ตอนพิเศษ 137 กฎข้อแรกของสาวใช้
ตอนพิเศษ 137 กฎข้อแรกของสาวใช้
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา เสียงของลู่อวี่ก็ดังขึ้น “เจ้ารู้จักเคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่ของข้าได้อย่างไร?”
แม้ว่าจะผ่านไปเพียงชั่วพริบตา แต่ลู่อวี่ก็คุ้นเคยกับฝีเท้าของตระกูลเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าจะแสดงท่วงท่าเช่นไร เขาก็รู้ทัน
“เจ้าเรียนรู้มันมาจากที่ใด?” สายตาของลู่อวี่จริงจังกว่าเดิม
การเรียนรู้และฝึกฝนเคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากไม่มีคนคอยชี้แนะให้เข้าใจในระดับหนึ่ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียนรู้มัน
แต่ร่ำลือกันว่าฝีเท้าตระกูลลู่นั้นยากเกินกว่าจะถ่ายทอดให้กับคนนอกได้ เท่าที่เขารู้ ครั้งสุดท้ายที่ถ่ายทอดให้คนนอกก็คือตอนที่ปู่ของเขาสอนจอมยุทธ์อัจฉริยะที่มีนามว่าอวี้ฉิงหนานด้วยตัวเอง ตอนนั้นเด็กคนนั้นอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลลู่ระยะหนึ่ง และได้เป็นมิตรกับเขาอยู่พักหนึ่ง
มันเป็นเวลาหลายปีผ่านไปแล้ว เขาจำไม่ได้อีกต่อไปว่าอวี้ฉิงหนานหน้าตาเป็นอย่างไร เขารู้แค่ว่าคนผู้นั้นเย่อหยิ่งและฉลาดมาก ปู่ของเขาจึงชอบเขามาก แม้แต่ตอนนี้ก็ยังชอบพูดถึงเขาเป็นครั้งคราว
ได้ยินมาว่าเขาเป็นซื่อจื่อของอุปราชแห่งอาณาจักรเฟิงชาง ซึ่งมีสถานะพิเศษและมีชื่อเสียงในสี่อาณาจักร
หญิงคนนี้รู้เคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่ เป็นไปได้หรือไม่ว่า… อาจจะเกี่ยวข้องกับชายคนนั้น?
เนี่ยนเนี่ยนย่อมไม่บอกเขาว่าหนานหนานเป็นพี่ชายของนาง นับประสาอะไรกับยอมรับว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ไม่เช่นนั้นหากนางพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ในไม่ช้าเขาก็จะรู้จักตัวตนของนาง
ความสัมพันธ์ระหว่างลู่อวี่กับไป๋หลิวอี้นั้นดีมาก จะต้องไปบอกเขาแน่นอน
อืม บอกไม่ได้
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดอย่างหมดหนทางว่า “ในเมื่อตอนนี้เจ้าเห็นมันแล้ว ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องบอกให้เจ้าช่วยเก็บมันไว้ คนที่สอนฝีเท้าตระกูลลู่ให้ข้าคือท่านน้าลู่ ลู่หลานอวิ๋น”
“ท่านน้าหลานอวิ๋นหรือ?”
“อืม” เนี่ยนเนี่ยนคนนี้ไม่ได้โกหก ในช่วงหลายปีมานี้ ลู่หลานอวิ๋นเคยไปอาณาจักรเฟิงชางหลายครั้ง เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเริ่มเรียนวิทยายุทธเป็นครั้งแรก ลู่หลานอวิ๋นบังเอิญอยู่ในอาณาจักรเฟิงชางพอดี นางเป็นหญิง จึงสามารถถ่ายทอดวิทยายุทธให้กับหญิงด้วยกันได้สะดวกกว่า
แม้ว่าหนานหนานจะต้องการสอนเนี่ยนเนี่ยนเอง แต่สุดท้ายแล้ว ฝีเท้าตระกูลลู่ก็เหมาะจะให้คนตระกูลลู่สอนมากกว่า
หลังจากที่ลู่หลานอวิ๋นสอนพื้นฐานให้แล้ว หนานหนานก็จะช่วยแนะนำนางในภายหลัง
แต่สำหรับคนนอก โดยเฉพาะกับลู่อวี่ เนี่ยนเนี่ยนยังคงยกความดีความชอบให้ลู่หลานอวิ๋นอย่างใจกว้าง
ลู่อวี่ขมวดคิ้ว เหตุใดเขาไม่เคยได้ยินว่าท่านน้าหลานอวิ๋นยอมรับใครเป็นศิษย์?
“เจ้ามีหลักฐานอะไรหรือไม่?”
เนี่ยนเนี่ยนยกยิ้ม ก่อนจะหยิบจี้หยกเล็ก ๆ ออกมาจากคอ แล้วหลุบตาลง มันเล็กมากจริง ๆ ขณะที่ห้อยมันไว้ที่คอ นางยังไม่สามารถรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของมันเลย
แต่นี่คือของขวัญที่ลู่หลานอวิ๋นมอบให้นาง เมื่อนางมาอาณาจักรเทียนอวี่ครั้งนี้ นางย่อมนำของขวัญทั้งหมดจากคนอาณาจักรเทียนอวี่มาด้วย
นางมีคนรู้จักทุกที่ที่นางไปใช่หรือไม่?
ลู่อวี่ย่อมจำจี้หยกเล็ก ๆ นี้ได้ ตอนที่เขายังเด็ก เขาเคยขอจากน้าของเขาอันหนึ่ง แต่ตอนนั้นลู่หลานอวิ๋นบอกเขาว่ามันเป็นของที่เด็กหญิงใส่ จึงไม่ได้ให้เขา
แต่เขาไม่คาดคิดว่าจี้หยกเล็ก ๆ นี้ จะปรากฏบนตัวหญิงตรงหน้าเขาในตอนนี้ “เจ้า…”
“ท่านน้าลู่มอบให้ข้า ตอนนี้เจ้าต้องเชื่อแล้ว” เนี่ยนเนี่ยนเก็บจี้หยกกลับเข้าไปในเสื้อของนาง แล้วพ่นลมหายใจใส่เขาอย่างเย็นชา
“ข้า…” หากน้าของเขามอบจี้หยกอันล้ำค่าให้ใครบางคน ก็แสดงว่าต้องรักและเอาใจหญิงตรงหน้ามากเป็นแน่
คนที่น้าของเขาไว้ใจ ไม่น่าจะทำอะไรหลิวอี้
“แล้วเจ้ามาทำอะไรในจวนซูกั๋วกง?”
เนี่ยนเนี่ยนหัวเราะเยาะ “เรื่องนี้เหตุใดเจ้าไม่กลับไปถามท่านน้าลู่เองล่ะ?”
ใบหน้าของลู่อวี่แข็งทื่อเล็กน้อย ตอนนี้น้าของเขาไปแต่งงานที่อาณาจักรหลิวอวิ๋นแล้ว หากเขาต้องการถามก็คงจะสายเกินไปแล้ว
ว่าแต่…
“ท่านน้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรในจวนซูกั๋วกง?”
“อืม รู้สิ” นางไม่ได้โกหก ท่านน้าลู่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของนางกับตระกูลไป๋ และนางก็ต้องรู้ด้วยว่านางจะไม่ทำอะไรคนตระกูลไป๋
ลู่อวี่เม้มปาก ก้มหน้าลงครุ่นคิดเงียบ ๆ ชั่วขณะหนึ่ง
เนี่ยนเนี่ยนรอให้เขาคิดให้เสร็จ
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ยินเสียงลู่อวี่ถอนหายใจเบา ๆ “ยาแก้พิษ”
“หา เจ้าจะไม่บอกคุณชายใหญ่ตระกูลไป๋หรือ?”
“…อืม” ลู่อวี่พยักหน้า แต่หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็พูดเสริมว่า “แต่ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าตั้งใจทำร้ายเขา ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก หากเจ้าจะไม่ปล่อยข้าไป ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีความสามารถพอหรือไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างเถิด ข้าขอตัวก่อน”
“ยาแก้พิษ” ลู่อวี่ขมวดคิ้วและไปยืนขวางหน้านาง
เนี่ยนเนี่ยนยกยิ้ม “โอ้ นั่นไม่ใช่ยาพิษ ไม่ต้องห่วง ข้าแค่ทำให้เจ้ากลัว”
หลังจากที่นางพูดจบ นางก็เปิดประตูก้าวออกไป
“เจ้า…” ลู่อวี่กัดฟันยืนอยู่ในห้องครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ถอนหายใจ ส่ายหน้าหัวเราะ แล้วเดินออกไป
เมื่อไปถึงห้องหลัก ก็เห็นว่าเนี่ยนเนี่ยนนั่งอยู่บนขอบเตียงของไป๋หลิวอี้แล้ว และกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขา
เมื่อเห็นเขาเข้ามา ไป๋หลิวอี้ก็หรี่ตาเล็กน้อย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาหลู่บอกว่าเจ้าเดินเร็วและมาที่นี่ก่อน เหตุใดอาหลู่มาตั้งนานแล้ว แต่เจ้าถึงเพิ่งเข้ามาตอนนี้ เจ้าหายไปไหนมา?”
