สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1091 ถูกล้อมทุกด้าน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1091 ถูกล้อมทุกด้าน

ไป๋ชิงเหยียนปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอ ปล่อยลูกธนูออกไป จากนั้นหยิบลูกใหม่ออกมาใส่คันธนูอย่างรวดเร็ว สายตาจ้องนิ่งไปทางไป๋ชิงอวี๋…

ลูกธนูเฉียดผ่านแขนขวาของไป๋ชิงอวี๋ปักลงบนร่างของทหารซีเหลียงจนกระเด็นตกลงจากหลังม้า

ไป๋ชิงอวี๋หันหัวม้ากลับไปใช้หอกยาวแทงทะลุลำตัวของทหารซีเหลียงผู้นั้น เลือดสดสาดกระจายทั่วบริเวณ

ไป๋ชิงเหยียนเหลือบเห็นแสงดาบพุ่งตรงไปยังด้านข้างของไป๋ชิงอวี๋ หญิงสาวเล็งธนูไปยังทิศทางนั้นทันที ลูกธนูคมพุ่งทะยานไปกลางอากาศเสียบทะลุลำคอของม้าศึกของทหารซีเหลียงซึ่งกำลังชูดาบขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ม้าส่งเสียงร้องแหลม ทหารซีเหลียงที่ล้อมอยู่รอบกายไป๋ชิงอวี๋เสียชีวิตลงด้วยกีบม้าศึกของไป๋ชิงอวี๋

ทหารหรงตี๋มองเห็นทหารต้าโจวที่ยืนอยู่บนกำแพงยิงธนูลงมาจึงหวาดกลัวขึ้นทันที ทว่า เมื่อเห็นว่าลูกธนูเหล่านั้นไม่ได้พุ่งเป้ามาทางพวกเขา กลับพุ่งเป้าไปทางกองทัพซีเหลียงที่หมายเอาชีวิตของพวกเขาแทน ทหารหรงตี๋จึงวางใจลง

ไป๋ชิงเหยียนยืนปกป้องไป๋ชิงอวี๋อยู่บนกำแพง ไป๋ชิงอวี๋เชื่อใจฝีมือการยิงธนูของพี่สาวจึงยิ่งต่อสู้โดยไร้ความกังวล

เมื่อเห็นกองทัพช้างบุกไปใกล้ถึงกำแพงเมืองไป๋ชิงอวี๋จึงตะโกนขึ้น “ห้ามกองทัพช้างให้ได้!”

กองทัพหรงตี๋พุ่งตรงไปทางกองทัพช้างอย่างพร้อมสละชีวิต หากเชือกเส้นเดียวสกัดช้างเหล่านั้นไว้ไม่ได้ เช่นนั้นก็เพิ่มเป็นสอง สาม ห้า…สิบเส้น!

สายตาของไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ละไปจากร่างของไป๋ชิงอวี๋แม้แต่น้อย หญิงสาวตะโกนสั่งเสียงดัง “พลธนูเตรียมธนูไฟให้พร้อม!”

เสิ่นคุนหยางซึ่งยืนคุ้มกันอยู่ข้างกายไป๋ชิงเหยียนตะโกนเสียงดังลั่น “พลธนูเตรียมธนูไฟให้พร้อม ยิงถล่มกองทัพช้างเหล่านั้นให้ตาย!”

ทหารสื่อสารวิ่งกระจายตัวไปถ่ายทอดคำสั่ง “พลธนูเตรียมธนูไฟให้พร้อม ยิงถล่มกองทัพช้างเหล่านั้นให้ตาย!”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“พลธนูเตรียมธนูไฟให้พร้อม ยิงถล่มกองทัพช้างเหล่านั้นให้ตาย!”

เสียงตะโกนออกคำสั่งดังขึ้นทั่วกำแพงเมือง พลธนูกลุ่มแรกถอยหลังออกมา พลธนูกลุ่มที่สองซึ่งชุบลูกธนูลงไปในน้ำมันไฟพร้อมรีบเข้าไปแทนที่ จากนั้นยิงธนูออกไป ลูกธนูไฟลอยไปทางฝูงช้างเหล่านั้นทันที

กองกำลังทหารที่นำทัพโดยหวังชิวลู่เข้าร่วมการต่อสู้เช่นเดียวกัน

เซี่ยสวินนำทหารต้าเยี่ยนบุกเข้าไปร่วมรบ

ทหารซีเหลียงเพียงหกพันนายไม่เพียงพอให้พวกเขาสังหาร…

แม่ทัพเทียนเฟิ่งมองไปรอบกาย ร่างกายของเขาชาวาบทันที บัดนี้เทียนเฟิ่งและซีเหลียงถูกศัตรูล้อมทั้งสี่ด้าน สิ่งที่พึ่งพาได้ในตอนนี้มีเพียงกองทัพช้างเท่านั้น พวกเขาทำได้เพียงสู้สุดชีวิต

แม่ทัพเทียนเฟิ่งตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เขาก้มหน้าเป่าขลุ่ยในมืออีกครั้ง

ใบหูของไป๋ชิงเหยียนที่กำลังจ้องไปยังร่างของไป๋ชิงอวี๋นิ่งขยับเล็กน้อย นางได้ยินแล้ว…

ไป๋ชิงเหยียนหันหัวธนูไปยังอีกทางด้วยแววตาเกรี้ยวกราด จากนั้นปล่อยลูกธนูออกไปทันที

ลูกธนูคมลอยเสียดสีกับเกราะของช้างศึกจนเกิดประกายไฟ ลูกธนูพุ่งทะยานต่อไปอย่างรวดเร็ว แม่ทัพเทียนเฟิ่งที่กำลังเป่าขลุ่ยอยู่รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างกระทบลงบนหมวกเกราะของเขาอย่างแรง ลูกธนูไม่สามารถทะลุผ่านหมวกเกราะซึ่งถูกหลอมขึ้นด้วยผงหมึกดำทั้งหมดได้ มีเพียงปลายแหลมคมของลูกธนูเท่านั้นที่ปักลงไปได้ ภาพตรงหน้าของแม่ทัพเทียนเฟิ่งมืดลง เขาหล่นลงจากหลังม้าทันที…

“ท่านแม่ทัพ!”

“ท่านแม่ทัพ!”

เมื่อทหารเทียนเฟิ่งเห็นแม่ทัพของตัวเองหล่นจากหลังม้าจึงรีบกระโดดลงจากหลังม้าพลางร้องออกมาเป็นภาษาเทียนเฟิ่งด้วยความตกใจ เขาเห็นศีรษะของแม่ทัพเทียนเฟิ่งเต็มไปด้วยเลือดจึงรีบแบกร่างของแม่ทัพขึ้นไปบนหลังม้า จากนั้นตะโกนสั่งถอยทัพเสียงดังลั่น

ทว่า ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถถอยทัพหนีได้อีกแล้ว ทั้งสี่ทิศถูกศัตรูล้อมจนมีเพียงกองทัพช้างเท่านั้นที่สามารถฝ่าออกไปได้ ทว่า แม่ทัพเทียนเฟิ่งซึ่งสามารถเป่าขลุ่ยควบคุมช้างได้สลบไปแล้ว ที่สำคัญศีรษะของเขาเต็มไปด้วยเลือดจนไม่รู้ว่ายังมีลมหายใจอยู่หรือไม่

ช้างศึกตัวหนึ่งของเทียนเฟิ่งบุกเข้าไปประชิดกำแพงเมืองเป็นตัวแรก มันตวัดงวงฟาดลงไปทางกำแพงเมือง

การกระแทกครั้งแรกของช้างศึกทำเอาประตูเหล็กของเมืองผิงหยางเกือบพังทลายลงมา เหล่าทหารเร่งกันเหยียบย่ำกองหิมะให้กลายเป็นพื้นน้ำแข็งโดยเร็วที่สุด

เหล่าทหารที่ยืนถือดาบอยู่ด้านหลังถนนน้ำแข็งมีสีหน้าตึงเครียดทุกคน พวกเขารอเวลาที่ช้างตัวแรกจะลื่นล้มบนถนนน้ำแข็งหลังจากบุกเข้ามาในเมือง

หลังจากที่ช้างตัวแรกพังประตูครั้งแรกเสร็จ กลิ่นฉุนและแสบร้อนที่ลอยมาทางอากาศปะทะเข้ากับจมูกที่มีประสาทสัมผัสไวกว่าส่วนอื่นของช้างยักษ์ ช้างที่กำลังพังประตูเมืองอยู่จึงคุ้มคลั่งขึ้นมาทันที มันตวัดงวงของมันไปทั่วโดยไร้ทิศทาง กระแทกศีรษะลงบนกำแพงหนึ่งที จากนั้นหันไปกระแทกประตูอีกหนึ่งที

กำแพงเมืองสั่นคลอนเพราะแรงกระแทกของช้าง เสิ่นคุนหยางทำสงครามมาทั้งชีวิต ทว่า ไม่เคยพบสัตว์ที่น่ากลัวเช่นช้างมาก่อน เขารีบเข้าไปช่วยประคองร่างของไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทรีบเสด็จหนีไปก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“หนีไปตอนนี้คงไม่ทันแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนไม่เห็นร่างของไป๋ชิงอวี๋แล้ว นางหยิบลูกธนูออกมาพลางกวาดสายตามองหาร่างของน้องชาย เมื่อเห็นทหารซีเหลียงชูดาบเตรียมฟันลงบนร่างของทหารต้าโจว ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้า ง้างสายธนู จากนั้นยิงไปอย่างแม่นยำ…

ดาบของทหารซีเหลียงผู้นั้นยังไม่ทันโดนร่างของทหารต้าโจว ลูกธนูลอยทะลุลำคอของทหารซีเหลียง ทหารต้าโจวรีบมองไปทางกำแพงเมือง เขารู้ว่าสหายซึ่งยืนอยู่บนกำแพงเมืองกำลังปกป้องพวกเขาอยู่ จักรพรรดิของพวกเขา…เทพเจ้าแห่งสงครามกำลังยืนปกป้องพวกเขาอยู่บนกำแพงนั้น

เลือดในตัวของทหารต้าโจวร้อนผ่าวขึ้นทันที เขารีบคลานขึ้นจากพื้น หยิบดาบเข้าไปต่อสู้กับศัตรูอีกครั้ง

ดาบของมู่หรงเหยี่ยนตวัดไปทางใด ทางนั้นมีแต่เลือดสดสาดกระเซ็น คืนนี้คือคืนที่เหน็บหนาวมาก เลือดที่หยดลงบนพื้นเกาะตัวเป็นเกล็ดเลือดแข็งในเวลาไม่นาน ม้าศึกของชายหนุ่มยกขาหน้าขึ้นด้วยความคึกคะนอง มู่หรงเหยี่ยนรีบกระตุกบังเหียนม้าให้สงบลง เขาถือดาบคุ้มกันอยู่ด้านล่างกำแพง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “เล็งยิงไปที่ตาของช้าง บีบให้พวกมันถอยทัพไปให้ได้!”

ทหารต้าเยี่ยนยังไม่ทันยิงธนูไปยังดวงตาของช้าง กลิ่นฉุนที่ลอยมาทางอากาศทำให้ช้างซึ่งมีประสาทรับกลิ่นที่รวดเร็วทนไม่ไหวเสียก่อนแล้ว กองทัพช้างวิ่งชนกันเอง ช้างตัวหนึ่งวิ่งสะบัดงวงไปมาอยู่บนกองหิมะจนหิมะหลอมละลายกลายเป็นถนนน้ำแข็ง ช้างตัวนั้นลื่นล้มลงบนพื้นทันที พื้นบริเวณนั้นสั่นไหวราวกับเกิดแผ่นดินไหว

เมื่อช้างตัวนั้นล้มลงเหล่าทหารจึงพากันกรูเข้าไปหาช่องว่างบนลำตัวช้างที่ไม่มีเสื้อเกราะป้องกัน จากนั้นแทงดาบลงไปทันที ช้างส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันพยายามขยับตัวลุกขึ้นยืน…สะบัดทหารที่ปีนขึ้นไปบนตัวมันได้กระเด็นไปไกล ทว่า ยังไม่ยืนนิ่งก็กลับลื่นล้มลงอีกครั้ง ทหารต้าโจวถลาเข้าไปใช้ดาบแทงช่องว่างตามลำตัวของช้างตัวนั้นอีกครั้งอย่างพร้อมเพรียง

ช้างของเทียนเฟิ่งพากันล้มลงบนพื้นทีละตัว ทหารต้าโจวปีนขึ้นไปห้อมล้อมช้างเหล่านั้นไว้ราวกับฝูงมดที่ไม่หวาดกลัวสัตว์ใหญ่

“ฝ่าบาท!” แม่ทัพตระกูลตี๋ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดตระกูลสูงศักดิ์ของซีเหลียงยื่นมือไปทางหลี่เทียนฟู่ จากนั้นกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท ต้าเยี่ยนนำทัพมาช่วยเหลือต้าโจวแล้ว พวกเราถูกล้อมทั้งสี่ด้าน พวกเราพ่ายแพ้แล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเราไม่ควรคะนองสงครามต่อไป กระหม่อมจะคุ้มกันฝ่าบาทหนีไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เทียนฟู่กัดฟันกรอด นางมองไปทางกำแพงเมืองผิงหยางที่เต็มไปด้วยแสงไฟแวบหนึ่ง นางกัดฟันอย่างตัดสินใจแน่วแน่ เอื้อมมือไปจับมือของแม่ทัพตระกูลตี๋ จากนั้นตะโกนขึ้น “ถอย!”

“ทหารซีเหลียงทุกคน คุ้มกันฝ่าบาทหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ไม่ว่าต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม!”

ทหารซีเหลียงเดินทางมาที่นี่อย่างฮึกเหิม ทว่า ตอนนี้ต้องยอมรับว่าพวกเขาถูกศัตรูล้อมไว้ทุกด้านแล้ว

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท