สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1113 มืดหม่น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1113 มืดหม่น

“เร็ว! รีบนำก้อนหินและน้ำมันมาเร็ว!” ทหารซีเหลียงตะโกนลั่น

โชคดีที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นสั่งให้คนขนก้อนหิน น้ำมันและอุปกรณ์ที่สามารถต้านทานศัตรูได้ขึ้นมาไว้บนกำแพงตั้งแต่ตอนที่เมืองผิงตู้ถูกล้อมแล้ว

ทว่า ทหารต้าโจวเหล่านั้นถือโล่ป้องกันศีรษะของตัวเองอยู่ ไม่เพียงธนูเท่านั้นที่ทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้ แม้แต่ก้อนหินที่ขนขึ้นมาบนกำแพงยังทำสิ่งใดทหารต้าโจวเหล่านั้นไม่ได้เลย โล่เอนเล็กน้อยจากแรงกระทบของก้อนหิน ทว่า โชคดีที่มีทอยที่ปักไว้บนกำแพงเมืองคอยรองรับ ก้อนหินเหล่านั้นกลิ้งหล่นลงบนพื้นกระจัดกระจาย

บรรดาทหารกองทัพซั่วหยางให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี พวกเขาค่อยๆ ปีนขึ้นไปบนกำแพงอย่างไม่รีบร้อน ทว่า มั่นคง

ทหารซีเหลียงราดน้ำมันไฟลงไปด้านล่าง น้ำมันที่ถูกจุดไฟไหลผ่านช่องโหว่ของโล่ราดลงบนลำตัวของทหารต้าโจว ทหารบางที่คนถูกไฟลวกหล่นลงจากกำแพงสูงโดยที่ยังไม่ได้ดับไฟที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าของตัวเอง บางคนรีบดับไฟตามร่างกาย บางคนถูกไฟลวกจนเชือกที่รัดอยู่บนลำตัวขาดออกจากกัน ทว่า สิ่งนี้ไม่เป็นอุปสรรคในการปีนขึ้นไปบนกำแพงของทหารต้าโจว กลับทำให้พวกเขาเร่งปีนขึ้นไปบนกำแพงเร็วกว่าเดิม พวกเขาขบกรามแน่น ต่างตะโกนลั่นว่าจะขึ้นไปต่อสู้กับทหารเทียนเฟิ่งและซีเหลียงให้ตายกันไปข้างหนึ่ง

เมื่อไป๋จิ่นจื้อซึ่งขี่ม้าอยู่ด้านหน้าสุดของขบวนเห็นไฟที่ลุกโชนขึ้นบนกำแพงเมือง เห็นทหารของต้าโจวปีนขึ้นไปครอบครองกำแพงเมืองผิงตู้ได้เกินครึ่งแล้ว หญิงสาวจึงกัดฟันกรอด ชูหอกเงินหงอิงขึ้นสูง ตะโกนลั่นด้วยเสียงที่ดังสนั่นและดวงตาที่แดงฉาน “ทหารต้าโจวทุกคน! สหายกองทัพซั่วหยางของพวกเราช่วยเปิดทางให้พวกเราแล้ว พวกเราต้องยึดเมืองผิงตู้ให้ได้ภายในครึ่งชั่วยาม! บุก!”

ไป๋จิ่นจื้อกล่าวจบจึงบุกเข้าไปเป็นคนแรก

เหล่าทหารพากันยกอาวุธขึ้นสูงพลางโห่ร้องเสียงดังสนั่น

ทหารซั่วหยางกลุ่มแรกที่ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองปีนขึ้นไปถึงด้านบนสุดของกำแพงเมืองแล้ว พวกเขาพุ่งเข้าไปต่อสู้กับกองทัพซีเหลียงและเทียนเฟิ่ง จากนั้นหย่อนบันไดลงไปด้านล่างเพื่อให้สหายที่บุกเข้ามาปีนขึ้นมาบนกำแพงได้อย่างสะดวก

บันไดเชือกถูกหย่อนลงมาด้านล่างกำแพง ทหารต้าโจวบุกเข้าไปในเมืองได้มากขึ้นเรื่อยๆ

ไป๋จิ่นจื้อแสดงความกล้าหาญปีนขึ้นไปบนกำแพงเป็นคนแรกเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กองทัพต้าโจว

ไป๋จิ่นจื้อรู้ดีว่ายิ่งนางสังหารกองทัพช้างได้มากเท่าใด พี่ชายห้าของนางก็จะทำสงครามได้ง่ายมากขึ้นเท่านั้น หญิงสาวออกคำสั่งให้ทหารต้าโจวปีนขึ้นไปบนกำแพง จากนั้นเปิดประตูเมือง

ของขวัญชิ้นใหญ่ที่นางเตรียมให้กองทัพช้างของเทียนเฟิ่งก็คือถนนหิมะที่ลื่นจนแทบทรงตัวไม่ได้ที่นางให้เหล่าทหารช่วยเหยียบกองหิมะจนละลายกลายเป็นพื้น ดังนั้นสิ่งที่พวกนางต้องทำก็คือการบุกขึ้นไปยืนบนกำแพงสูงให้ได้มากที่สุดเพื่อบีบให้กองทัพช้างเหล่านั้นหนีออกจากเมืองไป

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นนึกไม่ถึงว่าต้าโจวจะยึดเมืองได้ภายในเวลาอันสั้นถึงเพียงนี้ พวกนั้นรวดเร็วจนเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวแม้แต่น้อย

ความเร็วและวิธีการประหลาดในการปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองของกองทัพซั่วหยางคือสิ่งที่เทียนเฟิ่งและซีเหลียงไม่เคยพบเห็นมาก่อน พวกเขารู้สึกตกใจมาก ความหวาดกลัวเริ่มถาโถมเข้ามาในใจ

กองทัพซั่วหยางบุกขึ้นมาบนกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว มั่นคงและสูญเสียน้อยที่สุด กองทัพต้าโจวบุกขึ้นมาบนกำแพงเมืองอย่างฮึกเหิมมากขึ้นเมื่อเกาอี้จวินแสดงความกล้าหาญให้พวกเขาเห็น พวกเขาเข้าต่อสู้กับทหารซีเหลียงและเทียนเฟิ่งอย่างไม่เสียดายชีวิต ดวงตาของทหารที่เลือดชุ่มไปทั้งตัวแดงฉาน…

เป็นดั่งที่ฝ่าบาทของพวกเขาตรัสไว้ พวกเขาไม่มีทางให้ถอยหนี เบื้องหลังของพวกเขาคือชาวบ้านจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนของต้าโจว คือภรรยาและลูกของพวกเขา!

หากไม่ต้องการให้สนามรบเกิดขึ้นในแผ่นดินต้าโจว พวกเขาต้องรีบกำจัดซีเหลียงและเทียนเฟิ่งให้ดับสูญอยู่ในแผ่นดินของพวกนั้นให้ได้!

เมื่อสหายข้างกายล้มลง พวกเขาจะหยิบดาบของสหายขึ้นมาต่อสู้ต่อ พวกเขาหวังเพียงสามารถสังหารศัตรูได้มากที่สุดก่อนพวกเขาจะสิ้นใจ เช่นนี้อย่างน้อยชาวบ้านของต้าโจวก็จะสูญเสียน้อยลง!

พวกเขาคือทหารยอดฝีมือของต้าโจว เมื่อแคว้นมีอันตรายพวกเขาควรออกมาปกป้องชาวบ้านของต้าโจวอย่างกล้าหาญ ใช้ชีวิตของตัวเองปกป้องชีวิตของชาวบ้านต้าโจว ไม่ว่าศัตรูที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าจะแข็งแกร่งหรือเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่โตเพียงใด

ทหารต้าโจวสาดน้ำมันที่เทียนเฟิ่งเตรียมไว้บนกำแพงเมืองไปยังร่างของช้างยักษ์ พลธนูยิงธนูไฟไปยังกองทัพซึ่งอยู่ด้านล่างไม่หยุดหย่อน ช้างที่ถูกไฟลวกทั้งตัวส่งเสียงร้องพลางวิ่งชนกันจนชุลมุน พวกมันวิ่งเอาศีรษะชนหลังคาบ้านและกระโจมที่ตั้งอยู่ตามแนวถนน เปลวไฟลุกโหมขึ้นทั่วบริเวณ ทหารซีเหลียงและเทียนเฟิ่งถูกชนจนกลิ้งกระเด็นไปไกล น้ำมันราดลงที่ใดไฟต่างลุกโหมขึ้นที่นั่น เปลวไฟในเมืองผิงตู้ลุกโหมมากขึ้นทุกที ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ช้างที่ถูกไฟเผาร่างวิ่งชนประตูเมืองอย่างคลุ้มคลั่ง ประตูเมืองผิงตู้พังทลายลงในพริบตา ช้างที่ลำตัวเต็มไปด้วยไฟพุ่งตัวออกไปจากประตูเมือง ทว่า กลับลื่นล้มลงบนพื้นหิมะนอกเมือง

แม้เมืองผิงตู้จะมีขนาดใหญ่ ทว่า ช้างกลัวความหนาว ทหารเทียนเฟิ่งจึงพากองทัพช้างทั้งหมดเข้าไปหลบหิมะในเมืองผิงตู้ ดังนั้นอากาศภายในเมืองจึงค่อนข้างอบอุ่นกว่านอกเมือง

เทียนเฟิ่งไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูมาเป็นร้อยปี แคว้นเทียนเฟิ่งที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่เคยมีฤดูหนาว ไม่เคยมีผู้ใดกล้าบุกมาโจมตีสถานที่ที่มีกองทัพช้างอาศัยอยู่ ดังนั้นทหารจึงไม่เคยคิดมาก่อนว่าการนำกองทัพช้างทั้งหมดเข้ามาแออัดกันอยู่ในเมืองเช่นนี้ หากศัตรูบุกโจมตีเมืองแล้วช้างพากันวิ่งกรูออกไปทางประตูเมืองจะกลายเป็นว่าไม่มีช้างตัวใดสามารถหนีออกไปได้แม้แต่ตัวเดียว แม้แต่กำแพงเมืองยังสั่นคลอนเพราะแรงกระแทกของฝูงช้าง

เสียงขลุ่ยที่ใช้ควบคุมกองทัพช้างเหล่านี้ดังขึ้น ทว่า ช้างซึ่งถูกไฟลวกแทบทั้งตัวเช่นนี้ไม่มีเวลาสนใจเสียงคำสั่งของขลุ่ย มีเพียงช้างที่ไม่ได้ถูกไฟลวกหรือช้างที่ถูกไฟลวกและไฟดับลงแล้วเท่านั้นที่เดินตามเสียงขลุ่ยของแม่ทัพเทียนเฟิ่งไปยังประตูเมืองทิศใต้

ทหารของต้าโจวแค่บุกยึดกำแพงเมืองผิงตู้เท่านั้น ไม่ได้บุกลงจากกำแพงไปต่อสู้กับทหารซีเหลียงและเทียนเฟิ่ง พวกเขาต่างช่วยกันยิงธนูใส่กองทัพช้าง ก้อนหิน น้ำมันและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นสั่งให้ขนขึ้นมาบนกำแพงกลายเป็นเครื่องมือที่ต้าโจวใช้โจมตีกองทัพช้างและกองทัพซีเหลียงที่ถูกขับไล่ลงจากกำแพงเมือง กระทั่งกลายเป็นอาวุธทำลายล้างกองทัพช้างที่หนีออกไปจากเมืองไม่ทัน

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นตกอยู่ในความตะลึง เทียนเฟิ่งไม่เคยเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้มาก่อน เขารับรายงานว่าต้าโจวมีกองทัพพิเศษที่สามารถปีนขึ้นกำแพงเมืองได้อย่างรวดเร็วโดยไม่กลัวการถูกโจมตีจากก้อนหินและลูกธนู เดิมทีซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นอยากไปดูให้เห็นกับตาของตัวเอง ทว่า ถูกศิษย์คนโตของจอมเวทย์ลากขึ้นไปบนหลังช้างเสียก่อน

ทางหนีของเทียนเฟิ่งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำตันสุ่ยดังนั้นเทียนเฟิ่งจึงต้องหนีออกทางประตูเมืองทิศใต้เท่านั้น

ประตูทิศเหนือ…ถูกต้าโจวทำลายแล้ว!

เทียนเฟิ่งส่งกองทัพช้างไปต่อสู้กับกองทัพต้าเยี่ยนที่ล้อมอยู่ทางประตูทิศใต้ของเมืองผิงตู้เพื่อเปิดทางให้พวกเขาหลบหนีออกไปแล้ว

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นซึ่งนั่งอยู่บนหลังช้างรอคอยเวลาที่จะบุกหนีออกไปจากเมืองทางประตูทิศใต้กำหมัดแน่น เขาไม่เคยรู้สึกอัดอั้นและอดกลั้นเท่านี้มาก่อน

ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นเงยหน้ามองดูหิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิด เขาอยากถามเทพเจ้าว่าเหตุใดถึงทำกับเทียนเฟิ่งเช่นนี้ แคว้นเทียนเฟิ่งคือคนที่ภักดีต่อเทพเจ้ามากที่สุดแท้ๆ !

เขาอยากจะออกคำสั่งให้กองทัพช้างย้อนกลับไปโจมตีเมืองผิงหยาง จับเป็นไป๋ชิงเหยียน เค้นถามนางถึงเบาะแสของหยกจักจั่น จากนั้นสังหารชาวบ้านต่ำต้อยทั้งหมดของต้าโจวต่อหน้าไป๋ชิงเหยียน!

ทว่า เขาไม่กล้า…

ความเชื่อและความหวาดกลัวต่อเทพเจ้าถูกฝังลึกอยู่ในกระดูกของคนทุกคนในเทียนเฟิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบทลงโทษของเทพเจ้าที่ให้ทะเลทรายกลืนกินแผ่นดินของเทียนเฟิ่งเริ่มต้นขึ้น คนเทียนเฟิ่งยิ่งศรัทธาและหวาดกลัวเทพเจ้ามากขึ้นจนถึงขีดสุดของมนุษย์คนหนึ่ง!

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท