ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1091 หนิงผิงชนเข้ากับใครบางคน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1091 หนิงผิงชนเข้ากับใครบางคน

บทที่ 1091 หนิงผิงชนเข้ากับใครบางคน

อาโม่พาทุกคนเดินทางไปจนเกือบสุดทาง และใกล้จะถึงเมื่องรุ่ยเสียนแล้ว

กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้รู้ว่าคราวนี้พวกเขากำลังจะไปที่เมืองรุ่ยเสียนสักสองสามวัน เด็กน้อยทั้งสองนอนไม่หลับเพราะเมื่อคืนมัวแต่ตื่นเต้น

ครั้งสุดท้ายที่กลับไปที่เมืองรุ่ยเสียน พี่เฉิงเจ๋อเป็นคนพาไป

ความทรงจำในตอนนั้นเริ่มเลือนราง

พวกเขาวิ่งไปรอบ ๆ บ้าน ถามเป็นครั้งคราวว่าสิ่งของถูกบรรจุเรียบร้อยดีหรือยัง และถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นระยะ ๆ ว่ามีอะไรสนุก ๆ บ้างในเมืองรุ่ยเสียน

ในบรรดาพวกเขา ฉือโถวและอาโม่เป็นคนที่เคยไปเมืองรุ่ยเสียนบ่อยที่สุด แต่ทุกครั้งที่ไป พวกเขาก็ไปทำธุระและไม่มีเวลาให้เที่ยวเล่น

ทุกคนไม่รู้ว่ามีอะไรน่าทำในเมืองรุ่ยเสียนบ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงยอมแพ้ แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ต่อมาเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกมากแล้วก็เริ่มรู้สึกง่วงเล็กน้อย จากนั้นก็ต้องกลับไปข้างในรถม้าอย่างไม่เต็มใจและผล็อยหลับไป

เมื่อพวกเขาหลับตาลงพักหนึ่งก็ถูกปลุกด้วยเสียงของกู้เสี่ยวหวาน

“รีบลุกขึ้นเร็วเจ้าคนขี้เกียจทั้งสอง” กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ได้ยินเสียงของกู้เสี่ยวหวานก็ลืมตาขึ้น และพบกับใบหน้าที่ยิ้มแย้มของพี่สาว จากนั้นก็รู้ว่าได้พวกตนมาถึงเมืองรุ่ยเสียนแล้ว ทั้งสองคนลุกขึ้นพาตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของกู้เสี่ยวหวาน และเรียกอย่างเสน่หาว่า “ท่านพี่ ท่านพี่”

กู้ฟางสี่ยืนอยู่ข้างรถม้าแสร้งทำเป็นอิจฉาและพูดว่า “เมื่อครู่ตอนอยู่ในรถม้า ข้าเรียกตั้งหลายหนทำไมไม่เห็นมีใครตื่น พอได้ยินเสียงพี่สาว พวกเจ้าสองคนก็รีบตื่นขึ้นมาเลยเชียว เจ้าสองคนนี่ไม่ไว้หน้าอาอย่างข้าเลยจริง ๆ”

คำพูดของกู้ฟางสี่ทำให้ทุกคนหัวเราะอีกครั้ง

“เสี่ยวอี้ไม่ไว้หน้าท่านอาที่ไหนกันเล่า ใบหน้าของท่านอามีค่าที่สุด ข้าฟังพี่สาวของข้า และพี่สาวของข้าก็ฟังท่านอาเช่นกัน ข้าแค่ไม่ได้เจอท่านพี่มานานแล้ว เมื่อได้ยินเสียงของนางก็เลยรู้สึกตื่นเต้น” เสียงของกู้เสี่ยวอี้คมชัดและนุ่มนวล ทำให้หัวใจของผู้ที่ได้ยินหลอมละลาย

การได้เห็นรูปลักษณ์ที่งดงามของกู้เสี่ยวอี้ ทำให้กู้เสี่ยวหวานมีความสุขอีกครั้ง

ไอ้ตัวเล็กนี่ไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองหน้าเหมือนใคร ปากหวานปานน้ำผึ้ง หากใครได้ฟังต่างก็หลงรัก

กู้หนิงอันได้รับการยอมรับว่าเป็นบัณฑิตแล้ว ตอนนี้ความกังวลของเข้าลดลงครึ่งหนึ่ง ทั้งสามมาที่เมืองรุ่ยเสียนสองสามวันเพื่อพักผ่อน

กู้เสี่ยวหวานจะไม่มีความสุขได้อย่างไร นี่เป็นเรื่องดีที่ไม่กล้าคิดมาก่อน กู้หนิงผิงกระโดดลงจากรถม้าและอุ้มกู้เสี่ยวอี้ลงมา

ฉินเย่จือจับมือกู้เสี่ยวหวานและพากันเดินเข้าไปในร้านจิ่นฝู

กู้หนิงอันยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อมองเห็นพี่สาวและฉินเย่จือจับมือกันอย่างรักใคร่ จู่ ๆ ก็นึกถึงสวีเฉิงเจ๋อด้วยเหตุผลบางอย่าง

เขาทำอะไรไม่ถูก จึงทำได้แค่ส่ายหัวและสลัดความคิดในใจ แล้วเดินตามทุกคนเข้าไป

ส่วนบนสุดของร้านจิ่นฝูถูกจัดการออกไปหมดแล้ว เหลือห้องพักเพียงไม่กี่ห้อง

กว่าจะเลือกห้องได้ ท้องฟ้าก็มืดสนิท

หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็พาทุกคนไปเดินเล่นที่ตลาด

ลุงจางไม่ได้ออกไปไหนเพราะเคลื่อนไหวไม่สะดวก ส่วนป้าจางและกู้ฟางสี่ก็ไม่ได้ออกไปไหนเช่นกัน พวกนางบอกว่าจะพักผ่อนอยู่ในห้อง นั่งรถม้ามานานและเริ่มเหนื่อยแล้ว

ในท้ายที่สุด คนที่ออกไปเดินเล่นก็คือเด็กทั้งสี่จากตระกูลกู้ ฉินเย่จือ อาโม่ และฉือโถว

แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากบนถนนสายนี้ ครึกครื้นเป็นอย่างมาก

ในระหว่างที่เดินทาง กู้หนิงผิงผู้ซึ่งหลับมาตลอดทาง ดังนั้นในขณะนี้เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

ในขณะนี้เขาวิ่งเหยาะ ๆ ไปข้างหน้า โดยหันไปโบกมือให้กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ เป็นครั้งคราว ทำให้กู้เสี่ยวหวานกลัวว่ากู้หนิงผิงจะเดินไปชนคนเดินถนนเข้าโดยบังเอิญ

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ กู้หนิงผิงบังเอิญชนเข้ากับใครบางคน

และได้ยินเพียงกู้หนิงผิงโบกมือไปทางด้านหลัง และตะโกนอย่างตื่นเต้น “ท่านพี่ มาเร็ว!”

จากนั้นเขาก็หันกลับมาและชนเข้ากับหญิงผู้หนึ่งจนล้มลงกับพื้น

ผู้ที่อยู่ข้าง ๆ นางซึ่งดูเหมือนสาวใช้ก้าวไปข้างหน้าทันทีและคว้าเสื้อผ้าของกู้หนิงผิงไว้ “ทำไมเจ้าถึงเดินไม่มองทาง”

กู้หนิงผิงรู้ว่ามันเป็นความผิดของเขาทั้งหมดที่เขาชนเข้ากับใครบางคน เมื่อเห็นเด็กสาวนั่งบนพื้น และกำลังยกมือขึ้นปิดใบหน้า

กู้หนิงผิงรู้ว่าเขาผิด จึงไม่สนใจคำตำหนิจากสาวใช้ข้าง ๆ นาง เขารีบหมอบลงและขอโทษเด็กสาวผู้นั้น “แม่นาง ข้าขอโทษจริง ๆ มันเป็นความผิดของข้า มันเป็นความผิดของข้าเอง”

กู้หนิงผิงขอโทษอย่างรีบร้อนและมองไปที่เด็กสาวอย่างระมัดระวัง แต่น่าเสียดายที่เด็กสาวเอาแต่ปิดหน้า สันนิษฐานว่าตอนนี้นางอาจจะบาดเจ็บ จึงเอาแต่ก้มหน้าก้มตา

กู้หนิงผิงพูดขอโทษต่อไปว่า “แม่นาง ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ”

หญิงสาวปิดหน้าของนางไม่ตอบคำพูดของกู้หนิงผิง

กู้หนิงผิงรู้ว่ามันเป็นความผิดของเขา ดังนั้นจึงขอโทษและขอโทษต่อไป โชคดีที่สาวใช้ไม่ได้ทำอะไรกับกู้หนิงผิงหลังจากตำหนิเขา

แค่ถามนางอย่างละเอียดว่าเจ็บตรงไหนหรือไม่?

เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงชนใครบางคนจริง ๆ กู้เสี่ยวหวานก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ดูจากภายนอก เสื้อผ้าของสองคนนี้ดูไม่เหมือนคนธรรมดา และสาวใช้คนนี้ก็เป็นคนที่มีการศึกษา อีกทั้งประโยคที่ตำหนิกู้หนิงผิงในตอนนี้ก็สุภาพมากเช่นกัน

“แม่นาง เจ้าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ต้องการไปหาหมอหรือไม่” กู้เสี่ยวหวานก็ยุ่งอยู่กับการขอโทษ และถามอย่างประหม่า

คนที่แต่งตัวเป็นสาวใช้ที่ด้านข้างเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังมา หากตัดสินจากเครื่องแต่งกายของพวกเขา ดูไม่เหมือนคนธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

——————————————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท