ตอนพิเศษ 138 อยากรู้อยากเห็นมาก
ตอนพิเศษ 138 อยากรู้อยากเห็นมาก
สายตาของลู่อวี่บอกนางชัดเจนว่ารีบออกไปเร็วเข้า เจ้านายมีเรื่องต้องหารือกัน
เนี่ยนเนี่ยนจึงรีบเก็บข้าวของแล้วจากไป
เมื่อนางเดินผ่านด้านข้างของลู่อวี่ นางก็ส่งสายตาเตือนลู่อวี่
ลู่อวี่เม้มปาก เขาย่อมทำตามที่เขาสัญญาไว้ และจะไม่กลับคำ
ดีมาก เนี่ยนเนี่ยนสงบลงขณะเดินออกจากห้อง
ใบหน้าของไป๋หลิวอี้กลายเป็นมืดมนทันที เมื่อลู่อวี่หันมา หัวใจของเขาก็เต้นแรงขึ้น และอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่?”
ไป๋หลิวอี้หัวเราะอีกครั้ง แต่สายตาของเขากลับเย็นชา น้ำเสียงก็เนิบช้าและราบเรียบ
ลู่อวี่พลันรู้สึกว่าตอนนี้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี และสาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะเขาเอง
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา เขาก็ได้ยินเสียงเย็นชาของไป๋หลิวอี้ “เจ้ากับสาวใช้ของข้า ดูเหมือนจะสนิทสนมกันเสียจริงนะ?”
สีหน้าของลู่อวี่แข็งค้าง เขาพูดด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ ว่า “ไม่ได้สนิท ข้าแค่คิดว่านางแตกต่างจากสาวใช้ทั่วไป ตรงที่ดูค่อนข้างผ่อนคลายดีเท่านั้น”
แน่นอนว่าความจริงก็ค่อนข้างสนิทสนมกันอยู่ ถือว่าพวกเขาทั้งสองเคยติดต่อกัน และสัมผัสที่ข้อมือก็ดูเหมือนจะยังอุ่นอยู่
“อา…”
“เจ้าดูแปลกไปหน่อย”
“มีอะไรแปลกหรือ?” ไป๋หลิวอี้หลับตาลง ค่อย ๆ สงบสติอารมณ์
เขาไม่ชอบให้เนี่ยนเนี่ยนติดต่อกับชายคนอื่นมากเกินไป ทั้งสองคนสบตากัน สื่อความหมายและความเข้าใจกันผ่านทางสายตา ทำให้เขาอยากจะจับลู่อวี่โยนออกไปเสียเดี๋ยวนี้
ตำหนักอ๋องซิวกับตระกูลลู่… ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
ไป๋หลิวอี้ยังรู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่ต่อไปจะระมัดระวังขึ้น ลู่อวี่นิสัยดี รูปร่างหน้าตาดี วรยุทธ์ก็แข็งแกร่ง ทำให้เขาน่ากลัวเกินไป และเมื่อหัวใจของเนี่ยนเนี่ยนยังไม่ใช่ของเขา มันจึงอันตรายเกินไป
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ก็สั่งให้ใครสักคนมาบอกข้าก็ได้ หากเจ้ามีเรื่องจะปรึกษา ก็ไปที่ภัตตาคารเฟิงหวา มีสาวใช้ในเรือนมากเกินไป นับว่าไม่สะดวกเท่าใดนัก”
ลู่อวี่รู้สึกกลัวกว่าเดิม ไป๋หลิวอี้แค่ได้รับบาดเจ็บ เหตุใดความคิดของเขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้?
เขาขมวดคิ้วและถามอย่างไม่แน่ใจว่า “เจ้า… เจ้ากำลังระแวงข้าหรือ?”
“ดูออกด้วยหรือ?” ไป๋หลิวอี้มองเขาด้วยรอยยิ้มอ่อน ในที่สุดสีหน้าของเขาก็กลับมาเป็นปกติ และท่าทางก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
จากนั้นลู่อวี่ก็รู้สึกโล่งใจ แต่วินาทีต่อมา เมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็อารมณ์ไม่ดีทันที
“ข้าทำอะไรให้เจ้าต้องระแวง? ข้าไม่เคยทำอะไรกับสาวใช้ในเรือนของเจ้าเลย วันนี้… เจ้า ไป๋หลิวอี้เจ้าไม่ได้คิดอะไรกับสาวใช้คนเมื่อครู่นี้ใช่หรือไม่?”
ไป๋หลิวอี้ลูบหว่างคิ้วตัวเอง ดูเหมือนว่าเขาจะแสดงออกชัดเจนเกินไป
ไม่เป็นอะไร พูดให้ชัดเจนไปเลย ลู่อวี่จะได้ไม่ต้องคิดมาก เพราะแม่สาวน้อยคนนั้นไม่ธรรมดา
“อืม ข้าไม่ปล่อยนางไป”
“เจ้าบ้าหรือเปล่า? ท่านลุงไม่อนุญาตให้เจ้าแต่งงานกับสาวใช้…” เขาชะงักไปชั่วคราว เพราะจู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่านางไม่ใช่สาวใช้ธรรมดา และตัวตนของนางก็คู่ควรกับไป๋หลิวอี้ด้วย
ลู่อวี่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก “เจ้า สาวใช้คนนั้นไม่ธรรมดา นาง… เจ้าต้องระวังนางให้ดี”
ลู่อวี่รู้สึกว่าตนค่อนข้างไร้ยางอาย และยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ “หลิวอี้ เรื่องนี้สำคัญมาก เจ้าต้องคิดให้ชัดเจน การแต่งงานของเจ้าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัดสินใจเอง ไม่ว่าเจ้าจะแต่งงานกับใคร ถึงตอนนั้นก็ต้องได้รับการยินยอมจากซูกั๋วกงก่อน”
ลู่อวี่ไม่รู้เรื่องการหมั้นของเขากับเนี่ยนเนี่ยน เพราะตอนนั้นเขายังเด็ก และผู้ใหญ่ก็ไม่เคยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเป็นทางการ มันจึงเหมือนการหยอกกันแบบเด็กๆ เท่านั้น
ถ้าไป๋หลิวอี้ไม่ส่งจดหมายขอแต่งงานอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ก็เกรงว่าจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้
ไป๋หลิวอี้หรี่ตาจ้องมองลู่อวี่ แล้วหัวเราะ “ข้าจึงต้องการสอบไป่กวนในวันพรุ่งนี้ให้ผ่าน ถึงตอนนั้นข้าจะได้จัดการได้เอง”
ลู่อวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงนึกถึงจุดประสงค์ของการมาเยือนครั้งนี้
เขาส่ายหน้าขจัดความคิดยุ่งเหยิงทั้งหมดออกไป จากนั้นสีหน้าของเขาก็จริงจัง “การสอบไป่กวนไม่ใช่เรื่องเล็ก หลิวอี้ ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บอยู่ การสอบพรุ่งนี้จะอันตรายมาก”
“ข้ารู้แล้ว” เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางเลือกอีก
“มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?” ลู่อวี่รู้ว่าเมื่อเขาอยากผ่านการสอบไป่กวน เขาจะไม่ถอยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ในฐานะสหายของไป๋หลิวอี้ เขาน่าจะสามารถช่วยได้บ้าง
“รอฟังข่าวอย่างเดียว”
“แค่นั้นหรือ?”
