ตอนพิเศษ 149 ใครอยู่ข้างนอก
ตอนพิเศษ 149 ใครอยู่ข้างนอก
เนี่ยนเนี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง วางชามลง แล้วเอื้อมมือไปหยิบของที่อยู่ก้นชามขึ้นมา
เป็นแถบกระดาษจดหมายยาวแผ่นหนึ่งฝังอยู่ใต้ข้าว
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก เกือบสำรอกอาหารที่เพิ่งกินเข้าไปออกมา
ใบหน้าของนางมืดมน สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลี่จดหมายออก มีตัวหนังสือเขียนอยู่บนนั้น แต่มันดูแปลกตามาก…เหมือนจะไม่ใช่ภาษาของอาณาจักรเทียนอวี่
นางหันหน้าไปมองไป๋หลิวอี้ที่นอนหลับตาอยู่บนเตียง แล้วพูดเสียงเบาว่า “ท่านเข้าใจสิ่งนี้หรือไม่?”
“อืม?” ไป๋หลิวอี้ลืมตาขึ้นมองนางด้วยความแปลกใจ
เนี่ยนเนี่ยนวิ่งไปข้างเตียงทันที แล้วคลี่จดหมายให้เขาอ่าน
ไป๋หลิวอี้ขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าในจดหมายไม่น่าจะมีข่าวดี “บอกว่าอะไรเจ้าคะ?”
“ลู่อวี่บอกว่าอู่หยวนโหวรู้เรื่องอาการบาดเจ็บของข้าแล้ว และเขาน่าจะมีแผนจัดการข้าที่กำลังบาดเจ็บขณะสอบตอนกลางคืน ดังนั้นข้าต้องระวังตัว” ส่วนจะจัดการเช่นไรนั้น ข้อความนั้นระบุไว้สั้น ๆ แต่เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเนี่ยนเนี่ยน
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากแน่น “อู่หยวนโหวหรือ? เป็นศัตรูทางการเมืองกับจวนซูกั๋วกงหรือไม่?”
“ศัตรูคู่อาฆาต” ความคับแค้นใจส่วนตัวน่ากลัวกว่าการเป็นศัตรูทางการเมือง
เนี่ยนเนี่ยนหยิบจดหมายกลับมาอ่านด้วยตัวเอง แล้วก็แน่ใจว่านางไม่เข้าใจจริง ๆ “จดหมายบอกว่าเขากำลังจะทำอะไร?”
“ไม่ได้บอก” ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม ก่อนจะดึงจดหมายกลับคืนไป แล้วหันไปเปิดฝาครอบเชิงเทียน และโยนจดหมายเข้าไปข้างในเพื่อเผาให้เป็นเถ้าถ่าน
ความจริงแล้ววิธีการของอู่หยวนโหวนั้นง่ายมาก แต่เป็นวิธีที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย
เนี่ยนเนี่ยนเม้มปากแน่นขึ้น ยังมีเวลาอีกทั้งคืน บาดแผลของไป๋หลิวอี้เปิดอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะกินยาแล้ว แต่ก็คงไม่อาจทนการโจมตีโดยเจตนาได้
ไป๋หลิวอี้ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เขาเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่ลู่อวี่บอกในจดหมายแล้ว จึงไม่กระวนกระวายใจมากนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือต้องพักผ่อนให้มากขึ้น และรักษากำลังใจเอาไว้ให้ดี
เมื่อเนี่ยนเนี่ยนเห็นเขาหลับไปอีกครั้ง ก็ดึงผ้าห่มด้านข้างมาห่มให้เขา
ไป๋หลิวอี้มองนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยากนอนด้วยหรือไม่?”
“ตอนที่ท่านไปสอบ ข้าหลับไปตลอดบ่ายแล้ว ตอนนี้ข้านอนไม่หลับ รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาก”
“อืม” ไป๋หลิวอี้พยักหน้าแล้วหลับตาลง
เนี่ยนเนี่ยนนั่งบนเก้าอี้ รู้สึกกังวลเล็กน้อย นางไม่ค่อยสนใจโลกมาโดยตลอด และคิดว่ามีเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำให้นางรำคาญใจได้ เรื่องที่น่ารำคาญที่สุดก็คือตอนที่ไป๋หลิวอี้ส่งจดหมายขอแต่งงาน และนางต้องการพยายามถอนหมั้นกับเขาอย่างเต็มที่
ตอนนี้นางกลับคิดหาวิธีช่วยไป๋หลิวอี้ให้ผ่านพ้นความยากลำบาก
นางมองไปที่ไป๋หลิวอี้ แม้ว่าจะมีคนวางแผนต่อต้านเขา เขาก็จะยังคงยึดมั่น
แต่ใครจะรู้ว่า อู่หยวนโหวอาจเอาความคิดบ้า ๆ บอ ๆ มาตั้งคำถามเขา? ถ้าเขาทนไม่ไหวล่ะ?
ยิ่งเนี่ยนเนี่ยนคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม ในที่สุดนางก็ทนไม่ได้อีกต่อไป จึงออกจากประตูไปเงียบ ๆ
ขณะเดินไปตามทางเดิน นางก็หยิบแผนที่ออกมาจากแขนเสื้อ มันเป็นแผนที่แสดงแผนผังวังหลวงของอาณาจักรเทียนอวี่ พี่ใหญ่มอบสิ่งนี้ให้นางก่อนที่เขาจะจากไป และพี่ใหญ่ก็เป็นคนวาดด้วย แม้ว่ามันจะดูง่ายมาก แต่ก็…ค่อนข้างเรียบง่ายเกินไป
แต่อย่างน้อยนางก็เข้าใจ ตำหนักที่พวกนางอยู่ในตอนนี้คือตำหนักจวี้หลี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าวังหลวง และที่พักชั่วคราวของขุนนางเหล่านั้นก็ไม่น่าอยู่ไกลจากโถงใหญ่ นอกจากโถงตงจี๋และโถงเฟิงเล่อแล้ว ยังมีโถงอู๋เลี่ยงด้วย
อู่หยวนโหวอาจอยู่ในโถงทั้งสามนี้ เนี่ยนเนี่ยนเม้มปาก เดินได้ไม่กี่สิบก้าวก็มายืนอยู่ใต้เฉลียง ทันใดนั้นก็พูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “เป่ยเป่ย เจ้าคอยคุ้มกันไป๋หลิวอี้ด้วย” หลังจากพูดจบนางก็ขยับเท้ามุ่งหน้าไปยังโถงตงจี๋ก่อน
เย่ฉิงเป่ยออกมาจากความมืด มุมปากของเขากระตุก ช่างรู้จักสั่งคนจริง ๆ
เนี่ยนเนี่ยนเคลื่อนไหวเร็วมาก ใช้เวลาไม่นานในการวิ่งไปที่ประตูโถงตงจี๋
มีองครักษ์สองคนอยู่หน้าประตู เนี่ยนเนี่ยนเหลือบไปเห็นพอดี ภายในพริบตานางก็ผ่านพวกเขาเข้าประตูไปได้
เมื่อเดินลงมาตามทางเดิน พลันได้ยินเสียงมาจากข้างใน
“คุณชายสกุลไป๋ผู้นั้นมีความรู้และมีไหวพริบดีจริง ๆ”
“ใช่แล้ว ซูกั๋วกง เจ้าโชคดีเพียงใดที่มีลูกชายเช่นนี้”
“ใช่ ใช่ คุณชายไป๋เป็นคนมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง”
มุมปากของเนี่ยนเนี่ยนกระตุก เสียงส่วนใหญ่ที่ลอยเข้าหูล้วนเป็นคำชม ที่นี่น่าจะเป็นสถานที่พักผ่อนสำหรับขุนนางทุกคน
นางเจาะรูที่กระดาษหน้าต่างอย่างระมัดระวัง แล้วกวาดสายตามองเข้าไปข้างใน และพบว่ามีคนจำนวนมากยืนอยู่ในห้อง แต่ในหมู่พวกเขา ใครคืออู่หยวนโหวกันแน่?
ผู้คนมากมายยากที่จะระบุ
เนี่ยนเนี่ยนแอบถอนหายใจและสังเกตอยู่พักหนึ่ง
นางพบว่าคนส่วนใหญ่ที่นี่แสดงความยินดีกับซูกั๋วกง และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเชื่อมั่นในตัวไป๋หลิวอี้ ไม่มีใครแสดงน้ำเสียงและท่าทางไม่พอใจหรือดูถูกเหยียดหยาม
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว หากเป็นไปตามที่ไป๋หลิวอี้บอก เนื่องจากเป็นการบาดหมางกันส่วนตัว เขาคงไม่ยิ้มแย้มต่อหน้าซูกั๋วกงแน่นอน
คิดดูแล้วอู่หยวนโหวน่าจะไม่ได้อยู่ในหมู่คนเหล่านี้
เมื่อคิดได้นางก็ถอยออกมาเงียบ ๆ
หลังจากออกจากโถงตงจี๋แล้ว เมื่อพบสถานที่เงียบสงบแห่งหนึ่งนางก็คลี่แผนที่ในมือออก หลังจากดูอยู่พักใหญ่ นางก็อยากจะบ่นเรื่องฝีมือการวาดของพี่ใหญ่มาก
ไม่ว่าอย่างไรก็ควรวาดมันให้ละเอียดกว่านี้ ใครจะเข้าใจเส้นที่ขีดไว้ไม่กี่บรรทัดได้
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ นางคงขอให้เป่ยเป่ยวาดอีกฉบับให้ตัวเอง
เนี่ยนเนี่ยนคำนวณระยะทางและตำแหน่งคร่าว ๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังโถงเฟิงเล่ออย่างรวดเร็ว
โถงเฟิงเล่ออยู่ไม่ไกลจากโถงตงจี๋ เพียงครู่เดียวนางก็มายืนอยู่หน้าประตูแล้ว
เมื่อเทียบกับโถงตงจี๋ บรรยากาศของโถงเฟิงเล่อนั้นเคร่งขรึมกว่ามากอย่างเห็นได้ชัด เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว แล้วเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากกว่าเดิม
ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่หน้าประตูโถงเฟิงเล่อ แต่นั่นยิ่งทำให้นางรู้สึกตึงเครียดและรวบรวมสมาธิอย่างเต็มที่
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าทักษะของคนในโถงเฟิงเล่อนั้นไม่เลว กล่าวได้ว่าเป็นระดับปรมาจารย์
ได้ยินมาว่าอู่หยวนโหวเป็นขุนพล แต่ไม่รู้ว่าวรยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่จากประสบการณ์ของนาง วรยุทธ์ของขุนพลไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แค่แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการนำทัพดีก็พอแล้ว
เนี่ยนเนี่ยนถอนหายใจ แล้วย่องเข้าไปในโถงเฟิงเล่อเงียบ ๆ
โถงเฟิงเล่อเงียบมากราวกับว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย แต่เนี่ยนเนี่ยนรู้ว่ามีคนอย่างน้อยสี่คนอยู่ข้างใน
เดี๋ยวนะ สี่คน… สี่คน… สี่คน… สี่คน…
ทันใดนั้นร่างของคนสี่คนนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวของเนี่ยนเนี่ยน นางรีบหันกลับทันทีและจากไปโดยไม่ลังเล การเคลื่อนไหวนั้นรวดเร็วมาก
แต่คนไม่กี่คนที่อยู่ข้างในนั้นไม่ใช่คนธรรมดา การเคลื่อนไหวของนางทำให้คนที่อยู่ข้างในตื่นตระหนก
ไม่นานก็มีเสียงดังมาจากข้างในว่า “ใครอยู่ข้างนอก?”
หลังจากนั้น ประตูหลายบานก็เปิดออกเกือบจะพร้อมกัน แล้วร่างที่หนึ่ง สอง สามและสี่ก็กระโจนออกมาจากข้างในมายืนอยู่กลางลานทันที สายตาของพวกเขาคมกริบดุจคมมีด
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สี่คนนี้เป็นลูกน้องท่านโหวผู้นั้นหรือเปล่าคะ เนี่ยนเนี่ยนหนีให้พ้นน้า
ไหหม่า(海馬)