ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1037 ทะเลาะ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1037 ทะเลาะ

บทที่ 1037 ทะเลาะ

เจ้าหน้าที่นำจดหมายที่เหลียงเหยาซื่อนำมาด้วยส่งให้กับลวี่เทา เมื่อเขาได้อ่านมัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปมาก

ในจดหมายเขียนไว้ว่า ในเวลานั้นพ่อเฒ่ากู้และแม่เฒ่ากู้ต้องการมอบที่ดินและบ้านให้กู้ฉวนฟู่ และบ้านอีกครึ่งหนึ่งให้กู้ฉวนโซ่ว แบ่งที่ดินออกเป็นสองส่วน โดยแบ่งให้พวกเขาคนละครึ่ง

สีของกระดาษเปลี่ยนสภาพไปตามอายุ หากแต่ร่องรอยน้ำหมึกที่เขียนทุกตัวอักษรบอกเล่าเรื่องราวในตอนนั้นอย่างชัดเจน

“เฉาซินเหลียน หลักฐานชัดเจนเช่นนี้ เจ้ายังจะแก้ตัวอะไรอีก” ลวี่เทาตะโกน

หากสิ่งที่เขียนไว้ในจดหมายล้วนเป็นความจริง เฉาซินเหลียนจะตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าฆ่ากู้ฉวนฟู่กับภรรยา และยักยอกทรัพย์สินมาเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว

เมื่อเห็นลวี่เทาตั้งคำถามกับตนเอง หากแต่ความคิดของเฉาซินเหลียนนั้นแข็งแกร่ง นางคร่ำครวญและปฏิเสธที่จะยอมรับ “ใต้เท้าลวี่ ใครจะรู้ว่าเหลียงเหยาซื่อเอามันมาจากไหน ถ้านางรู้ว่าข้าฆ่าพี่รองและพี่สะใภ้ เหตุใดนางถึงไม่รีบแจ้งศาลาว่าการล่ะ จนกระทั่งตอนนี้เพิ่งจะมาเรียกร้อง เหลียงเหยาซื่อ เจ้าคงอยากประจบสอพลอเสี่ยวหวานจริง ๆ สินะ เห็นนางเป็นเสี้ยนจู่เข้าหน่อยก็รีบแจ้นมาหาเพื่อประจบนาง หากอยากประจบนางก็ทำให้มันดีหน่อยสิ เจ้าอย่ามาใช้ชีวิตของข้าเพื่อเป็นของขวัญแสดงความยินดี เหลียงเหยาซื่อ ข้ากับเจ้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน แต่ทำไมเจ้าถึงปฏิบัติกับข้าเช่นนี้”

ยามที่เฉาซินเหลียนพูดพร่ำพรรณนา หยาดน้ำตาก็หลั่งรินออกมา เนื่องจาการแสดงอันยิ่งใหญ่ ใบหน้าจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา ใบหน้าหน้าที่แต่งมาอย่างดีในตอนนี้เละเทะไปหมดแล้ว

หากแต่นางยังคงไม่สำนึก นางยังคงรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสาร เสแสร้งทำเป็นอ่อนแอและร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด

นางคิดว่าตนเองสามารถดึงดูดใจผู้คนได้ และไม่คิดว่านางจะกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนขบขัน

“เฉาซื่อผู้นี้น่าจะอายุสามสิบปีแล้ว ดูเสื้อผ้าที่นางสวมใส่สิ เหอะ ๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเสื้อผ้าของหญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน การที่นางนำมันมาสวมใส่มันช่างดูไม่เหมาะสมจริง ๆ”

นอกจากนี้ ยังมีคนโห่ร้องขึ้นอย่างไม่ไว้หน้าเฉาซินเหลียน “เฉาซินเหลียน ดูสารรูปของเจ้าตอนนี้สิ ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย”

ช่างไม่น่าดูเอาเสียจริง ๆ นั่นแหละ เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าถูกชะล้างด้วยคราบน้ำตา เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง

ครั้นเฉาซินเหลียนได้ยินเสียงโห่จากฝูงชน แรกเริ่มเดิมทีก็รู้สึกเอะใจเล็กน้อย คิดว่าผู้คนพูดถึงนางในทางที่ดี แต่หลังจากที่ตั้งสติฟังดี ๆ ในที่สุดนางก็เข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง จึงหยิบผ้าเช็ดผ้าผืนขาวสะอาดขึ้นมาเช็ดใบหน้า เครื่องประทินโฉมบนใบหน้าของนางละลายไปกับคราบน้ำตา ตอนนี้ใบหน้าของนางจะต้องไม่น่าดูอย่างแน่นอน

เฉาซินเหลียนรู้สึกอายจึงรีบเช็ดใบหน้าของตัวเองอย่างรวดเร็ว

พินัยกรรมในมือของเหลียงเหยาซื่อ ไม่รู้ว่าพ่อเฒ่ากู้ได้เขียนเองหรือไม่ มันถึงได้เหมือนกับที่เฉาซินเหลียนพูดไม่มีผิด

เหตุใดเหลียงเหยาซื่อถึงไม่แสดงมันก่อนหน้านี้ การที่นางปรากฏตัวในวันนี้เหมือนกับการประจบสอพลอกู้เสี่ยวหวาน

จดหมายฉบับนี้ค่อนข้างเก่า และคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายก็จากโลกนี้ไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาเผชิญหน้ากันอีก

หลักฐานส่วนบุคคลและหลักฐานทางกายภาพเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อกู้เสี่ยวหวานเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถสร้างหลักฐานได้

ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะบ่งบอกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉาซินเหลียน

แต่อย่างไรก็ตาม เฉาฮุยสารภาพทุกอย่างออกมาหมดแล้ว

ย่อมเป็นไปไม่ได้ว่าเฉาฮุยจะเป็นคนลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว

ในขณะนี้ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังเฉาฮุย

เฉาฮุยถูกกู้หนิงผิงทำร้ายจนนอนหมดสภาพ จึงนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น แต่หลังจากได้ยินเฉาซินเหลียนปฏิเสธว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง ความโกรธ ความกังวลใจ ความกลัว หลากหลายอารมณ์ประดังประเดเข้ามา

หากไม่มีหลักฐานว่าเฉาซินเหลียนเป็นตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้ ตนเองจะต้องรับผิดชอบมันทั้งหมด ทั้งชีวิตของกู้ฉวนฟู่และเถียนซื่อ แล้วไหนจะเรื่องเจตนาฆ่ากู้เสี่ยวหวานในวันนี้อีก แม้ว่าเขาจะมีสักเก้าหัว มันก็ยังไม่เพียงพอให้โดนลงโทษ

เฉาฮุยหวาดผวา เขาไม่สนใจอาการเจ็บปวดที่ถูกกู้หนิงผิงทำร้ายเมื่อครู่ เขาคลานขึ้นไปข้างหน้าและร้องขอความเป็นธรรม “ใต้เท้าลวี่… ใส่ร้าย ใส่ร้าย ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือของข้า เป็นเฉาซินเหลียน เป็นเฉาซินเหลียนที่เป็นคนสั่งให้ข้าทำ”

“เฉาซินเหลียน เจ้าเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้าย ข้าเป็นน้องชายของเจ้านะ เจ้ามองข้าถูกฆ่าตายได้ลงคองั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นความคิดของเจ้า” เฉาฮุยถ่มน้ำลาย อยากจะเข้าไปฉีกกระชากเฉาซินเหลียนออกเป็นชิ้น “ถ้าข้าตาย ท่านพ่อและท่านแม่จะไม่ยกโทษให้เจ้า”

“เฉาฮุย ข้าเป็นพี่สาวของเจ้าก็จริง แต่ข้าไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายเช่นนั้นมาก่อน เจ้ากำลังสาดน้ำสกปรกใส่ข้า สารภาพออกมาเสียเถอะว่าเจ้าฆ่าคน โทษหนักอาจจะกลายเป็นเบา หรือเจ้าจะรอให้ถึงเวลานั้น เจ้าจะให้พ่อแม่ผมขาวไปส่งคนผมดำหรือ?” เฉาซินเหลียนและเฉาฮุยเป็นพี่น้องกันจริง ๆ การแสดงของพวกเขาทั้งน้ำเสียงและอารมณ์ ในสมัยโบราณไม่มีการมอบรางวัลออสการ์ ไม่เช่นนั้นคาดว่าสองพี่น้องคู่นี้คงจะคว้ารางวัลนี้ไปครอบครองเสียแล้ว

กู้เสี่ยวหวานหัวเราะเยาะ

เฉาซินเหลียนไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ไม่เป็นไรหากนางจะไม่ยอมรับ เช่นนั้นเราก็มาเล่นสนุกกันก่อนเถอะ มาคอยดูกันเถอะว่านางจะทนไหวหรือไม่

เมื่อคิดเสร็จก็เห็นใครบางคนมาจากข้างนอก เสียงไร้เดียงสาของเด็กคนหนึ่งก็ดังขึ้น “ท่านอาหลี่ แม่ของข้าอยู่ข้างใน ได้โปรดช่วยแม่ของเราด้วยเถอะ”

ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่ามีคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขาทั้งหมดหันไปมองต้นตอของเสียงก็เห็นเด็กและผู้ใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

คนคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหลี่ซื่อ คนที่เฉาซินเหลียนนัดพบเจอในวันนี้

ครั้นกู้ซุ่นสีเห็นแม่ของตนเองถูกจับกุม เวลานั้นก็พลันนึกถึงท่านอาที่มาที่บ้านของพวกเขาบ่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งไปที่บ้านของหลี่ซื่อทันที

เมื่อหลี่ซื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องกับเฉาซื่อ กู้ซุ่นสีก็พูดจาตะกุกตะกัก ทำให้ฟังไม่ได้ใจความและไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ดังนั้นเขาจึงตามไปเพื่อต้องการแสดงความสามารถของตัวเองให้เฉาซินเหลียนเห็น เพื่อในอนาคตตนเองจะโอ้อวดต่อหน้านางได้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท