บทที่ 1100 หงส์ผู้สูงส่ง
บทที่ 1100 หงส์ผู้สูงส่ง
กู้เสี่ยวหวานรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย แต่พอเห็นกู้หนิงผิงเฝ้ามองถานอวี้ซูด้วยความชื่นชอบ ใจนางก็ไม่เป็นสุขสักเท่าไร
ฉินเย่จือที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองเห็นความกังวลระหว่างคิ้วของกู้เสี่ยวหวาน
เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่านางกำลังหมายถึงอะไร เขาเอื้อมไปบีบมือขวาของนางที่อยู่บนฝ่ามือของตัวเองอย่างแผ่วเบา
นวดเบา ๆ ก่อนจะแสดงสีหน้าบอกใบ้ให้นางวางใจ
ราวกับกำลังบอกนางว่าไม่ต้องกังวล ทุกย่างจะต้องมีทางออก
ครั้นเห็นท่าทางที่ปลื้มปีติยินดีของกู้หนิงผิง กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ อยู่ในใจ
หวังว่าสถานการณ์นี้จะดีขึ้นในไม่ช้า
ถานอวี้ซูมาที่เมืองรุ่ยเสียนเพียงแค่อยากจะมาเที่ยวเล่นรอบ ๆ เมือง พอกินอาหารเช้าเสร็จก็ไม่มีอะไรทำ ดังนั้นนางจึงชวนทุก ๆ คนออกไปเที่ยวด้วยกัน
เดิมทีกู้หนิงผิงเป็นคนที่รักการท่องเที่ยวอยู่แล้ว คราวนี้มีถานอวี้ซูเข้ามา เขาจึงต้องการอยู่กับนางไปโดยธรรมชาติ
ประจวบเหมาะกับที่ตัวเองยังเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง จึงถือโอกาสไปอยู่ข้าง ๆ เพื่อปกป้องนางด้วย
ซึ่งแน่นอนว่ามันคือการไปที่พร้อมด้วยความสมัครใจ
กู้ฟางสี่และป้าจางเองก็ไม่มีธุระอะไรต้องทำ ดังนั้นพวกนางจึงพากู้เสี่ยวอี้ไปที่ร้านเสื้อผ้าในเมืองรุ่ยเสียนด้วยกัน เพื่อไปดูว่าลวดลายผ้าและรูปแบบการปักที่ได้รับความนิยมที่สุดในปีนี้คืออะไร
หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานคำนวณบัญชีในร้านจิ่นฝูเสร็จเรียบร้อย เมื่อเห็นว่ายังเช้าอยู่ นางจึงออกความเห็นว่าจะออกไปเดินเล่นกับฉินเย่จือ
ทั้งสองคนเดินลัดเลาะอย่างช้า ๆ ไปตามถนนสายนี้หลังจากออกจากร้านจิ่นฝู
ร้านฝูจิ่นอยู่ไม่ไกลจากร้านจิ่นฝูนัก แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ถึงเวลารับประทานอาหาร แต่ก็เห็นได้ว่ามีผู้คนอยู่ข้างในไม่น้อยเลย
แค่เวลาในการกินหม้อไฟก็นานมากพออยู่แล้ว ดังนั้นบางคนจึงมาไม่ตรงกับเวลาอาหาร แต่จะมาก่อนและพากันนั่งอยู่ในนั้น ค่อย ๆ ลวกจิ้มหม้อไฟและพูดคุยกับเพื่อนหรือญาติ ๆ อย่างไม่รีบร้อน การได้กินไปดื่มไป ได้กินไปคุยกันไป จะมีความหมายมากเพียงใดไม่ต้องพูดถึงเลย
กู้เสี่ยวหวานแค่ยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าเพียงครู่เดียวก็เห็นได้ว่ากิจการด้านในกำลังรุ่งเรือง ร้านฝูจิ่นเต็มไปด้วยควันคละคลุ้งไปทั่วทั้งร้าน บางคนกินอาหารร้อน ๆ เข้าไปอย่างไม่ทันระวังก็โบกพัดกันใหญ่ แต่ความกระตือรือร้นในการกินหม้อไฟไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าถึงใจและสดชื่นเสียด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นบรรยากาศที่ครึกครื้นของที่นี่ ไม่ต้องเอ่ยก็รู้ว่าในใจของกู้เสี่ยวหวานรู้สึกตื่นเต้นเพียงใด ยิ่งคนในร้านเยอะ กิจการนี้ก็จะยิ่งดีขึ้น พอกิจการดีขึ้น รายได้ก็จะมากขึ้นอย่างแน่นอน นางคิดว่าปีนี้คงจะเป็นปีที่ได้ผลตอบรับดีอีกปี
ครั้นมองจำนวนเงินในมือนี้ถูกใช้จ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ความรู้สึกปลอดภัยนี้ นานวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ทุกวันนี้กู้เสี่ยวหวานและครอบครัวของพวกนางไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป เพราะมีอุตสาหกรรมมากมายและทุกคนต่างก็มีเงินมีรายได้ ต่อไปก็คือการซื้อที่ดินเพิ่ม สร้างเรือนหนึ่งหมื่นหมู่และเป็นเศรษฐีบ้านนา
หลังจากมองดูร้านฝูจิ่นแล้ว ทั้งสองก็เดินต่อไปข้างหน้า ไม่นานก็มาถึงร้านทองร้านหนึ่ง
ร้านทองในเมืองรุ่ยเสียนนั้นงดงามกว่าเมืองหลิวเจียมาก แต่ถ้าดูการตกแต่งภายนอกก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าเมืองหลิวเจียนัก
ในขณะนี้ทั้งสองกำลังยืนอยู่ที่ประตูร้านทองร้านหนึ่ง
“…” กู้เสี่ยวหวานเงยหน้าขึ้นมอง นางพยักหน้าและพูดด้วยความพึงพอใจ “ชื่อนี้มันช่างสง่างาม”
มองดูจากด้านนอกก็รู้สึกว่าของภายในร้านนั้นไม่ธรรมดา เมื่อเห็นท่าทางสนอกสนใจของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือจึงลากนางเข้าไปข้างใน
กู้เสี่ยวหวานแค่อยากจะดูข้างนอกและไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไป เมื่อเห็นว่าฉินเย่จือลากตัวเองเข้าไปข้างใน นางก็รีบพูดขึ้นทันที
“พี่เย่จือ ข้าเพียงแค่อยากดูข้างนอก ไม่ได้จะเข้าไป เครื่องประดับที่ท่านให้ข้าเมื่อคราวก่อนมันมากพอแล้ว”
สำหรับของขวัญคราวก่อน ในบรรดาสิ่งของที่ฉินเย่จือมอบให้นาง มีทั้งเครื่องประดับที่มีมูลค่ามหาศาลนับไม่ถ้วน ถ้าหากมันมากไปกว่านี้ เกรงว่านางจะได้ใส่ทุกวันไม่ซ้ำกันไปจนแก่ แล้วนางยังจะอยากซื้อเครื่องประดับไปด้วยเหตุใดอีก
ฉินเย่จือกลับยิ้มอย่างตามใจพลางลูบหัวของนางแล้วพูดว่า “เวลาออกมาซื้อของ มีเหตุผลใดที่จะให้เจ้ากลับบ้านมือเปล่าด้วยล่ะ ถ้าเป็นของที่เจ้าชอบ ข้าก็จะซื้อให้เจ้า”
กู้เสี่ยวหวานหยุดยืนอยู่ที่ประตูร้านและครุ่นคิด
คงจะเป็นอย่างที่ฉินเย่จือพูดจริง ๆ เพราะดูเหมือนว่าทุกครั้งที่นางออกมาพร้อมกับฉินเย่จือ นางไม่เคยได้กลับไปมือเปล่าเลย
ไม่ว่าจะเป็นการสั่งตัดเสื้อผ้าหลาย ๆ ชุด ซื้อครื่องประดับ หรือจะเป็นซื้อของที่ตนสนใจ
ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกบ้าน นางไม่เคยได้กลับบ้านมือเปล่าเลย
ในขณะที่นางยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ถูกฉินเย่จือลากเข้าไปในร้าน
พอถึงด้านใน เมื่อลูกจ้างของที่นั่นเห็นหนุ่มสาวในชุดหรูหราเดินเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที ก่อนจะเดินมาต้อนรับหน้าร้าน “คุณผู้ชายกับคุณผู้หญิงทั้งสองชอบรูปแบบไหนหรือ ถ้าเป็นแบบที่ร้านอื่นมี ร้านข้าก็มี แต่ถ้าแบบที่ร้านอื่นไม่มี ร้านข้าย่อมมี”
เมื่อเห็นว่าเขาพูดเกินจริงด้วยความมั่นใจ กู้เสี่ยวหวานจึงหัวเราะตอบ “จากที่เจ้าพูด รู้สึกว่าร้านของเจ้าจะมีทุกอย่างเลยสินะ”
เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานไม่เชื่อ ลูกจ้างก็ยิ้มและพูด “พูดกันตามตรง ที่ร้านอื่นไม่มี แต่ร้านข้ามีจริง ๆ เช่นเดียวกับรูปแบบที่นิยมกันในตอนนี้ ต่างก็ฉกฉวยออกไปจากร้านของข้าทั้งนั้น”
เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินก็เกิดสนใจขึ้นมาทันที “แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังออกแบบอยู่ที่นี่อีกเล่า”
ลูกจ้างตบหน้าอกและเอ่ยออกมาอย่างภาคภูมิใจทันที “ข้อสันนิษฐานของท่านนี่ไม่เลวเลยจริง ๆ รูปแบบเครื่องประดับทอง เงิน และหยกในร้านของข้า ความจริงมันถูกออกแบบโดยเถ้าแก่เจ้าของร้าน”
ฉินเย่จือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “โอ้ ไม่คิดเลยว่าเถ้าแก่ของเจ้าจะออกแบบรูปแบบเครื่องประดับได้”
ลูกจ้างในร้านมีสีหน้าชื่นชมและเขาพูดต่อไม่หยุด “เจ้านายของข้าชอบออกแบบของพวกนี้ตั้งแต่ยังเล็ก ข้าเองก็มิรู้หรอกว่าพวกหญิงสาวหรือพวกคุณนายชอบสิ่งเหล่านี้มากน้อยเพียงใด ท่านดูสิ รูปแบบนี้คือต้นไม้สองต้นเคียงข้างกัน และรูปแแบบนี้ เฟิ่งหวงหยิน ท่านลองดู ข้ากล้ารับประกันว่าเป็นรูปแบบที่ท่านไม่เคยเห็นมาก่อนแน่นอน”
กู้เสี่ยวหวานมองไปที่รูปแบบที่ลูกจ้างนำมาและดูอย่างระมัดระวัง
เป็นความจริงแท้ ลูกจ้างของร้านนี้พูดไม่ผิดจริง ๆ
แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ได้ไปซื้อของที่ร้านทองในเร็ว ๆ นี้ แต่กู้เสี่ยวหวานก็เข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบที่นิยมในตอนนี้เป็นอย่างมาก
เนื่องจากกู้เสี่ยวอี้ต้องการปักผ้า กู้เสี่ยวหวานจึงจำเป็นต้องเข้าใจให้ถ่องแท้ว่ารูปแบบและลวดลายใดเป็นที่นิยมในตอนนี้
ต้องทำเช่นนี้ถึงจะสามารถตอบสนองความพึงพอใจของหญิงสาวเหล่านี้ได้