ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1029 มาฆ่านาง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1029 มาฆ่านาง

บทที่ 1029 มาฆ่านาง

เฉาซินเหลียนไม่คิดว่ากู้ฟางสี่จะรู้เรื่องที่นางลอบมีความสัมพันธ์กับหลี่ซื่อ และกู้เสี่ยวหวานยังเห็นมันด้วยตาของตนเองอีก

หากกู้ฟางสี่เป็นคนเห็นมันด้วยตนเอง นางยังคงพยายามโต้เถียงต่อไปได้ และพยายามเถียงหัวชนฝา

แต่ถ้ากู้เสี่ยวหวานรู้เรื่องนี้แล้วล่ะก็…

คราวนี้เฉาซินเหลียนกลัวมากจนไม่ได้ยินสิ่งที่กู้ฟางสี่พูด ดังนั้นนางจะต้องเอาชนะกู้ฟางสี่ให้ได้

กู้ฟางสี่กลับบ้านมาอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน กู้เสี่ยวหวานแทบจะหลั่งน้ำตาเมื่อเห็นท่าทางอึดอัดและโกรธของท่านอา

แน่นอนว่าหลังจากถามกู้ฟางสี่และได้ยินว่าสองคนมีการปะมือกันขึ้น กู้เสี่ยวหวานรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

สิ่งนี้ยังไม่พบหลักฐานดอกซิ่งแดงออกกำแพง*[1] ของเฉาซินเหลียน แต่ไปหาเฉาซินเหลียนก็ไม่น่าแปลกใจที่นางจะไม่ยอมรับมัน

ยิ่งไปกว่านั้น นี่เป็นเหมือนกับการเตือนเฉาซินเหลียน

แน่นอนว่านับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เฉาซินเหลียนแทบไม่ปรากฏตัวให้ผู้ใดเห็น และนางกับหลี่ซื่อก็แทบไม่ได้มาพบกันอีกเลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นวิธีการใช้เงินเหมือนน้ำของหลี่ซื่อ เมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้หลี่ซื่อยากจนเพียงใด ก็รู้สึกสงสัยว่าหลี่ซื่อโชคดีแค่ไหนที่ได้เงินมากมายขนาดนี้

แม้แต่เฉาซินเหลียนก็ร่ำรวยและมั่งคั่ง

หลี่ซื่อคนนี้ใจกว้างมากพอที่จะให้เงินแก่เฉาซินเหลียน

ต้องรู้ว่าเฉาซินเหลียนแก่กว่าหลี่ซื่อห้าหรือหกปี

แม้ว่าเฉาซินเหลียนจะดูดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว นางถือว่าเป็นหญิงมีอายุและยังมีลูกอีกสองคน ไม่ว่าหลี่ซื่อจะชอบนางมากแค่ไหน เขาก็คงจะไม่ชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและให้กำเนิดลูกอีกแล้ว

กู้เสี่ยวหวานไม่สามารถเดาได้ว่าหลี่ซื่อกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้นางรู้สึกราวกับว่ามีใครบางคนกำลังติดตามนางอยู่เสมอ

ฉินเย่จืออยู่ข้างกายกู้เสี่ยวหวานเสมอ สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้เขาสังเกตเห็นได้อย่างรวดเร็ว และรู้ตัวว่ามีคนกำลังตามพวกเขามา

เดิมทีฉินเย่จือต้องการกำจัดคนผู้นี้ แต่กู้เสี่ยวหวานอยากรู้ว่าคนผู้นี้คือใคร ดังนั้นหลังจากพูดคุยกับฉินเย่จือแล้ว รถม้าก็แล่นตรงกลับไปยังสวนกู้ด้วยความเร็วที่ไม่ช้าและไม่เร็วไป

ระหว่างทาง พวกเขาได้หยุดรถม้าอยู่ในบริเวณที่ร้างผู้คน

บนรถม้ามีคนเพียงแค่สองคนและฉินเย่จือก็เป็นผู้ชาย จึงไม่สะดวกที่จะเข้าไป ดังนั้นเขาจึงอยู่บนรถม้า และบอกนางว่าอย่าเดินไปไหนไกล

เฉาฮุยเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานเดินออกไปไกลและหายตัวไป ในขณะที่ฉินเย่จือยังอยู่ในรถม้า จึงคิดว่าในที่สุดโอกาสก็มาถึง

เขาติดตามกู้เสี่ยวหวานมาหลายวันแล้ว แต่ไม่มีเวลาใดเลยที่กู้เสี่ยวหวานอยู่คนเดียว

ตราบใดที่เห็นกู้เสี่ยวหวาน เขาก็จะสามารถเห็นฉินเย่จือหรืออาโม่ที่คอยอยู่ข้างกายนางไม่ห่าง และไม่เคยเห็นกู้เสี่ยวหวานอยู่ตามลำพัง

นี่เป็นโอกาสที่ดี

เฉาฮุยรอเวลานี้มาหลายวันแล้ว ในที่สุดความอดทนของเขาก็หมด เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานอยู่เพียงลำพัง เขาก็มีความสุขและเดินเข้าไปในป่าทันที

