สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1143 โกลาหล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1143 โกลาหล

เมื่อเห็นเฝิงเย่าเดินจากไปไกลเว่ยจงจึงเดินเข้าไปหาไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท คนของบ่าวยังไม่ทันตามหาผ้าเช็ดหน้าของแม่นางชุนจือพบ บุตรชายของท่านเจ้าเมืองผิงหยางก็นำผ้าเช็ดหน้ามาคืนให้แล้วพ่ะย่ะค่ะ เขากล่าวว่าเขาเก็บได้ระหว่างทาง อีกทั้งแสดงเจตจำนงว่าตัวเองอยากเข้าร่วมกองทัพ อยากคอยคุ้มกันข้างกายฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”

บุตรชายของเจ้าเมืองผิงหยางผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเขาหลงรักชุนจือจริงๆ หรือแค่ชอบฐานะสาวใช้ใหญ่ข้างกายของนางของชุนจือกันแน่

“พาเขาไปพบแม่ทัพหยางอู่เช่อ หากแม่ทัพหยางอู่เช่อยินดีรับเขาไว้ก็ให้ปฏิบัติต่อเขาเหมือนทหารธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง บอกบุตรชายของเจ้าเมืองผิงหยางว่าต่อให้เขาจะเป็นบุตรชายของเจ้าเมือง ทว่า ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำหน้าที่องครักษ์ประจำตัวข้าได้ แม้แต่หลานชายของหลู่ไท่เว่ยยังเริ่มต้นจากการเป็นทหารธรรมดา หนีตายเอาตัวรอดจากสนามรบไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ให้เขาคิดทบทวนเอาเองว่ายังกล้าเข้าร่วมกองทัพหรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

พายุหิมะสงบลงแล้ว สองฝั่งของแม่น้ำตันสุ่ยเต็มไปด้วยสีขาวโพลน

ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำตันสุ่ยคือขบวนกองทัพต้าโจวในชุดนักรบสีดำที่ยาวเป็นห่างว่าว ช่างโดดเด่นท่ามกลางหิมะสีขาวเช่นนี้ยิ่งนัก

ธงเฮยฟานไป๋หมั่งที่ถูกชูขึ้นสูงโบกสะบัดตามแรงลม กองทัพทหารม้าเหล็กของไป๋ชิงอวี๋และหยางอู่เช่ออยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ถัดมาคือรถม้าของจักรพรรดินีแห่งต้าโจว พลทหารเดินเท้าสวมเกราะเหล็กเดินตามหลังมาติดๆ

สายลับของเมืองเฉวี่ยนหยามองเห็นกองทัพของต้าเยี่ยนเคลื่อนทัพจากตอนเหนือของแม่น้ำตันสุ่ยไปยังทิศตะวันออกเป็นลำดับแรก บัดนี้เขาเห็นกองทัพของต้าโจวเคลื่อนทัพจากตอนใต้ของแม่น้ำตันสุ่ยไปยังทิศตะวันออกเช่นเดียวกัน เขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก กองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนจากไปแล้ว อย่างน้อยตอนนี้เมืองเฉวี่ยนหยาก็ปลอดภัยแล้ว

บัดนี้ศิษย์ของจอมเวทย์ที่อยู่ในเมืองเฉวี่ยนหยากำลังใช้เสื้อคลุมกันลมสีดำตัวหนาคลุมร่างของตัวเองไว้อย่างมิดชิดเผยให้เห็นเพียงใบหน้าที่โผล่ออกมาจากหมวกคลุมศีรษะเท่านั้น

จักรพรรดิของเขากลัวว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนจะบุกโจมตีเมืองเฉวี่ยนหยาจึงหลบหนีออกจากเมืองไปแล้วอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ ยังดีที่ก่อนจากไปฝ่าบาทของเขายังทิ้งร่องรอยให้เขาติดตามไปได้

บัดนี้ฝ่าบาทของเขากำลังเร่งเดินทางมุ่งหน้าไปรวมตัวกับแม่ทัพอาเค่อเซี่ยทางตะวันออก ทว่า เขาได้รับรายงานมาว่ากองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนกำลังเคลื่อนทัพไปยังฝั่งตะวันออก หากแม่ทัพอาเค่อเซี่ยรีบเร่งเดินทางไปรวมตัวกับจักรพรรดิแห่งเทียนเฟิ่งจนปะทะกับกองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนก่อนคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

เขาคิดว่าตอนนี้พวกเขาควรถอยทัพกลับไปยังแคว้นเทียนเฟิ่งซึ่งอยู่ทางด้านหลังภูเขาหิมะก่อนเพื่อเอาตัวรอด เมื่อเจ้าของตัวจริงของดินแดนถือกำเนิดขึ้น เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน เทียนเฟิ่งค่อยยกกองทัพช้างบุกมาโจมตีพวกนั้นใหม่ ถึงเวลานั้นแคว้นเทียนเฟิ่งจึงจะได้เปรียบทั้งสภาพอากาศและเวลา ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เขาต้องรีบตามซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นให้ทัน โน้มน้าวให้ซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นถอยทัพไปยังทางที่เชื่อมไปยังแคว้นเทียนเฟิ่งให้ได้ จากนั้นให้คนส่งข่าวไปบอกให้อาเค่อเซี่ยรีบนำกองทัพช้างถอยทัพกลับไปยังเทียนเฟิ่ง

ตอนนี้ไม่เพียงเจ้าของดินแดนตัวจริงที่เทพเจ้าเลือกไว้ยังไม่ปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น ตอนนี้ยังเป็นช่วงฤดูหนาวอีกด้วย ต้าโจวและต้าเยี่ยนรู้จักใช้กลิ่นฉุนของพริกโจมตีจุดอ่อนของกองทัพช้างแล้ว หากเทียนเฟิ่งเปิดศึกกับต้าโจวและต้าเยี่ยนตอนนี้ถือเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดี

ศิษย์ของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งขอยืมม้าจากทหารคุ้มกันเมืองเฉวี่ยนหยาของซีเหลียง จากนั้นขี่ม้าติดตามซ่าเอ่อร์เข่อฮั่นออกไปโดยไม่สนร่างกายที่ร้อนผ่าวของตัวเองแม้แต่น้อย

ก่อนไปศิษย์ของจอมเวทย์กำชับทหารซีเหลียงว่าอย่าประมาทคิดว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนยกทัพจากไปแล้วแล้วพวกเขาจะไม่มีอันตรายอีก ต้าโจวและต้าเยี่ยนไม่มีทางปล่อยให้ซีเหลียงเป็นคนควบคุมเมืองที่ติดกับแม่น้ำตันสุ่ยเช่นนี้แน่นอน เมืองเฉวี่ยนหยาคือสถานที่ที่พวกเขาต้องบุกโจมตีแน่

ทว่า ทหารของซีเหลียงไม่ได้ใส่ใจคำกล่าวของลูกศิษย์ของจอมเวทย์แห่งเทียนเฟิ่งเท่าใดนัก พวกเขาคิดว่าเทียนเฟิ่งที่ปราศจากกองทัพช้างไม่ได้น่าหวาดกลัวอย่างที่คิด พวกเขาคงถูกต้าโจวและต้าเยี่ยนทำสงครามชนะจนหวาดระแวงไปหมดแล้ว

ท้องฟ้ากำลังจะมืดลง รอบกายเงียบสงัดจนได้ยินเพียงแต่เสียงลมพัด

ทหารหน่วยสอดแนมของเมืองเฉวี่ยนหยาลดความหวาดระแวงลงเพราะคิดว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนถอยทัพออกไปหมดแล้ว พวกเขานั่งล้อมกองไฟ ต้มน้ำชาดื่ม สนทนาพลางทานถั่งลิสงและมันฝรั่งกันอย่างสนุกสนาน

ทหารหน่วยสอดแนมคนหนึ่งที่กำลังใช้ไม้เขี่ยมันฝรั่งที่เผาสุกแล้วออกมาจากกองไฟเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศรอบกายไม่ปกติ เขาโยนมันฝรั่งเผาให้สหายข้างกาย จากนั้นลุกขึ้นเดินไปที่ริมแม่น้ำตันสุ่ย ทหารคนอื่นๆ ลุกขึ้นเดินตามไป พวกเขาเหยียบเปลือกถั่วลิสงจนดังกรอบแกรบ

ฝั่งตรงข้ามที่มืดมิดของแม่น้ำตันสุ่ยมีเสียงลมหายใจแปลกๆ ดังขึ้น

ทหารหน่วยสอดแนมของเมืองเฉวี่ยนหยายังไม่ทันได้สติ ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่หน้าอกของเขาเสียก่อน

เปลวไฟที่ลุกโหมในกองเพลิงสะท้อนให้เห็นใบหน้าของทหารหน่วยสอดแนมอีกสามคนที่ผุดลุกขึ้นมาอย่างชัดเจน ลูกธนูมากมายพุ่งตรงไปยังร่างของทหารหน่วยสอดแนมสามคนนั้น

เปลวไฟจากกองเพลิงส่ายสะบัดไปมาตามแรงลมจากลูกธนูที่ลอยเข้ามา

ทหารหน่วยสอดแนมทั้งสามคนถูกธนูยิงทะลุร่างจนทรุดลงไปกองบนพื้นโดยไม่มีโอกาสส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียว

ไม่นานมีเรือพายข้ามแม่น้ำตันสุ่ยมาอย่างเงียบเชียบ พวกเขาดึงสะพานลอยน้ำขึ้น ทหารต้าโจวปีนสะพานข้ามแม่น้ำมาทีละคนอย่างเป็นลำดับ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองเฉวี่ยนหยาทันที

ควันของกองไฟลอยตามแผ่นหลังของบรรดาทหารต้าโจวไปยังเมืองเฉวี่ยนหยาราวกับเป็นสัญญาณเตือนคนในเมืองเฉวี่ยนหยาเป็นครั้งสุดท้าย

ทว่า ทหารเมืองเฉวี่ยนหยาเตรียมตั้งรับศัตรูอยู่ในเมืองมาเป็นเวลาหลายวันเพราะคิดว่าต้าโจวและต้าเยี่ยนจะบุกมาโจมตี ปรากฏว่าพวกเขาเห็นกองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนข้ามแม่น้ำตันสุ่ยไปยังทิศอื่นพวกเขาจึงโล่งใจลง บัดนี้ไม่มีผู้ใดหวาดระแวงว่าจะมีคนบุกมาโจมตีเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว พวกเขาจึงไม่เห็นความผิดปกติของควันไฟ คิดว่าลมเปลี่ยนทิศเท่านั้น

จนเมื่อทหารต้าโจวบุกไปถึงกำแพงเมืองเฉวี่ยนหยาแล้วทหารคุ้มกันเมืองเฉวี่ยนหยาจึงรู้ตัวและเป่าแตรศึกเพื่อส่งสัญญาณ

“ทหารต้าโจวบุกโจมตีเมืองแล้ว พลธนูเตรียมพร้อม เตรียมน้ำมันเพลิงให้พร้อม!”

เสียงแตรศึกดังขึ้นพร้อมกับเสียงร้องอย่างหวาดกลัวของทหารคุ้มกันเมืองเฉวี่ยนหยา เมืองเฉวี่ยนหยาที่เมื่อครู่ยังมีแต่ความสงบ บัดนี้เกิดความโกลาหลขึ้นมาทันที

ทหารซีเหลียงที่ซุกตัวสนทนากันอยู่ในค่ายทหารรีบหยิบอาวุธของตัวเองวิ่งไปบนกำแพงเมืองเฉวี่ยนหยาทันที

ทว่า สายไปแล้ว…

ตอนที่ไป๋จิ่นจื้อยึดเมืองผิงตู้ได้ ซีเหลียงรับรู้แล้วว่าต้าโจวมีกองทัพพิเศษอยู่กองทัพหนึ่งที่สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองและยึดเมืองได้ภายในเวลาอันรวดเร็วโดยที่ธนูคมและน้ำมันเพลิงทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้แม้แต่น้อย!

เมื่อทหารซีเหลียงเห็นกองทัพพิเศษที่ร่ำลือต่อกันมากำลังปีนขึ้นไปบนกำแพงเมือง ทหารซีเหลียงจึงพยายามโยนก้อนหินและยิงธนูลงไปด้านล่างกำแพงเพื่อโจมตีพวกเขาอย่างสุดชีวิต ทว่า โล่กำบังของฝ่ายต้าโจวมีลักษณะเอียง ก้อนหินจึงทำสิ่งใดพวกเขาไม่ได้แม้แต่น้อย

เสิ่นคุนหยางและไป๋จิ่นจื้อขี่ม้าอยู่ด้านหลังของกองทัพทหาร เมื่อเห็นกองทัพซั่วหยางปีนขึ้นไปบนกำแพงได้แล้ว ไป๋จิ่นจื้อจังหันไปขออนุญาตเสิ่นคุนหยาง “แม่ทัพเสิ่นให้ข้าบุกเข้าไปด้านในเพื่อเปิดประตูเมืองให้แม่ทัพเถิดเจ้าค่ะ”

ม้าศึกของไป๋จิ่นจื้อย่ำเท้าไปมาอย่างร้อนใจราวกับอยากบุกเข้าไปเต็มที่ มันดูใจร้อนกว่าเจ้านายของมันอย่างไป๋จิ่นจื้อเสียอีก

เสิ่นคุนหยางหันไปตะโกนสั่งเฉิงหย่วนจื้อซึ่งอยู่ทางด้านขวาของเขา “เฉิงหย่วนจื้อ โจมตีเมืองได้!”

เฉิงหย่วนจื้อรับคำด้วยสีหน้าหนักแน่น เขาชักดาบออกมาจากเอวอย่างแรง จากนั้นตะโกนเสียงดังลั่นอยู่ด้านนอกเมืองเฉวี่ยนหยา “ทหารต้าโจวทุกคน! สุนัขรับใช้ของซีเหลียงเคยข่มเหงรังแกพวกเราไว้มาก วันนี้พวกเราจะแก้แค้นให้ชาวบ้านและสหายของเราที่เสียชีวิตไปแล้ว! บุก!”

“บุก!”

เลือดในกายของทหารต้าโจวทุกคนพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท