มองเห็นงูเหลือมตัวนั้นพุ่งทีเดียวก็มาถึงตรงหน้าเซี่ยหยาง กลิ่นเหม็นคาวโชยเข้าจมูก แยกเขี้ยวยิงฟันดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ลำตัวยาวเฟื้อยราวกับเชือกเส้นใหญ่ที่ขดไปมา
เซี่ยหยางไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่บ้าง จึงชะงักไป หากไม่ใช่เพราะเจ้าฉายพุ่งเข้าไปปะทะกับงูเหลือก่อนหน้า เซี่ยหยางอาจจะตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว
หลังเจ้าฉายกับงูเหลือสู้กัน เจ้าฉายถึงกับถูกดีดกระเด็นออกไป ร้องครางหงิงๆ กลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ แต่ด้วยเหตุนี้งูเหลือมตัวนั้นจึงหยุดชะงักลง เฉียดเซี่ยหยางไปเส้นยาแดงผ่าแปด
ในใจเซี่ยหยางรัดแน่น พอเพ่งมองดู ก็เห็นว่าทั่วตัวงูเหลือมเป็นสีดำสนิท ส่วนท้องขาวจัดเป็นมันวาว ส่วนหลังหนาใหญ่จนเกือบจะเท่าตัวคน ความยาวประมาณสามถึงสี่เมตร เวลานี้ได้สะบัดหางโบกมาที่เซี่ยหยางอีกครั้ง
หรือว่าจะเป็นงูดำหางตัวนั้น? ตัวที่จับได้ก่อนหน้านี้ตรงหลังเขาใช่ไหม พอเซี่ยหยางคิดมาถึงตรงนี้ ก็พลันเข้าใจขึ้นมาทันที งูดำหางได้สัมผัสพลังพิเศษของโลกแผ่นหยก จึงตัวโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เวลานี้ถึงกับตัวโตจนกลายเป็นงูยักษ์ไปแล้ว แถมยังดุร้ายขนาดนี้
ในใจคิดเช่นนี้ เท้าก็เคลื่อนย้ายชั่วพริบตา หลบหางงูไป ได้ยินเพียงเสียงดังโครมเกิดขึ้น ส่วนที่ถูกหางงูพาดผ่าน ฝุ่นผงถึงกับปลิวกระจาย ต้นไม้หักโค่นอย่างรุนแรง
แข็งแกร่งขนาดนี้เชียว? เซี่ยหยางอดสูดหายใจด้วยความหนาวเหน็บไม่ได้ เพื่อนยาก แข็งแรงคึกคักแบบนี้ คงไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ต้องคอยดูสีหน้าแกสินะ
เซี่ยหยางตีลังกากลับหลังทีหนึ่ง หยิบกิ่งไม้ที่หักขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็พุ่งตัวฟาดใส่เจ้างูยักษ์ตัวนั้นอย่างรุนแรง เกิดเสียงกร้อบดังขึ้น กิ่งไม้ถึงกับหักเลยทีเดียว
“เจ้าตัวนี้ทนทายาดดีแฮะ ดูเหมือนจะดูถูกแกไป” เซี่ยหยางพูดพึมพำ เห็นงูยักษ์ตัวนั้นโผเข้ามาอีกแล้ว จึงกลิ้งตัวทีหนึ่ง หยิบเสียมที่ใช้ปลูกพืชในแปลงปลูกขึ้นมา คิดจะแทงสวนเข้าไป แต่พลันลังเลไปชั่วขณะ
งูดำหางยักษ์ตัวนี้หากตายไปอย่างนี้ คงจะน่าเสียดายแย่ หากสามารถฝึกมันจนสร้างประโยชน์ให้ตัวเองได้ จะต้องมีข้อดีมากแน่
เฮ้ๆ เดี๋ยวก่อน เจ้านี่ถึงกับเลื้อยไปยังโสมกับเห็ดหลินจือเหล่านั้น อย่าไปทำให้มันเสียหายเชียวนะ
เซี่ยหยางรีบล่องูยักษ์ออกมา โดยสาวเท้าวิ่งไปทางแม่น้ำ งูยักษ์เหมือนจะกราดเกรี้ยว เลื้อยมาหาอย่างรวดเร็ว อ้าปากกว้างคิดจะกัดเซี่ยหยาง
เจ้าฉายกับลูกแมวสองตัวที่อยู่ด้านข้างรีบตามไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าพวกมันคิดจะปกป้องเจ้านายของตัวเอง
“พวกแกหลบไป ฉันจัดการเองได้” เซี่ยหยางเป็นห่วงว่าพวกมันจะทำร้ายงูยักษ์ เพราะคิดจะจับเป็น ดังนั้นจึงถอยหลังอย่างรวดเร็ว เจ้าพวกนั้นต่างยืนอยู่ตรงนั้นอย่างงุนงง ถลึงตาใส่งูยักษ์อย่างระมัดระวัง
เซี่ยหยางคิดไว้แล้วว่าหากคิดจะปราบเจ้างูยักษ์ตัวนี้ ไม่อาจใช้ไม้แข็งกับมันได้ จะต้องตัดกำลังของมันแทน ดังนั้นจึงวิ่งตะบึงอย่างรวดเร็วรอบแม่น้ำเสียเลย
ส่วนงูยักษ์นั่นก็เลื้อยตามทุกฝีก้าว ขู่ฟ่อไล่กวดเซี่ยหยางอย่างบ้าคลั่ง แต่มันเร็ว เซี่ยหยางเร็วยิ่งกว่า หนึ่งมาสองไป วิ่งกลับไปกลับมารอบแม่น้ำสิบกว่ารอบ ตอนที่เซี่ยหยางรู้สึกเหนื่อยแทบไม่ไหวแล้วนั้น ก็ได้ยินเสียงดังโครมเกิดขึ้น พอหันหลังกลับไปมอง ก็อดดีใจไม่ได้ เจ้าเหลือมยักษ์นั่นดูเหมือนแรงจะไม่เหลือแล้ว คลานอยู่บนพื้นอย่างเหนื่อยหอบ
“ไหนแกอวดดีอีกสิ ยังจะไล่ตามอีกไหม” เซี่ยหยางลอบลำพองใจ ถือเสียมเดินเข้าไป จิ้มเจ้าเหลือมยักษ์เบาๆ มันอ้าปากอย่างไม่ยินยอม ขู่ฟ่อๆ อยู่บนพื้น ทำท่าทางยอมตายดีกว่าอยู่
คงจะไม่ได้เหนื่อยตายไปทั้งแบบนี้หรอกนะ เซี่ยหยางกังวลใจอยู่บ้าง เขายกเสียมขึ้นมา เตรียมดูผลลัพธ์ งูยักษ์ตัวนั้นถึงกับตัวสั่นไปทั่วร่าง เหมือนคิดว่าเซี่ยหยางจะฆ่ามัน
สิ่งที่ทำให้เซี่ยหยางคิดไม่ถึงยิ่งกว่าคือ ดวงตามันถึงกับมีหยดน้ำวาบผ่าน นี่มันอะไรกัน? หรือว่าเจ้างูตัวนี้จะร้องไห้?
เซี่ยหยางในใจสั่นเทิ้มไปชั่วขณะ รู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก เขาไปยังแม่น้ำจับปลามาสองสามตัว โยนไปให้เจ้างูดำหางยักษ์ มันอ้าปากกินเข้าไปอย่างมูมมาม ดูเหมือนพละกำลังจะฟื้นขึ้นมาบ้างแล้ว จากนั้นจึงเลื้อยไปหาเซี่ยหยาง
เซี่ยหบางคิดว่ามันจะโจมตีตัวเองอีก แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้างูดำหางยักษ์จะถูตัวเขาไปมาสองสามที กลายเป็นเชื่องเป็นอย่างมาก ดวงตาฉายชัดถึงความเป็นมิตรและสวามิภักดิ์ออกมา
“แกยังอยากกินอีกไหม” เซี่ยหยางลองลูบหัวงูดู งูดำหางยักษ์ถึงกับพยักหน้า
ว้าว บางทีงูตัวนี้คงจะฉลาดขึ้นมาแล้วเช่นกัน ไม่แน่มันอาจจะงูฉลาดตัวหนึ่ง เซี่ยหยางลอบตกตะลึงกับตัวเอง จากนั้นก็ไม่สนใจอะไรอีก ก่อนจะจับปลาอีกสองสามตัวโยนให้มันอีกครั้ง
งูดำหางยักษ์รีบกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ม้วนตัวรอบหนึ่งด้วยความพออกพอใจ มีเพียงหัวงูที่ยังพงกขึ้นมา ส่ายไปมาซ้ายขวา ราวกับกำลังทักทายเซี่ยหยางอยู่
“นี่สิถึงจะใช้ได้ พวกแกทุกตัวฟังให้ดี ต่อไปเวลาฉันไม่อยู่ที่นี่ พวกแกต้องสามัคคีปรองดองกัน อนาคตฉันจะพาพวกแกไปพบกับโลกกว้างใหญ่ เข้าใจไหม?” เซี่ยหยางถ่ายทอดคำสั่งต่อสิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้
เจ้าฉายกับลูกแมวต่างพยักหน้า รวมทั้งเจ้างูดำหางยักษ์ก็เช่นกัน ที่ทำให้เซี่ยหยางตกใจยิ่งกว่าก็คือ กระต่ายฝูงนั้นก็มาที่นี่พยักหน้าด้วยเช่นกัน นี่ทำให้เซี่ยหยางรู้สึกว่าตัวเองเหมือนครูฝึกสัตว์อยู่บ้าง และโชคดีที่อยู่ในโลกแผ่นหยก หากเป็นโลกข้างนอก อาจจะถูกจับไปศึกษาแยกประเภทไปแล้ว
“เจ้านายเซี่ย คุณอยู่ไหน ไปหลังเขากันเถอะ ผมมีเรื่องจะบอกคุณ” เซี่ยหยางเพิ่งจะออกมาจากโลกแผ่นหยก ก็ต้องรับสายโทรศัพท์จากเฉียงจื่อ
“ตกลง อีกเดี๋ยวผมจะไปที่นั่น” เซี่ยหยางวางสาย จากนั้นก็ไปด้านหลังเขา
มองแวบเดียวก็เห็นเฉียงจื่อก้มหัว มองซ้ายมองขวา ทำท่าราวกับโจร เซี่ยหยางจึงเดินไปแตะที่ด้านหลังเขาเบาๆ เฉียงจื่อตกใจจนสะดุ้งโหยงทั่วร่างสั่นเทาไปหมด พอหันกลับไปมองเห็นเป็นเซี่ยหยาง ก็หัวเราะแห้งๆ พลางกล่าวว่า “เจ้านายเซี่ย ทำไมเดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลยล่ะ ทำคนตกใจแทบแย่”
“ทำให้คุณตกใจแล้ว คุณอย่าเรียกผมว่าเจ้านายเซี่ยดีกว่า ฟังดูห่างเหิน เรียกผมว่าหยางจื่อก็ได้ อย่างไรคุณเองก็รุ่นเดียวกับพ่อผม แบบนี้ผมจะดูเหมือนไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่” เซี่ยหยางพูดพลางส่งบุหรี่อย่างดีให้เฉียงจื่อมวนหนึ่ง
เฉียงจื่อซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง รับมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย วางอยู่บนจมูกพลางสูดดมไปมา ราวกับตัดใจสูบไม่ลง ก่อนจะเกาศีรษะกล่าวว่า “นี่คงไม่ได้ ตอนนี้คุณก็คือเจ้านายแล้ว คนในหมู่บ้านต่างก็พูดกันแบบนี้ในที่ลับ ผมไม่ได้โชคดีอย่างพ่อคุณสักหน่อย”
“งั้นเหรอ? มาพูดเข้าเรื่องกันดีกว่า” เซี่ยหยางเห็นเฉียงจื่อเอาแต่ทำตามความเห็นของผู้อื่น ก็นึกถึงความหยิ่งยะโสของเขาก่อนหน้านี้ ในใจก็รู้สึกทอดถอนใจอย่างไม่อาจเลี่ยง คิดถึงตอนที่เฉียงจื่อไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ก็คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเคารพตัวเองถึงขนาดนี้ บางครั้งคนก็คืออำนาจ โดยเฉพาะคนที่แล่นเรือไปตามลมอย่างเฉียงจื่อ แต่คนอย่างเขายังมีจุดที่ใช้การได้
เฉียงจื่อเหลือบมองไปรอบๆ ทำท่าราวกับกลัวว่าจะมีใครพบเข้าอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นก็กดเสียงลงต่ำกล่าวว่า “คราวก่อนคุณให้พวกเราลอบจับตาดูเศรษฐีจางฝู้กุ้ยของหมู่บ้านเรา แล้วก็ผู้ใหญ่บ้านหวังหยุนจู้ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ผมมีข่าวของพวกเขาแล้ว ระยะนี้พวกเขากำลังทำเรื่องบางอย่าง จุดประสงค์เพื่อทำลายคุณ
“อ้อ? เรื่องอะไรที่ทำลายผมได้ล่ะ?” เซี่ยหยางรู้สึกตกใจอยู่บ้าง
“เลี้ยงหมูไงล่ะ พวกเขาจ้างคนมาทำฟาร์มเลี้ยงขนาดใหญ่มากโดยเฉพาะ ตอนนี้เลี้ยงหมูเป็นหลักก่อน ผมได้ยินว่ายังจะเลี้ยงพวกวัวแพะด้วย ลงทุนมากเป็นพิเศษ ผมได้ยินจางฝู้กุ้ยพูดว่าเขาต้องการจะทำให้ดีกว่าคุณ” เฉียงจื่อทำท่าทำทางแปลกประหลาด
เซี่ยหยางใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่ ก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “เขาเลี้ยงของเขา มาเทียบอะไรกับผม ของเขาเอามาเทียบกันไม่ได้หรอก?”
