ไป๋ชิงเหยียนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย หญิงสาวนั่งลงบนเก้าอี้นวมกำพลางผ้าเช็ดหน้าของเซียวหรงเหยี่ยนไว้ในมือ จากนั้นก้มพิจารณาลายมือของชายหนุ่มอย่างละเอียดอีกครั้งท่ามกลางแสงไฟ
ประตูถูกเปิดออก นางกำนัลถือกะละมังทองแดง ผ้าขนหนูสีขาวและอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆ เข้ามาด้านใน
เมื่อไป๋ชิงเหยียนล้างหน้าแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยเว่ยจงจึงสั่งให้คนนำอาหารเข้ามา
เว่ยจงตักโจ๊กให้ไป๋ชิงเหยียน จากนั้นกระซิบข้างหูหญิงสาว “เมื่อคืนมีข่าวส่งมาว่าหลี่เทียนเจียวเดินทางไปเชิญแม่ทัพชราชุยซานจงที่อายุกว่าแปดสิบปีให้นำทัพออกรบต่อต้านกองทัพต้าโจวและต้าเยี่ยนด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนเป็นห่วงเรื่องสงครามจึงเดินทางมาลาฝ่าบาท เมื่อได้ยินว่าฝ่าบาทบรรทมอยู่จึงไม่ได้รบกวน ทว่า ฝากให้บ่าวทูลลาฝ่าบาทแทนพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าเว่ยจงรู้ดีว่าเมื่อคืนเซียวหรงเหยี่ยนอยู่กับนางทั้งคืน ทว่า เขาแค่ทำเป็นเลอะเลือนไม่รับรู้เท่านั้น
ไป๋ชิงเหยียนตักโจ๊กทานหนึ่งคำ เมื่อนึกถึงวิธีการรบที่เก่งกาจและแฝงไปด้วยเล่ห์กลของแม่ทัพชราชุยซานจงของซีเหลียงไป๋ชิงเหยียนจึงนึกถึงร่างโชกเลือดของอาอวี๋ในความฝันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ หญิงสาวขมวดคิ้วเอ่ยสั่งเว่ยจง “ส่งคนไปตามอาฉี อาอวี๋ อาเจวี๋ยและจิ่นซิ่วมาที”
แม่ทัพชราชุยซานจงแห่งซีเหลียงเคยได้สมญานามว่าแม่ทัพหน้าหยกหอกเงิน เขามีชื่อเสียงในสงคราม เขาไม่เพียงเคยเผชิญหน้ากับท่านปู่ของนางเท่านั้น ยังเคยเผชิญหน้ากับท่านปู่ทวดของนางอีกด้วย ต่อมาเป็นเพราะเขาเคยเสนอให้ซีเหลียงแสร้งยอมจำนนต่อหรงตี๋จึงถูกจักรพรรดิแห่งซีเหลียงหวาดระแวง ภรรยาและบุตรของเขาจบชีวิตด้วยน้ำมือของราชวงศ์ซีเหลียง
นับจากนั้นเป็นต้นมาแม่ทัพชราชุยซานจงจึงผิดหวังในตัวราชวงศ์ซีเหลียงมาก เขาถอดเกราะกลับไปอยู่บ้านเกิดของตัวเองและไม่ออกมาจากที่นั่นอีกเลย ครั้งนี้หลี่เทียนเจียวเดินทางไปขอร้องให้แม่ทัพชราชุยออกรบด้วยตัวเอง ต่อจากนี้ต้าโจวและต้าเยี่ยนคงต้องเจอศึกหนักกว่าเดิมแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนคิดไม่ถึงเลยว่าแม่ทัพชราชุยซานจงที่อายุมากถึงเพียงนี้จะนำทัพทำสงครามด้วยตัวเองอีกครั้ง
ทว่า แคว้นซีเหลียงกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ไป๋ชิงเหยียนรู้สึกนับถือแม่ทัพชราชุยซานจงมากที่ยอมละทิ้งความแค้นส่วนตัวเพื่อปกป้องแคว้นบ้านเกิดของตัวเอง ทว่า นับถือก็ส่วนนับถือ ไม่ว่าอย่างไรพวกนางก็ต้องทำสงครามครั้งนี้อยู่ดี
ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถขัดขวางการรวบรวมใต้หล้าให้เป็นหนึ่งของนางได้
เว่ยจงเพิ่งส่งคนไปตามพวกไป๋ชิงอวี๋ได้ไม่นาน บรรดาพี่น้องที่ทราบว่าไป๋ชิงเหยียนตื่นนอนแล้วก็พากันมาที่เรือนของไป๋ชิงเหยียนพอดี
เว่ยจงตักโจ๊กให้ไป๋ชิงฉี ไป๋จิ่นซิ่ว ไป๋ชิงอวี๋และไป๋ชิงเจวี๋ย จากนั้นสั่งให้คนอื่นออกไปให้หมด เขาอยู่รับใช้ในห้องเพียงคนเดียว
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางขมวดคิ้วแน่น “แม่ทัพชราชุยซานจงเป็นคนมีกลอุบายในการรบ แม้แต่ท่านปู่เองยังไม่กล้าประมาทเมื่อเผชิญหน้ากับแม่ทัพชราชุยผู้นี้ พวกเจ้าต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม”
“นึกไม่ถึงเลยว่าคำกล่าวเล่นๆ ของพี่ชายห้าจะเป็นจริงขึ้นมา ซีเหลียงให้แม่ทัพชราชุยซานจงที่อายุกว่าแปดสิบปีมาออกรบจริงๆ ด้วย!” ไป๋ชิงเจวี๋ยกล่าวยิ้มๆ พลางมองไปทางไป๋ชิงอวี๋ “แม่ทัพชราชุยซานจงผู้นี้อายุแปดสิบแปดแล้วกระมัง”
“อย่าประมาทเพียงเพราะแม่ทัพชราชุยอายุมากแล้วเด็ดขาด!” ไป๋ชิงเหยียนกำชับไป๋ชิงเจวี๋ย
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องห่วง อาเจวี๋ยทราบดีขอรับ” ไป๋ชิงเจวี๋ยไม่ใช่คนประมาทศัตรู “ตอนนั้นอวิ๋นพั่วสิงดูถูกสตรีเขาจึงพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถที่สงครามหุบเขาเวิ่ง อาเจวี๋ยจดจำได้ขึ้นใจไม่มีทางลืมอย่างแน่นอนขอรับ”
“จวนว่าการวันนี้เป็นเช่นไรบ้าง…” ไป๋ชิงเหยียนทานโจ๊กพลางเอ่ยถาม
“อาอวิ๋นคอยดูแลอยู่ขอรับ” ไป๋ชิงฉีกล่าว “เมื่อครู่ข้าไปสำรวจมาแล้วเช่นกัน ชาวบ้านต่อแถวยาวสองแถวแล้วขอรับ แถวหนึ่งยินดีขึ้นทะเบียนเป็นคนของต้าโจว อีกแถวอยากไปจากด่านเย่เฉิงขอรับ จำนวนคนของสองแถวมากพอๆ กัน อาอวิ๋นสั่งให้คนมอบเงินติดตัวและป้ายเดินทางให้ชาวบ้านที่ต้องการจากไปตามคำสั่งของพี่หญิงใหญ่ อีกทั้งกำชับพวกเขาว่าเมื่อจากไปแล้วห้ามกลับเข้ามาในเมืองของต้าโจวอีกเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“อาอวี๋กับจิ่นซิ่วพาทหารครึ่งหนึ่งออกเดินทางไปก่อน” ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นกล่าวขึ้น
“พี่หญิงใหญ่ต้องการให้ชาวบ้านที่เดินทางไปจากเมืองนำจำนวนทหารที่อยู่ในด่านเย่เฉิงของพวกเราไปบอกให้ทหารซีเหลียงรับรู้หรือขอรับ” ไป๋ชิงอวี๋กล่าว
ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า “พวกเจ้าเดินทางล่วงหน้าไปก่อน เมื่อชาวบ้านที่กำลังจะไปจากด่านเย่เฉิงเห็นพวกเจ้าพวกเขาต้องคิดว่าพวกเจ้ากำลังจะยกทัพบุกไปยังเมืองอวิ๋นจิงแน่นอน ประการแรกคนซีเหลียงจะได้รู้ว่าด่านเย่เฉิงมีกองกำลังทหารเฝ้าอยู่ พวกเขาจะได้ไม่กล้ายกทัพบุกมาโจมตีด่านเย่เฉิง ประการที่สองพวกเขาจะได้รู้ว่าพวกเรายกทัพไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เช่นนี้พวกเขาจะได้ไม่เตรียมป้องกันมากเท่าที่ควร จากนั้นอาฉีและอาเจวี๋ยค่อยพาจิ่นเจา จิ่นหวา จิ่นเซ่อและกองทัพอีกครึ่งหนึ่งตามไปโจมตีพวกเขาจนพวกเขาตั้งรับไม่ทัน”
ไป๋ชิงฉีพยักหน้า “พี่หญิงใหญ่กล่าวมีเหตุผล พวกเราเพิ่งยึดด่านเย่เฉิงมาได้อย่างยากลำบาก จะปล่อยให้คนซีเหลียงยึดคืนไปไม่ได้เด็ดขาดขอรับ”
“เช่นนั้นข้ากับอาอวี๋ขอตัวไปเตรียมตัวก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋จิ่นซิ่วกล่าวพลางยกถ้วยโจ๊กขึ้นทาน หญิงสาวตั้งใจว่าเมื่อทานอาหารเข้ากับพี่หญิงใหญ่เสร็จนางและอาอวี๋จะออกไปจัดทัพและออกเดินทางทันที
“พวกเจ้าไม่ต้องรีบร้อนโจมตีเมืองเกินไปนัก ทำตามแผนเดิมที่ตกลงกับต้าเยี่ยนไว้ก็พอ หากเผชิญหน้ากับแม่ทัพชราชุยซานจงจงจำไว้ว่าอย่าประมาทเด็ดขาด” ไป๋ชิงเหยียนยังคงกังวลอยู่ นางหันไปมองไป๋ชิงอวี๋ “อย่าประมาทแม่ทัพชราชุยเพียงเพราะเขาอายุมากแล้วเด็ดขาด!”
“พี่หญิงไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะรู้ว่านั่นเป็นเพียงความฝัน ทว่า นางยังคงเป็นห่วงกลัวว่าอาอวี๋จะเป็นอันใดไปอยู่ดี
วันนั้นไป๋จิ่นซิ่วและไป๋ชิงอวี๋พากองทัพครึ่งหนึ่งของต้าโจวเดินทางออกจากด่านเย่เฉิงไปยังเมืองเต๋อหยาง
หิมะหยุดตกแล้ว แสงอรุณแรกของวันค่อยๆ โผล่ออกมาจากกลุ่มเมฆบนท้องฟ้า สาดส่องลงบนกำแพงเมืองโบราณของด่านเย่เฉิงจนเปล่งประกายไปทั่วบริเวณ
พลทหารม้าเคลื่อนทัพออกไปจากเมืองอย่างเป็นระเบียบ
แววตาของเหล่าทหารกล้าที่รอดตายจากสงครามที่ผ่านมาหนักแน่น พวกเขาถือหอกคมไว้ในมือ ย่ำเท้าไปด้านหน้าอย่างพร้อมเพรียงและน่าเกรงขาม
ไป๋จิ่นซิ่วและไป๋ชิงอวี๋นำทัพอยู่ด้านหน้าสุดของขบวน ธงเฮยฟานไป๋หมั่งโบกสะบัดตามแรงลม กองทัพขนาดยาวราวกับหางมังกรกำลังเคลื่อนที่ออกไปจากด่านเย่เฉิงอย่างฮึกเหิม
ไป๋ชิงเหยียนสวมเสื้อคลุมขนจิ้งจอกตัวหนายืนอยู่บนกำแพงเมืองนิ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อเห็นแผ่นหลังของอาอวี๋นางจึงมักนึกถึงความฝันนั้นขึ้นมาทุกที
“พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ อาอวี๋และพี่หญิงรองเป็นคนรอบคอบถึงขนาดท่านปู่ยังเคยเอ่ยชม พวกเขาไม่มีทางวู่วามแน่นอนขอรับ” ไป๋ชิงฉีกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบา
ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางไป๋ชิงฉีที่มีผมขาวแซมขึ้น นางรู้ดีว่าน้องชายเป็นกังวลเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งนี้นางให้อาอวี๋ไปก่อน อาฉีคงเป็นกังวลมากกว่าเดิม
อาฉีหวาดกลัวที่จะสูญเสียน้องชายและน้องสาวคนใดคนหนึ่งไปเหมือนกับนาง
อาจจะหวาดกลัวยิ่งกว่านางด้วยซ้ำ
อาฉีเคยคิดว่าน้องชายของเขาเสียชีวิตลงหมดแล้ว เขาเป็นคนฝังศพให้น้องๆ ด้วยตัวเอง ผมของเขากลายเป็นสีขาวเพียงชั่วข้ามคืน
การสูญเสียและได้กลับมา…หากต้องสูญเสียอีกครั้งมันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเกินกว่าผู้ใดจะรับไหว
“ดวงวิญญาณท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านอาและบรรพบุรุษไป๋คนอื่นๆ จะคอยปกป้องคุ้มครองทายาทตระกูลไป๋อยู่บนฟ้า พวกเขาไม่มีทางเป็นอันใดหรอก พวกเราไม่ต้องกังวลเกินไปนัก” ไป๋ชิงเหยียนและไป๋ชิงฉีเดินไปยังบันไดบนกำแพง
ไป๋ชิงฉีประคองไป๋ชิงเหยียนเดินลงจากกำแพงช้าๆ อย่างระมัดระวัง