ตอนที่ 1148 ทำสงคราม
ไป๋จิ่นเจาออกไปจากรถม้าก่อน จากนั้นส่งมือให้ไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ ข้าช่วยประคองเจ้าค่ะ”
ชุนจือรีบสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวใหญ่ให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นเปลี่ยนเตาอุ่นมืออันใหม่ให้หญิงสาวแล้วแหวกม่านรถม้าให้ไป๋ชิงเหยียน
ไป๋ชิงเหยียนโน้มตัวออกมาจากตัวรถม้าก็เห็นไป๋ชิงฉี ไป๋ชิงเจวี๋ย ไป๋ชิงอวิ๋น ไป๋จิ่นหวาและไป๋จิ่นเซ่อกรูกันเข้ามาหาพลางเอ่ยเรียกนาง
เว่ยจ้าวเหนียนซึ่งสวมที่ครอบตาสีดำอยู่ที่ดวงตาเดินไปทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนด้านหน้า
“เสี่ยวไป๋ไซว่!”
“แม่ทัพเว่ย!” ไป๋ชิงเหยียนทักทายด้วยรอยยิ้ม
ไป๋ชิงเหยียนจับมือของไป๋จิ่นเจาเดินลงจากรถม้า หญิงสาวลูบศีรษะของไป๋จิ่นเซ่ออย่างแผ่วเบา
“เสี่ยวชีของพวกเราสูงขึ้นมากจริงๆ ด้วย! เสี่ยวอู่คล้ำขึ้นมาก ทว่า เสี่ยวลิ่วดูไม่คล้ำขึ้นเลยสักนิด…”
“เสี่ยวอู่กับเสี่ยวลิ่วเป็นฝาแฝดกัน ตอนมาที่นี่แรกๆ ทหารแยกพวกนางไม่ออก ทว่า ตอนนี้แยกออกแล้ว คนผิวคล้ำกว่าคือเสี่ยวอู่ คนผิวขาวคือเสี่ยวลิ่วขอรับ!” ไป๋ชิงอวิ๋นที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม้กล่าวขึ้นยิ้มๆ
“พี่ชายเก้า!” ไป๋จิ่นเจาชี้ไปมองไป๋ชิงอวิ๋นอย่างไม่พอใจ
“อย่ามัวสนทนากันอยู่กลางหิมะเช่นนี้เลย พวกเราเข้าไปในกระโจมก่อนเถิดขอรับพี่หญิงใหญ่”
ใบหน้าของไป๋ชิงฉีเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“พี่หญิงใหญ่เดินทางราบรื่นดีหรือไม่ขอรับ”
ไป๋ชิงเจวี๋ยเข็นรถเข็นของไป๋ชิงอวิ๋นเดินตามหลังไป๋ชิงเหยียนไปพลางเอ่ยถามยิ้มๆ
“ตอนจากมาทุกอย่างเรียบร้อยดี ทว่า ระหว่างทางพี่หยุดพักตามเมืองหลายเมืองเพื่อสำรวจความคิดเห็นของชาวเมืองซีเหลียงที่มีต่อเทียนเฟิ่งและราชสำนักซีเหลียง ดังนั้นจึงเดินทางมาล่าช้ากว่าที่กำหนดไว้” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงอวิ๋น
“พี่ได้ยินว่าอาอวิ๋นเปลี่ยนอาวุธธนูกลายเป็นธนูหน้าไม้…”
ไป๋ชิงอวิ๋นพยักหน้ายิ้มๆ
“บัดนี้ข้าไม่สามารถไปออกรบในสนามรบร่วมกับพี่น้องได้จึงได้แต่พยายามเรื่องเหล่านี้แทนขอรับ น่าเสียดายที่ความสามารถของอาอวิ๋นมีจำกัด ข้าไม่ได้ฉลาดเหมือนพี่ชายสาม พี่ชายห้าและพี่ชายเจ็ด ข้าเรียนรู้จากสำนักซื่อไห่มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากตอนนั้นพี่ชายเจ็ดไปยังสำนักซื่อไห่กับท่านกู้อีเจี้ยนเขาต้องนำความรู้มาสร้างประโยชน์ให้กองทัพไป๋ได้มากกว่าข้าแน่นอนขอรับ”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าต้องการให้ข้าไปพบท่านอาจารย์ที่สำนักซื่อไห่ ส่วนเจ้าจะไปออกรบกับข้าแทนอย่างนั้นแหล่ะ!”
ไป๋ชิงเจวี๋ยเอื้อมมือไปลูบศีรษะของไป๋ชิงอวิ๋น ทว่า ไป๋ชิงอวิ๋นเอนศีรษะหลบเสียก่อน
“แม้ข้าจะเคลื่อนไหวไม่สะดวกเมื่อนั่งอยู่บนรถเข็นเช่นนี้ ทว่า ข้าไม่ได้ใช้เวลาอยู่ในสำนักซื่อไห่อย่างเปล่าประโยชน์นะขอรับ แม้ข้าไม่ได้กราบกู้เซียนเซิงเป็นอาจารย์ ทว่า กู้เซียนเซิงสอนวิชาที่เขาไม่เคยสอนให้พี่ชายเจ็ดให้ข้า พี่ชายเจ็ดคงต่อยข้าไม่ได้ง่ายๆ หรอกขอรับ”
ไป๋ชิงอวิ๋นกล่าวยิ้มๆ
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินเสียงหัวเราะหยอกล้อของพี่น้องจึงหวนนึกถึงตอนที่ท่านปู่ ท่านพ่อและบรรดาท่านอายังมีชีวิตอยู่ที่พวกนางได้หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศในตอนนั้นคึกครื้นมากจริงๆ ทว่า บัดนี้บรรยากาศเช่นนั้นกลับมาอีกครั้งแล้ว
เว่ยจ้าวเหนียนยืนเอามือไขว้หลังมองดูแม่ทัพของตระกูลไป๋เหล่านี้อย่างภาคภูมิใจ เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนเดินทางออกรบกับแม่ทัพไป๋ทุกคน ตอนนั้นแม่ทัพไป๋ทุกคนอยู่ห้อมล้อมแม่ทัพใหญ่และรองแม่ทัพใหญ่ด้วยรอยยิ้มเช่นนี้เหมือนกัน
นี่คงเป็นสิ่งที่สืบทอดต่อกันมาทางสายเลือด
ท่านแม่ทัพใหญ่ ท่านรองแม่ทัพใหญ่ ท่านชายสอง ท่านชายสาม ท่านชายสี่และท่านชายห้าจากไปแล้ว ทว่า ทายาทของพวกเขาเติบใหญ่ขึ้นแล้ว พวกเขาสามารถดูแลกองทัพไป๋ที่ยิ่งใหญ่ต่อจากพวกท่านได้
ขอเพียงตระกูลไป๋ยังมีทายาทเช่นนี้อยู่ ตระกูลไป๋และกองทัพไป๋ไม่มีวันดับสลายอย่างแน่นอน
หลูหนิงฮว่าและสตรีสวมชุดสีเขียวอ่อนนางหนึ่งกำลังช่วยกันเติมถ่านในเตาผิงอยู่ในกระโจมใหญ่
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากนอกกระโจมสาวน้อยจึงหันไปตะโกนเรียกหลูหนิงฮว่าด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ
“ท่านอาจารย์ ฝ่าบาทเสด็จมาแล้วแน่เลยเจ้าค่ะ!”
หลูหนิงฮว่าพยักหน้ายิ้มๆ นางปิดฝาครอบเตาผิงลงตามเดิม ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือจนสะอาด จากนั้นหันไปกำชับหลูเหลียวเฉิน
“เจ้าอยู่ไม่ค่อยสุข อีกทั้งพูดมากเกินไป เมื่ออยู่หน้าพระพักตร์ต้องสำรวมกิริยาให้มาก จำได้หรือไม่”
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ท่านกำชับข้าเป็นรอบที่ร้อยแล้ว ท่านกำชับข้าซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่ที่ทราบว่าฝ่าบาทจะเสด็จมาที่นี่! ข้าฟังจนหูชาแล้ว ต้องจำได้ขึ้นใจแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นหลูเหลียวเฉินรับปากอย่างจริงจังหลูหนิงฮว่าจึงพาสาวน้อยเดินออกไปจากกระโจม
หลูหนิงฮว่ามองเห็นไป๋ชิงเหยียนแต่ไกลจึงรีบพาหลูเหลียวเฉินเดินไปทำความเคารพ
“คุณหนูใหญ่!”
“ท่านอาหลู”
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้าให้หลูหนิงฮว่า
“ครั้งนี้แม่นางจี้เดินทางมาจากเมืองหานด้วย ทว่า อาอวี๋กับจิ่นซิ่วต้องทำสงครามต่อข้าจึงให้แม่นางจี้ตามจิ่นซิ่วไปด้วยนางจึงไม่ได้มาพบหน้าเจ้า ทว่า อีกไม่นานพวกเจ้าคงได้พบหน้ากัน!”
