ตอนที่ 1103 ประเมินค่าไม่ได้
“ฝ่าบาทได้โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ทูตเทียนเฟิ่งพยายามแสดงท่าทีนอบน้อมที่สุด “แม่ทัพของเทียนเฟิ่งถูกจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงหลอกให้ลงมือทำร้ายเกาอี้จวิน แม่ทัพผู้นั้นตัดสินใจบุกโจมตีเมืองผิงหยางโดยพลการ จักรพรรดิเทียนเฟิ่งพิโรธมากเมื่อทราบเรื่องนี้ พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ตัดศีรษะของแม่ทัพผู้นั้นและให้กระหม่อมนำมาถวายให้ฝ่าบาทด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ!”
ทูตเทียนเฟิ่งกล่าวพลางมองไปทางด้านหลัง องค์รักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังถือกล่องใบหนึ่งเดินขึ้นมาด้านหน้า จากนั้นเปิดกล่องออก…ในกล่องคือศีรษะของแม่ทัพเทียนเฟิ่งผู้นั้น
“ก่อนมาที่นี่ฝ่าบาททรงกำชับกระหม่อมแล้วว่าเทียนเฟิ่งจะรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมดที่ต้าโจวและเกาอี้จวินได้รับพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทได้โปรดเห็นแก่ความจริงใจของจักรพรรดิเทียนเฟิ่งระงับโทสะด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ หวังว่าฝ่าบาทจะพิจารณาให้เทียนเฟิ่งเช่าเดินแดนของฝ่าบาท เทียนเฟิ่งอยากทำการค้ากับต้าโจว อยากเป็นพันธมิตรกับต้าโจวจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ทูตเทียนเฟิ่งเงยหน้าเห็นไป๋ชิงเหยียนมองมาที่ตนยิ้มๆ จึงคิดว่าไป๋ชิงเหยียนพอใจในการชดใช้ของพวกเขา ทูตเทียนเฟิ่งรีบกล่าวต่อ “แน่นอนว่าหากฝ่าบาททรงให้เทียนเฟิ่งเช่าเมืองผิงหยางด้วย เทียนเฟิ่งจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมเมืองผิงหยางทั้งหมดเองพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนยกชาขึ้นจิบพลางมองไปทางทูตของเทียนเฟิ่งที่เมื่อได้คืบจึงคิดอยากเอาศอกนิ่ง จากนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ
เสียงหัวเราะเย็นชาของไป๋ชิงเหยียนดังขึ้นท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บทำให้ทูตเทียนเฟิ่งรู้สึกชาวาบไปทั้งร่าง
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาลงบนโต๊ะไม้พะยูงตัวกว้าง จากนั้นลุกขึ้นยืนพลางรับเตาอุ่นมือมาจากชุนจือ ไป๋ชิงเหยียนก้าวไปด้านหน้าสองก้าว จากนั้นมองไปทางทูตเทียนเฟิ่งนิ่ง “พวกเจ้าสามารถใช้เงินชดใช้บาดแผลของเกาอี้จวินได้ ทว่า พวกเจ้าจะชดใช้ให้กับองครักษ์ไป๋ที่เสียชีวิตไปแล้วเช่นไร จะชดใช้ให้กับทหารต้าโจวที่เสียชีวิตในสงครามเมื่อคืนเช่นไร! ชดใช้ด้วยศีรษะของแม่ทัพเทียนเฟิ่งเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ เราบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลยว่าชีวิตของทหารต้าโจวประเมินค่าไม่ได้!”
ทูตของเทียนเฟิ่งก้มหน้าต่ำอย่างไม่รู้จะทำเช่นไรดี เขาไม่ได้มีท่าทีผ่อนคลายเหมือนเมื่อครู่อีกต่อไป เขารีบกล่าวขึ้น “หากฝ่าบาททรงไม่พอพระทัย พวกเราสามารถเจรจากันใหม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
“เจรจาอย่างนั้นหรือ! ได้…” ไป๋ชิงเหยียนยิ้มเย็น “พวกเจ้านำศีรษะช้างทุกตัวของกองทัพช้างมาให้ต้าโจวก่อน จากนั้นพวกเราค่อยเจรจากันใหม่” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ทูตของเทียนเฟิ่งเข้าใจแล้วว่าเทียนเฟิ่งและต้าโจวไม่สามารถเจรจากันได้อีกต่อไป
“พอถึงตาของเทียนเฟิ่งบ้าง พวกเจ้าไม่อยากเสียสละชีวิตของกองทัพช้างของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ!” สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนเย็นชา “เทียนเฟิ่งไม่ได้ตั้งใจจะชดใช้ให้พวกเราตั้งแต่แรก ทว่า อยากให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็วอย่างนั้นหรือ ยังมีหน้ามาขอแบ่งดินแดนจากพวกเราอย่างหน้าไม่อายอีก! กลับไปบอกซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นของพวกเจ้าด้วยว่าในเมื่อเทียนเฟิ่งกล้าลงมือกับต้าโจว เช่นนั้นก็ต้องรับความโกรธของต้าโจวให้ได้!”
ทูตของเทียนเฟิ่งฟังประโยคนี้เข้าใจ ทว่า ไม่เข้าใจความหมายของมัน เขาเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน
“เว่ยจง ส่งแขก…” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงเย็นจบจึงเดินจากไปทันที
ทูตเทียนเฟิ่งมองตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปครู่หนึ่ง เขามีสีหน้าร้อนใจขึ้นมาทันที เขารีบวิ่งออกไปจากเรือนโดยไม่รอให้เว่ยจงเอ่ยปาก เขาเหมือนจะฟังออกว่าไป๋ชิงเหยียนต้องการเปิดศึกกับเทียนเฟิ่ง เขาต้องรีบกลับไปรายงานให้จักรพรรดิของเขาทราบ
ภายในห้อง หลี่จือเจี๋ยซึ่งถูกบ่าวรับใช้ประคองให้นั่งลงบนเตียงตามเดิมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้มอบตัวเขาให้เทียนเฟิ่ง
ทว่า เขาอดเป็นกังวลในใจไม่ได้ ทุกการกระทำของไป๋ชิงเหยียนล้วนมีความหมาย หญิงสาวเก็บเขาไว้เพราะมีแผนอื่นอย่างนั้นหรือ
เมื่อเสิ่นจิ้งจง เสิ่นเทียนจือและเซียวรั่วไห่ที่ยืนฟังความเคลื่อนไหวอยู่นอกเรือนพักใหญ่เห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาจากเรือนจึงรีบทำความเคารพ จากนั้นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปพลางเอ่ยถึงฎีกาที่ถูกส่งมาให้ไป๋ชิงเหยียนเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองในวันนี้
เสิ่นเทียนจือหันไปมองทูตของเทียนเฟิ่งแวบหนึ่ง เมื่อเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนทันก็ได้ยินเสิ่นจิ้งจงกล่าวขึ้น “ฝ่าบาท เทียนเฟิ่งจะเปิดศึกกับพวกเราจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ แคว้นเทียนเฟิ่งอยู่ไกลโดยมีภูเขาหิมะคั่นกลาง แม้ตอนนี้พวกเขาจะอาศัยอยู่ในซีเหลียง ทว่า เสบียงอาหารของซีเหลียงมีไม่มากพอ มิเช่นนั้นพวกเขาคงไม่ซื้อเสบียงต่อจากพวกเราและต้าเยี่ยนในราคาที่สูงเช่นนี้ หากพวกเขาไม่ได้คิดทำสงครามเล่าพ่ะย่ะค่ะ”
“เพราะขาดแคลนเสบียงอาหารเทียนเฟิ่งจึงยิ่งต้องทำสงครามกับพวกเรา เมื่อยึดเมืองได้เมืองหนึ่ง พวกเขาก็จะมีเสบียงอาหารเพิ่มมากขึ้น! พวกเราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ของเทียนเฟิ่งว่าคนเทียนเฟิ่งเชื่อเรื่องการยุติสงครามด้วยสงคราม แคว้นเพื่อนบ้านของเทียนเฟิ่งอย่างฮั่นอิงและเหมิงหู่แคว้นใดไม่เคยเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งมาก่อนบ้าง”
ไป๋ชิงเหยียนหยุดเดิน จากนั้นมองไปทางเสิ่นจิ้งจงนิ่ง “เสิ่นซือคง…พวกเราจะเชื่อในโชคลางไม่ได้เด็ดขาด คนฉลาดมักมองการณ์ไกล คนมีสติปัญญาจะมองเห็นอันตรายที่ยังไม่เกิดขึ้น พวกเราจะเอาชีวิตของชาวบ้านต้าโจวไปเสี่ยงเพียงเพราะคิดว่าเทียนเฟิ่งแค่อยากทำสัญญาสงบศึกกับพวกเราไม่ได้ หากผ่านพ้นฤดูหนาวไป พวกเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที!”
ไป๋ชิงเหยียนมาจากตระกูลนักรบ หญิงสาวมีปฏิกิริยาที่ไวต่อสงคราม นางรู้ดีว่าเหตุใต้หล้าแห่งนี้จึงมีสงคราม มีเพียงสองเหตุผลเท่านั้น หนึ่งคือเพื่อแย่งชิงดินแดน อีกประการคือแย่งชิงประชากร
บัดนี้ดินแดนของเทียนเฟิ่งกำลังถูกทะเลทรายกลืนกินไปเรื่อยๆ พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน
จำนวนประชากรของเทียนเฟิ่งค่อนข้างน้อย เทียนเฟิ่งมักจับชาวบ้านของแคว้นอื่นมาเป็นทาส ตอนนี้ทุกครัวเรือนในเทียนเฟิ่งล้วนมีทาสรับใช้ ทาสคือกำลังผลิตของแคว้นเทียนเฟิ่ง!
ดังนั้นเทียนเฟิ่งเดินทางข้ามภูเขาหิมะมายังดินแดนฝั่งนี้เพราะเหตุใดกัน! พวกเขามาเพื่อแย่งชิงดินแดนของต้าโจวและต้าเยี่ยน มาเพื่อจับชาวบ้านของต้าโจวและต้าเยี่ยนไปเป็นทาส!
เสิ่นจิ้งจงก้าวถอยหลังไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมแก่แล้วจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้ว่าเสิ่นซือคงสงสารทหารของต้าโจว รบกวนเสิ่นซือคงและใต้เท้าเสิ่นกลับไปเตรียมเสบียงอาหารที่เมืองหลวงส่งมาให้พวกเราด้วย” ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเสิ่นเทียนจือ “จงจำไว้ว่าจะปล่อยให้ทหารที่อยู่ด่านหน้าหิวไม่ได้เด็ดขาด”
“กระหม่อมมีอีกเรื่องต้องทูลให้ฝ่าบาททราบก่อนออกเดินทางพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเทียนจือมองไปทางไป๋ชิงเหยียนพลางกล่าวขึ้น “เรื่องเสบียงอาหารที่ต้าเยี่ยนและต้าโจวขายให้ซีเหลียงและเทียนเฟิ่งในราคาที่สูงมาก กระหม่อมคิดว่าพวกเราควรขายให้เทียนเฟิ่งและซีเหลียงในราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก เช่นนี้พวกเขาจะได้ไม่ถูกบีบจนจนตรอกจนบุกโจมตีเมืองติดชายแดนที่อ่อนแอของต้าโจวเพื่อแย่งชิงเสบียงอาหาร ชาวบ้านชายแดนจะได้ไม่เดือดร้อนพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “ท่านรับผิดชอบเรื่องนี้แล้วกัน”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เสิ่นเทียนจือรับคำ
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต้าโจวของพวกเราต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีบุกโจมตีเทียนเฟิ่งให้พ่ายแพ้ให้ได้ เสิ่นซือคงและเสนาบดีเสิ่นจงนำคำของข้ากลับไปบอกทุกคนในราชสำนัก ให้พวกเขาร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านศัตรู ปกป้องชาวบ้านแถบชายแดนของต้าโจวให้ได้!”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ!”
“ใต้เท้าทั้งสองกลับไปเตรียมตัวก่อนเถิด” ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้เสิ่นซือคงและเสิ่นเทียนจือ
เมื่อทั้งสองคนจากไป ไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปถามเซียวรั่วไห่ที่เดินตามหลังนางมาโดยตลอด “พบแล้วหรือไม่”
เซียวรั่วไห่หยิบแผนที่ออกมาจากเสื้อ จากนั้นยื่นให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยมือทั้งสองข้าง “เป็นดั่งที่คุณหนูใหญ่คิดจริงๆ ขอรับ กองทัพหั่วอวิ๋นอยู่ที่ภูเขาไหลอันซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเมืองผิงหยางและผิงตู้ขอรับ”