สัมภาษณ์เหมือนครั้งก่อน แต่ก็ยังสอบถามแขกบางส่วนอยู่บ้าง ตั้งแต่มีการก่อตั้งรีสอร์ตวิลล่า และเปิดถนนในหมู่บ้านก็มีแขกมาพักที่นี่ไม่ขาดสาย
หวางหลิงปลื้มปีติยินดีมาก สอบถามสัมภาษณ์ลูกค้าไปทั่ว ต่างได้รับความคิดเห็นที่เป็นไปในทางที่ดี
“เพื่อนๆและท่านผู้ชมคะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันจงใจจัดขึ้นนะคะ ทั้งหมดนี้เป็นการสุ่มถามจากแขก ถ้าหากคุณรู้สึกว่านี่คือความแปลกใหม่ ที่นี่เหมาะสำหรับการพักผ่อนเพื่อสร้างความรื่นรมย์ ขอเชิญทุกคนเข้ามาลองใช้บริการดูนะคะ ขอรับประกันว่าคุณจะประทับใจไม่มีวันลืมเลยค่ะ……”
หวางหลิงกล่าวปิดท้าย และจบการถ่ายรายการโปรโมตนี้ อย่างเป็นธรรมชาติ เซี่ยหยางได้เตรียมอาหารฟรีไว้ให้เธอแล้ว หวางหลิงกับบรรดาคนทำงานร่วมกันรับประทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญ
การโปรโมตในครั้งนี้ค่อนข้างได้ผล หวางหลิงทานอาหารเสร็จก็กลับไปจัดการฉายออกไปในทันที ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวัน ก็มีขบวนจำนวนคนหลั่งไหลเข้ามา อย่างรวดเร็ว วิลล่ามีผู้เข้าพักเต็มไปหมด
เพื่อจัดการในหลายๆด้าน เซี่ยหยางยังส่งคนไปซื้ออุปกรณ์ตกปลา เพื่อขายให้กับบรรดาแขก แน่นอนอยู่แล้ว ว่ายังมีเรือไม้ลำเล็กๆอีกเล็กน้อย
เซี่ยหยางมีแนวคิดอื่นที่จะพัฒนาเนินเขาที่อยู่ใกล้เคียงให้เป็นจุดชมวิว และสร้างสวนสนุก ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้ เขาเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ ที่นี่จะมีชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น
เงินลงทุนทุกอย่างเมื่อรวมกันแล้ว เงินที่อยู่ในมือก็มีไม่มากแล้ว ต่อไปก็คงต้องรอทุกอย่างได้คืนกลับมา ถ้าหากทุกอย่างราบรื่นดี อีกไม่กี่เดือน เงินที่เข้าบัญชีก็จะมียี่สิบล้าน นี่เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนเซี่ยหยางไม่เคยกล้าคิดมาก่อน
ทุกอย่างเหมือนจะค่อยๆเข้าที่เข้าทาง เซี่ยหยางรับสมัครคนเข้ามาช่วยอีกหลายคน ตนเองจึงเวลาว่างไม่น้อย จึงได้หาเวลาเข้าไปเยี่ยมชมในโลกแผ่นหยก
สองวันมานี้ถึงจะยุ่งมาก แต่เขากลับยังคงนึกถึงเรื่องภายในโลกแผ่นหยก โดยเฉพาะราชาหนูตัวนั้น มันตัวเกือบเท่าลูกวัวแทบจะกลายเป็นปีศาจอยู่แล้ว ถ้าเกิดมันอาละวาดขึ้นมา ทำลายข้าวของในโลกแผ่นหยก คงจะต้องแย่แน่ๆ
หลังจากที่เข้าไปแล้ว เซี่ยหยางก็มุ่งตรงไปยังปากถ้ำ เขามองไปก็เห็นเจ้าฉายกับแมวสองตัว พวกมันเชื่อฟังมาก นั่งรออยู่ที่ปากถ้ำ เหมือนจะไม่ได้จากไปไหน
พอเห็นเจ้านายเดินเข้ามา พวกมันก็ล้อมรอบตัวของเซี่ยหยางอย่างต้อนรับ ไม่เจอกันมาหลายวัน เจ้าพวกนี้ตัวโตขึ้นไม่น้อย พูดๆแล้วข้างในนี้ไม่มีของกินหรือมีอะไรให้เล่นเลย เซี่ยหยางลูบไปที่หัวของเจ้าฉาย แล้วถามมันไปว่า“สองวันนี้พวกนายเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดเลยหรอ?”
เจ้าฉายเข้าใจแล้ว มันพยักหน้า และยังร้องเอ๋งๆสองสามทีเผยให้เห็นถึงความรำคาญใจ ที่หมายความว่าเรื่องนี้มันน่าเบื่อมาก
“หนูตัวนั้นยังไม่ออกมาเหรอ?”เซี่ยหยางถามอีกครั้ง
ครั้งนี้แมวสองตัวนั้นกลับพยักหน้า และยังหันไปกินหญ้าที่อยู่บนพื้น หลังจากนั้นก็ไปดื่มน้ำที่ริมธารใกล้ๆ จากนั้นก็วิ่งกลับมา
เซี่ยหยางถึงกับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก โลกแผ่นหยกเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ แมวเหมียวกินหญ้าก็สามารถอิ่มท้องได้ แถมยังโตขึ้น ช่างเป็นดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ที่มีอยู่จริง
เจ้าฉายเลียแพรบๆ ท่าทางน่าสงสารมาก ดูเหมือนจะบอกให้เขารู้ว่ามันอยากกินเนื้อแล้ว จึงกระโดดไปมาบนพื้นไม่หยุด เหมือนจะบอกว่ามันอยากออกไปแล้ว
“นายคิดถึงเสี่ยวฮัวเมียหมาของนายใช่ไหม?”เซี่ยหยางถาม
เจ้าฉายส่ายหัวไปมา เซี่ยหยางถามอีกครั้ง“หรือนายเปลี่ยนใจไปรักหมาตัวอื่นแล้ว ไปคิดถึงหมาตัวเมียสีขาวที่อยู่ข้างบนหมู่บ้าน?”
เจ้าฉายแววตาลุกวาวเป็นประกาย แล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ยังร้องโฮ่งๆสองครั้งอีกด้วย ท่าทางดูกระวนกระวายมาก ถ้าหากมันสามารถพูดได้ ต้องพูดว่าอยากออกไปแน่ๆ
“อย่ารีบสิ ตอนนี้ฉันกำลังจะจัดการไอ้ราชาหนูตัวนั้น หลังจากนั้นค่อยพานายออกไป”ก่อนหน้านี้เซี่ยหยางได้เตรียมการไว้ก่อนแล้ว เขานำเชือกและเคียวเข้ามาด้วย รวมถึงอุปกรณ์ให้ความสว่าง วันนี้เขาจะต้องจัดการไอ้ราชาหนูตัวนั้นให้ได้
เผื่อว่าราชาหนูตัวนั้นจะขยายพันธุ์ต่อไป ด้านล่างอาจจะมีหนูตัวอื่นก็เป็นได้ ถึงเวลานั้นออกลูกมาเป็นคอก ลำพังพึ่งพาแค่เจ้าฉายกับแมวเหมียวคาดว่าไม่น่าจะใช่คู่ต่อสู้ และตนเองก็ไม่สามารถพาคนอื่นเข้ามาได้ เพราะว่าฉะนั้นเขาจะต้องจัดการมันให้ได้
หลังจากตัดสินใจแล้ว เซี่ยหยางก็เดินไปข้างหน้าของปากทางเข้าถ้ำ เอาไฟฉายขึ้นมาส่องไปด้านใน มันลึกจนไม่อาจเห็นปลายทางได้ จึงอดที่จะระมัดระวังไม่ได้ และไม่รู้ว่าข้างในมันจะลึกแค่ไหน
“พวกนายรออยู่ข้างนอกนะ ฉันจะรีบไปรีบกลับ”เซี่ยหยางพูดไว้หนึ่งประโยค แล้วจากนั้นก็เอาเชือกมัดกับต้นไม้ที่อยู่ตรงปากทางเข้าถ้ำ เตรียมจะโหนตัวลงไป คิดไม่ถึงว่าเจ้าฉายจะเข้ามากัดขากางเกงของเขาไว้
“ปล่อยนะ นายกลัวว่าฉันจะเป็นอันตรายหรอ?ฉันจะระวังอยู่แล้ว”เซี่ยหยางตำหนิ
เจ้าฉายทำท่ากระโดดลงด้านล่าง ชัดเจนมาก มันอยากไปกับเซี่ยหยางด้วย
เซี่ยหยางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ด้านล่างถึงแม้จะอันตราย แต่เจ้าฉายมีประสาทสัมผัสการได้ยินเสียงและการรับรู้ของกลิ่นดีมาก ถ้าพาเขาไปด้วยจะช่วยป้องกันอันตรายได้ในระดับหนึ่ง สำหรับแมวสองตัวนั้นแล้ว ให้รออยู่ด้านนอกนั่นแหละ เนื่องจากไม่รู้ว่าราชาหนูจะโผล่ออกมาจากที่ไหน
“พวกนายสองคน ถ้าด้านนอกมีความเคลื่อนไหว ก็ให้ส่งเสียงเรียกเป็นสัญญาณให้กับฉันนะ เข้าใจไหม?”เซี่ยหยางชี้ไปที่แมวเหมียว
แมวเหมียวทั้งสองตัวรีบพยักหน้า แล้วมองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง เซี่ยหยางวางใจไม่น้อย จึงให้เจ้าฉายเกาะหลังของตนเองไว้ แล้วค่อยโหนเชือกลงไปด้านล่าง
ถ้ำมีความลึกมาก และมันชันมาก อย่างน้อยน่าจะมีหกสิบองศาได้ ด้านในมืดมาก รอบๆมีแต่หินหน้าตาประหลาด ยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ ความหนาวด้านในก็มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เซี่ยหยางอาศัยดวงตาที่มองเห็นได้อย่างดีเยี่ยม ลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถมองเห็นภาพวิวทิวทัศน์ด้านใน เห็นรอยเท้าของราชาหนูได้อย่างชัดเจน ยังมีเสียงน้ำหยดติ่งๆที่หล่นลงมาจากปากถ้ำ มันถูกปกคลุมเต็มไปด้วยตะไคร่ลื่นๆ
มันดูวังเวงมาก เซี่ยหยางกุมเคียวที่อยู่ในมือแน่น หลังจากที่ใช้เวลาลู่ลงไปกว่าหนึ่งนาที ในที่สุดก็ถึงพื้นสักที ด้านในเงียบมากมีเพียงเสียงของน้ำหยด เซี่ยหยางกลั้นหายใจ
ทันใดนั้น เจ้าฉายก็ร้องเสียงดัง มันแยกเขี้ยวและมองไปข้างหน้า ขนของมันตั้งขึ้นมา อีกทั้งสายตายังดุร้าย
เซี่ยหยางผงะไป และใช้สายตาเพ่งเล็งไปด้านหน้า ในสถานที่ที่ห่างจากตัวเองไม่กี่เมตร มีสายตาคู่หนึ่งเป็นประกาย มีร่างใหญ่ที่ซุกซ่อนอยู่ในนั้น ปากของมันเริ่มขยับไปมา หนวดของมันยาวเฟื้อย เห็นได้ชัดว่ามันเป็นหนูตัวนั้นนี่เอง
เขาหยิบไฟฉายออกมาส่อง ก็เห็นสิ่งของบางอย่างกำลังพุ่งกระโจนตัวเข้ามา
เซี่ยหยางไม่ทันระวังตัว เจ้าฉายก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ สกัดกั้นการโจมตีของราชาหนูที่หมายจะเอาชีวิตซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าวจากเซี่ยหยาง
แต่แล้วราชาหนูตัวนั้นแรงมีเยอะมหาศาล เพียงแค่การกระแทกกลับครั้งเดียว มันก็สามารถทำให้เจ้าฉายกระเด็นออกไป ชนเข้ากับกำแพงหินอย่างจัง กลิ้งไปหลายตลบจนร้องสะอึก และไม่สามารถยืนได้อีก
เซี่ยหยางแอบพูดว่ามันอันตรายมาก ถ้าหากไม่ได้เจ้าฉายขวางการโจมตีครั้งนี้ไว้ เกรงว่าคงจะถูกอัดจนเละเป็นหมูบดเป็นแน่ แต่ดูท่าเจ้าฉายคงจะเจ็บมากๆ เซี่ยหยางโกรธมาก ในตอนที่เจ้าราชาหนูจะกระโจนเข้ามา เขาชูเคียวที่อยู่มือขึ้น แล้วใช้แรงสกัดสับลงไปอย่างแรง
การฟันลงไปครั้งนี้เต็มไปด้วยพละกำลัง ต่อกรกับเจ้าหมอนี่ ทำได้เพียงแค่ต้องลงมืออย่างรวดเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้
หลังจากนั้นไหล่ของก็เจ็บมาก มันชาไปทั้งแขน ราชาหนูกระโจนตะครุบลงมา เซี่ยหยางถูกชนจนเซไปมา เขายืนไม่มั่นคง รอตอนที่รู้สึกตัว ถึงได้พบว่าแขนของตัวเองมีเลือดไหลออกมาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาถูกหนูราชาตัวนั้นกัดเข้าให้ รูเขี้ยวมันชัดเจนมาก
และแล้วหนูราชาตัวนั้นก็ส่งเสียงร้องจี๊ดๆ มันยืนด้วยขาทั้งสองข้าง กางโกงเล็บชี้ไปที่เซี่ยหยาง แล้วค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันแสยะยิ้มที่มุมปาก ใช่แล้ว เซี่ยหยางมั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด ไอ้สัตว์เดรัจฉานตัวนี้มันยิ้มแล้ว มันไม่เหมือนกับพวกเจ้าฉาย
ตอนนี้เจ้าฉายกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ที่พื้น มันเจ็บปวดมาก ปากของมันกระอักเลือดออกมา มันอยากจะช่วยเจ้านายของมัน แต่เห็นได้ชัดว่าเหลือบ่ากว่าแรงมันไม่สามารถทำอะไรได้
เซี่ยหยางมองไปที่ราชาหนูมีท่าทีที่ได้ใจมาก เขาโกรธจนกัดฟันกรอด ตัดสินใจสู้กับมันสักตั้ง
เขาฝืนทนกับความเจ็บปวดจับมีดเคียวที่อยู่ในมือไว้แน่น ตัดสินใจจะสู้กับมันเป็นครั้งสุดท้าย
ราชาหนูพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง มันรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้า และยังมีความโกรธเกรี้ยวแฝงอยู่ในนั้นด้วย
เซี่ยหยางหลับตาลง ชูมีดเคียวขึ้นมา และฟาดฟันด้วยเสียคำรามอย่างรุนแรง
เสียงดังสึกๆ มันเป็นเสียงของเนื้อฉีกขาด เซี่ยหยางรู้สึกเพียงว่าตนเองล้มลงไป หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
เซี่ยหยางรีบลุกขึ้นยืน พบว่าเสื้อผ้าบนตัวของตัวเองฉีกขาดไปหมดแล้ว รอยข่วนหลายแห่ง ถ้าหากลึกอีกหน่อย ตนเองจะต้องไส้ทะลักเป็นแน่
และตรงพื้น ราชาหนูตัวนั้นบนตัวเต็มไปด้วยเลือด และกำลังชักกระตุก มันคลานไปมาอยู่หลายครั้งแต่ก็คลานไม่ไหว เหมือนมันกำลังจะตายยังไงอย่างงั้น
ดูเหมือนการสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อสักครู่ มันทำให้เซี่ยหยางเหนือกว่า เพื่อกำจัดราชาหนูตัวนี้ให้หมดสิ้น เซี่ยหยางตัดสินใจจะตัดหัวของมัน
ตอนนี้ ในสายตาของราชาหนูตัวนั้นเผยให้เห็นถึงความน่าสงสาร เหมือนกำลังขอร้องอ้อนวอน น้ำตามันเอ่อล้นออกมา
เซี่ยหยางผงะไปชั่วครู่ ชูเคียวมีดของตัวเองขึ้นมาแล้ววางลงกลับไป จู่ๆเขาก็เกิดใจอ่อนขึ้นมา หนูตัวนี้มันอาจจะใช้ชีวิตไม่ง่ายเลยก็เป็นได้ อีกทั้งสิ่งที่สำคัญที่สุด มันเหมือนจะมาที่นี่ก่อนตัวเองหนึ่งก้าว คาดว่าน่าจะมีพลังจิตมากเลยทีเดียว
ช่างเถอะ วันนี้มันไม่มีอันตรายอะไรแล้ว เซี่ยหยางถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วโบกมือไปมา“นายไปซะเถอะ จากนี้ไปอย่าทำร้ายใครอีกนะ วันนี้ฉันจะไม่ฆ่านายแล้วกัน”
ราชาหนูร้องจี๊ดๆ และคุกเข่าลงกับพื้น มันใช้หัวโขกคำนับเซี่ยหยางไปหลายครั้ง จากนั้นก็จับหางไว้ แล้วค่อยๆคลานไปที่ส่วนที่ลึกที่สุดของถ้ำ และยังคงเดินไปหลายก้าวมองย้อนกลับมาดูเซี่ยหยางหลายครั้ง แล้วจึงได้หายไป
เซี่ยหยางถอนหายใจ เดินเข้าไปดูเจ้าฉายที่บาดเจ็บ เจ้าหมอนี่แข็งแรงและอึดมาก ถึงแม้จะไม่สามารถขยับได้ แต่มันไม่ถึงชีวิต เหมือนขาของมันจะหัก ต้องใช้เวลารักษาระยะหนึ่ง
เขาแบกเจ้าฉายขึ้นหลัง เซี่ยหยางดึงเชือกแล้วปีนป่ายขึ้นไป แมวสองตัวใช้ปากช่วยกันดึงเชือกอย่างเชื่อฟัง เห็นร่างของเซี่ยหยางที่สะบักสะบอม จึงใช้สายตาจ้องไปที่เซี่ยหยางเขม็ง แล้วเข้ามาเลียที่แผลของเขา
ในตอนแรกเซี่ยหยางอยากจะเอาเจ้าฉายไปรักษาด้านนอก แต่ตอนนี้ตัวของมันใหญ่มาก อย่างน้อยๆน่าจะมีน้ำหนักร้อยกิโลได้ ถ้าถูกคนพบเข้าจะแย่ได้ ดีไม่ดีมันอาจจะถูกจับไปทำการวิจัยได้
เขาฉีกผ้าที่อยู่บนตัวออกมา เซี่ยหยางจัดการพันแผลให้กับเจ้าฉาย จากนั้นก็ให้มันดื่มน้ำในริมธาร ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตัดสินใจไปหยิบโสมออกมาหนึ่งต้น ยัดเข้าไปในปากของเจ้าฉาย
“กินซะ แบบนี้มันจะทำให้นายหายเร็วขึ้น”เซี่ยหยางลูบหัวของเจ้าฉาย อย่างปวดใจ
เจ้าฉายซึ้งใจจนร้องเอ๋งๆ อ้าปากกินเข้าไป แมวสองตัวนั้นมองเจ้าฉายอย่างอิจฉา แลบลิ้นแพรบๆ แล้วเดินไปกินใบของต้นโสม
เซี่ยหยางรู้สึกขำมาก จึงพูดไปว่า“พวกนายสองคน อยู่ที่นี่ดูแลเจ้าฉายดีๆนะ หนูตัวนั้นน่าจะไม่ขึ้นมาแล้วล่ะ ถึงมันจะไม่รู้สึกผิด ระยะนี้มันก็ไม่สามารถทำอันตรายพวกนายได้แล้วล่ะ”
แมวเหมียวทั้งสองตัวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วซุกไซ้ไปมาตรงบริเวณขากางเกงของเซี่ยหยางอย่างออดอ้อนน่ารัก มีเสียงเรียกเหมียวๆสบประสาน
เซี่ยหยางเดินไปดื่มน้ำเล็กน้อย ความเจ็บที่มาจากบาดแผลตรงแขนทำให้เขารู้สึกเจ็บแสบมาก เขาใช้สมองครุ่นคิด แล้วรีบนำน้ำมาล้างทำความสะอาดแผล พบว่าอาการเจ็บปวดได้หายไปมาก คิดไม่ถึงว่ามันจะสามารถรักษาแบบนี้ได้ด้วย
เซี่ยหยางประหลาดใจมาก เขาจัดการพันแผลที่แขนเสร็จ ก็ทำการชำระล้างร่างกาย เดินออกไปเปลี่ยนชุดสะอาด พึ่งออกจากประตูมาได้ ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาจากทางฟาร์มสเตย์
เขารู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นเป็นแน่ เซี่ยหยางรีบวิ่งออกไป ชนเข้าเต็มเปากับเอ้อนิ้วที่พุ่งตรงเข้ามาพอดี
“เกิดอะไรขึ้นเอ้อนิ้ว?”เซี่ยหยางรีบพยุงเอ้อนิ้วลุกขึ้น
“แย่แล้ว พี่หยาง ซวยแล้ว พี่รีบไปดูเร็วเข้า เกิดเรื่องใหญ่ที่ฟาร์มสเตย์แล้ว”เอ้อนิ้วร้อนรนมาก เขาร้อนใจจนเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดออกมา
เซี่ยหยางไม่มีเวลาตั้งคำถามแล้ว เขาออกตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว ที่นั่นมีคนล้อมอยู่ไม่น้อย เขาเห็นข้างในร้านอาหาร มีคนสองคนล้มอยู่ตรงพื้น ร่างกายแข็งทื่อ ดูเหมือนกับคนตาย
เซี่ยหยางสะอึกในใจครู่หนึ่ง นี่มันเป็นสถานที่ของตนเองนะ ถ้าหากว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ คงจะเป็นการแย่แน่