สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1115 อัปยศ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1115 อัปยศ

“ก่อนหน้านี้อวิ๋นหลานเคยบอกวิธีฝึกฝนค่ายทหารหู่อิงของกองทัพไป๋ให้พวกเรารับรู้ บัดนี้พวกเรามีทหารยอดฝีมือจากค่ายหั่วอวิ๋นมากมาย พวกเราต้องชนะในสงครามครั้งนี้อย่างแน่นอน!” อวิ๋นหลิงจื้อกล่าว

“หลิงจื้อ จงสั่งให้รองแม่ทัพของเจ้าพาทหารยอดฝีมือลอบเข้าไปในเมืองผิงหยางทางประตูทิศตะวันออก จากนั้นแบ่งกำลังออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งบุกไปจับตัวไป๋ชิงเหยียน อีกฝ่ายไปเปิดประตูเมือง…” อวิ๋นพั่วสิงกล่าวกับบุตรชายของตัวเอง

“ขอรับ!” อวิ๋นหลิงจื้อรับคำ

อวิ๋นเทียนเอ้าถามออกไปอย่างทนไม่ไหว “ท่านปู่ ข้าสามารถพาทหารกลุ่มแรกของกองทัพหั่วอวิ๋นไปดักซุ่มบริเวณประตูเมืองทิศใต้เพื่อดึงดูดความสนใจของกองทัพต้าโจวได้ขอรับ เมื่อประตูเมืองทิศตะวันออกถูกเปิดออก ท่านปู่นำกองทัพบุกเข้าไปในเมืองผิงหยาง ข้าจะพาทหารบุกขึ้นไปบนกำแพงเมืองทิศใต้เพื่อดึงดูดความสนใจทหารต้าโจวขอรับ”

อวิ๋นพั่วสิงส่ายหน้า “ไป๋ชิงเหยียนเก่งกาจเรื่องการวางแผนการรบมาก หากเจ้าพาทหารไปดึงดูดความสนใจที่ประตูทิศใต้อาจทำให้ไป๋ชิงเหยียนหวาดระแวงและเตรียมป้องกันขึ้นมาก่อน กระทั่งอาจส่งคนไปขอทัพเสริมจากเมืองผิงตู้ได้ นั่นไม่เป็นผลดีต่อพวกเราแม้แต่น้อย พวกเราควรรอให้กองทัพหั่วอวิ๋นลอบเข้าไปในเมืองเพื่อเปิดประตูเมืองให้พวกเราก่อน จากนั้นพวกเราค่อยบุกโจมตี!”

อวิ๋นหลิงจื้อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “เรามีทหารไม่มาก การแยกกำลังทหารไม่เป็นผลดีต่อซีเหลียง”

เมื่อตกลงกันเรียบร้อยสายลับของซีเหลียงที่ถูกส่งไปจับตาดูสถานการณ์ที่เมืองผิงตู้ก็กลับมารายงานพอดี

“ท่านปู่!” อวิ๋นเทียนเอ้ากล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น “พวกเราเตรียมกองทัพพร้อมแล้วขอรับ!”

อวิ๋นพั่วสิงกำหมัดแน่น ไม่กล่าวสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาแก่ชราแล้วหรือไม่ช่วงนี้เขาถึงได้ฝันถึงสงครามที่ทำกับไป๋ชิงเหยียนที่หนานเจียงอยู่บ่อยครั้ง บัดนี้เขายังรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย

แผนการรบของไป๋ชิงเหยียนเหนือความคาดหมายของเขาตลอดเวลา

“ท่านปู่!” อวิ๋นเทียนเอ้าเอ่ยเรียกปู่ของตัวเองอีกครั้ง “เราจะรอต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะขอรับ พวกนั้นเปิดศึกกันที่เมืองผิงตู้แล้ว หากพวกนั้นทำสงครามเสร็จและพวกเรายังโจมตีเมืองผิงหยางไม่แตกหรือมีคนหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากทัพเสริมที่เมืองผิงตู้ได้ ถึงเวลานั้นพวกเราจะถูกล้อมและเอาชนะได้ยากขึ้นนะขอรับ”

อวิ๋นพั่วสิงเงยหน้ามองไปด้านนอกภูเขาแวบหนึ่ง “รออีกสักพัก…”

“พวกเราปรึกษากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านปู่ยังรอสิ่งใดอีกขอรับ” อวิ๋นเทียนเอ้าทนรอไม่ไหวแล้ว

“ไป๋ชิงเหยียนชอบใช้วิธีดักซุ่มโจมตี ทางเข้าออกของภูเขาขนาบข้างด้วยหน้าผาที่สูงชันทั้งสองด้าน ข้ากลัวว่าจะมีกับดักอยู่ที่นั่น!” อวิ๋นพั่วสิงใช้ไม้เขี่ยฟืนในกองไฟ “ข้าส่งทหารไปสำรวจสถานการณ์แล้ว รอพวกเขากลับมารายงานให้แน่ใจว่าไม่มีกับดักหรือสายลับซุ่มอยู่แถวนั้น พวกเราค่อยเริ่มเคลื่อนทัพก็ยังไม่สาย!”

“ท่านปู่ เหยียนอ๋องส่งสายลับไปสืบแล้วขอรับ!” อวิ๋นเทียนเอ้าเป็นหนุ่มใจร้อน เขารู้สึกว่าพ่ายแพ้ไป๋ชิงเหยียนที่สงครามหุบเขาเวิ่งและแม่น้ำจิงจนกลายเป็นคนขี้ขลาดไปแล้ว

“การรอบคอบในการทำสงครามไม่ใช่เรื่องเสียหาย! เจ้าอย่าใจร้อนเกินไปนักเลย!” อวิ๋นหลิงจื้อกล่าวกับอวิ๋นเทียนเอ้า “รอทหารที่ท่านปู่ของเจ้าส่งไปสืบสถานการณ์กลับมาก่อนแล้วพวกเราค่อยออกเดินทางก็ยังไม่สาย!”

อวิ๋นเทียนเอ้าได้ยินจึงเหวี่ยงไม้ในมือทิ้งพลางนั่งลงบนก้อนหินใหญ่อย่างไม่สบอารมณ์

ไม่นานคนที่อวิ๋นพั่วสิงส่งไปสืบสถานการณ์ยังค่ายทหารก็กลับมารายงานอวิ๋นพั่วสิงว่าไม่มีกับดักหรือสายลับซ่อนตัวอยู่ทั้งสิ้น

อวิ๋นพั่วสิงโยนไม้ในมือลงบนพื้น จากนั้นก้าวขึ้นหลังม้า ทะยานออกไปจากค่ายทหารเป็นคนแรกอย่างรวดเร็ว

อวิ๋นพั่วสิงหันม้ากลับไปมองกองทัพหั่วอวิ๋นที่แบกสัมภาระอยู่บนบ่าท่ามกลางหิมะที่ตกโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า จากนั้นกล่าวขึ้น “ทหารกล้าของซีเหลียงทุกคน! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดซีเหลียงจึงเคยพ่ายแพ้ย่อยยับในสงครามที่หุบเขาเวิ่ง! เป็นเพราะพวกเราไม่มีทหารดุดันอย่างทหารค่ายหู่อิงของกองทัพไป๋ ดังนั้นทหารซีเหลียงนับแสนนายของพวกเราจึงถูกไป๋ชิงเหยียนสังหารเกลี้ยงอยู่ในหุบเขาเวิ่ง เปลวเพลิงที่พรากชีวิตสหายร่วมรบของพวกเราไป! ท้องฟ้าที่แดงฉานราวกับทะเลเพลิงในตอนนั้น! เปรียบเสมือนความแค้นที่คุกรุ่นอยู่ในใจของพวกเราในตอนนี้ บิดาและสหายของพวกเจ้ายอมจำนนในสงครามครั้งนั้น ทว่า พวกเขากลับถูกไฟเผาตายในสงคราม พวกเราทนความแค้นในครั้งนี้ได้อย่างนั้นหรือ!”

“ไม่ได้!”

“ไม่ได้!”

“ไม่ได้!”

ทหารกองทัพหั่วอวิ๋นพากันตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

ม้าศึกของอวิ๋นพั่วสิงชูขาหน้าสองข้างขึ้นสูง จากนั้นวิ่งไปมาหน้ากองทัพหั่วอวิ๋น “ไป๋ชิงเหยียนต้องการให้ซีเหลียงยอมเป็นรัฐบรรณาการของต้าโจว! ต้องการให้ทหารเลือดร้อนและกล้าหาญชองซีเหลียงเสี่ยงชีวิตของตัวเองไปต่อสู้กับกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งเพื่อแสดงความจริงใจให้ต้าโจวเห็น ทว่า ทหารซีเหลียงของพวกเรายอมยืนตายดีกว่ายอมคุกเข่าเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป!”

“วันนี้ซีเหลียงของพวกเรามีกองทัพหั่วอวิ๋นที่ไร้เทียมทานเช่นเดียวกัน! ทหารกล้าของกองทัพหั่วอวิ๋นทุกคนคือดาบแหลมคมที่สุดที่ซีเหลียงจะใช้แทงหัวใจของศัตรูให้สิ้นลม บัดนี้ศัตรูของพวกเราอยู่ที่เมืองผิงหยาง ผู้ใดคือทหารกล้าของซีเหลียงจงติดตามข้าบุกไปยังเมืองผิงหยาง ตัดศีรษะของไป๋ชิงเหยียนมาขอขมาครอบครัวและสหายที่เสียชีวิตไปแล้วของพวกเรา! ใช้เลือดของคนต้าโจวล้างความอัปยศในสงครามหุบเขาเวิ่งให้ซีเหลียง!”

อวิ๋นพั่วสิงมองไปทางทหารที่กำลังฮึกเหิมทุกคน เขาชักดาบออกมาจากเอวพลางชูขึ้นสูง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่น “ออกเดินทาง!”

“บุก!”

สิ้นเสียงของอวิ๋นพั่วสิงทหารของกองทัพหั่วอวิ๋นทุกคนตะโกนโห่ร้องพลางเดินตามหลังกองทัพซีเหลียงไปยังเมืองผิงหยาง ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

ไป๋ชิงเหยียนยืนมองหิมะที่โปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิดอยู่บนกำแพงเมืองฝั่งตะวันออกของเมืองผิงหยาง หญิงสาวหันไปถาม “อพยพชาวบ้านจากไปหมดแล้วหรือไม่”

“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ พวกเราอพยพชาวบ้านไปยังค่ายทหารของกองทัพหู่อิงหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ พวกเราบอกชาวบ้านเพียงว่าคืนนี้ต้าโจวและต้าเยี่ยนจะร่วมมือกันบุกไปโจมตีกองทัพช้างของเทียนเฟิ่งที่เมืองผิงตู้ ให้พวกเขาอพยพออกไปเพื่อความไม่ประมาทเท่านั้น พรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะได้กลับบ้านพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจงกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “เมื่อครู่ชาวบ้านบางคนโวยวายเล็กน้อย ทว่า เมื่อรู้ว่าฝ่าบาททรงประทับอยู่ในเมืองผิงหยางจึงยอมไม่นำสิ่งของใดติดตัวไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาอพยพตามทหารออกไปจากเมืองแต่โดยดีพ่ะย่ะค่ะ”

เว่ยจงไม่ได้กล่าวว่าชาวบ้านที่ไม่ยินยอมจากไปต่างถูกเสิ่นเหลียงอวี้บังคับจับตัวไปทั้งหมด

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า แม้นางจะมั่นใจเพียงแปดส่วนว่าซีเหลียงจะบุกมาโจมตีเมืองผิงหยาง ทว่า นางไม่สามารถนำชีวิตของชาวบ้านมาเสี่ยงอันตรายด้วยได้ ดังนั้นแม้การอพยพชาวบ้านออกจากเมืองจะเสี่ยงทำให้อวิ๋นพั่วสิงรู้ตัว ทว่า หญิงสาวก็ต้องอพยพชาวบ้านออกจากเมืองเพื่อความปลอดภัยอยู่ดี

ที่สำคัญถึงแม้อวิ๋นพั่วสิงจะรู้เรื่องนี้ ทว่า จากความเข้าใจที่อวิ๋นพั่วสิงมีต่อตระกูลไป๋ เขาคงคิดแค่ว่านางไม่อยากให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากสงคราม ทว่า สำหรับจักรพรรดินีหลี่เทียนเจียวแห่งซีเหลียงที่กล้าถึงขนาดเชิญกองทัพช้างมายังแคว้นของตัวเองไม่มีทางเลือกมากไปกว่านี้อีกแล้ว

เมื่อต้าโจวและต้าเยี่ยนร่วมมือกันโจมตีเทียนเฟิ่ง หากชนะ…พวกเขาจะแบ่งซีเหลียงออกเป็นส่วนๆ ทว่า หากพ่ายแพ้…เทียนเฟิ่งจะยึดครองซีเหลียง

ตอนนี้หลี่เทียนเจียวไม่รู้ว่าไป๋ชิงเหยียนซ่อนกองทัพหู่อิงที่แข็งแกร่งไว้ใกล้เมืองผิงหยาง ทว่า ต่อให้หญิงสาวรู้ก็คงได้แต่เสี่ยงลองดูสักครั้ง มีเพียงจับตัวเทพแห่งสงครามที่เคยสังหารทหารยอมจำนนนับแสนนายอย่างไป๋ชิงเหยียนได้เท่านั้น หลี่เทียนเจียวจึงจะสามารถกลับมามีบารมีอีกครั้งและรวมใจของคนซีเหลียงให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้งได้!

หากครั้งนี้ต้าเยี่ยนและต้าโจวรบชนะเทียนเฟิ่ง ตระกูลสูงศักดิ์ของซีเหลียงที่ตอนนี้ติดตามรับใช้หลี่เทียนฟู่ก็จะหันกลับมาสวามิภักดิ์นาง หลี่เทียนเจียวจึงจะมีโอกาสขึ้นครองราชย์อีกครั้ง

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท