ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1093+1094 ไม่สามารถตอบรับต้องทำให้ผิดหวัง

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1093+1094 ไม่สามารถตอบรับ/ต้องทำให้ผิดหวัง

บทที่ 1093 ไม่สามารถตอบรับ

“รีบขอโทษแม่นางเร็ว” กู้เสี่ยวหวานดึงแขนเสื้อของกู้หนิงผิง

กู้หนิงผิงตอบรับในลำคอ กุมมือของเขาและพูดด้วยความเคารพต่อถานอวี้ซู “แม่นาง ข้าขอโทษ มันเป็นความผิดของข้าทั้งหมด”

ถานอวี้ซูเห็นว่ากู้หนิงผิงกลายเป็นคนจริงจังทันที จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “พวกท่านไม่ต้องขอโทษอะไรข้าเลย พี่สาว ท่านไม่ต้องกังวล ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่เป็นอะไร ท่านวางใจเถอะ ถ้าข้ามีปัญหาอะไร ข้าจะไปหาท่านแน่นอน” พูดจบนางก็เดินออกไปพร้อมกับสาวใช้ เดินไปได้ไม่ไกลก็หันกลับมาเพื่อโบกมือให้กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ แล้วก็จากไป

ตอนแรกคิดว่าเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้นี้จะมีสายสัมพันธ์ที่ไม่อาจละเลยได้กับครอบครัวกู้

กู้เสี่ยวหวานชอบเด็กสาวผู้นี้มาก เมื่อเห็นว่ากู้หนิงผิงยังคงยืนอยู่ที่นั่นอย่างโง่เขลาแล้วมองไปที่เด็กสาวผู้นั้น นางจึงอดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกด้วยรอยยิ้มว่า “หนิงผิง ทำไมเจ้าถึงมองไปที่ด้านหลังล่ะ ด้านหน้าไม่มีสิ่งสวยงามแล้วหรือ”

กู้หนิงผิงเพิ่งกลับมารู้สึกตัว เมื่อเห็นการกระทำของเขาในตอนนี้ เขารีบส่ายหัวแล้วพูดว่า “เปล่านะ ท่านพี่ ข้าไม่ได้มองอะไรเลย”

หลังจากพูดจบ เขาก็ตามกู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ไปด้านหน้า และเมื่อกู้เสี่ยวหวานเผลอ เขาก็ยังหันศีรษะกลับไปมองอีกครั้ง

ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองรุ่ยเสียนนั้น เมืองหลิวเจียเทียบอย่างไรก็เทียบไม่ติด

เมืองหลิวเจียในตอนกลางคืน โรงเตี๊ยมเล็ก ๆ จะปิด และถนนแทบจะร้างผู้คน

แต่ที่เมืองรุ่ยเสียนนั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากมีผู้คนมากมาย แม้แต่ในตอนกลางคืน ถนนก็ยังพลุกพล่านไปด้วยผู้คน

ร้านค้าทั้งสองฝั่งถนนก็เต็มไปด้วยผู้คนซึ่งมีชีวิตชีวามาก

สองข้างทางยังมีพ่อค้าแม่ค้าตะโกนขายตะเกียง ขายขนม ขายบะหมี่ และมีความโกลาหลอยู่ข้างถนน

มีของจิปาถะขายทุกประเภท ซึ่งเทียบเท่ากับตลาดในชนบทสมัยใหม่

ตอนนี้ดึกมากแล้ว หากแต่ก็ยังมีความตื่นเต้นอยู่

กู้เสี่ยวอี้ไม่เคยเห็นท้องถนนของเมืองรุ่ยเสียนในตอนกลางคืนที่มีชีวิตชีวามากกว่าเมืองหลิวเจียในตอนกลางวัน นางตื่นเต้นมากที่ได้มาที่เมืองรุ่ยเสียน และตอนนี้กำลังกระโดดโลดเต้นไปด้านหน้า

ถ้าไม่ใช่เพราะกู้เสี่ยวหวานจับมือนางไว้ ไม่รู้ว่านางจะโดนเบียดเสียดจนหายไปไหนแล้ว

เนื่องจากฝูงชนที่มากมาย กู้เสี่ยวหวานจึงไม่กล้าปล่อยมือกู้เสี่ยวอี้ และมีฉินเย่จือติดตามพวกเขาตลอดเวลาเพื่อเฝ้าดู

ย้อนกลับไปตอนที่กู้หนิงผิงบังเอิญชนเข้ากับหญิงสาว กู้เสี่ยวหวานปฏิเสธที่จะปล่อยให้เขาวิ่งเข้าไป และตอนนี้กู้หนิงผิงรู้ว่าเขาทำอะไรผิดไป เขาจึงเดินข้างทุกคนอย่างระมัดระวัง

หลังจากที่ทุกคนเดินไปรอบ ๆ เพื่อซื้อของที่น่าสนใจและกินอาหารอร่อย ๆ เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกแล้วและทุกคนก็เริ่มเหนื่อยล้า พวกเขาทั้งหมดก็กลับไปที่ร้านจิ่นฝู

ยังมีเวลาอีกสองสามวันที่จะเที่ยวเล่นอย่างไม่ต้องรีบร้อน

กู้หนิงอันมีบางอย่างซ่อนอยู่ในใจของเขา และรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อยระหว่างทาง

ตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงเมืองรุ่ยเสียน ใบหน้าของกู้หนิงอันมักจะบูดบึ้งเล็กน้อย

พูดอย่างมีเหตุผล กู้หนิงอันควรยินดีที่จะได้เป็นบัณฑิต

กู้เสี่ยวหวานเห็นมันในดวงตาของนาง และเก็บไว้ในใจของโดยคิดว่านางจะไปหากู้หนิงอันในภายหลัง

แต่ก่อนที่นางจะไป กู้หนิงอันก็มาหานางเสียก่อน

เนื่องจากกู้เสี่ยวอี้หลับไปแล้ว กู้เสี่ยวหวานและกู้หนิงอันมาที่ห้องเล็ก ๆ ด้านนอก การแสดงออกของพวกเขาค่อนข้างเคร่งขรึม

กู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเขายังเด็ก แต่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง และนางพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไป มันเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้รับการยอมรับ ทำไมเจ้าถึงรู้สึกหดหู่ตลอดเวลา”

กู้หนิงอันไม่ได้คาดหวังว่าพี่สาวจะมองเห็นความคิดของเขาเอง ใบหน้าของเขาแดงเล็กน้อย จึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่ แน่นอนว่าข้ามีความสุข แต่…”

“แต่อะไร ข้าเป็นพี่สาวของเจ้า มีอะไรก็พูดมาเถอะ” เมื่อเห็นกู้หนิงอันลังเลที่จะพูด กู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย

กู้หนิงอันเพิ่งเอ่ยปาก แต่เสียงของเขายังคงนุ่มนวล “ท่านพี่ ก่อนที่ข้าจะมาที่เมืองรุ่ยเสียน ข้าไปเคารพท่านอาจารย์สวีมา”

“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น” กู้เสี่ยวหวานพยักหน้า

สวีเซียนหลินและสวีเฉิงเจ๋อมีส่วนอย่างมากในการรับกู้หนิงอันเข้าเป็นบัณฑิต หากไม่ใช่เพราะพวกเขาสองคนมุ่งความสนใจไปที่การสอนและให้ความรู้แก่กู้หนิงอัน กู้หนิงอันอาจจะไม่ประสบความสำเร็จเช่นนี้

“พี่เฉิงเจ๋อต้องการเชิญพวกเราไปฉลองด้วยกัน แต่ข้าได้ยินมาว่าท่านจะไม่อยู่ที่เมืองหลิวเจีย ข้าจึงปล่อยมันไป”

กู้เสี่ยวหวานจิบน้ำและตอบรับในลำคอ “ครั้งหน้าข้ากลับมาจากภูเขาหมิน ข้าจะปฏิบัติต่อพี่เฉิงเจ๋ออย่างดี”

“ท่านพี่ พี่เฉิงเจ๋อขอให้ข้านำของบางอย่างมาให้ท่าน” หลังจากกู้หนิงอันพูดจบ เขาก็หยิบบันทึกการเดินทางที่เขียนโดยสวีเฉิงเจ๋อออกมาจากอ้อมแขนของเขา

กู้หนิงอันถือไว้ในอ้อมแขนของเขาตลอดเวลา

เสี่ยวหวานหยิบมันขึ้นมาพลางเปิดผ้าไหมด้านนอกออก นางเห็นข้อความของสวีเฉิงเจ๋อก่อนที่นางจะพลิกกลับ และถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คืองานเขียนของพี่เฉิงเจ๋อหรือ?”

กู้หนิงอันพยักหน้า “พี่เฉิงเจ๋อบอกว่าท่านวางแผนที่จะไปที่ต่าง ๆ ในอนาคต ดังนั้นเขาจึงเขียนสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรค่าแก่การชมในอาณาจักรต้าชิงทั้งหมด ดังนั้นมันจะสะดวกสำหรับท่านเมื่อท่านเดินทางออกไปข้างนอก”

มือของกู้เสี่ยวหวานสั่นเล็กน้อย

นางพลิกดูบันทึกการเดินทางในมือของตนคร่าว ๆ ซึ่งสวีเฉิงเจ๋อคัดลอกหรือสอบถามทั้งหมดจากบันทึกการเดินทางอื่น ๆ

ก่อนที่สวีเซียนหลินจะมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่สำนักศึกษา เขาได้เดินทางไปกับฮูหยินสวีและมีหนังสือที่ตัดตอนมาเล่มหนึ่ง และสวีเฉิงเจ๋อก็ยืมมาเช่นกัน หลังจากค้นบันทึกการเดินทางทั้งหมดแล้ว นี่คือบันทึกการเดินทางเล่มหนา

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางบอกสวีเฉิงเจ๋อว่านางจะต้องการเดินทางไปทั่วภูเขาและแม่น้ำ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงเหนือ และมุ่งหน้าไปยังแม่น้ำและภูเขาที่ยิ่งใหญ่ของต้าชิง

และเขายังคงจำได้

ลายมือที่คุ้นเคยของสวีเฉิงเจ๋อค่อย ๆ พร่ามัวในดวงตาของกู้เสี่ยวหวานราวกับว่ามีม่านปิดตา และทำให้นางมองเห็นอย่างไม่ชัดเจน

“ท่านพี่ พี่เฉิงเจ๋อใช้ความคิดอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้” กู้หนิงอันกล่าว “ข้าเคยเห็นพี่เฉิงเจ๋ออ่านบันทึกการเดินทางและจดไว้ บางครั้งตอนดึกข้าหลับจนตื่นแล้ว เขายังก็ยังคงหมกมุ่นอยู่กับมัน”

บทที่ 1094 ต้องทำให้ผิดหวัง

กู้หนิงอันโศกเศร้าเล็กน้อย ตอนนี้มีเพียงพี่น้องของเขาที่นี่และไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร กู้หนิงอันพูดอย่างตรงไปตรงมา “ท่านพี่ พี่เฉิงเจ๋อชอบท่าน แต่เขาไม่กล้าที่จะบอกกับท่าน”

“พี่เฉิงเจ๋อขี้อาย อย่ามองไปที่รูปลักษณ์ของเขาในสำนักศึกษา เพียงแต่ว่าตอนที่อยู่ต่อหน้าท่าน เขากลับไม่กล้าพูด” กู้หนิงอันพูดแทนสวีเฉิงเจ๋อ เพราะเข้าใจว่าสวีเฉิงเจ๋อคงไม่มีโอกาสได้พูด

มือของกู้เสี่ยวหวานที่กำลังพลิกหนังสืออยู่นั้นหยุดชะงักทันที นางมองกู้หนิงอันที่กระตือรือร้น และหลังจากนั้นไม่นานนางก็พูดว่า “ข้ารู้”

“อะไรหรือท่านพี่ ท่านรู้ว่าพี่เฉิงเจ๋อ..” กู้หนิงอันไม่ได้คาดหวังว่าพี่สาวของเขาจะรู้ว่าสวีเฉิงเจ๋อชอบนาง

กู้หนิงอันตื่นตระหนกและมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างกระตือรือร้น

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ข้ารู้”

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ แต่นางจะไม่เข้าใจสิ่งที่สวีเฉิงเจ๋อสื่อความหมายกับนางด้วยสายตาที่เป็นประกายเช่นนั้นได้อย่างไร

ก็แค่ถ้าไม่สามารถตอบรับได้ และก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้

“ข้าเห็นเขาเป็นเพียงพี่ชายมาโดยตลอด” กู้เสี่ยวหวานตอบ

“ท่านพี่ ท่านชอบพี่เย่จือใช่หรือไม่” กู้หนิงอันไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ความรักระหว่างชายและหญิงได้รับการปลุกให้ตื่นขึ้นตั้งแต่เห็นสวีเฉิงเจ๋อที่ดูโดดเดี่ยวครั้งล่าสุด

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าตอบรับ

“พี่เฉิงเจ๋อก็เก่งมาก เขาเทียบเท่าพี่ใหญ่ฉินได้” กู้หนิงอันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

เมื่อได้ยินกู้หนิงอันใช้คำพูดดังกล่าวเพื่อเปรียบเทียบคนทั้งสอง กู้เสี่ยวหวานก็ตกตะลึงเล็กน้อย “หนิงอัน เรื่องของความรู้สึกน่ะ มันไม่ใช่ว่าใครมาก่อนแล้วจะได้ก่อนหรอกนะ มันอยู่ที่ว่าใครเป็นที่ถูกตาต้องใจต่างหากล่ะ หากในอนาคตเจ้าต้องการปกป้องใครสักคนด้วยชีวิตของเจ้า และนางก็ปฏิบัติต่อเจ้าราวกับเจ้าคือชีวิตของนางเอง นั่นคือสิ่งที่โชคชะตาได้กำหนดไว้แล้ว และเจ้าจะไม่มีวันมองผู้อื่นนอกจากนาง”

เรื่องของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้

“แต่ว่าท่านพี่ พี่เฉิงเจ๋อเขาเป็นคนดีมาก และเขาเป็นคนแรกที่รู้จักท่าน” กู้หนิงอันไม่เข้าใจดีนัก แต่เขาก็เข้าใจว่า ถ้าได้เจอกับใครก่อนก็ไม่ได้แปลว่าต้องชอบคนคนนั้น

สำหรับฉินเย่จือเป็นกรณีนี้

มีเพียงเขาในสายตา ในหัวใจก็มีแต่เขา สำหรับสวีเฉิงเจ๋อพูดได้เพียงคำว่าขอโทษ

หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่สาวของเขาพูด กู้หนิงอันก็ผงะเล็กน้อยและพึมพำกับตัวเอง “เท่าชีวิต…?”

“ใช่ คนที่หวงแหนเหมือนชีวิต คือคนที่อยากอยู่ด้วยจริง ๆ และข้าก็โชคดีที่คนที่ข้าชอบ เขาก็เป็นคนที่ข้าอยากจะดูแลเขาเหมือนชีวิตเช่นกัน”

หลังจากกู้หนิงอันกลับไปที่ห้อง เขายังคงคิดเกี่ยวกับสิ่งที่กู้เสี่ยวหวานพูดจนทำให้เขานอนไม่หลับ

คำพูดของกู้เสี่ยวหวานยังคงสะท้อนอยู่ในใจของกู้หนิงอันจริง ๆ

รอบตัวเขายังมีเด็กสาวที่มีชื่อเสียงมากมายที่ต้องการแต่งงานกับเขา แต่มีเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจและดวงตาของเขา

เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะใช้ชีวิตทั้งชีวิตร่วมกัน

หลังจากกู้หนิงอันจากไป กู้เสี่ยวหวานก็ปีนขึ้นไปบนเตียง แต่นางไม่ได้นอนต่อ นางอ่านหนังสือบันทึกการเดินทางอยู่บนเตียง

บันทึกการเดินทางเล่มนั้นยังคงส่งกลิ่นหอมของน้ำหมึก

กู้เสี่ยวหวานใช้ความคิดมากมายกับหนังสือเล่มนี้ซึ่งเต็มไปด้วยรูปภาพและข้อความ นางรู้สึกว่าเหมือนตนเองได้เดินทางไปทั่วอาณาจักร

ทันใดนั้น ดูเหมือนจะมีเสียงร้องไห้จากนอกหน้าต่าง กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเพียงว่าเสียงนั้นดูคุ้นเคยจึงรีบลุกขึ้น นางเปิดหน้าต่างและมองไปข้างนอก ในขณะนั้นเสียงร้องไห้ก็หยุดลงทันทีราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น

กู้เสี่ยวหวานมองไปรอบ ๆ และไม่เจอผู้ใด นางจึงปิดหน้าต่างแล้วหันกลับมา

คนที่ชั้นล่างกำลังจ้องมองไปยังหน้าต่างที่กู้เสี่ยวหวานเปิดไว้เมื่อครู่ ใบหน้าที่สวยงามนั้นตราตรึงอยู่ในดวงตาอันร้อนแรง

ในวันที่สองหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเช้าในร้านจิ่นฝูแล้ว พวกเขาวางแผนที่จะไปเยี่ยมชมสถานที่ที่น่าสนใจบางแห่ง

มีสถานที่หลายแห่งที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชมในเมืองรุ่ยเสียน และระหว่างทาง กู้เสี่ยวหวานได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ

กู้หนิงผิงเป็นคนบ้าระห่ำ เขาต้องมองไปรอบ ๆ เมื่อมาถึง

กู้เสี่ยวหวานจึงต้องพยายามปรามเขาอยู่บ่อย ๆ

ต่อมาเมื่อเขาจะไปห้องน้ำ ฉือโถวจึงอาสาไปกับเขาด้วย

ระหว่างทางกลับก็ได้เจอกับคนที่คุ้นเคย

นั่นคือเด็กสาวที่เขาบังเอิญชนเมื่อคืนนี้เพราะความสะเพร่าของเขา

แม่นางผู้นั้นที่ดูเป็นผู้ลากมากดี กำลังถูกรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มสองสามคน

“ออกไปให้พ้นทางเดี๋ยวนี้นะ! ในเวลากลางวันแสก ๆ ยังกล้ารังแกผู้หญิง มันสมควรแล้วหรือ” อาอวี้ สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ คอยปกป้องถานอวี้ซูตลอดเวลา

นายน้อยผู้นั้น ผู้ที่น่าจะคลุกคลีอยู่ที่หอนางโลมเหยียนฮวาเป็นเวลาหลายปี นอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าแล้ว มือและเท้าของเขาก็เริ่มกระสับกระส่ายพลางแย้มยิ้ม “จุ๊ ๆ ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นสาวงามเช่นนี้ในเมืองรุ่ยเสียนมาก่อนเลย ดูสิ หญิงผู้นี้ช่างดูอ่อนโยนและสวยกว่าหญิงในหอนางโลมเป็นร้อยเท่าพันเท่า”

เมื่อได้ยินคนที่อยู่ข้างหน้าเปรียบเทียบตัวนางกับหญิงในหอนางโลมเหยียนฮวา ใบหน้าของถานอวี้ซูก็มืดลงทันที นางก้าวไปข้างหน้าและตบเขาสองครั้ง ทำให้คนรอบข้างต่างตกตะลึง

ชายที่ถูกตบเอียงศีรษะ เขาเอามือปิดหน้าด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ และเมื่อรู้ว่าเขาถูกเด็กสาวตบ โทสะของเขาพลันปะทุขึ้นทันที “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาตบข้าเช่นนี้ ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ!”

——————————————————————–

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท