียงไม่อาจเก็บสีหน้าหงุดหงิดไว้ได้อีกต่อไป ให้นางไปทำความสะอาดห้องด้านซ้ายหรือ? เขาสั่งให้นางทำความสะอาดห้องให้สาวใช้อย่างอวี้ซี
“อะไร?” เมื่อเห็นนางไม่ขยับอยู่นาน ในที่สุดไป๋หลิวอี้ก็เปลี่ยนมาหรี่ตาจ้องมองนาง
ติงเซียงตัวสั่นเทา และรีบโค้งคำนับ “บ่าวจะรีบไปเจ้าค่ะ”
พูดจบนางก็ลอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนหันหลังเดินออกจากห้องไป
เมื่อเห็นดังนั้น เนี่ยนเนี่ยนก็เดินตามนางไป พร้อมกับแบกของหนักไว้บนหลัง
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้ว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวก่อน ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”
เนี่ยนเนี่ยนจำต้องหยุด คิ้วเรียวคู่นั้นขมวดเล็กน้อย นางแบกของมาเหนื่อยมาก กลับห้องไปวางของก่อนไม่ได้หรือ?
ไป๋หลิวอี้แสร้งทำเป็นไม่เห็นสีหน้าไม่พอใจของนาง หญิงคนนี้น่าสนใจจริง ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าการแสดงออกของนางจะชัดเจนถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องซิวมีบุคลิกที่ไม่แสดงอารมณ์ของตน แม้แต่ซิวหวางเฟยก็ยังคงยิ้ม ขณะผลักคนให้จนมุมอยู่เสมอ
เหตุใดเนี่ยนเนี่ยน ถึงแสดงความรู้สึกทั้งชอบและไม่ชอบผ่านทางสีหน้าชัดเจน? หรือว่านางเกลียดเขาถึงเพียงนี้แล้ว?
อืม นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
ขณะที่คิดเรื่องนี้ ไป๋หลิวอี้ก็เดินไปยังเก้าอี้ยาวที่เขานั่งเมื่อครู่นี้ ก่อนจะยื่นมือออกไปเก็บหมากบนกระดานหมากล้อมลงในกล่องทีละตัว
เขาถามอย่างเป็นกันเองว่า “เจ้าเก่งเรื่องอะไร?”
เก่งเรื่องอะไรงั้นหรือ? นางเก่งเรื่องปรุงยาพิษ เขาจะกล้าเก็บนางไว้หรือ? บางทีหันมาอีกรอบ เขาอาจถูกวางยาพิษจนตายไปแล้วก็ได้
เนี่ยนเนี่ยนคิดไม่ดีในใจ แต่ยังคงตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเก่งเรื่องรับใช้เจ้านายเจ้าค่ะ”
“อะแฮ่ม…” ไป๋หลิวอี้แทบสำลักน้ำลายตัวเอง รับใช้เจ้านายเนี่ยนะ? นางกล้าพูดเช่นนั้นได้อย่างไร?
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว นางได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเขาอย่างชัดเจน
ไป๋หลิวอี้หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที ก่อนจะทำหน้านิ่ง สีหน้าจริงจังชั่วครู่ สายตาของเขาจับจ้องที่กระดานหมากล้อมในมือ แล้วถามว่า “เจ้าเล่นหมากล้อมเป็นหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนผงะไปครู่หนึ่ง จนเผลอวางสัมภาระในมือไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เล่นหมากล้อมหรือ? นางชอบก็จริง แต่ไม่ได้ชอบมากนัก และไม่ได้ศึกษามันอย่างถี่ถ้วนด้วย
แต่ตอนนี้นางเป็นสาวใช้ ดังนั้น…
“ไม่เป็นเจ้าค่ะ”
ไป๋หลิวอี้หัวเราะเมื่อเห็นนางยืนตัวตรง รอยยิ้มของเขากว้างขึ้น
เขาคิดว่าอารองต้องไม่เคยบอกนางเป็นแน่ว่าการเป็นสาวใช้ต้องทำอย่างไรบ้าง อย่างน้อยที่สุดเมื่อนางเห็นเขาเก็บตัวหมากล้อมด้วยตัวเอง นางก็ควรจะรีบเข้ามาเก็บให้
แต่นางกลับมองเขาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่านางมองไม่ออก
ไป๋หลิวอี้รู้สึกว่านางน่ารักมากขึ้นเรื่อย ๆ หมากดำบนกระดานหมากล้อมถูกเก็บไปหมดแล้ว เขากำลังเริ่มเก็บหมากขาวอีก
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเขียนหนังสือได้หรือไม่?” เขาถามอีก เมื่อเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนกำลังจะตอบง่าย ๆ เขาจึงพูดเพิ่มเติมอย่างไม่เร่งรีบ “ในการเป็นหัวหน้าสาวใช้ของข้า เจ้าต้องสามารถอ่านเขียนได้ หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าจะสอนพื้นฐานให้เจ้าทีหลัง”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก ก่อนเม้มปากแล้วตอบเบา ๆ ว่า “ข้าอ่านเขียนได้”
“เล่นกู่ฉินเป็นหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางควรจะตอบใช่หรือไม่? นางมาที่นี่เพื่อเป็นสาวใช้ นางจึงไม่จำเป็นต้องเล่นกู่ฉินเป็นด้วยซ้ำ ใช่หรือไม่?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาจะเบื่อจากการทำงาน และต้องการให้นางเล่นกู่ฉินให้เขาฟัง?
