ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 97 ความไม่สงบในทิศเหนือ ③ อ้อมป้อมปราการที่ไม่มีใครเอาชนะได้

ถนนสู่อาณาจักร

97 ความไม่สงบในทิศเหนือ ③ อ้อมป้อมปราการที่ไม่มีใครเอาชนะได้

—————————————————————

【–มุมมอง บุคคลที่สาม/เทรีย–】

ภูมิภาคเทรียตะวันตก เมืองแห่งโรเลล

เคานต์ฟาเยลติน ที่ทำให้ส่วนหนึ่งของเมืองและหมู่บ้าน รวมถึงโรเลล เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเขา ตะโกนในเสียงแหลม

「กองกำลังป้องกันทิศตะวันออกทำอะไรอยู่?! จากทุกอย่างที่จะยอมแพ้โดยสิ้นเชิง แม้ว่าทุกคนจะสาบานตนแล้วว่าจะสู้จนถึงตาย」

「แน่นอน」

「พวกเค้าไม่ภักดีจริงๆ และอภัยให้ไม่ได้」

「เรื่องนี้เป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับการตายพันครั้ง」

「ศัตรูน่าจะเข้าใกล้เอิร์ก……กองทัพเทรียที่รุ่งโรจน์ก็พ่ายแพ้ด้วย」

ต้นเหตุของความอารมณ์เสียของเขา ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องนี้ เขาเป็นลอร์ดศักดินาที่โดดเด่นของภูมิภาคนี้จนถึงตอนนี้ โดยถืออำนาจที่ใหญ่ และชื่อตระกูลของเขาก็เป็นที่รู้จักทั่งกันด้วย แต่ด้วยความเสื่อมถอยของความสัมพันธ์กับโกลโดเนีย สถานการณ์พลิกหัวเป็นเท้า; มาเควสดูนอย นายกรัฐมนตรีตรึงเครียดการป้องกัน ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กองทัพในดินแดนของเขา โทษไปทั่ว

「ผู้บัญชาการของป้อมปราการทิศเหนือดั้งเดิมแล้วสมควรจะเป็นชั้นด้วย ทำไมตาแก่คร่ำครึนั้นดูแลแทนล่ะ!?」

「แน่นอน」

「พวกเขเป็นคนโง่ที่ไม่น่าเชื่อ」

「เรื่องนี้เป็นบางอย่างที่น่าหัวเราะ」

เคานต์ จงใจจะไม่ใช้ชื่อทางการของัน ป้อมปราการมาจิโน่ เขาเป็นผู้บัญชาการ ที่รับผิดชอบการส่งเสบียงไปที่ป้อมปรการ และแม้ว่าจุดยืนของเขขาเหมือนกัน แต่ถูกเห็นและปฏิบัติเป็นลูกน้องของผู้บัญชาการป้อมปราการมาจิโน่

「ถ้ามันเป็นต่าแก่โง่นั่น ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าป้อมปราการนั้นจะถูกตีฝ่ามั้ย เมื่อเรื่องนั้นเกิดขึ้นอะไรจะเกิดขึ้น ดินแดนของชั้นจะถูกรุกรานทันที!」

「แน่นอนครับ」

「มันเป็นห่วงโซ่ของเหตุการณ์ที่น่ากังวล」

「เรื่องนี้เป็นบางอย่างที่น่ากลัว」

ตัวเคานต์เอง ไม่มีประสบการณ์การนำกองทัพและเคานต์มาจิโน่เชี่ยวชาญในเรื่องการป้องกันจากการรุกรานซ้ำๆของอาร์คแลนด์ ดังนั้นการเป็นทหารคืออะไรที่เขาไม่เคยคิดเลย

「บารอนบักก้า บารอนโดอาโฮ บารอนโอโรกะ* ชั้นจะทำการตรวจสอบ ตามชั้นมา」

TLN: ชืื่อมาจากคำว่า งี่เง่า โง่ ทึ่มที่ดัดแปลง

「ช่างงดงาม」

「มันเป็นการทุ่มเทที่มหัศจรรย์」

「นี่สมควรจะได้รับความเคารพ」

สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้อย่างเดียวเท่านั้นคือปรากฏออกไปหน้าทหารบ่อยๆ และทำการทำหน้าที่เรื่องเสบียงหลายอย่าง พูดกับคนเยอะๆ แต่ให้ตัวตนของเขาถูกรู้จัก

แม้ว่าจะอยู่ในดินแดนของตัวเอง พวกเขาสี่คนตรวจสอบเมืองด้วยยาม และระหว่างที่ถูกชื่นชมโดยคนเหล่านั้นที่พวกเขาดึงดูดมา ทหารในหอสังเกตการ ตะโกนอย่างดัง

「ม้าตัวเดียวมาทางนี้!」

เคานต์และผู้ติดตามทั้งสามของเขามองหน้ากัน

「ศัตรูเหรอ? ไม่มีทางที่พวกเค้าจะมาได้ด้วยตัวเอง ผู้ส่งสาส์นจากองครักษ์จักวรรดิที่ถูกส่งมาโดยป่า…… อย่าบอกนะว่าพวกเค้าถูกกำจัดด้วย พวกนายคิดยังไง?」

