สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1169 สละชีพเพื่อแคว้น

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1169 สละชีพเพื่อแคว้น

“แก้แค้นให้สหายกองทัพไป๋!” ทหารกองทัพไป๋พากันตะโกนโห่ร้องออกมาอย่างฮึกเหิม “บุกเข้าไป!”

ตอนที่เย่โส่วกวนซึ่งอยู่บนกำแพงเมืองยังไม่ได้ยินเสียงตะโกนของรองแม่ทัพจ้าวก็รู้สึกผิดสังเกตขึ้นก่อนแล้ว เขารีบตะโกนให้ปิดประตูเมือง

ทว่า ทหารคุ้มกันเมืองเห็นว่าสหายของตัวเองยังหนีเข้ามาในเมืองได้ไม่หมดหลังจากรองแม่ทัพจ้าวเข้ามาแล้ว พวกเขาทนเห็นสหายของตัวเองเสียชีวิตด้วยคมดาบของศัตรูอยู่นอกด่านไม่ได้ พวกเขาเร่งให้สหายของตัวเองเร่งความเร็วให้มากกว่านี้ ไม่ยอมปิดประตูด่านเย่เฉิงตามคำสั่งของเจ้านาย

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของรองแม่ทัพจ้าว เย่โส่วกวนรีบมองไปยังเบื้องหน้า เขาเห็นกลุ่มทหารม้าเหล็กกำลังมุ่งหน้ามายังด่านเย่เฉิงราวกับน้ำป่าที่กำลังไหลหลาก คบเพลิงในมือของทหารต้าโจวส่องให้เห็นขบวนทัพของพวกเขาอย่างริบหรี่ เขามองเห็นบันไดไม้ รถพังประตูเมือง และขบวนทัพใหญ่ของต้าโจว…

เย่โส่วกวนกำหมัดแน่น เขาชักดาบออกมาจากเอว จากนั้นตะโกนลั่น “ยิงเครื่องยิงธนูเร็ว!”

“ท่านแม่ทัพ ฝ่าบาทยังอยู่…”

ศีรษะของเย่โส่วกวนมีเส้นเลือดปูดขึ้น เขาหันไปตัดคอของแม่ทัพผู้นั้นทันที จากนั้นตะโกนสุดเสียง “หากด่านเย่เฉิงถูกตีแตกซีเหลียงจะดับสลายทันที! อย่ายิงไปทางฝ่าบาท รีบยิงธนูเร็ว!”

เย่โส่วกวนตวาดสุดเสียง ทหารประจำเครื่องยิงธนูไม่กล้ารอช้า เขายกค้อนในมือขึ้นสูง จากนั้นกระแทกไปยังปุ่มปล่อยธนูทันทีอย่างแรง

ลูกธนูหนาและแหลมคมจากเครื่องยิงธนูทั้งสามเครื่องซึ่งตั้งอยู่บนกำแพงด่านเย่เฉิงพุ่งตรงไปทางกองทัพต้าโจว…

ทหารต้าโจวยังคงจัดทัพอยู่ในรูปแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง พลทหารโล่คุ้มกันทหารซึ่งแบกบันไดไม้เดินไปด้านหน้าทีละก้าวอย่างมั่นคง แม้ลูกธนูของศัตรูจะพุ่งลอดโล่หนาของพวกเขาปักลงที่เท้าของพวกเขา ทว่า ทหารโล่กลุ่มถัดไปรีบเข้ามาแทนที่ทหารโล่กลุ่มเดิม จากนั้นเดินไปด้านหน้าต่ออย่างไม่หยุดชะงักด้วยท่าทีน่าเกรงขาม

บัดนี้ต้าโจวยังไม่ได้เริ่มใช้เครื่องโยนหิน เย่โส่วกวนไม่รู้ว่าตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนที่ปกติถนัดส่งทหารยอดฝีมือชุดพิเศษของนางออกมาโจมตีกำลังรอสิ่งใดอยู่ ไม่รู้ว่าหญิงสาวจะใช้เครื่องโยนหินเมื่อใด เขารู้สึกกระทั่งว่าต้าโจวกำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้เครื่องโยนหินควบคุมด่านเย่เฉิงของเขา

“รายงาน…” ทหารที่ติดตามรองแม่ทัพจ้าวออกไปนอกด่านและกลับเขามาพร้อมเขาวิ่งมารายงานเย่โส่วกวนโดยที่เลือดท่วมตัว “ต้าโจวยกทัพมาทั้งค่าย จักรพรรดินีแห่งต้าโจวนำทัพมาด้วยองค์เอง แม่ทัพทุกคนของกองทัพไป๋อยู่ที่นี่ทั้งหมด แม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดติดตามอยู่ข้างกายของจักรพรรดินีแห่งต้าโจวขอรับ”

