บทที่ 1026 กระต่ายน้อยสีขาว
บทที่ 1026 กระต่ายน้อยสีขาว
ในตอนนั้น บ้านของกู้เสี่ยวหวานยากจนข้นแค้น มิเช่นนั้นนางคงคิดว่าฉินเย่จือมีเจตนาชั่วร้าย
แต่นอกเหนือจากความยากจนที่ไม่สามารถหลอกได้ นางนึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าชายที่หน้าตาหล่อเหลาและท่าทางดูไม่ธรรมดาผู้นี้ต้องการสิ่งใดจากนาง
สิ่งที่คิดออกคือ ตอนนี้นางทำงานได้มากมาย การลักพาตัวหรือว่าจะลักพาตัวพร้อมทรัพย์สินของผู้นั้นไปด้วย
แรกเริ่มเดิมที นางคิดว่าเขาเป็นเพียงกระต่ายขาวตัวน้อยที่น่าสงสาร แต่คิดไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะกลายเป็นกระต่ายขาวตัวน้อยที่หุ้มด้วยทองคำ สวมเสื้อคลุมสีทอง หมวกสีทอง ถือชามข้าวสีทอง และอาศัยอยู่ในพระราชวังทองคำ
ครั้นคิดถึงความเป็นอยู่อย่างสุขสบายของฉินเย่จือ แต่นับตั้งแต่เขามาอยู่กับนาง ชายหนุ่มจับงานสกปรกทุกชนิด และไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยเลยแม้แต่คำเดียว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ฉินเย่จือไม่ใช่ลูกชายของตระกูลร่ำรวยที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
“ที่นี่ไม่ดีอย่างไรหรือ? ข้าคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในโลก”
ตราบใดที่มีเจ้าอยู่ แม้แต่ทะเลทรายก็สามารถกลายเป็นแหล่งน้ำชุ่มชื้นที่มีพรรณพืชเขียวชอุ่มได้
กู้เสี่ยวหวานคิดไม่ถึงว่าฉินเย่จือจะพูดจาฉอเลาะขนาดนี้ หากแต่สิ่งที่เขาพูดออกมามันทำให้นางรู้สึกสบายใจ
ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ยามที่เขาปักปิ่นให้นาง จากความช่ำชองของฉินเย่จือ กู้เสี่ยวหวานจึงคิดได้ว่าเขาคงเคยหวีผมให้ผู้หญิงคนอื่นมาหลายครั้งแล้ว
นางไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นในใจ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนน้ำกำลังเดือดปุด ๆ
“พี่เย่จือเคยหวีผมให้หญิงคนอื่นมาก่อนหรือไม่?” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายปฏิเสธว่าไม่ แต่ใครจะเชื่อกันล่ะ ก็ฝีมือของเขาเก่งเสียขนาดนี้
ดูเหมือนว่าบรรยากาศในตอนนี้จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความหึงหวง และฉินเย่จือสามารถรับรู้ถึงสิ่งนั้นได้อย่างชัดเจน
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความปีติยินดี หากแต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย แม้ว่าอยากจะเห็นเด็กสาวแสดงท่าทางอิจฉาออกมา แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้นางเสียใจอย่างแน่นอน
“เจ้าถามอาโม่ได้ ช่วงนี้ผมของเขาหลุดออกมาเป็นกำ และมันคงจะมาจากฝีมือของข้า”
ฉินเย่จือพยายามฝึกฝนให้ชำนาญมานับครั้งไม่ถ้วนบนศีรษะของอาโม่ และตอนนี้เขาก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเสียแล้ว
ครั้นอาโม่เดินเข้ามาและบังเอิญได้ยินคำพูดของฉินเย่จือ สีหน้าของเขาก็ฉายชัดถึงความไม่พอใจ
นายท่าน ได้โปรดอย่าใช้ข้าเป็นตัวทดลองแทนแม่นางกู้อีกเลยนะ
ไม่เพียงแค่ถอนผมเท่านั้น อีกฝ่ายแทบจะดึงทึ้งหนังหัวของเขาด้วยซ้ำ คุณหนู… ผมท่านไม่ร่วงแม้แต่เส้นเดียว ท่านคงรู้สึกขอบคุณข้า แต่ข้า…
อาโม่เดินจากไปอย่างเศร้าสร้อย เขาได้ยินเสียงหัวเราะที่ไร้หัวใจของนายท่านและกู้เสี่ยวหวาน พร้อมทั้งไว้อาลัยกับเส้นผมที่จากไป
หลังจากวันนี้ ชื่อเสียงในเมืองของกู้เสี่ยวหวานเลื่องลือออกไปไกล ในวันรุ่งขึ้น แน่นอนว่าผู้คนจากเมืองรุ่ยเสียนก็มาแสดงความยินดีกับกู้เสี่ยวหวาน
นางคือเสี้ยนจู่อันดับห้า มองดูแล้วทั้งเมืองหลิวเจียและรุ่ยเสียนก็ไม่มีผู้ใดมีตำแหน่งใหญ่โตเทียบเท่ากู้เสี่ยวหวาน
ยกเว้นอาจารย์ฝาง…
ทั้งฮูหยินและคุณหนูจากเมืองรุ่ยเสียนต่างมาแสดงความยินดีกับกู้เสี่ยวหวาน ทำเอากู้เสี่ยวหวานหัวหมุนอยู่หลายวัน
นางเคยรู้สึกว่าชีวิตตนสงบสุขและเรียบง่าย แต่หลังจากได้รับตำแหน่งจึงตระหนักได้ว่าชีวิตของนางอาจไม่สงบสุขอีกต่อไป
มีผู้คนมาหานางทุกวัน ไม่ว่าจะมาเยี่ยมชมหรือแสดงความยินดี สวนกู้ซึ่งเคยเงียบสงบ แต่ช่วงนี้มีแต่ผู้คนหลั่งไหลเข้ามา ทำให้ภายในสวนกู้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ผู้คนส่วนใหญ่มาจากเมืองรุ่ยเสียน
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ชอบที่จะพูดคุยและเข้าสังคมกับคนอื่น ๆ แต่ตอนนี้นางมีตำแหน่งสูงส่ง จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องพบเจอผู้คน และเรื่องราวต่าง ๆ ได้
แต่ความบันเทิงประจำวันทำให้กู้เสี่ยวหวานรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย แต่มันก็กินพลังงานของนางอย่างมาก
ฉินเย่จือเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาของนางก็พลันรู้สึกเจ็บปวดหัวในใจ ท้ายที่สุด หลังจากที่พวกเขาทั้งสองทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉินเย่จือคิดว่าจะพากู้เสี่ยวหวานนั่งรถม้าไปรอบ ๆ เมือง
แต่คราวนี้ทำให้กู้เสี่ยวหวานค้นพบความลับที่ยิ่งใหญ่
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเฉาซินเหลียน ดูเหมือนว่านางจะมีเงินมากขึ้นในชั่วข้ามคืน นางสวมใส่เครื่องประดับที่ทำมาจากทองและเงินทุกวัน กู้เสี่ยวหวานเห็นนางเข้า ๆ ออก ๆ ตามร้านอาหาร โรงละคร และโรงน้ำชา เช่นเดียวกับสตรีผู้สูงศักดิ์อยู่หลายครั้ง
และเป็นเพราะนางไม่ต้องการเจออาสะใภ้สามผู้นี้ กู้เสี่ยวหวานจึงหลีกเลี่ยงนางทุกครั้ง
แต่นางแค่สงสัยว่า เฉาซินเหลียนเคยไปที่บ้านของนางเพื่อร้องไห้และขออาหารในช่วงปีใหม่ แล้วจู่ ๆ นางจะมีเงินขึ้นมาได้อย่างไร?
จนกระทั่งวันหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานพบเฉาซินเหลียนโดยบังเอิญในตรอกแห่งหนึ่ง และเห็นเฉาซินเหลียนแอบเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง
ทันทีที่นางเข้าไปก็มีน้ำเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยฟังดูลามกดังขึ้น “เด็กน้อย เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งมาเล่า? เจ้าคงคิดถึงข้าแย่แล้ว” เป็นเสียงของชายคนหนึ่ง ทุกถ้อยคำที่เอ่ยออกมาล้วนหยาบโลน
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ ขนอ่อนทั่วทั้งร่างของนางก็ลุกชัน
จากนั้นก็ได้เสียงน้ำเสียงของเฉาซินเหลียนที่แสร้งทำเป็นอ่อนแอ “คนบ้า ข้ามาที่นี่ทุกวันไม่ได้หรอก ที่บ้านข้ายังมีเด็กอีกสองคนนะ”
จากนั้นดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะบ่นว่าเฉาซินเหลียนสนใจแต่เด็กและไม่สนใจตนเอง ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจมาก
เฉาซินเหลียนจึงรีบปลอบโยน “วันนี้ข้าจะให้ท่านกินจนอิ่ม”
คำพูดอันแสนเย้ายวน ชายผู้นั้นได้ยินแล้วก็ส่งเสียงหัวเราะ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะน่าสะพรึงกลัวของเฉาซินเหลียน
กู้เสี่ยวหวานซึ่งอยู่ในรถม้าที่จอดอยู่ใกล้ประตูบ้านหลังหนึ่ง
ถ้านางไม่เห็นว่าด้วยตาของตนเองว่าคนผู้นั้นคือเฉาซินเหลียน นางคงคิดว่าเป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังพูดคุยกัน
ทว่าเสียงของชายแปลกหน้าคนนั้นฟังดูแล้วเหมือนเขาอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น และนั่นก็ไม่ใช่เสียงของกู้ฉวนโซ่ว
หรือว่าเฉาซินเหลียนกำลังมีชู้?
กู้เสี่ยวหวานไม่กล้าด่วนสรุป นี่เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของผู้หญิง หากเรื่องที่เฉาซินเหลียนมีชู้เป็นเรื่องจริง นางคงถูกรุมประชาทัณฑ์
ในสมัยโบราณ หญิงที่สกปรกเช่นนี้ก็เหมือนหนูตามถนน และจะถูกผู้คนรุมประณามและทุบตี
กู้เสี่ยวหวานรออยู่นอกประตู และหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม นางก็ได้ยินเสียงเปิดประตู
สีหน้าของเฉาซินเหลียนบานสะพรั่ง นางเปิดประตูและมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง เมื่อไม่เห็นใคร นางจึงเดินออกไปด้วยความมั่นใจและไม่ลืมที่จะปิดประตู