“ใช่”
“หลิวอี้ ข้ามียารักษาแผลอยู่นี่ มันได้ผลดีมาก เจ้าเอากลับไปให้หมอเว่ยดู และใช้ตามใจเจ้าได้เลย” เมื่อเห็นท่าทางที่แน่วแน่ของเขา ลู่อวี่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหยิบถุงยาสองสามถุงออกมาจากแขนเสื้อ แล้ววางไว้ตรงหน้าเขา
ไป๋หลิวอี้ก็รู้สึกตื้นตันใจ ลู่อวี่เป็นสหายกับเขามาหลายปี ตราบใดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนี่ยนเนี่ยน เขาจะสนิทสนมกับลู่อวี่เสมอ
เขายกยิ้มและหยิบยาทั้งหมดคืนให้ “ไม่จำเป็นหรอก ข้ามียาอยู่แล้ว อีกทั้งอาการบาดเจ็บของข้าก็ไม่ได้ร้ายแรง ไม่เป็นอุปสรรคหรอก”
ลู่อวี่ขมวดคิ้ว “แต่ว่า…”
ไป๋หลิวอี้เลิกคิ้วขึ้นเช่นกัน ลู่อวี่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องจำยอม จึงนำยากลับไป
“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องสอบไป่กวน คนที่เข้าร่วมการสอบครั้งล่าสุดกระอักเลือด และเสียชีวิตกลางห้องโถงใหญ่เลย อยากรู้นักว่าคำถามเหล่านั้นยากและเคร่งเครียดเพียงใด ด้วยความสามารถของเจ้า หากเจ้าต้องการเป็นขุนนางและออกจากจวนซูกั๋วกง เจ้าสามารถเลือกใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่าได้แน่นอน ฮ่องเต้ชื่นชมเจ้ามากอยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเจ้าถ้าจะสอบขุนนาง ใช้เวลามากสุดก็ห้าหรือหกปี น้อยที่สุดก็สองสามปี แล้วเจ้าก็จะได้ครองตำแหน่งสูงที่เจ้าต้องการแน่นอน เหตุใดต้องไปเสี่ยงด้วย?”
ครั้งแรกที่ลู่อวี่ได้ยินว่าเขากำลังจะไปสอบไป่กวน เขาก็ตกใจมาก เขาคิดว่าไป๋หลิวอี้บ้าไปแล้ว เขากำลังรนหาที่ตายอยู่หรือเปล่า? แม้ว่าเขาจะมีความสามารถจริง ๆ แต่ก็ไม่ควรประมาทและไม่จำเป็นต้องเสี่ยงถึงเพียงนั้น
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด
เขามีเหตุผลและความคิดเป็นของตัวเอง และเขาไม่สามารถบอกเหตุผลเหล่านี้ให้ลู่อวี่ฟังได้ แต่เขาต้องไปสอบไป่กวน
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ลู่อวี่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดมากกว่านี้ เขาจึงนั่งพักสักครู่ จากนั้นก็เห็นไป๋หลิวเจวี๋ยเดินใกล้เข้ามา
ลู่อวี่ไม่เคยชอบไป๋หลิวเจวี๋ยเลย เมื่อรู้ว่าครั้งนี้ไป๋หลิวอี้ได้รับบาดเจ็บเพราะเขา ลู่อวี่ก็ยิ่งเกลียดเขามากกว่าเดิม
ไป๋หลิวเจวี๋ยเคารพเขาไม่น้อย และเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ลู่
ลู่อวี่เงียบ ก่อนจะรีบบอกลาและจากไป
เมื่อเขามาไปแล้วก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบ ๆ จวน เมื่อเขาไม่เห็นใครบางคน สายตาของเขาก็ฉายแววผิดหวัง แต่ก็ยังเดินจากไป
เนี่ยนเนี่ยนกินอาหารเช้าเสร็จ และรู้ว่าสองพี่น้องไป๋หลิวอี้และไป๋หลิวเจวี๋ยกำลังคุยกันอยู่ คงไม่ต้องการให้นางรับใช้ นางจึงแอบเดินไปรอบ ๆ จวน
ที่แรกที่จะไปก็คือ… ห้องตำราของไป๋หลิวอี้
นี่เป็นสถานที่ลึกลับ… ห้องตำราที่ติงเซียงบอกว่านางไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ ทำได้เพียงรออยู่ข้างนอกเท่านั้น
เนี่ยนเนี่ยนอยากรู้อยากเห็นเรื่องห้องตำรานี้มากตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอ ดูท่าเนี่ยนเนี่ยนจะไม่ได้มีคนมาชอบแค่คนเดียวเสียแล้วสิ
ไหหม่า(海馬)