“ขอบพระคุณคุณหนูใหญ่ที่นึกถึงเจ้าค่ะ ขอเพียงนางปลอดภัยก็พอแล้วเจ้าค่ะ แม้ไม่ได้พบหน้ากันก็มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของหลูหนิงฮว่าเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
หลูเหลียวเฉินตะลึงทันทีที่เห็นหน้าไป๋ชิงเหยียน นางได้ยินไป๋จิ่นเจากล่าวขึ้นจึงได้สติและรีบทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน
“คารวะฝ่าบาท ขอให้ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปีเพคะ”
หลูเหลียวเฉินทำความเคารพตามกฎระเบียบอย่างนอบน้อม
เมื่อไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีเรียบร้อยและได้มาตรฐานไม้แพ้สตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงของสาวน้อยตรงหน้าหญิงสาวก็รู้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่สตรีทั่วไปจะทำได้หากไม่ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
ไป๋ชิงเหยียนเหลือบมองสีหน้าเย็นชาของน้องชายสามแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ
“ลุกขึ้นเถิด เจ้าคือลูกศิษย์ของท่านอาหลูอย่างนั้นสินะ…”
หลูเหลียวเฉินเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่มองไปทางไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยประกาย สาวน้อยเอ่ยตอบอย่างไม่เขินอาย
“เพคะฝ่าบาท ในที่สุดหม่อมฉันก็ได้พบฝ่าบาทเสียที หม่อมฉันได้ยินท่านอาจารย์เล่าเรื่องของฝ่าบาทให้ฟังเยอะเลยเพคะ ได้ยินทหารและชาวบ้านแถบชายแดนเอ่ยถึงฝ่าบาทด้วยความเคารพและนับถือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินท่วงนำนอง‘แม่ทัพใหญ่ไป๋ออกรบ’ ที่แต่งขึ้นโดยสาวงามคังน่าหม่อมฉันยิ่งอยากไปออกรบกับฝ่าบาทเพคะ! วันนี้หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้พบฝ่าบาท หม่อมฉันดีใจมากจริงๆ เพคะ”
หลูเหลียวเฉินกล่าวถ้อยคำรวดเร็วและชัดเจนด้วยน้ำเสียงใสไพเราะราวกับนกแก้ว ใบหน้าของสาวน้อยงดงาม โดยเฉพาะดวงตากลมโตคู่นั้นดูบริสุทธิ์สดใสมาก สาวน้อยมีฟันเขี้ยวน่าเอ็นดูอยู่หนึ่งคู่ นางเปรียบเสมือนไฟดังที่ไป๋จิ่นเซ่อกล่าวไว้จริงๆ ดูเหมือนว่านางจะไม่ใช่สตรีของครอบครัวธรรมดาแน่นอน
ทว่า หากน้องชายสามชอบนาง ชีวิตของอาฉีคงมีสีสันและมีความสุขขึ้นมากเหมือนที่เสี่ยวอู่กล่าวไว้
“เหลียวเฉิน!”
หลูหนิวฮว่าเอ็ดหลูเหลียวเฉินเบาๆ หลูเหลียวเฉินมีนิสัยเหมือนม้าดีดกระโหลกจนหลูหนิวฮว่าปวดศีรษะไม่น้อย
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้ายิ้มๆ
“รีบลุกขึ้นเถิด อย่ามัวคุกเข่าอยู่เช่นนี้เลย”
“เพคะ” หลูเหลียวเฉินรับคำ สาวน้อยลุกขึ้นยืนพลางปัดเศษหิมะที่ติดตามชายกระโปรง จากนั้นกล่าวต่อ “ฝ่าบาท ท่านอาจารย์บอกว่าฝ่าบาททรงทนหนาวไม่ค่อยได้ เมื่อครู่ท่านอาจารย์และหม่อมฉันจุดเตาผิงทั่วทั้งกระโจมแล้วเพคะ บัดนี้ในกระโจมอบอุ่นมาก ท่านอาจารย์ของหม่อมฉันตั้งใจทำของว่างให้ฝ่าบาทด้วย หม่อมฉันแอบขโมยชิมแล้ว อร่อยมากเลยเพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นท่าทีของหลูเหลียวเฉินจึงหัวเราะออกมาน้อยๆ
“ได้ ข้าจะลองชิมแน่นอน”