「「「ผมไม่รู้!」」」

คนขี่ม้าตัวเดียวมาที่ประตูรั้ว แต่แทนที่จะเป็นเสียงเปิดประตูรั้ว เขาตะโกนในเสียงดัง

「รายงานด่วน! ศัตรูได้ผ่านป่าเอิร์กมาและเข้ามาใกล้มากแล้ว! ไม่มีเวลา ดังนั้นเตรียมการป้องกันทันที!!」

ผู้ส่งสาส์นตะโกนเหมือนชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับมัน แต่เคานต์และผู้ติดตามตกใจมมากกว่า และรีบ

「พวกเค้าผ่านป่าเอิร์กมา? ไม่มีทางที่พวกเค้าจะทำอย่างนั้นได้……」

ทหารก็ไม่เชื่ออะไรที่กระทันหันแบบนี้ด้วย

「ถ้าพวกเค้าอ้อม พวกเค้าจะสู้กับองครักษ์จักวรรดิแม้ว่าพวกเค้าจะแพ้ไปด้วยโอกาสอะไร มันจะใช้เวลาอยู่บ้าง และผู้ส่งสาส์น น่าจะมาจากองครักษ์จักวรรดิ」

พวกเขาจินตนาการไม่ได้ว่าชายข้างนอกเป็นหนึ่งในองครักษ์จักรวรรดิ

「ซึ่งหมายถึง มันอาจจะเป็นแผนสร้างความไม่สงบของศัตรู」

ถ้ามันเป็นทหารม้าตัวเดียว พวกเขาอาจจะแอบผ่านองครักษ์จักรวรรคิมาได้ในตอนกลางคืน

「เราจะจับตัวเค้าและสอบสวน-……」

เคานต์ไม่ได้พูดสิ่งที่เขาอยากจะพูดให้จบ เพราะทหารทั้งหมดไต่หอสังเกตการณ์ และตะโกนเหมือนคนบ้า

「「ศัตรูโจมตี—!! ทหารม้ากองใหญ่ พวกเค้ามุ่งหน้าตรงมาหาเรา」」

「นายพูดอะไรน่ะ-……」

เสียงครืนอ่อนๆดังขึ้นเรื่อยๆอย่างช้าๆ สำหรบพวกนั้นในกองทัพ  มันเป็นเสียงที่พวกเขาเคยได้ยินมาก่อน – เสียงของม้าศึกทำการเดินทัพแห่งความตาย

「ขยับไป!!」

เคานต์ไต่หอสังเกตุการณและดันทหารออกจากทาง สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเขาไปถึงยอดเป็นภาพของฝันร้าย; ทหารม้าหลายพัน พุ่งมาทางเขาในแถวที่เป็นโหลๆ ไม่มีอะไรจะมองเห็นได้หลังพวกเขาเพราะฝุ่นควันที่พวกเขาเตะมาอย่างมหาศาล ตาที่ดูด้วยความกลัว ประมาณจำนวนของพวกเขาอย่างคร่าวๆ แต่แน่นอนว่า คิดถึงจำนวนที่ไร้เหตุผลอะไรอย่างนั้นไม่ได้

「ป-ปิดประตูเมือง!! ชั้นไม่สนใจว่านายจะทิ้งคนที่อยู่ข้างนอก!!」

มันชัดเจนว่าไม่มีอะไรเหลือให้ทำ ที่ทำได้ ถ้าเขาแมแต่ปล่อยหนึ่งในนสิบของทหารม้าที่เข้าหาเข้ามาในเมือง ทหาร เคลื่อนที่เร็วที่สุดเท่าที่เขาทำได้ และปิดประตูเมืองทันที และเลี่ยงพวกเขาจากการกระโดดเข้ามาจากข้างหน้าประตูรั้ว

กำแพงของเมืองโรเลล ค่อนข้างจะถูกสร้างสำหรับสงคราม ที่มีส่วนหนึ่งถูกเสริมกำลัง แต่ป้อมปราการทางเหนือมันรู้จักเป็นหลักของการป้องกันมากกว่า แม้อย่างนั้น เคานต์นำอะไรไมได้ นอกจากจะทนมากที่สุดเท่าที่ทำได้ และรอกำลังเสริม

「พวกนายควรจะรีบและสั่งการด้วย! นำทหารของพวกนาย!」

「อ่ะว้าว้าว้า」

「ฮฮฮฮฮฮฮฮี้」

「โอโยะโยะโยะ」

ขาของผู้ติดตามทั้งสามยอมแพ้และล้มลงที่ก้น เมื่อพวกเขาสามคนไม่มีประโยชน์ เคานต์กำลังจะควบคุมโดยตรง แต่……

เสียงระเบิดดัง และเสียงของบางอย่างพังทลายและล้มลงเคานต์ระงับสัญชาติญานของเขาที่ไม่อยากจะดูไว้ และเมื่อเขาหันสายตาไปที่ต้นทางของเสียง มมันมีเศษไม้หักอยู่ทุกที่และรูใหญ่ถูกสร้าง ในกำแพงด้านนอก

