สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1151 ปลอบขวัญ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1151 ปลอบขวัญ

หลูหนิงฮว่าชอบเด็กสาวคนนี้จากใจริง ทว่า หากเหลียวเฉินจงใจทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อตระกูลไป๋ขึ้นมา ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของนางนางก็จะไม่ยอมให้เหลียวเฉินทำสำเร็จแน่

มิเช่นนั้นนางคงทำผิดต่อบุญคุณที่องค์หญิงใหญ่มีต่อนางและแม่ คงผิดต่อคุณหนูใหญ่ที่เคยมีพระคุณช่วยญาติผู้น้องของนางไว้!

“ท่านอาหลู…” ไป๋ชิงเหยียนหันไปทางหลูหนิงฮว่าและหลูเหลียวเฉิน “ไม่จำเป็นต้องทำให้เหลียวเฉินลำบากใจ ข้าชอบเด็กคนนี้มาก…”

หากหลูเหลียวเฉินมีอันตรายจริงๆ อาฉีไม่มีทางทนดูอยู่เฉยๆ เช่นนี้แน่นอน อาฉีคงสืบประวัติของสาวน้อยผู้นี้แล้ว เขาคงรู้ว่าประวัติของนางสะอาดบริสุทธิ์จึงปล่อยให้นางอยู่ในกองทัพไป๋ต่อเช่นนี้ ไป๋ชิงเหยียนเชื่อมั่นในตัวน้องชายของตัวเอง เมื่อมีเวลาว่างนางค่อยถามประวัติความเป็นมาของเด็กคนนี้จากอาฉีภายหลัง นางต้องถามเหตุผลที่น้องชายยังเก็บสาวน้อยผู้นี้ไว้ในค่ายทหารต่อให้รู้แน่ชัด

หากอาฉีชอบสาวน้อยผู้นี้ขึ้นมาจริงๆ แล้วนางดันไล่เหลียวเฉินออกจากกองทัพ อาฉีต้องเสียใจแน่นอน

ไป๋ชิงฉีเหลือบมองพี่สาวของตัวเองแวบหนึ่ง ทว่า ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมา ชายหนุ่มเข็นรถเข็นของไป๋ชิงอวิ๋นเข้าไปด้านใน

จวนว่าการของซีเหลียงสร้างเลียนแบบมาจากยุคโบราณของต้าเยี่ยน ประตูบานใหญ่ด้านหน้าสุดมีสีดำแกมทอง เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะเห็นผนังลายน้ำตกสีชมพูอ่อน กระเบื้องสีเขียว เสาต้นใหญ่สีแดงซึ่งแกะสลักเป็นลวดลายดอกไม้วิจิตรงดงามและภาพแกะสลักเป็นลวดลายครอบครัวใหญ่ที่ลูกหลานเต็มจวน คนที่ไม่รู้มาก่อนอาจคิดว่าตัวเองกำลังเดินเข้าไปในจวนที่ว่าการของต้าเยี่ยนในยุคสมัยโบราณแน่นอน

บ่าวรับใช้ที่เคยรับใช้อยู่ในจวนว่าการของเจ้าเมืองต่างคุกเข่าตัวสั่นเทาอยู่บนพื้น เจ้านายเก่าของพวกเขาเป็นเจ้านายที่ชอบลงมือทำร้ายบ่าวในจวน เจ้านายหนีไปโดยไม่พาพวกเขาไปด้วย…

บ่าวรับใช้ที่แอบขโมยสมบัติของเจ้านายหนีไปถูกทหารต้าโจวจับกลับมาได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนั้นจะเป็นตายร้ายดีเช่นไรบ้าง บ่าวรับใช้อย่างพวกเขาที่โดนเจ้านายทอดทิ้งยิ่งหวาดกลัวและทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

บัดนี้จวนว่าการเต็มไปด้วยทหารพกดาบมากมาย พวกเขากลัวว่าหากทำสิ่งใดพลาดไปอาจถูกสังหารได้ง่ายๆ

เมื่อพากลุ่มของไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในห้องที่อบอุ่นไปด้วยไฟจากเตาผิงเรียบร้อย เว่ยจงรับเสื้อคลุมขนจิ้งจอกของไป๋ชิงเหยียนไปจากมือของชุนจือ จากนั้นกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ฝ่าบาททรงมีเรื่องสำคัญต้องปรึกษากับเหล่าแม่ทัพ บ่าวจะไปสั่งให้โรงครัวเตรียมสำรับให้ฝ่าบาท เนื้อแกะของซีเหลียงรสชาติไม่เลวทีเดียว อาหารค่ำวันนี้เป็นเนื้อแกะตุ๋นดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“ได้ รบกวนเว่ยกงกงจัดการเรื่องนี้ให้ด้วย วันนี้พวกเราทุกคนและแม่ทัพเว่ยจะทานเนื้อแกะตุ๋นกัน” ไป๋ชิงเหยียนหันไปถามเว่ยจ้าวเหนียน “แม่ทัพจ้าวมีความเห็นเช่นไร”

“เสี่ยวไป๋ไซว่จัดการได้เลยขอรับ!” เว่ยจ้าวเหนียนซึ่งเหลือดวงตาเพียงข้างเดียวกล่าวขึ้นยิ้มๆ

ไป๋ชิงอวิ๋นที่นั่งอยู่บนรถเข็นจ้องไปยังตำแหน่งด่านเย่เฉิงในแผนที่นิ่ง “เมื่อคืนเจ้าเมืองหลบหนีไปได้ อีกไม่นานเย่โส่วกวนแม่ทัพผู้คุ้มกันด่านเย่เฉิงคงรู้ข่าวเรื่องที่เมืองซุ่นหนิงถูกตีแตกแน่ พวกเขาต้องเพิ่มมาตราการการป้องกันแน่นหนากว่าเดิมแน่นอน หากเราเลือกทิ้งด่านเย่เฉิงและเดินอ้อมไปทางอื่นแทนคงเสียเวลาและกำลังทหารมากกว่าการบุกโจมตีด่านเย่เฉิงซึ่งๆ หน้าแน่”

“สิ่งสำคัญที่สุดคือกำลังใจของเหล่าทหาร” ไป๋ชิงฉีมองไปทางไป๋ชิงเหยียน “พี่หญิงใหญ่ต้องการโจมตีด่านเย่เฉิงเพราะเย่โส่วกวนคือแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของซีเหลียงรองลงมาจากอวิ๋นพั่วสิง ก่อนหน้านี้เขาเป็นแม่ทัพที่รบชนะในสงครามเกือบทุกสงคราม ทว่า ตอนนี้เขาถูกส่งกลับมาดูแลด่านเย่เฉิงเพราะล่วงเกินจักรพรรดิองค์ก่อนของซีเหลียง”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “หากด่านเย่เฉิงยังอยู่ หากหลี่เทียนเจียวกลับไปขอกำลังหนุนจากเมืองอวิ๋นจิง ชาวซีเหลียงอาจมีคนที่เลือดร้อนพร้อมสละชีพเพื่อซีเหลียงหลงเหลืออยู่ ทว่า หากอวิ๋นพั่วสิงและเย่โส่วกวนพ่ายแพ้ทั้งสองคน ข้าไม่กล้ารับประกันว่าทุกคนในซีเหลียงจะหวาดกลัวต้าโจว ทว่า อย่างน้อยคนส่วนใหญ่ในซีเหลียงคงไม่กล้าลุกขึ้นมาต่อต้านต้าโจวอย่างซึ่งๆ หน้าแน่นอน”

เสียงร้องไห้ของสาวใช้ดังแว่วมาจากด้านนอก ไป๋ชิงเหยียงมองออกไปทางหน้าต่าง “ในเมืองยังมีชาวบ้านและบ่าวรับใช้ที่หลบหนีออกจากเมืองไม่ทัน…”

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองเสิ่นชิงจู๋ “ให้คนรวบรวมรายชื่อของชาวบ้านเหล่านี้ใหม่ เมื่อโจมตีเมืองถัดไปจงเผยแพร่การปกครองระบอบใหม่ในเมืองนั้นด้วย ปฏิบัติต่อชาวบ้านของซีเหลียงให้เหมือนกับที่ปฏิบัติต่อชาวบ้านต้าโจว บอกพวกเขาว่าเราจะงดภาษีให้สามปี ราชสำนักจะส่งเสบียงอาหารมาให้ ขอเพียงพวกเขายอมเป็นชาวบ้านของต้าโจว”

“ทว่า ซีเหลียงไม่เหมือนกับต้าโจวและต้าเยี่ยน พวกเขาเป็นชนเผ่าอื่นมาตั้งแต่แรก ตอนที่ใต้หล้ายังไม่ถูกแบ่งแยก ซีเหลียงก็จ้องแต่จะก่อปัญหามาโดยตลอด คงยากที่จะรวมพวกเขาเป็นหนึ่ง…” เว่ยจ้าวเหนียนกล่าวอย่างเป็นกังวล

“ชาวบ้านแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น แม้รูปลักษณ์ภายนอกของซีเหลียงจะแตกต่างจากพวกเรา ทว่า พวกเราสามารถรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งอีกครั้งได้ง่ายกว่ารุ่นบรรพบุรุษของพวกเรามากเพราะบรรพบุรุษช่วยปูทางให้พวกเราก่อนหน้านี้แล้ว ขอเพียงพวกเราใช้วิธีอ่อนโยนกับชาวบ้านเหล่านี้ สันติสุขจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

เว่ยจ้าวเหนียนฟังจบจึงพยักหน้าตาม เขายกมือคารวะไป๋ชิงเหยียน “เสี่ยวไป๋ไซว่พิจารณาได้รอบคอบกว่าข้านักขอรับ”

“แม่ทัพเว่ยเคยเป็นสติปัญญาของท่านอาสี่ของข้า ข้าเห็นแม่ทัพเว่ยเป็นคนในครอบครัว พวกเราไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาเหินห่างเช่นนี้”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบ ไป๋ชิงเจวี๋ยก็พาไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวากลับมาพอดี

“พี่หญิงใหญ่”

ทั้งสามคนทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนซึ่งยืนอยู่หน้าแผนที่พยักหน้าให้เล็กน้อยพลางกวักมือให้น้องทั้งสามเดินมาใกล้ ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปรับถ้วยน้ำชาที่ชุนจือส่งให้ จากนั้นนั่งลง “พิจารณาแผนที่ตรงหน้าให้ละเอียด จากนั้นพวกเรามาปรึกษากันว่าจะยึดด่านเย่เฉิงได้เร็วที่สุดได้อย่างไร ยิ่งพวกเรายึดด่านเย่เฉิงได้เร็วเท่าใดกำลังใจของทหารซีเหลียงก็จะถูกทำลายมากขึ้นเท่านั้น”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน ด้านนอกรายงานว่าเซียวรั่วไห่มีเรื่องสำคัญขอเข้าพบ

“หรู่ซยงของพี่หญิงใหญ่ตามไปคุ้มกันพี่หญิงสี่ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” สีหน้าของไป๋จิ่นเจาเคร่งขรึมขึ้นทันที “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับพี่หญิงสี่หรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ใช่หรอก หากเกิดเรื่องขึ้นกับพี่หญิงสี่จริงๆ บัดนี้หรู่ซยงของพี่หญิงใหญ่คงบุกเข้ามาแล้ว ทหารกองทัพไป๋ของเราจะไม่รู้จักเซียวรั่วไห่ได้อย่างไร…” ไป๋จิ่นเซ่อปลอบขวัญไป๋จิ่นเจาที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

ไป๋ชิงเจวี๋ยลูบศีรษะของไป๋จิ่นเจาเบาๆ “รีบเชิญเข้ามา…”

ไม่นานร่างในเครื่องแบบทหารซีเหลียงของเซียวรั่วไห่จึงเดินเข้ามาด้านใน เขาติดหนวดปลอมเลียนแบบคนซีเหลียง ดูไกลๆ เหมือนคนซีเหลียงไม่มีผิดเพี้ยน ทว่า ร่างที่เปื้อนมอมแมมและดวงตาที่แดงฉานสื่อให้เห็นว่าชายหนุ่มเร่งเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้หยุดพักแม้แต่น้อย

“หรู่ซยงติดตามเสี่ยวซื่อไปไม่ใช่หรือ” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยถาม “เสี่ยวซื่อและแม่ทัพเสิ่นให้หรู่ซยงนำข่าวใดมาให้ข้าอย่างนั้นหรือ”

“หลังจากคุณหนูใหญ่จากไป ข้าอยู่ข้างกายของคุณหนูสี่ไม่ค่อยมีประโยชน์สักเท่าใดนัก เมืองที่พวกเขาบุกโจมตีไม่ใช่เมืองที่มีแม่ทัพเก่งกาจคอยคุ้มกัน พวกเขาจึงส่งข้าไปที่ด่านเย่เฉิง ให้ข้าวาดแผนที่ของด่านเย่เฉิงออกมาอย่างละเอียด คุณหนูใหญ่จะได้หาทางโจมตีด่านเย่เฉิงได้ง่ายขึ้นขอรับ…”

เซียวรั่วไห่กล่าวพลางหยิบแผนที่ที่ตัวเองวาดขึ้นออกมาจากอก จากนั้นยื่นให้ไป๋ชิงเหยียนแล้วถอยหลังกลับไปสองสามก้าว

นอกจากเซียวรั่วไห่จะมีวรยุทธ์ที่เก่งกาจแล้ว ความสามารถที่เก่งกาจอีกอย่างของเขาก็คือการวาดแผนที่อย่างละเอียดและสืบหาคลังอาวุธและเสบียงอาหารของฝ่ายศัตรูได้อย่างแม่นยำ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท