ตอนที่ 1194 มาพบด้วยตัวเอง
“ฝ่าบาท ถึงแม้ตอนนี้พระองค์จะไม่ยอมเสด็จออกจากเมือง ทว่า พระองค์ควรประทับอยู่แต่ในจวนนะพ่ะย่ะค่ะ หากซีเหลียงบุกโจมตีเมืองขึ้นมา จวนนี้จะปลอดภัยกว่าบนกำแพงเมืองพ่ะย่ะค่ะ”
เว่ยจงรีบตามไปห้ามไป๋ชิงเหยียน
“หากกองทัพซีเหลียงบุกโจมตีเมืองเจียงจือขึ้นมาจริงๆ จวนเล็กๆ เพียงนี้จะต้านทานกองทัพซีเหลียงได้อย่างไรกัน” ไป๋ชิงเหยียนไม่หยุดฝีเท้าแม้แต่น้อย เมื่อเห็นชุนจือที่มีสีหน้าเป็นกังวลเดินตามหลังนางมาด้วยไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปกล่าวกับชุนจือ
“ชุนจือไม่ต้องตามข้ามา”
ไม่ว่าแม่ทัพชราชุยซานจงจะต้องการจับเป็นจักรพรรดินีแห่งต้าโจวอย่างนางหรือต้องการดักโจมตีกองทัพต้าโจวเขาก็ไม่มีทางโจมตีเมืองเจียงจือในตอนนี้แน่นอน
ประการแรกแม่ทัพชราชุยซานจงยังไม่รู้แน่ชัดว่าเมืองเจียงจือมีกำลังทหารของต้าโจวคุ้มกันอยู่จำนวนเท่าใด เขาไม่กล้าเสี่ยง
ประการที่สอง หากต้องการซุ่มโจมตีกองทัพเสริมของต้าโจว ซีเหลียงควรล้อมเมืองไว้เฉยๆ ไม่ใช่บุกโจมตีเมือง
ชุนจือได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนจึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่นานจึงวิ่งตามต่อพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
“บ่าวทราบดีว่าบ่าวไม่มีประโยชน์ บ่าวต่อสู้ไม่เป็น ทว่า บ่าวอยากอยู่รับใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่ หากถึงคราวจำเป็นจริงๆ บ่าวจะได้สละชีวิตปกป้องคุณหนูใหญ่ได้เจ้าค่ะ!”
ชุนจือกล่าวพลางตัวสั่นเทาไปทั้งร่าง จู่ๆ ข้าศึกบุกมาโจมตีอย่างกะทันหัน บ่าวรับใช้ที่เคยอยู่ในเมืองหลวงซึ่งมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างนางจะไม่หวาดกลัวได้อย่างไร
ทว่า เจ้านายของนางกำลังจะขึ้นไปบนกำแพงเมือง บ่าวรับใช้อย่างนางจะหลบอยู่หลังเจ้านายได้อย่างไร นางรู้ดีว่านางไม่มีประโยชน์ นางดูแลคุณหนูใหญ่ได้ไม่ดีเท่าพี่ชุนเถา ไม่สามารถปกป้องคุณหนูใหญ่ในสนามรบได้เหมือนแม่นางชิงจู๋ บางทีนางยังกลายเป็นภาระของคุณหนูใหญ่อีกด้วย
ทว่า ตอนนี้ศัตรูบุกมาล้อมเมืองแล้ว นางอยากอยู่ข้างกายคุณหนูใหญ่ ต่อให้นางต้องใช้ร่างของตัวเองรับธนูแทนคุณหนูใหญ่ อย่างน้อยก็ถือว่านางได้แสดงความจงรักภักดีต่อเจ้านายของนางอย่างถึงที่สุดแล้ว!
ทหารของจวนว่าการพากันวิ่งถือคบเพลิงไปยังกำแพงเมือง ชาวบ้านที่เพิ่งอพยพเข้ามาในเมืองเจียงจือได้ไม่นานต่างกระชากร่างของลูกตัววิ่งกลับบ้านด้วยความหวาดกลัว บนถนนเต็มไปด้วยความโกลาหล
ไป๋ชิงเหยียนก้าวเท้าเดินออกไปจากประตูจวนว่าการ นางหันไปมองชุนจือที่น้ำตานองหน้า นางรู้สึกเหมือนกำลังเห็นชุนเถาอีกคนที่อายุยังน้อย ไป๋ชิงเหยียนก้าวขึ้นหลังม้าพลางกล่าวกับชุนจือ
“รออยู่ที่จวน”
ชุนจือรีบวิ่งตามหลังม้าไป ทว่า บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่และเสียงตะโกนไล่ชาวบ้านกลับจวนของทหาร ชุนจือยังไม่ทันวิ่งพ้นถนนใหญ่ก็ตามไป๋ชิงเหยียนไม่ทันแล้ว นางถูกชนจนล้มลงบนพื้น ดวงตาของนางแดงก่ำ ทว่า นางทำได้เพียงประสานมือขอพรให้คุณหนูใหญ่ปลอดภัยกลับมาทั้งน้ำตา
ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าไปยังประตูทิศตะวันตกเป็นที่แรก กองทัพซีเหลียงมีจำนวนมากมายอย่างที่ไป๋ชิงเหยียนคาดการณ์ไว้จริงๆ
จากประสบการณ์การรบของไป๋ชิงเหยียนการที่ซีเหลียงยกทัพมาอย่างเอิกเกริกเช่นนี้แสดงว่าพวกเขาแค่จงใจล้อมเมืองเอาไว้ ไม่ได้คิดโจมตีเมือง ไป๋ชิงเหยียนลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ไม่นานเสียงแตรศึกจากประตูเมืองทิศใต้ดังขึ้นเช่นเดียวกัน ตอนที่แม่ทัพคุ้มกันเมืองส่งคนมารายงานไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวยืนสังเกตการณ์อยู่อยู่บนกำแพงเมืองพักใหญ่แล้ว
เมื่อได้รับรายงานว่ากองทัพซีเหลียงล้อมประตูทิศใต้ไว้แล้วไป๋ชิงเหยียนจึงหันไปถามทหารที่มารายงาน
“องครักษ์ไป๋ออกจากเมืองไปแล้วหรือไม่”
“ทูลฝ่าบาท ออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทหารตอบ
สิ้นเสียงของทหารส่งสารพวกเขาเห็นม้าเร็วที่พุ่งตัวออกมาจากค่ายทหารของศัตรูกำลังมุ่งหน้ามาทางกำแพงเมือง
แม่ทัพคุ้มกันประตูเมืองทิศตะวันตกกำดาบที่เอวแน่นพลางตะโกนเสียงดังลั่น
“พลธนูเตรียมพร้อม! หากข้าศึกกล้าบุกล้ำเส้นเข้ามาจงยิงทิ้งทันทีโดยไม่ต้องไว้หน้า”
ไป๋ชิงเหยียนจ้องไปทางม้าเร็วตัวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยแววตาเย็นชา หญิงสาวคว้าธนูไปจากมือทหารที่ยืนอยู่ข้างกาย ง้างสายธนู จากนั้นยิง…
ลูกธนูพุ่งตรงไปปักอยู่ที่ขาของม้าที่กำลังวิ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว ม้าตัวนั้นร้องเสียงแหลม มันสะบัดร่างของทหารซีเหลียงที่อยู่บนหลังจนตกจากหลังม้า
เหงื่อของทหารซีเหลียงผู้นั้นไหลท่วมกาย เมื่อเห็นว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลจากเมืองเจียงจือแล้วจึงตะโกนขึ้นเสียงดัง
“แม่ทัพชราชุยแห่งซีเหลียงต้องการพบจักรพรรดินีแห่งต้าโจว!”
ไป๋ชิงเหยียนโยนธนูคืนให้ทหารที่ยืนอยู่ด้านข้าง ร่างสูงโปร่งของหญิงสาวมองไปทางพลทหารม้าของซีเหลียงที่อยู่ไม่ห่างจากกำแพงเมืองนิ่ง
“แม่ทัพชราชุยซานจงแขวนธงกองทัพชุยไว้บนกำแพงเมืองอวิ๋นจิงแล้วเหตุใดจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ หากแม่ทัพชราชุยซานจงอยู่ที่นี่จริงก็เชิญเขามาพบข้าด้วยตัวเองเถิด!”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบก็เดินลงจากกำแพงทันที หญิงสาวหันไปกำชับแม่ทัพคุ้มกันเมือง
“ให้ทหารคอยป้องกันไว้ตลอดเวลา อย่าได้ประมาทเด็ดขาด”
“ขอรับ!” แม่ทัพคุ้มกันเมืองรับคำ
ไป๋ชิงเหยียนเดินลงจากกำแพงเมืองพลางกล่าว
“ถ่ายทอดคำสั่งให้แม่ทัพทุกคนในเมืองเจียงจือมารวมตัวกันที่ประตูเมืองทิศตะวันตก จากนั้นประกาศให้ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองรีบกลับเข้าบ้านของตัวเองโดยเร็วที่สุด หากหนึ่งก้านธูปหลังจากนี้ยังมีชาวบ้านเดินเพ่นพล่านอยู่ตามถนนจะถูกสังหารทิ้งในฐานะสายลับของซีเหลียงทันที”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ทหารส่งสารที่อยู่ด้านหลังไป๋ชิงเหยียนรับคำแล้วรีบไปถ่ายทอดคำสั่งทันที
ไป๋ชิงเหยียนเดินลงมาจากกำแพงเมือง แม่ทัพคุ้มกันเมืองหลิ่วผิงเกาที่ต้าโจวส่งมาขี่ม้าเร็วเข้ามาพอดี
หลิ่วผิงเกาเคยเป็นทหารในค่ายทหารอันผิงมาก่อน ต่อมาเขาสร้างความดีความชอบหลายครั้งจนได้เลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพใหญ่คุ้มกันเมืองหลวง ครั้งนี้เขาได้รับคำสั่งให้เดินทางมาร่วมรบ ทว่า เมื่อมาถึงกลับถูกส่งมาเป็นแม่ทัพคุ้มกันเมืองที่นี่เสียก่อน วันนี้ตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเข้ามาในเมืองเขายังขออนุญาตไป๋ชิงเหยียนนำทัพไปออกรบที่ด่านหน้าอยู่เลย ทว่า นึกไม่ถึงเลยว่าศัตรูจะบุกมาล้อมเมืองเจียงจือไว้เช่นนี้
“ฝ่าบาท!”
หลิ่วผิงเกาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนจากนั้นเดินไปหยุดอยู่หน้าหญิงสาว เขากล่าวกับไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนใจ
“ตอนนี้เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่ากองทัพซีเหลียงยกทัพมาจำนวนเท่าใด ทว่า ทหารในเมืองเจียงจือมีเพียงห้าพันกว่านายเท่านั้น เมื่อครู่กระหม่อมให้คนไปตรวจสอบคลังเสบียงแล้ว โชคดีที่เสบียงที่ฝ่าบาทจะส่งไปยังด่านเย่เฉิงยังอยู่ที่คลังเสบียงของพวกเรา เสบียงอาหารมากพอให้ทหารของพวกเราทานประมาณสองเดือน ทว่า หากรวมจำนวนชาวบ้านในเมืองเจียงจือด้วยเกรงว่าคงยื้อได้อีกไม่นานพ่ะย่ะค่ะ!”
หลิ่วผิงเกาทำสงครามอยู่ภายนอกเป็นประจำ เขามีประสบการณ์ด้านนี้ดี เมื่อรู้ว่าศัตรูบุกมาล้อมเมืองเขาจึงรีบให้คนไปสำรวจคลังเสบียงทันที จากนั้นให้คนคุ้มกันเสบียงอาหารอย่างแน่นหนาแล้วรีบมารายงานให้ไป๋ชิงเหยียนรับรู้
“จำนวนชาวบ้านในเมืองเจียงจือมีไม่มากนัก ทว่า ต่อมาฝ่าบาทพาชาวบ้านเร่ร่อนจากเมืองอื่นมาที่นี่ ทั้งยังมีชาวบ้านที่อพยพมาเองหลังจากรู้ข่าวอีกจำนวนไม่น้อย!”
หลิ่วผิงเกามีสีหน้าเป็นกังวล
“กระหม่อมคิดว่าในเมื่อซีเหลียงเตรียมการไว้นานแล้ว การที่พวกเขารอให้ฝ่าบาทเสด็จเข้ามาในเมืองเจียงจือแล้วค่อยบุกมาล้อมเมืองเช่นนี้กระหม่อมเกรงว่าในกลุ่มชาวบ้านเร่ร่อนอาจมีสายลับของซีเหลียงแฝงตัวอยู่ด้วยพ่ะย่ะค่ะ เราต้องป้องกันไว้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ!”
สิ่งที่หลิ่วผิงเกากังวลคือสิ่งที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังเป็นกังวลอยู่ ดังนั้นไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้ชาวบ้านรีบกลับเข้าไปในบ้านของตัวเองภายในหนึ่งก้านธูป มิเช่นนั้นนางจะสังหารทิ้งทั้งหมด
“ตอนนี้เมืองเจียงจือถูกล้อมไว้แล้ว ภายในเมืองจะวุ่นวายไม่ได้เด็ดขาด เจ้ารีบสั่งให้ลูกน้องที่ไว้ใจได้คัดทหารห้าร้อยนายแบ่งเป็นกลุ่มๆ ละยี่สิบคนออกไปสำรวจจำนวนชาวบ้านตามบ้านเรือนต่างๆ ตามจำนวนที่จดบันทึกไว้ในทะเบียนราษฎร์เดี๋ยวนี้ หากครอบครัวใดมีคนหายไปจงรีบจับพวกเขาขังคุกทั้งครอบครัว ชาวบ้านคนใดที่ยังเดินเพ่นพล่านอยู่กลางถนนหลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปจงจับครอบครัวของพวกเขาไปขังคุกเช่นเดียวกัน!” ไป๋ชิงเหยียนสั่ง