“เทียบไม่ได้ยังไง? คุณลองคิดดูดีๆ สิ ผักผลไม้เหล่านั้นของคุณขายดีมาก แต่การเลี้ยงสัตว์ของคุณยังไม่มีการเคลื่อนไหวจริงไหม พวกเขาทำก่อน นั้นก็ต่างออกไปแล้ว คุณไม่เคยได้ยินหลักเหตุผลที่ว่าลงมือก่อนได้เปรียบเหรอ?” เฉียงจื่อกล่าวเตือน
“ที่คุณพูดมากลับมีเหตุผล พวกเขาทำอยู่ที่ไหน?” เซี่ยหยางถาม
เฉียงจื่อยื่นศีรษะออกไปเหลือบมอง จากนั้นดึงเซี่ยหยางไว้ พลางกล่าวว่า “คุณมากับผม ผมจะชี้ให้คุณดู”
เซี่ยหยางเดินตามเฉียงจื่อทะลุผ่านป่าไปสองสามแห่ง แล้วเฉียงจื่อก็หยุดลง ชี้ไปตรงแอ่งเขาแห่งหนึ่ง ที่รอบๆ ตรงนั้นล้วนเป็นป่าไม้ทั้งหมด ทะลุผ่านซอกไป สามารถมองเห็นกำแพงรั้วหลายแห่งได้รางๆ มีเสียงหมูร้องดังลอยมา และยังมีเงาคนสองสามคนกำลังเคลื่อนไหว รอบๆ มีคนจูงหมาป่าเดินตรวจตรา ดูเหมือนกันทุกประการ
“เห็นแล้วสินะ? นี่ก็คือสิ่งที่พวกเขาทำใหม่ ยังไม่ได้ประกาศเลย แต่จางฝู้กุ้ยบอกแล้วว่าอีกไม่นานก็ใช้ได้แล้ว หมูเหล่านั้นของเขาก็ออกจากเล้าได้แล้ว ยังมีวัวแพะก็เลี้ยงไว้เช่นกัน ถึงเวลาก็จะทำกำไรได้มหาศาล” เฉียงจื่อแจกแจงออกมาได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ
“น่าสนใจ พวกเราไปดูกันหน่อย” เซี่ยหยางลุกขึ้นคิดจะเดินเข้าไป กลับถูกเฉียงจื่อดึงไว้
“เจ้านายเซี่ย คุณอย่าไปเสี่ยงอันตรายเลย เมื่อสองวันก่อนเพื่อไปดูลาดเลา ผมเกือบถูกสุนัขกัดตาย ขานี่ของผมยังเจ็บอยู่เลย คุณดูสิ” เฉียงจื่อถกขากางเกงขึ้น ที่ขามีรอยกัดหลายรอยยังบวมแดงอยู
เซี่ยหยางคาดไม่ถึงว่าเฉียงจื่อจะทำภารกิจจริงจังขนาดนี้ คราวก่อนหลังจับเฉียงจื่อไว้ เขาก็บอกเฉียงจื่อว่าเขาสามารถปล่อยไปได้ เงื่อนไขคือให้เฉียงจื่อคอยจับตาดูจางฝู้กุ้ยทุกฝีก้าว เพราะอย่างไรเฉียงจื่อกับจางฝู้กุ้ยก็ใกล้ชิดกัน สอบถามอะไรก็สะดวกกว่ามาก
“แม้แต่คุณก็ยังเข้าใกล้ไม่ได้? จางฝู้กุ้ยไม่ไว้ใจคุณเหรอ? คุณถูกจับได้แล้วหรือเปล่า” เซี่ยหยางถามอย่างสงสัย
“ได้ที่ไหนกัน คราวก่อนผมกลับไป ที่ถูกคุณตีจนเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล จางฝู้กุ้ยถามผมว่าถูกปล่อยกลับมายังไง ผมบอกว่าคุณคิดว่าผมเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง ดูแคลนผม ไม่อยากยุ่งยาก ก็เลยปล่อยผม จางฝู้กุ้ยเองก็ไม่ได้สงสัยผมเช่นกัน ทำให้ผมทำงานกับเขาต่อได้ ตอนนั้นผมจงใจแสดงออกว่าเกลียดชังคุณเป็นพิเศษ” เฉียงจื่อพูดอย่างใช้ความคิด
“ทำได้ไม่เลว จับตาดูจางฝู้กุ้ยต่อไป เงินนี่คุณรับไป เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่มีอะไรดีๆ ให้คุณ ขอเพียงคุณยอมทำงานกับผม ก็ให้ไม่น้อยไปกว่าจางฝู้กุ้ย เข้าใจไหม” เซี่ยหยางมอบเงินจำนวนหนึ่งให้เฉียงจื่อ เขารู้สึกว่าหากไม่มีของตอบแทนกับผลประโยชน์ ก็ไม่มีวิธีรั้งคนไว้ได้ เพราะอย่างไรก็มีคำพูดโบราณที่ว่าตั้งรางวัลสูงย่อมมีคนกล้าเสี่ยงทำ
เฉียงจื่อซาบซึ้งใจอย่างมาก กล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้านายเซี่ย ผมละอายใจต่อคุณจริงๆ เมื่อก่อนผมมันเลอะเลือนไปเอง คุณวางใจ ผมภักดีจากใจจริง และต้องการทำงานกับคุณ ผมนับว่ามองออกแล้ว จางฝู้กุ้ยเขาแก่แล้ว ส่วนคุณยังหนุ่มแน่นมีอนาคต อีกอย่างคนอย่างผมไม่ใช่คนหูหนวกตาบอด คนในหมู่บ้านชื่นชมและชมเชยคุณอย่างไร ผมรู้หมดทุกอย่าง”
“พูดเยอะไปไม่ต้องพูดแล้ว คุณกลับไปก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรค่อยมาบอกผมก็พอ ผมจะไปดูหน่อย” เซี่ยหยางไม่สนปฏิกิริยาของเฉียงจื่อ พุ่งเข้าไปที่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ทันที
เฉียงจื่อเดิมทีคิดจะจากไป แต่รู้สึกว่ายังคงดูลาดเลาอยู่ที่นี่ดีกว่า เขารู้สึกว่าควรทำเรื่องบางอย่าง เพราะอย่างไรเมื่อกี้ก็รับประโยชน์จากเซี่ยหยางมาแล้ว ดังนั้นจึงซ่อนตัวอยู่ในป่าค่อยสังเกตความสงบโดยรอบ
เวลานี้เซี่ยหยางเข้าใกล้ฟาร์มเลี้ยงสัตว์อย่างเงียบๆ เขาจงใจวางฝีเท้าอย่างช้าๆ แต่ยังคงถูกหมาป่าสองตัวพบเข้า มันเห่าอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งมาทางเขา คนที่เฝ้ายามอยู่ต่างรู้สึกว่าผิดปกติ จึงพุ่งตามไป ทั้งยังหยิบอาวุธ เหมือนพร้อมจะตีคนได้ทุกเมื่อ
“ใครอยู่ตรงนั้น ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้” คนเฝ้ายามคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาอย่างดุร้าย
เซี่ยหยางแฉลบตัวไปอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งในละแวกใกล้ๆ แต่ทำแบบนี้ก็ซ่อนตัวได้แค่พักหนึ่ง แปบเดียวก็ถูกพบตัวได้อย่างง่ายดาย กำลังคิดหาวิธี ก็ได้ยินคนตะโกนในจุดที่ไม่ไกลนัก พอเซี่ยหยางเห็น ถึงกับเป็นเฉียงจื่อ
เฉียงจื่อที่เห็นเซี่ยหยางจวนจะถูกจับได้ ก็ร้องออกมาเสียงหนึ่ง จากนั้นก็แหวกทางเข้าไปในป่า คนเฝ้ายามเหล่านั้นต่างรีบกันจูงหมาป่าไล่ตามไป ตามไปพลางตะโกนไปพลางว่า “ไอ้ลูกกระต่าย กล้ามาทำลับๆ ล่อๆ ที่นี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
เฉียงจื่อวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต แหวกเข้าไปในป่าเพียงแปบเดียวก็ไร้ร่องรอย
เป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำ เซี่ยหยางแสยะปากหัวเราะ เฉียงจื่อคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง
รอจนพวกเฝ้ายามตามไป เซี่ยหยางกระโจนตัวลงมา จากนั้นก็วิ่งไปยังกำแพงรั้ว หยุดอยู่ในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ มองสำรวจไปรอบๆ