ตอนที่ 1207 ประทัด
ใบหน้าของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ นางรู้สึกว่าหลิ่วผิงเกาเริ่มโลภมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่เลยว่าต้าโจวมีกำลังทหารเพียงห้าพันนาย ตอนนี้กลับอยากกัดเนื้อของซีเหลียงแล้ว ทว่า นางดีใจที่เขามีความกล้าเช่นนี้
หลิ่วผิงเกามองไปทางค่ายทหารซีเหลียงแวบหนึ่ง จากนั้นหันไปกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “ฝ่าบาท หลายวันมานี้พวกเราก่อกวนซีเหลียงด้วยการเปิดปิดประตูเมือง ก่อไฟทำอาหารไม่เป็นเวลาจนพวกมันว้าวุ่นกันจนไม่เป็นอันทำสิ่งใด หลายครั้งที่ผ่านมาพวกเราแค่แกล้งก่อกวนซีเหลียงจนพวกนั้นอ่อนล้าถึงขีดสุดเท่านั้น พวกนั้นคงลดความหวาดระแวงลงเรื่อยๆ กระหม่อมคิดว่าคืนนี้เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะบุกไปโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงก่อนที่พวกมันจะบุกมาโจมตีพวกเราในวันพรุ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “คืนนี้ให้ทหารของเราพักผ่อนให้เพียงพอเถิด”
หลิ่วผิงเกาคิดไม่ถึงว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่อนุญาตให้พวกเขาบุกไปโจมตีค่ายทหารซีเหลียง เขาอยากโน้มน้าวอีกครั้ง “ความหวาดระแวงของซีเหลียงลดต่ำลงมาก เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะบุกไปโจมตีนะพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมคิดว่าหากพวกเราบุกโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงคืนนี้ พวกเราอาจถือโอกาสนี้ให้ทหารฝ่าวงล้อมของซีเหลียงออกไปส่งข่าวให้แม่ทัพหยางอู่เช่อที่ด่านเย่เฉิง กำชับไม่ให้เขายกทัพมาช่วยเหลือพวกเรามิเช่นนั้นเขาอาจมาติดกับของซีเหลียงได้พ่ะย่ะค่ะ”
“แม้แม่ทัพหยางอู่เช่อจะติดตามฝ่าบาททำสงครามมานานพอสมควรแล้ว ทว่า พวกเขาไม่ได้รู้พระทัยฝ่าบาทดีเหมือนกองทัพไป๋ หากเขารีบร้อนยกทัพมาช่วยเหลือฝ่าบาท…” หลิ่วผิงเกาอึกอัก
ไป๋ชิงเหยียนส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องส่งทหารของเราออกไปตายเปล่า สงครามโจมตีเมืองพรุ่งถือเป็นสงครามหนักหน่วงสำหรับพวกเราที่มีกองกำลังเพียงเท่านี้”
ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนหวังให้ตู้ซานเป่าทำเรื่องที่นางสั่งให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
แม้หลิ่วผิงเกาจะไม่วางใจ ทว่า เขาเชื่อว่าฝ่าบาทมีเหตุผลที่วางแผนเช่นนี้
วันนี้คือวันที่หก เดือนสอง ไป๋ชิงเหยียนสังเกตแล้วว่ากองทัพซีเหลียงจุดไฟทำอาหารเพียงครั้งเดียวต่อวันเท่านั้น ดูเหมือนว่าเสบียงอาหารของพวกเขาใกล้จะหมดลงเต็มทีแล้ว
ตอนนี้พวกซีเหลียงคงเป็นดั่งหมาจนตรอกที่ต้องบุกโจมตีเมืองเพื่อแย่งชิงเสบียงอาหารไปให้ได้ ทว่า ความจริงแล้วเสบียงอาหารในเมืองก็เหลือไม่มากเช่นเดียวกัน หลิ่วผิงเกาคำนวณดูแล้วว่าคงพอประทังชีวิตได้อีกสองวันเท่านั้น
ขณะที่ไป๋ชิงเหยียนกำลังครุ่นคิดเสียงแหบห้าวของตู้ซานเป่าก็ดังมาจากด้านล่างกำแพง
“ฝ่าบาท!”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้าขึ้นจึงเห็นตู้ซานเป่าที่ใบหน้ามอมแมมไปด้วยฝุ่นวิ่งขึ้นมาบนกำแพงอย่างรวดเร็ว
เว่ยจงเห็นตู้ซานเป่าจึงเดินไปด้านหน้าไป๋ชิงเหยียน สื่อให้ทหารองครักษ์ไม่ต้องขวางตู้ซานเป่า
เห็นท่าทางดีใจของตู้ซานเป่าไป๋ชิงเหยียนจึงรู้ทันทีว่าเขาคงทำงานที่นางสั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ฝ่าบาท!” ตู้ซานเป่าวิ่งมาหยุดอยู่หน้าไป๋ชิงเหยียน ร่างของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นดินอับชื้น “ฝ่าบาท ขุดสำเร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“ขุดสำเร็จ?” หลิ่วผิงเกาไม่เข้าใจ
ตู้ซานเป่าไม่มีเวลาไขข้อข้องใจของหลิ่วผิงเกา “องครักษ์ไป๋สองคนมุดออกไปจากหลุมแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนหนึ่งนำจดหมายลับของฝ่าบาทไปหาสายลับของแม่ทัพหยางอู่เช่อ ให้แม่ทัพหยางอู่เช่อทำตามคำสั่งในจดหมายลับของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ! อีกคนมุ่งหน้าไปทางเมืองของต้าโจวเพื่อสั่งให้ส่งเสบียงมาล่วงหน้าแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมปิดตายหลุมนั้นหลังจากส่งพวกเขาออกไปตามที่ฝ่าบาทรับสั่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูเหมือนว่าเทวดาจะเข้าข้างต้าโจวของพวกนาง มิเช่นนั้นตู้ซานเป่าคงไม่ขุดหลุมเสร็จอย่างรวดเร็วเพียงนี้
“ลำบากเจ้าแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนตบไหล่ของตู้ซานเป่าเบาๆ หลายวันมานี้ตู้ซานเป่าเร่งขุดหลุมจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน อีกทั้งต้องระวังไม่ให้เกิดเสียงดังจนซีเหลียงจับพิรุธได้ เป็นงานที่ลำบากจริงๆ
“ฝ่าบาทตรัสอันใดเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ คำสั่งในกองทัพคือคำสั่งประกาศิต หากตู้ซานเป่าทำไม่สำเร็จจึงจะผิดต่อฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” ตู้ซานเป่ายืดอกตรง “ที่สำคัญตู้ซานเป่าไม่ได้ขุดคนเดียว สหายทั้งหลายช่วยกันกับกระหม่อมจึงขุดได้เสร็จทันเวลาพ่ะย่ะค่ะ”
“ได้ เมื่อเรารบชนะ ข้าจะตบรางวัลให้พวกเจ้าทุกคน!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ
หลิ่วผิงเกาเพิ่งเข้าใจว่าตู้ซานเป่าถูกไป๋ชิงเหยียนใช้ให้ไปขุดหลุมทางออกเพื่อส่งคนออกไปส่งข่าวให้ภายนอกรับรู้ เช่นนี้เมืองไป๋หลง เจียงจือและด่านเย่เฉิงก็สามารถร่วมมือกันทำสงครามครั้งนี้ได้แล้ว
ถึงแม้หลิ่วผิงเกาจะไม่รู้ว่าตู้ซานเป่าขุดหลุมไปถึงด้านนอกได้อย่างไร ทว่า ขอเพียงทำสำเร็จก็พอแล้ว
พรุ่งนี้ซีเหลียงจะบุกมาโจมตีเมือง พวกเขาต้องคิดหาวิธีให้กองกำลังส่วนหนึ่งของซีเหลียงสูญเสียอยู่ที่นี่ให้ได้ เช่นนี้ไป๋หลงและด่านเย่เฉิงจะได้กำจัดกองกำลังซีเหลียงส่วนที่เหลือได้ง่ายขึ้น
เมื่อหลิ่วผิงเกาและตู้ซานเป่ามองส่งไป๋ชิงเหยียนจากไปเสร็จ หลิ่วผิงเกาจึงหันไปถามตู้ซานเป่าอย่างอดไม่ได้ “เจ้าขุดหลุมสำเร็จได้อย่างไรกัน”
“ฝ่าบาทให้ข้าขุดหลุมจากเส้นทางลับเก่าของเมืองเจียงจือ พระองค์บอกว่าทำเช่นนี้จะง่ายกว่าขุดใหม่ตั้งแต่แรกซึ่งก็ง่ายกว่าจริงๆ ขอรับ ทว่า พวกข้าไม่กล้าทำให้เกิดเสียงดังเพราะกลัวจะถูกทหารซีเหลียงที่เฝ้าอยู่ตรงทางลับจับได้” ตู้ซานเป่ากล่าวอย่างได้ใจ “เป็นอย่างไร ข้าเก่งใช่หรือไม่ขอรับที่ขุดได้ไวถึงเพียงนี้!”
“ใช่ๆ เจ้าเก่งที่สุด ต้องให้ข้าจุดประทัด แขวนผ้าสีแดงไว้บนกำแพงเมืองเพื่อแสดงความยินดีกับเจ้าด้วยหรือไม่” หลิ่วผิงเกาตบศีรษะของตู้ซานเป่าเบาๆ “ทว่า การที่เจ้าสามารถขุดหลุมฝ่าวงล้อมซีเหลียงออกไปได้ถือเป็นการสร้างความดีความชอบยิ่งใหญ่จริงๆ”
“ไม่จำเป็นต้องจุดประทัดหรอกขอรับ” ตู้ซานเป่าใช้แขนปาดเหงื่อบนหน้าผากของตัวเอง “ทว่า ท่านแม่ทัพควรเลี้ยงเหล้าข้านะขอรับ”
หลิ่วผิงเการับคำยิ้มๆ “ได้ เมื่อพวกเรารบชนะข้าจะเลี้ยงเหล้าเจ้า”
“ไม่ต้องรอรบชนะหรอกขอรับ คืนนี้หลังจากข้ากลับมาจากการโจมตีค่ายทหารของซีเหลียงท่านเลี้ยงเหล้าข้าเลยดีหรือไม่ขอรับ”
“ฝ่าบาทตรัสว่าคืนนี้จะไม่บุกโจมตีค่ายทหารของซีเหลียง” หลิ่วผิงเกาถอนหายใจ
“เพราะเหตุใดขอรับ พวกเราแกล้งหลอกซีเหลียงมานานถึงเพียงนี้ ตอนนี้ควรถึงเวลาเอาจริงแล้วนะขอรับ” ตู้ซานเป่าไม่เข้าใจ “ที่สำคัญพวกเรารู้แล้วว่าซีเหลียงจะบุกมาโจมตีพวกเราในวันพรุ่งนี้ ตอนนี้พวกเราควรไปก่อกวนไม่ให้พวกนั้นได้พักผ่อนไม่ใช่หรือขอรับ พวกเราจะรอให้พวกนั้นกินอิ่มนอนหลับแล้วบุกมาโจมตีพวกเราหรือขอรับ”
“นี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาทเจ้าแค่ทำตามก็พอ รีบกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและพักผ่อนเถิด” หลิ่วผิงเกากล่าวกับตู้ซานเป่าจบก็จากไปทันที
ตู้ซานเป่ามองตามแผ่นหลังของหลิ่วผิงเกาพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าหากไม่โจมตีซีเหลียงตอนนี้คงใจดีกับซีเหลียงมากเกินไป เขาต้องคิดหาวิธี
จู่ๆ ตู้ซานเป่าก็นึกถึงประทัดที่หลิ่วผิงเกากล่าวขึ้นมา เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ประทัด…”
“ท่านแม่ทัพรีบกลับไปพักผ่อนเถิดขอรับ…” ทหารคุ้มกันเมืองกล่าวกับตู้ซานเป่า
“ได้” ตู้ซานเป่ารับคำอย่างลวกๆ เขามีท่าทีครุ่นคิดจากนั้นหันไปทางทหารคุ้มกันเมือง “เจ้าส่งคนไปสำรวจทีว่าในเมืองเจียงจือมีประทัดที่ปีที่แล้วใช้ไม่หมดเหลืออยู่บ้างหรือไม่ หากมีจงขนมาให้ข้าให้หมด”
ทหารคุ้มกันเมืองเกาศีรษะอย่างุนงง “แม่ทัพจะนำประทัดไปทำสิ่งใดขอรับ”
“ให้เจ้าไปหาก็ไปหาเถิด ข้ากำลังทำงานให้ฝ่าบาท สิ่งใดไม่รู้ก็ไม่ควรถาม!” ตู้ซานเป่ากล่าว