เมื่อเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังชื่นชมดอกไม้ด้วยท่าทีนิ่งสงบ

เฉาฮุยไม่ได้คิดอะไรมาก เขาดึงกริชออกมาและพุ่งตรงเข้าไปหากู้เสี่ยวหวาน

เมื่อเขาเข้าใกล้กู้เสี่ยวหวาน นางก็หันกลับมาและเห็นเฉาฮุย หากแต่นางไม่ได้มีท่าทางตกใจเลย “ใครส่งเจ้ามา”

น้ำเสียงของนางสงบนิ่งราวกับว่าเดาได้ว่าเฉาฮุยจะต้องสะกดรอยตามตัวเองมา

เฉาฮุยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คาดหวังว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่มีอาการหวาดกลัว “พี่สาวของข้าบอกว่า ตราบใดที่ข้าฆ่าเจ้าได้ พี่สาวของข้าจะให้เงินหลายร้อยตำลึงเงินแก่ข้า และในป่านี้เช่นนี้ ตราบใดที่ข้าฆ่าเจ้า แล้วใครจะเห็นได้ว่าข้าเป็นคนลงมือฆ่าเจ้า”

เฉาฮุยยังพูดไม่จบ แต่ยกกริชขึ้นและพุ่งเข้าหากู้เสี่ยวหวานอย่างโหดเหี้ยมโดยไม่พูดอะไรสักคำ

นี่เป็นโอกาสที่ดี หากปล่อยให้นางหลุดมือไปก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อใด

เฉาฮุยต้องการฆ่ากู้เสี่ยวหวาน และต้องการได้เงินหลายร้อยตำลึงเงินโดยเร็วที่สุด แต่เขาไม่เคยคิดว่าในขณะนี้ กู้เสี่ยวหวานจะยืนนิ่งราวกับไม่ได้หวาดกลัวสิ่งใด

เดิมทีเฉาฮุยคิดว่าการการลอบฆ่ากู้เสี่ยวหวานจะสำเร็จอย่างง่ายดาย แต่ฉินเย่จือมาได้อย่างไร?

“พวก… พวกเจ้าโกหกข้า” จากนั้นเฉาฮุยก็ตระหนักว่าตนเองติดกับดักของสองคนนี้เข้าเสียแล้ว กริชในมือของเขากระเด็นหายไปไหนไม่รู้

เขาซวนเซล้มลงกับพื้นอย่างแรง รู้สึกว่ากระดูกทั้งหมดในร่างกายกำลังจะแตกสลาย เจ็บปวดจนทนไม่ได้ นอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น

กู้เสี่ยวหวานและฉินเย่จือเดินมา พลางมองเฉาฮุยที่กำลังหาเรื่องใส่ตัว จากนั้นกู้เสี่ยวหวานจึงถามว่า “เฉาฮุย เฉาซื่อสั่งให้ท่านมาที่นี่หรือ?”

เฉาฮุยจะกล้าพูดได้อย่างไร ถ้าเขาพูดออกไป พวกเขาสองพี่น้องจะต้องแย่แน่ ๆ

กู้เสี่ยวหวานเป็นถึงเสี้ยนจู่ระดับห้า หากมีคนรับรู้เรื่องนี้ ชีวิตของเขาคงจะไม่เหลืออะไร

ทันใดนั้น เฉาฮุยคิดแผนการขึ้นในใจและร้องคร่ำครวญ “เสี้ยนจู่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าจำคนผิดไป ข้าจำคนผิดไป ข้าไม่รู้ว่าเป็นรถม้าของท่าน”

ติดตามมาหลายวันแล้ว จะไม่รู้ว่าเป็นนางได้อย่างไร

“เฉาฮุย ท่านคิดว่าข้าเป็นเด็กสามขวบหรือ?!” กู้เสี่ยวหวานตะคอกอย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจที่จะเอ่ยความจริง จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “พี่เย่จือ ทำไมไม่มัดเขาไว้ล่ะ เขากล้าดีอย่างไรมาลอบทำร้ายเสี้ยนจู่อย่างข้า ใต้เท้าลวี่คงไม่นั่งดูเฉย ๆ แน่ ข้าต้องเรียกร้องของความยุติธรรม ไม่เช่นนั้นเกรงว่าข้าจะต้องตายในภูเขาที่แห้งแล้งนี้ไปแล้ว”

เฉาฮุยลอบสบถในใจ เจ้าจะตายในภูเขาที่แห้งแล้งนี้ได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเจ้าสองคนวางแผนให้ข้ามาติดกับ

ฉินเย่จือกำลังจะมัดเฉาฮุย เมื่อเฉาฮุยเห็นเช่นนั้น ถ้าตนเองจะถูกพาไปยังศาลาว่าการ เกรงว่าถึงตอนนั้นชีวิตของเขาคงจะหาไม่

เฉาฮุยคิดถึงเงินหลายร้อยตำลึงที่อยากได้มาตลอด แต่ไม่เคยคิดว่าตอนนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง เขาต้องตายแน่ ๆ

*[1] หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ไปคบชู้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท