บทที่ 1064 มีเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นกับตระกูลเจียง
บทที่ 1064 มีเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นกับตระกูลเจียง
ได้ยินมานานแล้วว่ากู้เสี่ยวหวานช่วยผู้หญิงคนหนึ่งในเมือง และให้นางทำงานอยู่ร้านจิ่นฝู ทุกคนอยากเจอนางมานานแล้ว
เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานพานางกลับมาในครั้งนี้ ทุกคนก็กระตือรือร้นมาก
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของทุกคน อาจั่วก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชินกับมันนัก
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ข้างกายนายท่านก็เคร่งเครียดทั้งวัน
แต่คราวนี้ทุกคนมีสีหน้าที่มีความสุข กระตือรือร้นและทักทายกันอย่างอบอุ่น
“แม่นางจั่ว ในที่สุดเจ้าก็มาที่นี่ ข้าได้ยินเสี่ยวหวานพูดถึงเจ้ามานานแล้ว ตอนนี้เป็นเรื่องดี เรามีสมาชิกใหม่ในครอบครัวเพิ่ม” กู้ฟางสี่กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ข้าจะไปทำความสะอาดห้อง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะมา ห้องยังไม่ได้ทำความสะอาดเลย”
กู้เสี่ยวหวานยังคงมีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้า
“ท่านพี่ ๆ ชื่อของท่านพี่คล้ายกับพี่ชายอาโม่ พวกท่านเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า” กู้เสี่ยวอี้วิ่งออกมา และเมื่อได้ยินชื่อของอาโม่ นางจึงถามอาจั่วอย่างสงสัย
ชื่อของอาโม่และอาจั่วค่อนข้างคล้ายกัน
อาจั่วคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในใจ และครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดีไม่ให้นางสงสัย จึงรีบอธิบายว่า “ชื่อจริงของข้าคือ จั่วเสี่ยวหง เพราะข้าไม่คิดว่าชื่อเสี่ยวหงจะฟังดูดี ดังนั้นข้าจึงบอกแค่ว่าชื่อของข้าคือ อาจั่ว”
สิ่งที่นางพูดนั้นไม่ผิด
เมื่อท่านอาจารย์มารับอาจั่ว นางเป็นเด็กกำพร้าที่ไม่รู้จักชื่อของตัวเอง แต่เพราะนางถูกรับมาจากถนนด้านซ้าย ท่านอาจารย์จึงเรียกนางว่าอาจั่ว (ซ้าย) และอาโย่ว (ขวา) ถูกรับมาจากถนนทางขวาจึงเรียกว่าอาโย่ว
ง่ายต่อการจดจำ
ดูเหมือนอาโม่จะคิดถึงเรื่องที่ได้รับชื่อมา และรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ทันใดนั้น กู้เสี่ยวอี้ก็เข้าใจในทันที “โอ้ ไม่แปลกใจเลย”
จั่วเสี่ยวหง ชื่อนี้เป็นที่นิยมมากเกินไป
กู้เสี่ยวหวานยิ้มพลางลูบศีรษะของกู้เสี่ยวอี้ที่อยากรู้อยากเห็นแล้วพูดว่า “จากนี้ไป เจ้าจะต้องเรียกนางว่าท่านพี่อาจั่ว นางจะอยู่ในบ้านของเราไปอีกนานนับจากนี้”
กู้เสี่ยวอี้พยักหน้า นางแย้มยิ้มและเดินไปจับมือของอาจั่ว “ท่านพี่อาจั่ว ท่านหิวหรือไม่ ข้าใส่มันเทศหลายหัวลงในเตาที่อยู่ในครัว พวกมันคงใกล้จะสุกแล้ว ข้าจะพาท่านไปกินนะ มันเทศของครอบครัวข้าอร่อยมากเลยล่ะ”
หลังจากพูดจบ กู้เสี่ยวอี้ก็ดึงอาจั่วเดินเข้าไปในครัว
กู้เสี่ยวหวานยิ้มและโบกมือพลางพูดว่า “เจ้าไปเถอะ คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านของเจ้า ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าข้ามีเรื่องอะไรให้ช่วย ข้าจะเรียกหาเจ้าก็แล้วกัน”
อาจั่วเดินตามกู้เสี่ยวอี้ไป อาโม่มองไปที่รูปลักษณ์ของอาจั่ว และเกิดความรู้สึกหลากหลายในใจของเขา
เมื่อฉินเย่จือขอให้เขาตามอาจั่วมา ตอนแรกอาจั่วปฏิเสธสิ่งนี้
แต่ตอนนี้เมื่อเห็นนางมีความรู้สุข อาโม่ก็รู้ว่าอาจั่วไม่ได้ปฏิเสธที่จะมาอยู่เคียงข้างกู้เสี่ยวหวาน
ท้ายที่สุดแล้ว เจ้านายที่ดีเช่นนี้ยากที่จะได้มา
อาโม่คลี่ยิ้ม
ในช่วงเวลาอาหารเย็น ฉินเย่จือก็กลับมา
เมื่อได้ยินสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงบ่าย ฉินเย่จือก็รู้สึกขบขันมากเช่นกัน
“จ้าวจื่อชงคนนั้นกลัวอาโม่และอาจั่วมากจนวิ่งกลับบ้าน ข้าเกรงว่าเขาจะไม่กล้ามาอีกในช่วงหลายวันนี้” กู้เสี่ยวหวานยิ้มและดึงฉินเย่จือเข้าไปในห้อง หลังจากทั้งสองคนทานอาหารเย็นเสร็จก็ออกไปเดินเล่น
ช่วงนี้ฉินเย่จือยุ่งมาก
กู้เสี่ยวหวานได้เตรียมชุดอุปกรณ์สำหรับต้มน้ำและชงชาไว้เป็นพิเศษในห้องด้านนอก
ล้างมือ ต้มน้ำ และเริ่มชงชา
ในชาติที่แล้ว กู้เสี่ยวหวานมักดื่มชากับปู่ของตนมาก ทั้งสองดื่มชากันไม่น้อย ใช้ใบชาอะไร ใช้น้ำอะไร และต้มอย่างไร กู้เสี่ยวหวานล้วนมีประสบการณ์มาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกู้เสี่ยวหวานเคยไปโรงน้ำชาสองสามครั้ง และเคยเห็นผู้อื่นชงชา จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็ทุ่มเทศึกษาทักษะเหล่านั้น ตอนนี้ทักษะเหล่านั้นก็ดีขึ้นมาก
ฉินเย่จือจิบชาที่กู้เสี่ยวหวานชงและรู้สึกชื่นชมไม่น้อย “ไม่เลวเลย ทักษะการชงชาของหวานเอ๋อร์ดีขึ้นกว่าเดิมมาก”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายชมตัวเอง กู้เสี่ยวหวานก็พูดโดยไม่ถ่อมตัว “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา ข้าทุ่มเทให้กับการเรียน ข้าจึงพัฒนาขึ้นตามธรรมชาติ”
หลังจากที่ฉินเย่จือดื่มชาในถ้วยแล้ว เขาก็พูดด้วยรอยยิ้ม “หวานเอ๋อร์ ข้าได้ยินมาว่ามีปรมาจารย์ด้านการชงชาระดับสูงในภูเขาหมิน ถ้าเจ้าชอบ พวกเราจะไปที่ภูเขาหมินด้วยกันและเรียนรู้วิธีการชงชา”
ฉินเย่จือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยไปภูเขาหมิน และเมื่อนางได้ยินว่ากำลังจะได้ไปภูเขาหมิน ดวงตาของนางก็สว่างขึ้นทันที “เรากำลังจะไปภูเขาหมินกันหรือ”
“เจ้าอยากไปหรือไม่” เมื่อเห็นท่าทางที่สดใสของนาง ฉินเย่จือก็มีความสุขมากขึ้น เขาคว้าตัวกู้เสี่ยวหวานมาไว้ในอ้อมแขนของเขาทันที กอดนางไว้บนตัก พลางมองใบหน้าที่ตื่นเต้นของนางอย่างเคลิบเคลิ้ม “เมื่อก่อนข้าเคยสัญญากับเจ้าไว้แล้วว่าจะพาไปท่องโลกกว้าง ทำไมไม่เริ่มเสียแต่ตอนนี้เลยล่ะ”
กู้เสี่ยวหวานไม่เคยคิดว่านางจะไปได้เร็วขนาดนี้ นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หากแต่มันก็เต็มไปด้วยความสุข
“พี่เย่จือ เราจะไปกันเมื่อไร” กู้เสี่ยวหวานยื่นมือไปโอบรอบคอของฉินเย่จือ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าพวกเขาจะมีสถานะที่คลุมเครือกันในปัจจุบัน
ฉินเย่จือมองไปที่ใบหน้าเรียบเนียน ริมฝีปากสีแดงสด ดวงตาที่งดงามราวกับดอกไม้บาน
“เมื่อเรื่องทางนี้เรียบร้อย พวกเราก็จะออกเดินทางทันที” ฉินเย่จือเล่นกับผมนุ่มสลวยของกู้เสี่ยวหวาน พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น?” กู้เสี่ยวหวานรู้สึกสงสัยเล็กน้อย กิจการในเมืองรุ่ยเสียนสามารถส่งเสี่ยวเซิ่งจื่อไปรับช่วงต่อได้แล้ว หลังจากฝึกฝนมาหลายปี เสี่ยวเซิ่งจื่อก็เก่งกว่าเมื่อก่อน เขาสามารถดูแลร้านด้วยตัวเองได้
“หวานเอ๋อร์ มีบางอย่าง ข้าไม่รู้ว่าเจ้ายังจำมันได้หรือไม่” ฉินเย่จือวางแผนที่จะบอกกู้เสี่ยวหวานเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่คิดจะปิดบังมันอีกต่อไป
“เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อเห็นท่าทางเคร่งขรึมของฉินเย่จือ นางก็เริ่มรู้สึกจริงจัง
“เกรงว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับตระกูลเจียง” ฉินเย่จือก้มศีรษะลง สูดดมกลิ่นหอมจากผมของกู้เสี่ยวหวาน กลิ่นหอมนั้นมันทำให้เขารู้สึกสดชื่น
“มีเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นกับตระกูลเจียง” กู้เสี่ยวหวานเกิดความอยากรู้อยากเห็น “เกิดอะไรขึ้น”
“ยังจำตอนที่เฉินจื่อไป๋ค้นพบโกดังที่ตระกูลเจียงเก็บเกลือไว้ได้หรือไม่”
“จำได้สิ” ในเวลานั้นเฉินจื่อไป๋ถูกตระกูลเจียงจับขังไว้หลายวันเพราะเหตุการณ์นี้ ต่อมาเนื่องจากเขาไม่ได้ถามอะไร กู้เสี่ยวหวานจึงขอให้คนไปช่วยเขา
——————————————————————–