เนี่ยนเนี่ยนเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเบาว่า “พอจะ… เล่นเป็นบ้าง” ตอนที่นางเพิ่งเกิด พี่ใหญ่ไปเจอกู่เจิ้งและกู่ฉิน โดยบอกว่ามันสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง เขาทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อซื้อมันมา แล้วบังคับให้นางเรียน โดยบอกว่าเขากำลังจะฝึกฝนนางให้เป็นสตรีผู้มีพรสวรรค์และงดงามที่สุดในโลก ซึ่งมันบ้ามาก
ตอนนั้นนางยังเด็กจึงขัดขืนไม่ได้ นางจึงเรียนรู้ได้เพียงผิวเผินเล็กน้อย ต่อมาเมื่อนางโตขึ้น ก็รีบเอากู่เจิ้งและกู่ฉินไปเก็บไว้ก้นเรือนเก็บของทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พี่ใหญ่หามันเจอเด็ดขาด
ไป๋หลิวอี้ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เขาจำได้ว่านางเริ่มเรียนวิชาพิษตั้งแต่ยังเด็ก ขณะที่นางอายุสามขวบและยังคงเดินเตาะแตะอยู่ แต่ท่วงท่าการจับงูพิษยัดใส่ตะกร้านั้นดูประณีตและช่ำชองมาก
จะเห็นได้ว่านางทุ่มสุดตัวกับสิ่งนี้ตั้งแต่ยังเด็ก
ต่อมาทุกครั้งที่ท่านอารองไปอาณาจักรเฟิงชาง เมื่อกลับมาแล้ว เขาจะมาเล่าให้ฟัง ว่าเนี่ยนเนี่ยนกำลังทำอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ เขาบอกว่านางกำลังปลูกสมุนไพร ค้นคว้ายาพิษ และอ่านตำราทางการแพทย์ ส่วนกู่ฉิน หมากล้อม คัดลายมือและวาดภาพนั้นไม่ได้กล่าวถึงเลย
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เนี่ยนเนี่ยนไม่มีความประทับใจในตัวเขาเลย แต่ในชีวิตของเขา ไม่เคยลืมแม้แต่เงาของนางเลย
สาวน้อยคนนี้ตราตรึงอยู่ในใจเขามาเนิ่นนาน
เมื่อไป๋หลิวอี้นึกถึงเรื่องนี้ สายตาของเขาก็อ่อนโยนลง
เขาเก็บตัวหมากล้อมทั้งหมดลงแล้ว เมื่อเห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนยังคงยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็จ้องมองนางโดยไม่รู้ตัว
รอยยิ้มที่มุมปากของเขากว้างขึ้น ยังคงมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองยิ่งนัก
“เจ้าเป็นสาวใช้ ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเล่นกู่ฉินเป็น”
เนี่ยนเนี่ยนอยากจะให้เขาดื่มยาพิษจริง ๆ แต่ถ้านางปฏิเสธ เขาก็จะบอกว่าจะสอนนางอีกไม่ใช่หรือ? เหตุใดคนผู้นี้ถึงคิดไปในทางที่ผิดตลอด?
นางพูดด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน “เล่นเป็นนิดหน่อย แค่ดีดเป็นนิดหน่อยเจ้าค่ะ”
“บังเอิญว่าข้ามีกู่ฉินอยู่ตรงนั้น ช่วยเล่นเพลงให้ข้าฟังที”
“…” เนี่ยนเนี่ยนกำหมัด ตอนนี้นางอยากจะคว้ากระเป๋าของตัวเองมาเปิดเอาขวดสีแดงที่หนึ่งสองสามสี่ห้าหกเจ็ดข้างในออกมา แล้วให้เขาได้ลิ้มรสมันทีละขวดเหลือเกิน
“ทำไม เจ้าไม่เต็มใจหรือ?” ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้วมองนาง
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกแค้นแทบตาย แต่เห็นเขาเช่นนี้ นางก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า… เขาหล่อเหลายิ่งนัก
เหลวไหล…
เนี่ยนเนี่ยนพูดต่อไปด้วยรอยยิ้มแห้งว่า “ข้าสามารถดีดแบบพื้นฐานได้เท่านั้น ไม่สามารถเล่นเป็นเพลงได้เจ้าค่ะ”
“ก็ตามนั้น ถ้าเล่นเป็นเพลงไม่ได้ ก็ดีดแบบพื้นฐานที่เจ้าถนัดเอา”
“…” เนี่ยนเนี่ยนอยากจะหัวเราะเยาะ หากมีความสามารถนักก็เล่นเป็นเพลงให้ข้าฟังสิ เจ้าบ้า อยากจะฆ่าเขาจริง ๆ
ไป๋หลิวอี้หัวเราะ ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปใกล้นาง ก็มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้น
ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้ว แล้วพูดเสียงดังว่า “เข้ามา”
เมื่อประตูเปิดออกและเนี่ยนเนี่ยนเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นเด็กหนุ่มที่ไม่คุ้นหน้า กล่าวกับไป๋หลิวอี้อย่างนอบน้อมว่า “คุณชายใหญ่ ถึงเวลาแล้วขอรับ”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หลิวอี้ร้ายกาจ รู้อยู่แล้วก็ยังไล่ต้อนเนี่ยนเนี่ยน
ถึงเวลาอะไรเหรอ?
ไหหม่า(海馬)