ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1062 หนีเตลิด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1062 หนีเตลิด

บทที่ 1062 หนีเตลิด

เมื่อเห็นว่าเป็นอาจั่วที่โต้เถียงกับเขาครั้งสุดท้าย จ้าวจื่อชงก็กระตุกยิ้ม มองไปที่อาจั่วและเอ่ยออกมา “เป็นเพราะแม่นาง ข้าอยากจะขอบคุณแม่นาง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่ได้รู้จักแม่นางเสี่ยวหวาน”

จ้าวจื่อชงกล่าวด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้า ซึ่งทำให้ผู้ที่รู้จักจ้าวจื่อชงเกิดความสงสัยขึ้นมา

จ้าวจื่อชงกลายเป็นคนจริงจังเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

หากเป็นเพียงคำพูดขออ้อนวอนปกติของจ้าวจื่อชงก็ไม่สงสัยแต่อย่างใด แต่คราวนี้มันกลับเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน

สำหรับจ้าวจื่อชง เขาต้องการแสดงความรักที่มีต่อกู้เสี่ยวหวานต่อหน้าทุกคน

แต่สำหรับกู้เสี่ยวหวานแล้ว มันเป็นการทำลายชื่อเสียง

อาจั่วเย้ยหยันและสาปแช่งอย่างเย็นชา “บังอาจนัก เสี้ยนจู่ของข้าไม่อนุญาตให้เจ้าเรียกชื่อ!”

เสียงอันน่าเกรงขามดังกึกก้องไปทั่วห้องโถงร้านจิ่นฝู

ทุกคนจ้องมองที่อาจั่วอย่างตกตะลึง จ้าวจื่อชงเองก็มองไปที่อาจั่วอย่างตกใจเช่นกัน

“เจ้า…” จ้าวจื่อชงตระหนักในสิ่งที่เขาต้องการจะพูด

หากแต่อาจั่วเอ่ยขึ้นก่อนที่อีกฝ่ายจะได้พูดจบ “การทำให้ชื่อของเสี้ยนจู่ถูกเปิดเผยท่ามกลางฝูงชนถือเป็นความผิดร้ายแรงตามระเบียบของอาณาจักรต้าชิง ขุนนางที่เป็นสตรีระดับห้าขึ้นไปไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกชื่ออย่างเปิดเผย ผู้ที่ละเมิดคำสั่งทั้งยังทำลายชื่อเสียงของขุนนางต่อหน้าสาธารณชนจะถูกประหารชีวิต”

สิ้นประโยคของอาจั่วมีหลายคนเกิดอาการตื่นตระหนก

พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่ามีข้อบังคับที่ไม่สามารถเรียกชื่อขุนนางสตรีในที่สาธารณะได้ และไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของนางได้ มิเช่นนั้นจะถูกตัดหัว

แต่เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของอาจั่ว เขาคนนั้นก็ดูเหมือนจะเชื่อในทันที

เสี้ยนจู่ได้รับการแต่งตั้งให้โดยฮ่องเต้ นั่นแสดงว่าเป็นผู้ที่มีรายชื่ออยู่ในราชวงศ์

กู้เสี่ยวหวานเป็นเสี้ยนจู่ระดับห้า หากมีใครทำลายชื่อเสียงของนางจริง ๆ มันจะเป็นการสร้างความอัปยศต่อราชวงศ์

การทำให้ราชวงศ์ต้องอับอาย จะต้องถูกลงโทษตัดศีรษะ

ลูกค้าที่อยู่รอบ ๆ ตกใจเล็กน้อย และผงะถอยหลังด้วยความหวาดกลัว

กลัวว่าจะมีความผิดทางอาญาที่ทำให้ราชวงศ์ต้องเสื่อมเสีย

จ้าวจื่อชงเองก็หวาดกลัวเล็กน้อย แต่เมื่อเขามาที่นี่ เขายังจำสิ่งที่ฮูหยินจ้าวพูดกับเขาได้ ถ้าเขาไม่ได้พบกู้เสี่ยวหวาน วันนี้เขาห้ามกลับไปเด็ดขาด

“หญิงผู้นี้เป็นเสี้ยนจู่ เสี้ยนจู่ก็เป็นคนเหมือนกัน นางมีอารมณ์และความปรารถนา นางยังไม่ได้แต่งงานและข้าก็ยังไม่ได้แต่งงานเช่นกัน ข้าชอบเสี้ยนจู่มากและอยากดูแลเสี้ยนจู่ไปตลอดชีวิต ข้าจริงใจนะ เช่นนี้เป็นการละเมิดกฎงั้นหรือ?” จ้าวจื่อชงยังคงแสดงความจริงใจ

แม้ว่ามันจะดูเต็มไปด้วยความจริงใจ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้วความคิดของเขาเน่าเฟะเพียงใด

นอกจากนี้กู้เสี่ยวหวานเป็นเจ้านายของเขา ดังนั้นอาจั่วและอาโม่จะปล่อยให้คนอื่นทำลายชื่อเสียงของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร

ทั้งสองมองหน้ากัน และสื่อความหมายให้กันทางสายตา

ทันใดนั้น ดาบในมือของอาโม่ก็เคลื่อนออกไป และเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “คุณชายจ้าว ท่านน่าชื่นชมยิ่งนัก! เนื่องจากคุณชายจ้าวปฏิบัติต่อแม่นางของข้าอย่างจริงใจ จึงต้องรับโทษที่สอดคล้องกัน ตามระเบียบของอาณาจักรต้าชิง ผู้ที่ใส่ร้ายชื่อเสียงของเสี้ยนจู่อย่างเปิดเผยจะถูกตัดลิ้น คุณชายจ้าวโปรดอ้าปากด้วยเถอะ ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”

“เจ้า…..” จ้าวจื่อชงไม่เหลือความนิ่งสงบที่เคยมีเมื่อครู่ เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสยดสยอง อาโม่ผู้เป็นเหมือนยมบาลในนรก ร่างกายของเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก “เจ้ากล้าดีอย่างไร!”

“ทำไมข้าจะไม่กล้า คุณหนูของข้าเป็นเสี้ยนจู่ หากนางมีตราประทับที่จักรพรรดิรับรองเป็นการส่วนตัว ท่านใส่ร้ายชื่อเสียงของแม่นางของข้าอย่างโจ้งแจ้ง ข้าสามารถฆ่าเจ้าเมื่อใดก็ได้ คงไม่มีใครกล้าขัด” เขาแสยะยิ้มเย็นชา

รอยยิ้มเย็นชานั้นทำให้จ้าวจื่อชงรู้สึกหวาดกลัว

จ้าวจื่อชงเป็นคนขี้อายและขี้กลัว หากแต่ตอนนี้เขาไร้ซึ่งความกลัว เขาจะกลัวไม่ได้หากยังไม่บรรลุจุดประสงค์ของเขา

ครั้งนี้จ้าวจื่อชงเข้าใจจริง ๆ ว่าเขาอาจไม่สามารถตอบสนองความปรารถนาของตนเองได้ และถ้าเขาไม่หยุด เขาอาจจะต้องสูญเสียลิ้นและหัวของตนเอง

“ไว้ชีวิตข้าด้วย ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าไม่กล้าอีกแล้ว” จ้าวจื่อชงทรุดลงกับพื้นด้วยความตกใจ

เมื่อเห็นท่าทางที่สิ้นหวังของเขา อาจั่วก็มองไปรอบ ๆ และได้ยินเสียงกระซิบของผู้คนโดนรอบ และพูดอย่างตรงไปตรงมาในขณะนี้ “วันนี้ข้าจะเตือนทุกคนที่นี่ ต่อไปนี้ถ้าข้าได้ยินคนอื่นใส่ร้ายคุณหนูของข้าอีก ข้าจะติดลิ้นหรือหัวของผู้นั้นด้วยความไม่ลังเล”

กลิ่นอายน่ากลัวของอาจั่วทำให้จ้าวจื่อชงตกใจกลัวและวิ่งหนีเตลิดไปทันที

กู้เสี่ยวหวานรู้แล้วว่าอาจั่วและอาโม่กำลังทำอะไรอยู่

เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองคนทำให้จ้าวจื่อชงตกใจด้วยคำพูดไม่กี่คำก็พอใจมาก

แต่…

“ในกฎของอาณาจักรต้าชิงมีข้อนี้จริง ๆ หรือ ที่ไม่สามารถใส่ร้ายชื่อเสียงของขุนนางสตรีระดับสูงได้” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัยเล็กน้อย

อาโม่และอาจั่วมองกันไปมาและพูดพร้อมกันว่า “ไม่ใช่ข้านะที่พูดมั่ว”

เมื่อได้ยินว่าพวกเขาสองคนทำเรื่องไร้สาระ กู้เสี่ยวหวานรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังเล็กน้อยของกู้เสี่ยวหวาน จู่ ๆ อาจั่วก็เกิดความคิดหนึ่งในใจ มองไปที่อาโม่และเห็นบางอย่างจากสายตากันและกัน

จ้าวจื่อชงหวาดกลัวจนวิ่งหนีกลับบ้านอย่างรวดเร็ว โดยมีฮูหยินจ้าวรอเขาอยู่ที่บ้านแล้ว

ตั้งแต่จ้าวจื่อชงกลับมาครั้งล่าสุด เขาได้พูดกับกู้เสี่ยวหวานสองสามคำ และถูกหญิงผู้นี้ตำหนิสองสามครั้ง และฮูหยินจ้าวก็มีแผนการอยู่ในใจ

จ้าวจื่อชงได้พบกับกู้เสี่ยวหวาน จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็รู้จักจ้าวจื่อชง

ชายหนุ่มและหญิงสาวสองคนรู้จักกัน บางทีพวกเขาอาจมีโอกาสผูกสัมพันธ์กันในอนาคต

ฮูหยินจ้าวแบ่งปันความคิดตนเองกับจ้าวจื่อชง เมื่อจ้าวจื่อชงได้ยินว่าเขาสามารถแต่งงานกับกู้เสี่ยวหวานได้ พลันนึกถึงใบหน้าที่ขาวใสของกู้เสี่ยวหวาน เขาจึงตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด

ไม่ต้องพูดถึงรูปลักษณ์ที่ดีของกู้เสี่ยวหวาน แม้แต่สถานะของนางก็สูงส่งเช่นกัน

——————————————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท