ตอนพิเศษ 162 ลงมือก่อนได้เปรียบ
ตอนพิเศษ 162 ลงมือก่อนได้เปรียบ
“ท่านแม่เจ้าขา ลูกสะใภ้สั่งสอนลูกชายไม่ดีเจ้าค่ะ”
สิ้นเสียงนั้น สตรีในชุดสีฟ้าอ่อนก็รีบมายืนข้างฮูหยินเฒ่าไป๋ นางถือผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือ และคอยเช็ดน้ำตาจากหางตา ดูน่าเวทนา
เนี่ยนเนี่ยนหยุดนวด แล้วเอียงคอชำเลืองมองคนผู้นั้น
มีสถานะสูงส่ง เรียกฮูหยินเฒ่าไป๋ว่าท่านแม่ และแทนตัวเองว่าลูกสะใภ้ นอกจากภรรยาของท่านอารองไป๋แล้ว ก็มีเพียงฮูหยินของจวนซูกั๋วกงเท่านั้น
เมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตา และเครื่องแต่งกายของนางแล้ว นางน่าจะเป็นหลิ่วซื่อผู้เป็นฮูหยินของซูกั๋วกง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่หลิ่วซื่อทำกับไป๋หลิวอี้ไว้ในอดีต และทรมานเขาจนเกือบตาย นางก็รู้สึกไม่พอใจมาก และต้องการล้างแค้นให้ไป๋หลิวอี้ทันที
หญิงคนนี้เหมือนกับหลิ่วยางยาง เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกลและชั่วร้าย
ทันทีที่ฮูหยินเฒ่าไป๋กำลังจะพูดเรื่องสำคัญ นางก็ถูกหลิ่วซื่อเข้ามาขัดจังหวะ ทำให้นางจึงรู้สึกโกรธมากในใจชั่วครู่ น้ำเสียงของนางเย็นชา “เจ้ากำลังทำอะไร? เหตุใดต้องร้องไห้ด้วย?”
หลิ่วซื่อผงะไปครู่หนึ่ง นางสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของฮูหยินเฒ่าไป๋ ก่อนจะทำเป็นร้องไห้ต่ออย่างไม่มีทางเลือก
เป็นไปได้หรือไม่ว่าฮูหยินเฒ่าไป๋จะรู้เรื่องนั้นแล้ว?
ถ้าเป็นเช่นนั้น สถานการณ์ก็ค่อนข้างแย่
แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว นางถอยไม่ได้แล้ว
หลิ่วซื่อเช็ดน้ำตา แล้วพูดอย่างเวทนาว่า “ท่านแม่ ลูกสะใภ้มาขอโทษเพราะทำความผิดร้ายแรงเจ้าค่ะ”
“ขอโทษหรือ?” ฮูหยินเฒ่าไป๋ขมวดคิ้วด้วยสีหน้างุนงง “ความผิดร้ายแรงอะไร?”
หลิ่วซื่อตกตะลึงไปครู่หนึ่งอีกครั้ง แสดงว่าฮูหยินเฒ่าไป๋ยังไม่รู้หรือ? เช่นนั้นก็ดีแล้ว ลงมือก่อนได้เปรียบ ชิงพูดทุกอย่างที่จำเป็นต้องพูด
นางรีบหันหน้าไปตะโกนบอกคนที่อยู่นอกประตูว่า “เจ้าเด็กบ้า เหตุใดยังไม่เข้ามาอีก?”
หลังจากที่นางพูดจบ ไป๋หลิวเจวี๋ยที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงก็เดินเข้ามา ดูประหม่าเล็กน้อย
ฮูหยินเฒ่าไป๋รู้สึกกังวลเมื่อเห็นเช่นนั้น นางรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ยาว แล้วเดินไปข้างไป๋หลิวเจวี๋ย “เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?” นางจับคางไป๋หลิวเจวี๋ยยกขึ้น แล้วพบว่ามีรอยตบสีแดงเข้มบนใบหน้าของเขา นางจึงโกรธทันที “ใครเป็นคนตบ? ใครกันที่กล้าลงมือกับซื่อจื่อแห่งจวนซูกั๋วกง?”
ไป๋หลิวเจวี๋ยเม้มปาก จากนั้นก้มหน้าลงและนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำ
เมื่อการสอบไป่กวนเสร็จสิ้นลงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังความจริงที่ว่าไป๋หลิวอี้ได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เรื่องนี้จะแพร่ออกไป ก็ยิ่งทำให้เขาได้รับการชื่นชม เพราะคนบาดเจ็บสามารถเดินออกจากวังได้สำเร็จ หลังจากสอบมาทั้งวันทั้งคืน ย่อมแสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้มีความมุ่งมั่น และพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งเพียงใด
เมื่อหลิ่วซื่อทราบข่าว นางก็ยังคงเย้ยหยัน แต่ไม่คาดคิดว่าไป๋หลิวเจวี๋ยจะบอกนางว่าไป๋หลิวอี้ทำเพื่อช่วยเขา
ในเวลานั้นหัวใจของนางเต้นไม่เป็นจังหวะ ตอนนี้ไป๋หลิวอี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากฮ่องเต้ออกราชโองการ เขาจะกลายเป็นที่รักของคนทั้งจวนซูกั๋วกงในไม่ช้า และจะกลายเป็นเสาหลักของตระกูลไป๋ ในเวลานั้น ถ้าฮูหยินเฒ่าไป๋รู้เรื่องวงในเกี่ยวกับการบาดเจ็บของเขา ก็เกรงว่าจะยิ่งไม่ชอบนางกับลูกชายมากกว่าเดิม
ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องวางตัวให้ดี นางจึงตบหน้าไป๋หลิวเจวี๋ย แล้วลากเขามาเพื่อเอาใจฮูหยินเฒ่าไป๋
แต่ลูกชายของนางขัดขืนนางมาโดยตลอด แม้ว่าเขาจะมาหาฮูหยินเฒ่าไป๋ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ
หลิ่วซื่อเห็นดังนั้นก็เจ็บใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ นางจึงได้แต่เดินไปหาเขา แล้วร้องไห้อีกครั้ง “ท่านแม่ คือว่า… ลูกสะใภ้ตบเองเจ้าค่ะ”
“เจ้าตบเขาเพื่ออะไร? เจ้า เจ้านี่ช่าง… หลิวเจวี๋ยโตขนาดนี้แล้ว เขาเป็นซื่อจื่อด้วย เจ้าจะตบเขาแรงถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เจ้าจะให้เขามองหน้าคนรับใช้ได้อย่างไร? เจ้าเป็นแม่เขาไม่ใช่หรือ? เจ้าเริ่มเลอะเทอะมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”
เมื่อรู้ว่าไป๋หลิวเจวี๋ยไม่ได้ถูกคนอื่นรังแกแน่นอน ฮูหยินเฒ่าไป๋ก็รู้สึกโล่งอก
หลิ่วซื่อไม่ค่อยพอใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ยังคงปิดตาด้วยผ้าเช็ดหน้าและร้องไห้ต่อ “ลูกสะใภ้ไม่ได้อยากจะตบเขาเจ้าค่ะ มันทำให้หัวใจลูกสะใภ้เจ็บปวด แต่ แต่คราวนี้เขาทำผิดมากเกินไปจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“เขาทำอะไรลงไป?” หลิ่วซื่อมักจะพูดเกินจริงเสมอ ซึ่งฮูหยินเฒ่าไป๋ชินแล้ว นางจึงไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก
คาดไม่ถึงว่าคำพูดถัดไปของหลิ่วซื่อจะทำให้นางตกใจมาก
“เจ้าเด็กบ้านี่ ทำให้หลิวอี้… หลิวอี้ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเขาเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเฒ่าไป๋รู้ว่าไป๋หลิวอี้บาดเจ็บ แต่นางยังไม่รู้รายละเอียด นางจึงอดไม่ได้ที่จะมองไป๋หลิวเจวี๋ยด้วยความประหลาดใจ เหตุใดเขาถึงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้? เกี่ยวข้องอย่างไร?
หลิ่วซื่อเริ่มร้องไห้อีกครั้ง นางสะอึกสะอื้นและพูดว่า “เจ้าเด็กบ้านี่ ปกติออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกก็ไม่เป็นอะไร แต่ว่า แต่ว่าเขารู้ว่าอีกไม่นานหลิวอี้กำลังจะสอบไป่กวน และรู้ว่าพวกคนที่เป็นคู่แข่งจวนซูกั๋วกงของเรา ย่อมไม่ปล่อยหลิวอี้ไปง่าย ๆ แน่นอน หลิวอี้เลือกเตรียมตัวอยู่ในจวน เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายเหล่านั้น และไม่ออกไปนอกประตูจวน เพื่อเป็นเป้าหมายของคนอื่น แต่เมื่อคนเหล่านั้นหาหลิวอี้ไม่พบ จึงมุ่งเป้าไปที่หลิวเจวี๋ยแทน คาดไม่ถึงว่าหลิวอี้จะปรากฏตัวกะทันหัน คนเหล่านั้นรับรู้ถึงความผูกพันระหว่างสองพี่น้อง จึงเข้าโจมตีหลิวเจวี๋ยเพื่อให้หลิวอี้รู้สึกผิดไปตลอดชีวิต จิตใจของคนเหล่านั้นช่างเลวร้ายจริง ๆ ส่วนเจ้าเด็กบ้านี่ก็ได้แต่ยืนอึ้ง ปล่อยให้พี่ชายมาขวางเจ้าไว้ได้อย่างไร เจ้าเป็นเป้าหมายของคนพวกนั้นไม่ใช่หรือ?”
เนี่ยนเนี่ยนนึกเย้ยหยันเมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าหลิ่วซื่อจะสะอื้นขณะพูด แต่ความหมายที่นางจะสื่อนั้นชัดเจนมาก
ดูเผิน ๆ จะเหมือนนางกล่าวโทษไป๋หลิวเจวี๋ยว่าสร้างปัญหา แต่นางแอบกล่าวหาไป๋หลิวอี้ว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ต้นตอของทุกอย่างคือเขา และไป๋หลิวเจวี๋ยคือเหยื่อ
ฮูหยินเฒ่าไป๋จะไม่เข้าใจได้อย่างไร? แต่ทั้งคู่เป็นหลานชายของนาง นางย่อมมีความสุขที่ได้เห็นสองพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน
นางคงไม่พูดว่า นางหวังว่าไป๋หลิวเจวี๋ยจะได้รับบาดเจ็บในตอนนั้นใช่หรือไม่? ไม่ว่าใครเจ็บนางก็ทนไม่ได้
นางมองไปที่ไป๋หลิวเจวี๋ยที่นิ่งเงียบ จากนั้นมองหลิ่วซื่อที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก
สมองที่เพิ่งรู้สึกดีขึ้นเริ่มปวดอีกครั้ง ฮูหยินเฒ่าไป๋ขมวดคิ้วถามไป๋หลิวเจวี๋ยว่า “พ่อของเจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“ท่านพ่อรู้แล้วขอรับ ท่านพ่อลงโทษหลานให้สำนึกผิดอยู่ในเรือนของตัวเอง และบอกว่าจะรอจนกว่าการสอบไป่กวนของพี่ใหญ่จะสิ้นสุดลง แล้วค่อยลงโทษ เรื่องนี้เป็นความผิดของหลานจริง ๆ ขอรับ หากมีเรื่องเกิดระหว่างที่พี่ใหญ่สอบไป่กวน หลานจะเป็นคนที่มีความผิดมากที่สุด หลานจึงไม่บ่นที่ท่านพ่อตัดสินใจเช่นนั้นขอรับ”
เมื่อหลิ่วซื่อได้ยินดังนั้น นางก็แอบบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น ยังจะลงโทษอีกหรือ? หลิวเจวี๋ยเป็นเหยื่อ เข้าใจหรือไม่? ช่วงนี้นายท่านเริ่มผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฮูหยินเฒ่าไป๋ไม่ได้เอ่ยคำใด นางไม่มีความคิดเห็นใด ๆ กับวิธีสั่งสอนลูกของซูกั๋วกง เช่นเดียวกับตอนที่หลิ่วซื่อทรมานไป๋หลิวอี้ในตอนนั้น แม้ว่านางจะรู้สึกทุกข์ใจ แต่นางก็ไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เพราะในเวลานั้น ซูกั๋วกง… กำลังเฝ้าดูอยู่ด้วยสายตาเย็นชา
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หลิ่วซื่อนี่แปลกๆ นะ เธอไม่ต้องเล่นใหญ่ขนาดนั้นหรอก คนมีพิรุธมันดูออก
ไหหม่า(海馬)