“… อะแฮ่ม ทำธุระส่วนตัวน่ะ” ลู่อวี่กระแอมเบา ๆ แล้วพูดอย่างเคอะเขิน
เนี่ยนเนี่ยนก้มหน้าลง มุมปากของนางกระตุกเงียบ ๆ
ไป๋หลิวอี้ยังส่งเสียง ‘อ๋อ’ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ดูเย็นชาขึ้นกว่าเดิมมาก
เขามองลู่อวี่ ก่อนจะเบนสายตามาจับจ้องหัวของเนี่ยนเนี่ยนอีกครั้ง แล้วพูดอย่างเป็นกันเองว่า “เจ้าเองก็เพิ่งเข้ามาเหมือนกัน แล้วพวกเจ้าสองคนก็เข้ามากันทีละคน”
ลู่อวี่ขมวดคิ้ว เหตุใดเขาถึงพูดแปลก ๆ?
ท่าทางของเนี่ยนเนี่ยนยังคงเหมือนเดิม นางผูกผ้าพันแผลและพูดว่า “ข้าเพิ่งมาที่สวนจิ่นเฟิง จึงตื่นนอนยาก และเมื่อเช้านี้ข้าก็นอนตื่นสายเกินไป คุณชายใหญ่โปรดอย่าตำหนิข้าเลย”
ลู่อวี่ลอบลูบหน้าผากตัวเอง แน่นอนว่านางเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่จริง ๆ ตอนนี้นางเป็นสาวใช้ ไม่เพียงแต่นอนตื่นสายเท่านั้น แต่แม้แต่การใช้คำพูดของนางก็ไม่ถูกต้องด้วย
ไป๋หลิวอี้ยังคงมองเนี่ยนเนี่ยนด้วยสายตาอ่อนโยน เขายกยิ้มและพูดว่า “มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้ารู้ว่าเมื่อวานนี้เจ้าก็เหนื่อยเช่นกัน ข้าจึงบอกติงเซียงไว้ว่าอย่ารบกวนเจ้าในวันนี้”
เนี่ยนเนี่ยนตกตะลึง “ท่านอธิบายให้แล้วหรือ?”
“อืม”
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึก…มีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
ลู่อวี่รู้สึกหวาดกลัว ไม่สิ มีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าไป๋หลิวอี้จะดูอ่อนโยน แต่เขารู้จักเขามาหลายปีแล้ว จึงพอจะเข้าใจนิสัยของเขาอยู่บ้าง
นิสัยของเขาไม่เป็นมิตรแน่นอน แถมยังเข้มงวดในการจัดการลูกน้องมาก แต่… เขาใจดีกับหญิงคนนี้เหลือเกิน ไม่เป็นอะไรหากเขาจะไม่ลงโทษที่นางทำผิด แต่เขายัง… สั่งห้ามไม่ให้คนอื่นรบกวนการนอนหลับของนางงั้นหรือ?
สีหน้าของลู่อวี่เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า และมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมาในใจ
หลังจากที่ไป๋หลิวอี้คุยกับเนี่ยนเนี่ยนเสร็จ เขาก็มองไปที่ลู่อวี่อีกครั้ง ใบหน้าของเขากลับมาเฉยเมยตามเดิม “เหตุใดเจ้าจึงมาหาข้า?”
“… ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บ ข้าจึงมาเยี่ยมที่นี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าพรุ่งนี้คือวันสอบไป่กวนแล้ว แล้วสภาพตอนนี้ของเจ้า…” ลู่อวี่พูดพลางมองไปที่เนี่ยนเนี่ยน ราวกับว่าต้องการให้นางออกไปก่อน เพื่อเลี่ยงความสงสัย
ตั้งแต่เนี่ยนเนี่ยนตื่นมาก็ยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย ท้องของนางว่างเปล่าจนรู้สึกอึดอัดมาก แม้ว่านางจะอยากฟังสิ่งที่ทั้งสองพูดจริง ๆ แต่ในที่สุดนางก็จำได้ว่าสถานะปัจจุบันของนางคือสาวใช้
โม่เพียวกล่าวว่า กฎข้อแรกของสาวใช้คือการสังเกตสายตาเจ้านาย
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นับว่ายังมีไหวพริบอยู่บ้าง เห็นเคล็ดวิชาฝีเท้าตระกูลลู่ก็น่าจะรู้ว่าเกี่ยวข้องกับหนานหนานแล้ว
ไหหม่า(海馬)