“รายงาน…แม่ทัพที่คุ้มกันกำแพงบนยอดเขาฝั่งขวาของด่านเย่เฉิงรายงานว่าต้าโจวไม่ได้บุกโจมตีฝั่งของพวกเขา พวกเขาถามว่าต้องยกทัพเสริมมาช่วยเหลือด้านนี้หรือไม่ขอรับ”

“รายงาน…แม่ทัพที่คุ้มกันกำแพงบนยอดเขาฝั่งซ้ายของด่านเย่เฉิงรายงานว่าต้าโจวไม่ได้บุกโจมตีฝั่งของพวกเขา พวกเขาถามว่าต้องยกทัพเสริมมาช่วยเหลือด้านนี้หรือไม่ขอรับ”

สายลับที่เย่โส่วกวนส่งไปสืบสถานการณ์ที่ยอดเขาสูงทั้งสองฝั่งของด่านเย่เฉิงกลับมารายงานด้วยอาการเหนื่อยหอบ

ตอนที่ได้ยินทหารต้าโจวตะโกนว่าจะแก้แค้นให้สหายในกองทัพไป๋เย่โส่วกวนก็ตัดสินใจได้แล้วว่าต้องทำเช่นไร เขาหันไปสั่งแม่ทัพของตัวเอง “ผู้ใดยินดีนำทัพออกไปต้านทานศัตรูที่นอกด่านบ้าง ครั้งนี้…พวกเจ้าอาจไม่ได้กลับมา”

เย่โส่วกวนแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการให้คนนำทัพออกไปตายเพื่อถ่วงเวลากองทัพต้าโจวไว้จนกว่าพวกเขาจะปิดประตูด่านเย่เฉิงได้สำเร็จ

“ข้ายินดีขอรับ!”

“ข้ายินดีขอรับ!”

“ข้ายินดีขอรับ!”

เหล่าทหารพากันคุกเข่ากำหมัดสื่อว่าพวกตนยินดี

ทุกคนรู้ดีว่าด่านเย่เฉิงมีความสำคัญมากเพียงใด ไม่มีแคว้นก็ไม่มีครอบครัว พวกเขาคือทหารซีเหลียง…พวกเขาต้องปกป้องปราการด่านสุดท้ายของซีเหลียงไว้ให้ได้

ญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนมองไปทางญาติผู้พี่ของตัวเองนิ่ง เขาปักหอกของตัวเองลงบนพื้น จากนั้นกระชากชายชุดของตัวเองมาพันไว้ที่ศีรษะ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาหนักแน่น “ท่านพี่ ฝากบอกท่านแม่ของข้าด้วยว่าข้าต้องอกตัญญูสละชีพเพื่อแคว้นแล้ว ชาติหน้าข้าค่อยไปตอบแทนบุญคุณท่านแม่ ฝากท่านพี่ดูแลท่านแม่แทนข้าด้วย!”

ญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนกล่าวจบก็กระชากหอกออกจากพื้นแล้ววิ่งลงไปด้านล่างกำแพงทันที

หากสงครามครั้งนี้ต้องมีคนเสียสละเพื่อถ่วงเวลากองทัพต้าโจวให้ประตูด่านเย่เฉิงได้ปิดลงก่อนที่พวกนั้นจะบุกเข้าไปในเมือง เขาจะเป็นคนทำมันเอง! ญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนรู้ดีว่าไม่มีผู้ใดทำหน้าที่นี้ได้ดีว่าคนตระกูลเย่อีกแล้ว!

ญาติผู้พี่ของเขาคือแม่ทัพใหญ่ของด่านเย่เฉิง ญาติผู้พี่ของเขาจะตายไม่ได้ ทว่า เขาเป็นเพียงทหารคนหนึ่งเท่านั้น เขาสามารถตายได้!

เขารู้ดีว่าการที่ตระกูลเย่รับหน้าที่คุ้มกันด่านเย่เฉิงโดยไม่มีสงครามใหญ่มานานหลายปีทำให้คนอื่นเริ่มไม่เคารพตระกูลเย่ ญาติผู้พี่ของเขาอาจถูกยึดตำแหน่งในวันหนึ่ง เขาหวังว่าการที่คนตระกูลเย่อย่างเขาสละชีพเพื่อปกป้องด่านเย่เฉิงเอาไว้จะทำให้ทหารเหล่านี้เลิกมีอคติต่อตระกูลเย่และพี่ชายของเขา

ด่านปราการสำคัญที่สุดของซีเหลียงจะสูญเสียไปโดยน้ำมือของคนตระกูลเย่ไม่ได้เด็ดขาด!

เย่โส่วกวนเบิกตาโพลง ถ้อยคำที่อยากเอ่ยรั้งญาติผู้น้องของตนไว้ติดอยู่ที่ลำคอ จากนั้นถูกกลืนลงไปอีกครั้ง เขาตะโกนขึ้น “อ้อมไปทางด้านหลัง เผาเครื่องยิงหินของต้าโจวให้ได้ เจ้าจะกลายเป็นผู้ที่มีความดีความชอบมากที่สุดของซีเหลียง!”

ญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนไม่ได้หันหลังกลับมามอง เขาชูดาบของตัวเองขึ้นสูงสื่อว่ารับรู้แล้ว

เสียงของญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนดังมาจากด้านล่างกำแพงเมือง “ด่านเย่เฉิงคือด่านปราการสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของซีเหลียง ผู้ใดกล้าเสียสละเพื่อแคว้นจงตามข้าออกไปรบ!”

ขอบตาของเย่โส่วกวนร้อนผ่าวขึ้นทันที เขาขบกรามแน่น “ทุกคนจงฮึดขึ้นสู้ หากพวกเราปล่อยให้ต้าโจวบุกเข้ามาในด่านเย่เฉิงได้พวกเราคงไม่อาจสู้หน้าสหายที่ยินดีสละชีพของตัวเองพื่อแคว้นได้ หยิบธนูของพวกเจ้าขึ้นมา ขนหิน เตรียมน้ำมันให้พร้อม พวกเราจะทำสงครามชี้เป็นชี้ตายกับต้าโจวในวันนี้!”

เย่โส่วกวนกล่าวจบจึงหันไปทางสายลับสองคนที่กลับมารายงานสถานการณ์ทางสองฝั่งของยอดเขา จากนั้นสั่งขึ้น “ลอบส่งคนไปบอกแม่ทัพทั้งสองฝั่งว่าไม่ต้องยกทัพมาช่วยเหลือ ให้พวกเขารีบอ้อมไปโจมตีกองทัพต้าโจวจากทางด้านหลัง ใช้พลุเป็นสัญญาณ ข้าจะปล่อยกองทัพส่วนหนึ่งของต้าโจวเข้ามาในด่าน พวกเราโจมตีพวกมันทั้งสองด้าน ต้องทำลายกองทัพหลักของพวกมันให้สูญเสียมากที่สุดให้ได้ ทางที่ดีจงจับเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวมาให้ได้ ข้าจะใช้ตัวนางแลกเปลี่ยนจักรพรรดินีแห่งซีเหลียงกลับมา”

“ขอรับ!” ทหารหน่วยลาดตระเวนรับคำและรีบไปถ่ายทอดคำสั่งทันที

บนยอดเขาสองข้างของด่านเย่เฉิงมีกำแพงเมืองอยู่เช่นเดียวกัน กำแพงถูกสร้างตั้งแต่ตีนเขาเลยขึ้นไปจนถึงยอดเขา แม่ทัพคุ้มกันกำแพงบนยอดเขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวในด่านเย่เฉิงนานแล้ว

ทว่า หน้าที่ของพวกเขาคือการปกป้องกำแพงบนนี้ เย่โส่วกวนเคยสั่งพวกเขาว่าเมื่อเกิดสงครามขึ้น หากไม่มีคำสั่งจากเย่โส่วกวนห้ามพวกเขายกทัพเสริมไปช่วยเหลือโดยพลการเด็ดขาด สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือการปิดเส้นทางที่จะขึ้นมายังกำแพงบนยอดเขานี้เผื่อว่าหากกองทัพของเย่โส่วกวนถูกทำลายจนหมดสิ้น พวกเขาจะได้เหลือรอดอยู่ ดังนั้นแม่ทัพซึ่งคุ้มกันกำแพงบนยอดเขาทั้งสองฝั่งจึงยังไม่ได้ลงมือทำสิ่งใดทั้งสิ้น

ทว่า พวกเขาส่งทหารหน่วยสอดแนมลงไปสำรวจสถานการณ์รบเป็นระยะ

ทหารกองทัพไป๋กำลังต่อสู้อยู่กับทหารฝ่ายศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าพวกเขาหลายร้อยเท่าอยู่หน้าประตูด่าน พวกเขาใช้ร่างของตัวเองขวางไม่ให้ประตูด่านถูกปิดลง ต่อให้ต้องใช้ศพของพวกเขาเป็นตัวขวางพวกเขาก็จะไม่ยอมให้ซีเหลียงปิดประตูบานนี้ลงเด็ดขาด พวกเขาจะให้สหายกองทัพไป๋บุกเข้าไปในเมืองได้อย่างราบรื่น

ญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนนำทหารซีเหลียงขี่ม้าทะยานออกไปจากด่านเย่เฉิง เสียงสู้รบดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ญาติผู้น้องของเย่โส่วกวนนำทหารมุ่งหน้าไปยังกองทัพไป๋ เขารู้ดีว่าครั้งนี้เขาต้องตายแน่นอนจึงตะโกนขึ้นเพียง “ทหารผู้กล้าของซีเหลียงทุกคน ต่อให้ตายพวกเราก็ต้องสังหารสุนัขต้าโจวให้ได้มากที่สุด! บุก!”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท