ตอนที่ 1093 จดจำขึ้นใจ
หมอหงนั่งทำแผลให้มู่หรงลี่อยู่ตรงโต๊ะกลมด้านหลังฉากกั้น มู่หรงลี่ถูกพลทหารม้าของเทียนเฟิ่งฟันเข้าที่แขนข้างขวา
มู่หรงลี่ยังคงตัวสั่นเทาไม่หายจนถึงตอนนี้ หลังผ่านประสบการณ์ในสนามรบครั้งนี้เขาจึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสนามรบโหดร้ายเพียงใด หากฝ่ายตรงข้ามไม่ตายผู้ที่ตายก็คือตัวเขาเอง เสียแรงที่เสด็จพ่อและท่านอาเก้าคิดว่าเขาสุขุม ทว่า วันนี้หากไม่ได้เยว่สือเขาคงตายในสนามรบไปแล้ว
ในสายตาของมู่หรงลี่ เด็กหนุ่มนับถือและชื่นชมตระกูลนักรบไป๋มาก เขาคิดว่าคุณชายสิบเจ็ดของตระกูลไป๋ที่อายุน้อยที่สุดในตระกูลยังสามารถไปออกรบได้ เขาโตกว่าคุณชายสิบเจ็ด อีกทั้งเคยร่ำเรียนการต่อสู้กับพี่ชายสอง ถึงแม้จะสังหารศัตรูได้ไม่มาก ทว่า เขาคงสามารถปกป้องตัวเองได้
นึกไม่ถึงเลยว่าเมื่อลงสนามรบจริงครั้งแรกเขาจะได้รับบทเรียนจากแคว้นศัตรูเช่นนี้
ตอนนี้เขาถึงได้เข้าใจว่าในสนามรบไม่มีคำว่าปลอดภัยเต็มร้อย เมื่อคิดได้ดังนี้เขาจึงยิ่งนับถือตระกูลไป๋ นับถือเจิ้นกั๋วอ๋อง นับถือคุณชายสิบเจ็ดของตระกูลไป๋ที่ยอมพลีชีพของตัวเองอย่างกล้าหาญ
หมอหงทายาลงบนบาดแผลให้มู่หรงลี่เสร็จ เขาจึงหันไปล้างมือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดในน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นกล่าวขึ้น “ได้รับบาดเจ็บที่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ลึกถึงเส้นเอ็น หมั่นเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน อย่าให้แผลโดนน้ำ อีกไม่นานก็หายขอรับ”
ไป๋จิ่นจื้อนั่งอยู่ข้างกายมู่หรงลี่ นางยื่นถ้วยชาให้มู่หรงลี่ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นมือที่สั่นระริกของเด็กหนุ่ม จากนั้นกล่าวกับมู่หรงลี่เสียงเบาหวิว “เจ้าเข้มแข็งกว่าข้ามาก ครั้งแรกที่ข้าไปออกรบในสนามรบจริง ข้าได้รับการปกป้องอย่างดีจากพี่หญิงใหญ่ ทว่า กลับแอบไปอาเจียนลับหลังผู้อื่น เมื่อนึกถึงสภาพศพน่าอนาถในสนามรบ ข้าคลื่นไส้จนไม่อยากทานเนื้อแม้แต่น้อย”
มู่หรงลี่ได้ยินว่าเนื้อจึงรู้สึกปั่นป่วนท้องขึ้นมาทันที ทว่า เขาพยายามกัดฟันอดทนไว้ เมื่อเห็นถ้วยน้ำชาที่ไป๋จิ่นจื้อยื่นมาให้ มู่หรงลี่จึงรีบยกขึ้นดื่มทันที ทว่า เมื่อน้ำชาลงไปในท้องเขายิ่งรู้สึกปั่นป่วนมากขึ้นกว่าเดิม เขารีบปิดปากลุกขึ้นยืนพลางวิ่งออกไปด้านนอก จับราวระเบียงทางเดินแน่นพลางโก่งคออาเจียนออกมาอย่างทนไม่ไหว
เยว่สือเห็นสภาพของมู่หรงลี่จึงเตรียมลุกขึ้นเดินไปหา ทว่า เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองแหวกม่านเดินออกมาจึงคุกเข่าลงที่เดิม
มู่หรงเหยี่ยนถือน้ำชาออกมาหนึ่งถ้วย ชายหนุ่มช่วยลูบหลังให้มู่หรงลี่เบาๆ เมื่อมู่หรงลี่อาเจียนเสร็จแล้วจึงยื่นถ้วยชาให้
มู่หรงลี่บ้วนปากเสร็จจึงลุกขึ้นยืน เขาใช้แขนเสื้อเช็ดปากของตัวเอง จากนั้นเอ่ยเรียกมู่หรงเหยี่ยนอย่างรู้สึกผิด เด็กหนุ่มกำถ้วยชาไว้ในมือแน่น เขารู้สึกว่าตัวเองไร้ประโยชน์ที่สุด
“ออกรบครั้งแรกมีอาการเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติ อาหรือแม้กระทั่งจักรพรรดินีแห่งต้าโจวตอนออกรบครั้งแรกล้วนมีปฏิกิริยาเช่นนี้ทั้งสิ้น เมื่อเห็นความโหดร้ายในสนามรบจึงรู้ว่าสงครามไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องรวบรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งให้ได้” มู่หรงเหยี่ยนเอื้อมมือลูบศีรษะของมู่หรงลี่เบาๆ
มู่หรงเหยี่ยนเคยเห็นมาก่อนดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายที่แท้จริงของการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่ง
ไป๋ชิงเหยียนเคยมีประสบการณ์มาก่อนดังนั้นหญิงสาวจึงเข้าใจมากกว่าผู้ใดว่าหากต้องการให้ใต้หล้าสงบสุขอย่างแท้จริงมีเพียงการรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งเท่านั้น
มู่หรงลี่ที่ออกรบในสนามรบเป็นครั้งแรกในวันนี้เข้าใจถึงความโหดร้ายในสนามรบอย่างถ่องแท้ เขาเพิ่งเข้าใจว่าจำนวนทหารที่บาดเจ็บล้มตายในสนามรบที่เขาเคยได้รับรายงานไม่ใช่เพียงตัวเลขเท่านั้น ทว่า นั่นคือชีวิตของเหล่าทหารที่สละชีพในสนามรบ
นี่คือเหตุผลที่มู่หรงเหยี่ยนพามู่หรงลี่มาในสนามรบครั้งนี้ด้วย การสอนด้วยตำราไม่ช่วยทำให้เขาจดจำได้ขึ้นใจเท่ากับการได้เห็นด้วยตาของตัวเอง
มู่หรงลี่เป็นเด็กที่เข้าใจทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว เขาเงยหน้ามองมู่หรงเหยี่ยนด้วยแววตาหนักแน่น “ข้าเข้าใจความหมายของท่านอาเก้าแล้วขอรับ”
“ไปกันเถิด” มู่หรงเหยี่ยนกล่าวกับมู่หรงลี่ “พวกเรากำลังปรึกษาเรื่องสงครามกับจักรพรรดินีแห่งต้าโจว ต้าเยี่ยนจะขาดเจ้าไปไม่ได้”
มู่หรงลี่พยักหน้าพลางยกน้ำชาดื่มจนหมดถ้วย เขาพยายามข่มความรู้สึกปั่นป่วนในท้องของตัวเอง จากนั้นเดินตามมู่หรงเหยี่ยนเข้าไปด้านใน
ผ้าม่านถูกแหวกออก ลมหนาวจากด้านนอกพัดเข้ามาในห้อง ไฟในตะเกียงที่วางอยู่บนแท่นสูงในห้องดับลงชั่วขณะ จากนั้นสว่างขึ้นอีกครั้ง
ไป๋ชิงเหยียนให้เว่ยจงรินน้ำชาเข้มข้นให้มู่หรงลี่ รสชาติขมของชาช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ของมู่หรงลี่ได้
“อีกไม่กี่วันก็ถึงวันสิ้นปีแล้ว พวกเรารอให้พ้นวันสิ้นปีไปก่อนค่อยเริ่มทำสงครามดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฉิงหย่วนจื้อกล่าว
ทว่า เสิ่นจิ้งจงกลับส่ายหน้า “กระหม่อมไม่เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ช้างกลัวอากาศหนาว ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาวพอดี ที่สำคัญหากปล่อยเวลาให้นานเท่าใด ขวัญกำลังใจของศัตรูก็จะยิ่งกลับมาเร็วขึ้นเท่านั้น พวกเราควรทำสงครามโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
วันนี้เสิ่นจิ้งจงไปถึงตอนที่สงครามใกล้ยุติลงแล้ว ทว่า เขาทันเห็นภาพที่กองทัพช้างเหล่านั้นล้มลงและทหารต้าโจวกรูกันเข้าไปจัดการช้างเหล่านั้น
เสิ่นจิ้งจงจึงคิดว่าควรเริ่มทำสงครามโดยเร็วที่สุด
“ทว่า คืนสิ้นปีคือคืนที่ทุกคนควรได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน บรรดาทหารคงคิดถึงครอบครัวของพวกเขามาก หากเราเริ่มทำสงครามในวันที่ยี่สิบเก้าพวกเขาอาจไม่พอใจได้” เฉิงหย่วนจื้อกล่าวตามประสบการณ์ของตัวเอง
“ต้องดูว่าฝ่าบาทและจักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยนจะปลุกขวัญกำลังใจของทหารเหล่านั้นเช่นไรแล้ว” เสิ่นคุนหยางเห็นด้วยกับการทำศึกโดยเร็วที่สุด เขายกมือคารวะมู่หรงลี่
มู่หรงลี่พยักหน้า จากนั้นมองไปทางมู่หรงเหยี่ยน “ท่านอาเก้ามีความเห็นเช่นไร”
มู่หรงเหยี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “จักรพรรดิแห่งต้าโจวตรัสแล้วว่าควรยุติสงครามครั้งนี้ให้ได้ก่อนที่ฤดูหนาวจะสิ้นสุดลง ยื้อเวลานานเท่าใดยิ่งไม่เป็นผลดีต่อพวกเรามากเท่านั้น ข้าเห็นด้วยที่จะเริ่มสงครามในวันที่ยี่สิบเก้า”
จักรพรรดิแห่งต้าเยี่ยน ผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนและแม่ทัพเซี่ยสวินปรึกษากับต้าโจวจนได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะเริ่มทำสงครามกับซีเหลียงและเทียนเฟิ่งในวันมะรืน
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องที่จะแต่งตั้งแม่ทัพของต้าเยี่ยนหรือต้าโจวเป็นแม่ทัพใหญ่ในสงครามครั้งนี้จนอาจนำมาซึ่งความไม่พอใจของทหารในกองทัพ ทั้งสองแคว้นจึงตัดสินใจแยกกันทำสงคราม ทว่า จะรายงานความเคลื่อนไหวให้อีกฝ่ายรับรู้เป็นระยะ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เมื่อกำหนดเรื่องนี้เรียบร้อยจักรพรรดิต้าเยี่ยน ผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยนและแม่ทัพเซี่ยสวินจึงกล่าวอำลาจักรพรรดินีแห่งต้าโจวและจากไป
ไป๋ชิงเหยียนกำลังตั้งครรภ์อยู่ มู่หรงเหยี่ยนและมู่หรงลี่ไม่อยากให้ไป๋ชิงเหยียนเหนื่อยจนเกินไป หน้าที่ส่งจักรพรรดิต้าเยี่ยน ผู้สำเร็จราชการและแม่ทัพใหญ่ของต้าเยี่ยนออกจากเมืองจึงตกเป็นของไป๋ชิงอวี๋น้องชายแท้ๆ ของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวแทน
ก่อนเซี่ยสวินจะขี่ม้าจากไป เขาหันไปโค้งคำนับไป๋ชิงอวี๋ “ขอบคุณแม่ทัพไป๋มากที่ช่วยชีวิตข้าไว้ในวันนี้”
“แม่ทัพเซี่ยเกรงใจเกินไปแล้ว เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำ” ไป๋ชิงอวี๋ยืนเอามือไขว้หลังพลางพยักหน้าให้เล็กน้อย
เดิมทีเซี่ยสวินอยากถามไป๋ชิงอวี๋ว่าเหตุใดจึงกลายเป็นผู้นำทัพของกองทัพหรงตี๋ไปได้ ทว่า เมื่อคิดได้ว่าหรงตี๋กลายเป็นของต้าโจวแล้ว อ๋องหน้ากากผีเสียชีวิตลงแล้ว จักรพรรดินีแห่งต้าโจวให้น้องชายของตัวเองคุมกองทัพหรงตี๋ถือเป็นเรื่องสมควร
ทว่า เซี่ยสวินไม่เคยได้ยินข่าวว่าคุณชายห้าของตระกูลไป๋เดินทางกลับบ้านแล้ว กองทัพไป๋ไม่มีข่าวของคุณชายห้าเช่นเดียวกัน แม้แต่ตอนที่จักรพรรดินีแห่งต้าโจวขึ้นครองราชย์ คุณชายห้าก็ไม่ได้ปรากฏตัวในงานบรมราชาภิเษก เหตุใดอยู่ๆ ถึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาเช่นนี้กัน
หรงตี๋เพิ่งเข้าร่วมกับต้าโจวได้ไม่นาน ทว่า ไป๋ชิงอวี๋กลับควบคุมกองทัพหรงตี๋ได้ราวกับคุ้นเคยมานาน เซี่ยสวินจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าน้องชายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวผู้นี้อาจแฝงตัวอยู่ในกองทัพหรงตี๋นานแล้ว
บางทีอ๋องหน้ากากผีอาจเสียชีวิตในน้ำมือของไป๋ชิงอวี๋ผู้นี้ก็ได้
หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาคงติดหนี้บุญคุณไป๋ชิงอวี๋แล้ว