ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1061 ข้ารักแม่นางกู้

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1061 ข้ารักแม่นางกู้

บทที่ 1061 ข้ารักแม่นางกู้

จ้าวจื่อชงผู้นี้แย่เสียจริง ๆ ครั้งล่าสุดหลังจากได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ ชายผู้นี้ก็ตกหลุมรักนางเข้าให้เสียแล้ว

กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับตระกูลจ้าว ดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ต้องคิดให้มากความ “บอกเขาไปว่าข้าออกไปแล้ว”

หากแต่ลูกจ้างผู้นั้นยังคงไม่ขยับ และเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยความลำบากใจ “แม่นางกู้ ข้าบอกเขาแล้ว เพียงแต่เขาไม่เชื่อ เขาบอกว่าท่านยังอยู่ในร้าน เขาต้องการเจอท่านให้ได้และยังบอกอีกว่า…”

ลูกจ้างคนนั้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานด้วยท่าทางหวาดกลัว และลังเลที่จะเอ่ย

เมื่อเห็นท่าทางอึกอักของเขา อาโม่ก็เอ่ยกระตุ้น “อย่ามัวแต่ลังเลที่จะพูดออกมา”

ชายผู้นั้นตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย และรีบเล่าทุกสิ่งที่เขาได้ยินและเห็นออกมาจนหมด

“แม่นางกู้ คุณชายตระกูลจ้าวกล่าวว่าหลังจากได้ยินสิ่งที่แม่นางกู้พูดครั้งสุดท้าย เขาก็รู้ทุกอย่างชัดแจ้ง และกล่าวว่าตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่จะปรับเปลี่ยนนิสัยไม่ดีทั้งหมด ทั้งยังบอกอีกว่าแม่นางกู้เป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาอยากจะขอบคุณแม่นางอีกครั้งต่อหน้า”

ลูกจ้างผู้นั้นลอบมองใบหน้าหน้าของกู้เสี่ยวหวานเป็นครั้งคราวก็เห็นสีหน้าไม่พอใจของนาง หลังจากที่เขาถ่ายทอดคำพูดของอีกฝ่ายออกมา

“จ้าวจื่อชงผู้นี้แตกต่างจากแม่ของเขาจริงหรือ?” กู้เสี่ยวหวานตะลึงงันเล็กน้อย นางเคยได้ยินชื่อเสียงของจ้าวจื่อชงผู้นี้มานานแล้ว

สร้างเรื่องวุ่นวายสารพัดสารเพ ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่เคยทำก็คือ การเป็นคนดี

กู้เสี่ยวหวานไม่คิดว่าสัตว์กินเนื้อจะเปลี่ยนตนเป็นสัตว์กินพืชได้ หากแต่ก็ยังรู้สึกสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ จ้าวจื่อชงถึงดูเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้

ในเวลานั้น กู้เสี่ยวหวานเองก็หวาดกลัวว่าจ้าวจื่อชงจะอาละวาด

แต่สุดท้ายเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายสามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ กล่าวขอบคุณกู้เสี่ยวหวานและขอโทษอาจั่ว ต้องบอกว่าคนผู้นี้ไม่ได้เป็นอย่างสิ่งที่ได้ยินมา

กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการพบหน้าจ้าวจื่อชง ดังนั้นนางจึงโบกมือและพูดอย่างจริงจัง “พาเขาออกไป และนับจากนี้ไปอย่าให้เหยียบย่างเข้ามาในร้านจิ่นฝูอีก”

อาโม่ไม่ต้องการให้คนนี้มาวนเวียนหลอกหลอนอยู่รอบกาย วันนี้ต้องสอนบทเรียนดี ๆ ให้แก่อีกฝ่ายให้ได้

อาจั่วกลายเป็นคนของกู้เสี่ยวหวาน นางจึงไม่ต้องอยู่ในครัวอีกต่อไป ดังนั้นจึงรีบไปบอกเรื่องนี้กับผู้คนในครัว

เมื่อทุกคนได้ยินว่าอาจั่วกำลังจะไปรับใช้แม่นางกู้ ทุกคนจึงรู้สึกมีความสุขและยินดีไปพร้อม ๆ กับอาจั่ว

“อาจั่ว แม่นางกู้เป็นคนดี นางตัดสินใจรับเจ้าไว้เคียงข้างเพราะนางเห็นว่าเจ้าตั้งใจทำงานหนัก เนื่องจากนางได้ชื่อว่าเป็นเสี้ยนจู่ นางจึงควรมีคนดูแลเอาใจใส่คอยอยู่เคียงข้าง ถ้าเจ้าอยู่เคียงข้างนางและตั้งใจทำงานล่ะก็ นางจะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องลำบากแน่นอน”

“ใช่แล้ว อาจั่ว แม่นางกู้ผู้นี้เป็นคนจริงใจ เจ้าต้องรับใช้แม่นางอย่างสุดหัวใจและซื่อสัตย์กับนาง”

หลังจากที่อาจั่วพูดคุยกับคนในห้องครัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็กลับไปที่ห้องโถง และวางแผนที่จะขึ้นไปบนห้องรับรองด้านบน

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “แม่นางกู้ ตั้งแต่ครั้งนั้นที่ข้าเห็นเจ้า เจ้าเปรียบเสมือนเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ ข้ารักเจ้าจากหัวใจ ข้าคิดถึงเจ้าทั้งวันทั้งคืน เมื่อข้าไม่เห็นเจ้า ข้าก็รู้สึกเหี่ยวเฉา แม่นางได้โปรดเมตตา ออกมาให้ข้าเห็นหน่อยเถอะ”

เป็นเสียงของจ้าวจื่อชง

ทันทีที่เสียงของจ้าวจื่อชงลดลง เขาก็ได้ยินเสียงกระซิบดังขึ้นมาจากห้องโถง

จ้าวจื่อชงผู้นี้ตามหลอกหลอนไม่หยุดเสียจริง

เมื่อเห็นว่าชายผู้นี้กล้าทำลายชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวาน อาจั่วก็ขมวดคิ้วมุ่น

เมื่อนางกำลังจะจัดการกับจ้าวจื่อชง พลันเหลือบเห็นคนผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากชั้นสอง ดาบคมกริบจ่ออยู่เหนือคอของจ้าวจื่อชงทันที “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระและใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงของคุณหนูของข้า เจ้ากำลังเล่นกับความตายอยู่รู้หรือไม่!”

น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็งในหน้าหนาว และคมดาบในมืออีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น

แต่จ้าวจื่อชงนั้นไม่ได้หวาดกลัว แต่เขากลับกลัวว่าแม่นางผู้นั้นจะไม่เห็นท่าทางหลงใหลของเขาดังนั้นจึงไม่หวาดกลัวดาบเล่มนั้นเลย พร้อมพูดอย่างรักใคร่ “ข้าอยากพบแม่นางกู้ หญิงผู้หยั่งรากฝังลึกอยู่ในใจข้า ถ้าข้าไม่ได้พบนาง ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด แม้ว่านางจะฆ่าข้าก็ตาม”

“เจ้า..” อาโม่คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าตนเองจะเจอกับคนรับมือยากแล้ว ดาบในมือของเขาสะกิดเนื้อบริเวณลำคอ เลือดสีแดงฉานไหลซึมออกมา “อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้า”

“ข้ารักแม่นางกู้ แม่นางและข้าต่างเป็นชายหญิงที่ยังไม่แต่งงาน ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องการพบกับนาง” ดูเหมือนว่าจ้าวจื่อชงจะไม่ได้หวาดกลัวความตาย ถ้าเขาไม่ได้พบกับแม่นาง เขาก็ไม่ยอม ถึงแม้ว่าคมดาบที่คอของเขาได้กรีดผ่านผิวหนังของเขาแล้ว

จ้าวจื่อชงมองไปที่ห้องรับรองที่กู้เสี่ยวหวานทำงานอยู่ที่ชั้นสองด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรัก “แม่นางกู้ ครั้งสุดท้ายที่ข้าพบเจ้า เจ้านั้นยังคงติดตรึงอยู่ในใจข้าตลอดเวลา”

ท่าทางของจ้าวจื่อชงทำให้ทุกคนรู้สึกอายเล็กน้อย

“คุณชายตระกูลจ้าวผู้นี้กลายเป็นคนคลั่งไคล้ในความรักตั้งแต่เมื่อใด? ช่างน่าเชื่อเหลือจริง ๆ” คนคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“ทำไมแม่นางกู้ถึงได้มีชายหนุ่มมาพัวพันเช่นนี้?” มีคนกังวลเกี่ยวกับกู้เสี่ยวหวาน

“เจ้ากังวลอะไร จ้าวจื่อชงผู้นี้จะชมชอบหญิงแบบไหนก็ได้ ปกติแล้วเวลาเขาชอบผู้ใดมักจะฉุดอีกฝ่ายมา แต่ทว่าครั้งนี้เขาตกหลุมรักเสี้ยนจู่ ถ้าทำอะไรบุ่มบ่าม เกรงว่าจะทำให้ชื่อเสียงที่ตระกูลจ้าวสั่งสมมาเสียหายหากสร้างปัญหาให้แม่นางกู้” บางคนมองแผนของจ้าวจื่อชงออกแล้ว

กู้เสี่ยวหวานกำลังคำนวณบัญชีอยู่ภายในห้องรับรอง และนางก็ได้ยินเสียงจากด้านนอกออย่างชัดเจน

นางกระตุกยิ้มเย้ยหยัน เนื่องจากต้องการทำลายชื่อเสียงของนาง มาดูกันว่าตระกูลจ้าวมีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้หรือไม่

ในเวลานี้ อาจั่วก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน นางชี้ไปที่จ้าวจื่อชงซึ่งแสร้งทำเป็นสาปแช่งด้วยความโกรธเคือง “จ้าวจื่อชง เจ้ากำลังจะทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูของข้าเสื่อมเสีย!”

——————————————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท