สระผืนละแสนห้า? นี่มันเว่อร์เกินไปแล้ว สมกับเป็นเศรษฐีเจ้าถิ่นจริงๆ ……” เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งล่อใจนี้ พวกชาวบ้านมากน้อยก็รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาแล้ว เพราะอย่างไรนี่ก็เป็นเงินที่หลายปีกว่าจะเก็บได้
เห็นได้ชัดว่าจางฝู้กุ้ยกำลังต่อสู้กับเซี่ยหยาง โดยเพิ่มเงินมากขึ้น เพราะคนมีเงินมักจะแสดงอำนาจบาตรใหญ่
“เป็นยังไง ทุกคนยินดีจะให้ใครเช่าสระ” จางฝู้กุ้ยรู้สึกว่าเขามีโอกาสชนะมากกว่า แข่งอาหารเขาไม่ชนะ เขาไม่เชื่อหรอกว่าแข่งเงินจะสู้ไอ้เด็กยากจนที่เพิ่งจะมีฐานะอย่างเซี่ยหยางไม่ได้
“สามแสน ตาแก่พูดแล้ว” เซี่ยหยางไม่รีบไม่ร้อน พ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆ พูดอย่างสบายๆ
พอคำนี้หลุดออกมา พวกชาวบ้านก็ตะลึงพรึงเพริด รู้สึกเกินความคาดหมายโดยสิ้นเชิง
แต่จางฝู้กุ้ยที่กำลังลำพองใจราวกับสำลักอากาศ คิดว่าตนเองฟังผิดไป พูดอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “เท่า เท่าไหร่นะ?”
“ทำไม ไม่สู้ราคาต่อแล้ว? สามแสนรู้สึกมากไปเหรอ?” ในใจเซี่ยหยางรู้ดี ราคานี้ใช่จะพูดกันส่งๆ ได้ เขาเคยคำนวณแล้ว ปลาที่ใช้น้ำของโลกแผ่นหยกเลี้ยงออกมา มันคุ้มกับราคานี้อย่างแน่นอน
จางฝู้กุ้ยกลับสูดลมหายใจด้วยความหนาวเหน็บ ทำราวกับไม่รู้จักเซี่ยหยางอย่างไรอย่างนั้น ผืนละแสนห้าสำหรับเขาก็ถึงขีดจำกัดแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสามแสน เมื่อกี้ก็เป็นการทึ้งหนังหัวพูดออกมาแล้ว คราวนี้จึงรู้สึกร้อนใจขึ้นมาหน่อยแล้ว
“แกโม้สินะ?” ถ้าฉันบอกว่าผืนละล้านล่ะ แกจะมีเงินมากขนาดนั้นเหรอ?” หวังหยุนจู้โต้กลับอย่างรวดเร็ว ราวกับไม่เชื่อโดยสิ้นเชิง
“พูดได้ก็ต้องทำได้ ตอนนี้ก็เซ็นสัญญาได้ ขอเพียงทุกคนยินยอม “เซี่ยหยางทำท่าทางไม่สนใจสักนิด
“เถ้าแก่จาง ทำยังไงดี?” หวังหยุนจู้ก็ร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว เห็นเซี่ยหยางไม่ได้กำลังล้อเล่นโดยสิ้นเชิง อย่างไรทุกคนก็ไม่ใช่คนโง่ ปากเอาพูดปาวๆ ใครก็ทำได้ เซ็นสัญญาต่างหากคือการเห็นของจริง
“นี่ นี่จะเป็นไปได้ยังไง?” จางฝู้กุ้ยเหงื่อท่วมศีรษะ กล่าวขึ้นอย่างร้อนรนว่า “บ้าไปแล้ว เซี่ยหยางแกมันบ้าไปแล้ว แกไปเช่าสระเหล่านั้นเองเถอะ ฉันไม่เล่นตามแกหรอก ถึงเวลาขาดทุนก็ตายสิเจ้าโง่”
“พูดแบบนี้ แกจะถอนตัวแล้ว?” เซี่ยหยางยิ้ม
จางฝู้กุ้ยทำสีหน้าไม่น่าดูก่อนจะกล่าวว่า “ฉันขอถอนตัว ทำให้แกขาดทุนจนไม่มีกางเกงจะใส่ ถึงเวลาอย่ามาร้องไห้ก็แล้วกัน”
“นั่นสิ ไม่เคยเห็นคนโง่อย่างแกมาก่อน ผืนละสามแสน หลายปีก็ถอนทุนคืนไม่ได้หรอก โง่จริง” หวังหยุนจู้เองก็ถากถางขึ้นมาเช่นกัน
เซี่ยหยางคร้านจะสนใจพวกเขา หันหน้าไปกล่าวกับชาวบ้านว่า “หากทุกคนยินยอมล่ะก็ เดี๋ยวไปจัดการตามขั้นตอนกับผม”
พวกชาวบ้านเบิกตากว้าง ยังคงไม่ได้สติขึ้นมา เดินตามไปพร้อมกับเซี่ยหยาง
“คุณไปดูสิ ผมยังไม่เชื่อว่าเซี่ยหยางจะถือเงินขนาดนั้นออกมาได้ เขาเพิ่งจะทำการค้าเมื่อไม่กี่วันก่อน กำลังเล่นลูกไม้อยู่หรือเปล่า?” จางฝู้กุ้ยสงสัยหนัก
หวังหยุนจู้พยักหน้าติดๆ กัน จากนั้นก็ตามไปด้านหลังติดๆ
เวลานี้พวกชาวบ้านกำลังพูดคุยกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกันอยู่ด้านนอกฟาร์มสเตย์ พอเซี่ยหยางเข้าไปก็หยิบกระดาษกับปากกาออกมา มีตัวแทนคนหนึ่งออกมาพูดว่า “เซี่ยหยาง พวกเรายินดีมอบสระน้ำให้คุณใช้ แต่พวกเรารู้ว่าคุณกำลังแข่งกับจางฝู้กุ้ย ที่พูดเมื่อกี้ว่าสามแสนนั่นจะต้องพูดไปตามอารมณ์แน่ ถ้าอย่างนั้นก็เอาอย่างนี้เถอะ พวกเราทุกคนเชื่อคุณ ต่อไปสระน้ำที่ให้คุณเช่า แต่ละปีก็ดูตามต้นทุนก็พอ
เซี่ยหยางเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง กลับกล่าวขึ้นอย่างจริงจังว่า “ที่ผมพูดคือเรื่องจริง พูดจริงทำจริง”
“นี่ไม่มากเกินไปเหรอ เห็นได้ชัดว่าซื้อขายขาดทุน สระน้ำผืนหนึ่งเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ปีต่อมาก็ซื้อด้วยเงินไม่กี่หมื่น แล้วคุณจะกลุ้มใจไปทำไมกัน คนสารเลวอย่างจางฝู้กุ้ยนั้น ปกติก็สมคบคิดกับหวังหยุนจู้ เอาเปรียบพวกเราไม่น้อย คุณเป็นคนจริงใจ ไม่ต้องให้พวกเราขาดทุนก็พอ ถ้าไม่อย่างนั้นก็ยังคงเป็นสามหมื่นก็แล้วกัน?”
พวกชาวบ้านแย่งกันพูดมากพูดเยอะๆ ต่างแสดงท่าทางว่าเข้าใจเซี่ยหยาง สิ่งนี้ทำให้เซี่ยหยางรู้สึกปลื้มใจมาก เพียงแต่ที่เขายืนกรานจะทำเช่นนี้เพราะมีสาเหตุ หนึ่งเป็นเพราะแย่งเอาสระน้ำมา เพื่อขยายกิจการ จากนั้นก็จะเป็นการนำพาพวกชาวบ้านรุ่งเรืองไปด้วยกัน เกิดเป็นมนุษย์ไม่อาจเห็นแก่ตัวเกินไปได้
แม้ทำเช่นนี้จะเสี่ยงอันตรายเล็กน้อย แต่เขาเชื่อในความสามารถของแผ่นหยก ว่าต้องทำได้อย่างแน่นอน
“ตกลงตามนี้เถอะ แต่มีเงื่อนไข ก็คือเหมาสระปลาบ้านใคร ก็ให้บ้านคนนั้นเป็นคนดูแล ผมทำหน้าที่เพาะเลี้ยงก็พอ ส่วนราคาก็เท่านี้แหละ หากทุกคนยินยอมก็มาเซ็นสัญญา” เซี่ยหยางพูดอย่างเด็ดขาด
พวกชาวบ้านต่างตกตะลึงกันหมด เพราะเหลือเชื่อเกินไป สุดท้ายก็หารือกันครั้งหนึ่ง อันที่จริงรู้สึกว่าผิดอย่างมาก ถึงกับต่อราคากับเซี่ยหยาง ความหมายคือรู้สึกว่าเงินมากเกินไป
เซี่ยหยางชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด สุดท้ายชาวบ้านก็ต้องจำใจเอาราคาสามแสนถึงจะยอมตกลงเซ็นสัญญา เงินเช่านี้ครึ่งปีจ่ายครึ่งหนึ่ง สิ้นปีค่อยจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง
เอ้อนิ้วที่อยู่ด้านข้างมองเซี่ยหยางด้วยใบหน้าเลื่อมใส ก่อนจะกล่าวว่า “พี่หยาง ผมเพิ่งเคยเห็นการต่อราคาเช่นนี้เป็นครั้งแรก พี่เป็นไอดอลของผมเลย”
เซี่ยหยางหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ท่าทีของชาวบ้านใหญ่โตเกินไป แต่นี่ก็สามารถยืนยันได้นิดหน่อย พวกเขาคือผู้สนับสนุน มีผู้สนับสนุนก็คือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ
ต่อมา ก็แค่ต้องการหาพันธุ์ปลา จากนั้นก็เปลี่ยนน้ำในสระเป็นน้ำของโลกแผ่นหยก แต่ปลาทั่วไปแม้จะผ่านการเลี้ยงดูจากน้ำของโลกแผ่นหยก หลังทำอาหารออกมารสชาติจะสดใหม่ แต่กำไรก็ไม่ได้มากเป็นพิเศษเช่นกัน หากสามารถหาเจอประเภทที่พิเศษหน่อย ค่อยผ่านการเลี้ยงดูจากน้ำของโลกแผ่นหยก ของที่ออกมากำไรจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า ลงทุนเช่นนี้ก็คุ้มค่าเช่นกัน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เซี่ยหยางคิดจะออกไปสักเที่ยว พอถึงในเมืองก็เดินไปเดินมาหาโอกาสทางธุรกิจ
เวลานี้หวังหยุนจู้ก็ยื่นศีรษะออกมาราวกับโจร มองเซี่ยหยางจากไป ก็ค่อยๆ เดินย่องกลับไป เพิ่งเดินออกไป ก็พบว่ามีเงาคนโยกไหวไปมา พอหดศีรษะ ก็พลิกผ่านกำแพงไปอย่างลับๆ ล่อๆ
หวังหยุนจู้หันไปมองอย่างแปลกใจ จู่ๆ เงาคนนั่นก็วิ่งออกมาชนเข้ากับหน้าอกเขา จนเกือบจะเซล้มลงไป
“เอาตาไปไว้ที่ไหนกัน เดินมองไม่เห็นทางหรือไง” หวังหยุนจู้เดือดดาลขึ้นมา บริพาธออกมาชุดหนึ่ง ในฐานะผู้ใหญ่บ้าน เขาเที่ยวใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อื่นมาตลอด
“ผู้ใหญ่บ้าน ผมเองครับ ขอโทษด้วยจริงๆ ไม่เป็นไรนะครับ?” เฉียงจื่อขอโทษกับแผ่นอก รีบนวดๆ ให้ หวังหยุนจู้
พอหวังหยุนจู้จ้องดู ก็ผลักเฉียงจื่อออก กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ไอ้ม้าลายนี่ ตาไปอยู่ที่เป้ากางเกงหรือไง มาทำอะไรลับๆ ล่อๆ อยู่ที่นี่?”
เฉียงจื่อดวงตากลอกไปมา มองซ้ายมองขวา ดีงหวังหยุนจู้ไปหยุดตรงด้านข้างก่อนจะกล่าวว่า “ผู้ใหญ่บ้าน เป้าหมายผมเหมือนกับคุณนั่นแหละ”
“หมายความว่ายังไง” หวังหยุนจู้กลอกตามองบน
“ผมมาคอยจับตาดูไอ้สารเลวเซี่ยหยาง เมื่อกี้ผมเองก็มองเห็นคุณแล้วเช่นกัน” เฉียงจื่อยิ้มแห้งๆ
หวังหยุนจู้ชักสีหน้าพลางกล่าวว่า “นายมองเห็นฉันทำอะไร? หากพูดเหลวไหลฉันจะฉีกปากนายซะ”
“ผู้ใหญ่บ้าน คุณอย่าเข้าใจผิด ตอนนี้ตามหลักแล้วพวกเรานับว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว” เฉียงจื่อพูดอย่างแฝงความหมายลึกซึ้ง
หวังหยุนจู้เข้าใจอย่างรวดเร็ว ถามหยั่งเชิงว่า “ทำไมนายต้องสะกดรอยตามเซี่ยหยางด้วย เขาล่วงเกินนาย?”
“ก็ไม่ใช่หรือครับ ไอ้สารเลวนี่ ถึงกับปฏิเสธผมต่อหน้าคนมากมายขนาดนั้น ที่ดินในหมู่บ้านเขาก็เช่าหมด แต่ไม่เช่าของผม คุณว่ามันน่าโมโหไหม?” เฉียงจื่อกล่าวขึ้นมาด้วยจิตใจที่ไม่สงบ
“แล้วนายคิดจะทำยังไง?” หวังหยุนจู้ถาม
“ในเมื่อพบแล้ว ผมก็จะบอกตามจริง ผมรู้ว่าคุณเองก็เกลียดเซี่ยหยางเช่นกัน ทำไมพวกเราไม่ร่วมมือกันล่ะ จัดการเขาพร้อมกัน?” เฉียงจื่อเสนอความเห็น
หวังหยุนจู้เอียงศีรษะมองเฉียงจื่อ กล่าวขึ้นอย่างสงสัยว่า “นายคิดจะจัดการยังไง?”
“ผมย่อมมีแผนการของตัวเอง ผู้ใหญ่บ้าน วิธีนี้ผมคิดไว้นานแล้ว ทำไมพวกเราไม่ไปหารือกับจางฝู้กุ้ยก่อนล่ะ?” เฉียงจื่อคิ้วโจรตาหนู ใบหน้าเผยแววชั่วร้ายออกมา
“ได้ ฉันอยากจะจัดการเซี่ยหยางมานานแล้ว นายมากับฉัน” หวังหยุนจู้พูดจบก็เดินนำหน้าไป พาเฉียงจื่อมาหยุดที่บ้านของจางฝู้กุ้ย เล่าสถานการณ์เมื่อกี้อีกครั้ง
จางฝู้กุ้ยกัดฟันด้วยความโกรธ ในฐานะเศรษฐีเจ้าถิ่นของหมู่บ้าน ทิศทางลมถูกเซี่ยหยางแย่งไปไม่พูดถึง ยังต้องรับความโกรธอีกไม่น้อย เดิมทีคิดจะแข่งกับเซี่ยหยางต่อไป ใครจะรู้ว่าสระน้ำก็ถูกเซี่ยหยางแย่งไปอีก ตอนนี้จางฝู้กุ้ยจึงมุ่งคิดแต่ว่าจะระบายความโกรธออกมายังไง
คนทั้งสามรีบปิดประตูทันที เริ่มหารือกันว่าจะจัดการกับเซี่ยหยางอย่างไร
เวลานี้เซี่ยหยางย่อมไม่รู้ว่า อันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เขา ขณะนี้เขามาเดินเตร่อยู่ในตัวเมืองอำเภอแล้ว เดินตรงไปยังตลาดซื้อขายการเกษตรแห่งหนึ่งของเมือง ที่นี่คึกคักเป็นพิเศษ พ่อค้าแต่ละคน ก็จะมีพืชผักผลไม้มากมายหลายประเภท แน่นอนว่า ยังมีพันธุ์ปลาแปลกๆ หายากบางส่วนอีกด้วย
“เฮ้ เถ้าแก่ มาดูทางนี้สิ” หญิงอ้วนคนหนึ่งโบกพัดไปมา มองเห็นเซี่ยหยางเดินผ่านมา ก็ร้องทักทายเขา
เซี่ยหยางหยุดเดิน ก็พบว่าตรงหน้าหญิงอ้วนมีอ่างพลาสติกใบใหญ่อยู่ใบหนึ่ง มีเครื่องทำออกซิเจนขนาดเล็กอันหนึ่งกำลังพ่นฟองออกมา ด้านในมีเต่ากับตะพาบน้ำสองสามตัวกำลังคลาน ยื่นหัวออกมาอยู่ตลอด
“เจ้านี่ของคุณราคาเท่าไหร่?” เซี่ยหยางแสร้งทำท่าทางสุขุม เข้าไปเหลือบมองดู ทันใดนั้นก็ผุดความคิดขึ้นมา หากในสระเลี้ยงปลานี่เลี้ยงเจ้าพวกนี้ไว้ ใช้น้ำในโลกแผ่นหยก น่าจะได้ผลดี ยิ่งกว่านั้นราคาของพวกตะพาบน้ำน่าจะไม่ต่ำ กำไรก็น่าจะได้มากกว่าพวกปลาธรรมดา รสชาติเองก็น่าจะสดใหม่เป็นพิเศษ
“นี่เป็นเต่ากับตะพาบน้ำที่เกิดตามธรรมชาติของฉัน ตะพาบกิโลละสองร้อย เต่าก็แพงขึ้นมาหน่อย สำคัญคือคุณต้องการกี่ตัว” หญิงอ้วนมองสำรวจเซี่ยหยาง จากนั้นก็ดึงคอเสื้อ หน้าผากผุดเหงื่อออกมา
“ลดไหม หากจะเหมาหมดนี่” เซี่ยหยางมองดูอย่างละเอียด เกิดตามธรรมชาติจริงๆ ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่บ้าน ลวดลายบนตัวของพวกมันมีความแตกต่างกัน ตอนเด็กอยู่ในหมู่บ้านเคยจับเจ้าพวกนี้มาเล่นบ่อยๆ
“เหมาหมด?” หญิงอ้วนดูจะตกใจอย่างมาก เมื่อกี้แค่เรียกไปตามประสาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะมาซื้อขายใหญ่โต แต่ยังคงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อเซี่ยหยาง เธอเป็นพวกมือเก่าในการทำการค้า เห็นเซี่ยหยางยังอายุน้อย จึงถามอย่างสงสัยว่า “แน่ใจนะว่าจะเหมาหมด?”
“แน่ใจ มีเท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น คุณบอกราคามา” เซี่ยหยางตัดสินใจอย่างแน่วแน่
หญิงอ้วนชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบเครื่องคิดเลขออกมาอย่างรวดเร็ว มองดู ก่อนจะกล่าวว่า “เต่าขายให้คุณกิโลละเจ็ดร้อยแล้วกันว่ายังไง? นี่นับว่าถูกแล้วนะ คุณไปถามทั้งตลาดได้เลย ไม่มีราคานี้อย่างแน่นอน”
“ทำไมไม่เอาแบบนี้ล่ะ ชั่งรวมกัน ราคาตัวละห้าร้อยต่อหนึ่งกิโลกรัม” เซี่ยหยางยื่นมือออกมาแสดงท่าทางประกอบ
“คุณช่างต่อราคาเก่งจริง นี่มันเกิดตามธรรมชาตินะ ไม่ได้กำไรจริงๆ ” หญิงอ้วนดูท่าทางไม่เต็มใจอย่างมาก
“งั้นก็ได้ ผมจะไปดูร้านอื่น” เซี่ยหยางจงใจพูดเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ไม่มีแค่ร้านนี้ร้านเดียว
หญิงอ้วนรีบร้องเรียก “พอแล้ว คุณเอาไปเถอะ ฉันขายขาดทุนให้คุณเลย”
เซี่ยหยางเดาออกนานแล้วว่าเธอจะพูดเช่นนี้ จึงรีบโบกมือแล้วกล่าวว่า “ผมไปดูร้านอื่นดีกว่า ห้าร้อยผมยังรู้สึกว่าแพงอยู่ดี”
พูดจบเซี่ยหยางก็หมุนตัวจะจากไป หญิงอ้วนก็รีบห้ามไว้อย่างร้อนใจ เดินเข้ามาดึงเซี่ยหยางไว้ พลางกล่าวว่า “ได้ๆ ตกลง ถ้าอย่างนั้นลดให้คุณอีกยี่สิบหยวนดีไหม?”
“มากสุดก็กิโลละห้าร้อย หากได้จะรีบเอาไปทันที” เซี่ยหยางต่อราคาต่อ ยังคงยกเท้าต้องการจะจากไป
หญิงอ้วนเสียใจภายหลังจะแย่แล้ว แต่กังวลว่าการค้าจะหลุดมือ จึงจำใจพูดว่า “ได้ๆ ห้าร้อยก็ห้าร้อย คุณต่อเก่งจริงๆ ฉันทำการค้ามาสิบกว่าปี ไม่เคยพบคนอย่างคุณเลย”
ทางหนึ่งพูด อีกทางหนึ่งก็ดึงเซี่ยหยางกลับมา ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไป รีบเรียกคนงานที่อยู่ด้านหลังมาทำการชั่ง
เวลานี้เซี่ยหยางมีแนวคิดใหม่อีกแล้ว ก่อนจะถามว่า “ได้ยินคุณพูดเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าพวกนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น?”
“นี่นับเป็นของอะไรกัน ฉันมีที่เพาะเลี้ยงอยู่ แต่ไม่เหมือนกับที่อื่นหรอกนะ เป็นการเลี้ยงปล่อยโดยเฉพาะ แม้ปริมาณจะน้อย แต่ก็เกิดตามธรรมชาติ” หญิงอ้วนกล่าว จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถามว่า “ทำไมหรือ คุณยังอยากได้มากกว่านี้อีก?”