「อะ-……อะไร-……」

ทหารจ้องอย่างว่างเปล่า และไม่สามารถพูดที่เขาอยากจะพูดให้จบก่อนการคำรามอีกครั้งจะดังก้อง และเปิดรูใหญ่ในอีกที่หนึ่ง

ทหารสร้างระยะของพวกเขาเองจากกำแง ที่มันรับใช้เหตุผลของมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และ ฝูงของทหารม้า พุ่งเข้าตีผ่านส่วนที่ถูกทำลาย

「อะไรแบบนี้……มัน……เชื่อไม่ได้……」

เสียงของเคานต์ที่มองดูท้องฟ้าอย่างตกตะลึง และเสียงผู้ติดตามของเขาจมลงในเสียงของเกือกม้า

—————————————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

「รู้ใหญ่ถูกเปิดในกำแพง และทหารม้าหอกแทรกซึมเมืองสำเร็จ」

ผมได้ยิน เสียงไร้อารมณ์ของลีโอโพลต์ที่มันดูเหมือนจะตื่นเต้นด้วย ที่สำคัญกว่านั้น ถังเหล็กนั้นไม่พัง

「เพราะทั้งหมดเราบังคับให้มันอยู่ในรถเกวียน ผมค่อนข้างกังวล」

ทหารราบที่ตามมาด้วยอาวุธตีเมือง ตามหลังเรามา ถ้าเราโจมตีด้วยทหารราบ โรเลลจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย แต่มันจะเปลี่ยนเมื่องเป็นเมืองของเปลวเพิลิง บ้านของมาเรียและแม่อยู่ในเมืองด้วย ดังนั้นผมอยากจะยึดเมืองให้ไวที่สุดละขนพวกที่ทรงพลังนั้น

「ให้พวกเค้ายิงต่อไป มันดีกว่าถ้าปากทางใหญ่กว่านี้ อย่าโดนพวกของเราล่ะ」

「ผมจะระวัง」

ลีโอโพลต์เหวี่ยงมือของเขาลง และอีกหนึ่งการยิงคำรวม มันต้องโดนหอสังเกตการณ์ เพราะทหารของเทรียกระโดดลงระหว่างที่หอพังทลายและสร้างเสียงหัก

「ชั้นจะไปด้วย」

「ฮ๋าา อีกแล้วเหรอ? แต่ลอร์ดฮาร์ดเลตต์ ผมอยากให้คุณดูอยู่ข้างหลังนะ」

อย่างพูดอย่างนั้นซี่ ไม่มีอะไรที่น่าเบื่อกว่าการดูเทศกาลขณะที่มันเกิดขึ้นจากข้างหลัง

「เอเกอร์-ซามะจะมุ่งหน้าออกไป หน่วยคุ้มกัน ตามเค้าไป!」

ซีเลียตะโกน และทหารม้าหนัก 30 คนมาด้วยกันกับผม เพราะเธอกังวลว่าผมจะพุ่งเข้าตีเข้าไปด้วยตัวผมเอง เธอเลือกคน 30 คนจากทหารม้าในกองทัพส่วนตัวจากทั้งหมด ให้เป็นผู้คุม้กันผม ผมไม่คิดว่าลีโอโพลต์จะยอมให้ 30 คนของทหารม้าหนักที่สำคัญถูกแต่งตั้งโดยเฉพาะให้ส่วนตัวสำหรับผมคนเดียว แต่เขารับรู้มันว่ามันดีกว่าการให้ผู้บัญชาการตายไปบนการดูแลของเขา

ทหารและม้าของทีมคุ้มกันที่สร้างขึ้นมีตัวที่กำยยำ และเก่งกาจในการต่อสู้ และแม้ว่าพวกเขามีแค่ไมกี่คนที่ใช้หอกกับปืนธนู พวกเขาเป็นบางคนของหน่วยที่ทรงพลังมากที่สุด โดยพูดถึงแล้ว ตัวเล็กๆของซีเลียจะเด่นชัดมาก เมื่อเธออยู่ในหมู่พวกเขา

ถ้าพูดมันให้แม่นยำ หน่วยคุ้มกันมี 32 คน เพราะรวมซีเลียและอีกคน – คริสตอฟเขาถูกโยนออกจากหน่วยเก่าของเขา เพราะเขาพิสูจน์ออกมาว่าไม่มีประโยชน์ แต่หลังจากอ้อนวอนผมในน้ำตา เขาเข้าทีมของผม แม้ว่าเขาจะอ่อนแอที่สุด ซีเลียบอกว่า ถ้ามันมีโอกาส เธอจะให้เขาตายในสนามรบ

「ไปกันเถอะ!」

ขณะที่เรามุ่งหน้าไปทางเมือง ทหารหลายคนโผล่ออกมาจากรูใหญ่ในกำแพง และยืนอยู่ตรงหน้าเรา พวกเขาใจถึงพอที่จะตอต้านเราในสถานการณ์แบบนี้ ผมส่งหอกของทหารคนหนึ่งบินไป แทงท้องของเขา และเหวี่ยงเขาไกลออกไป อีกคนคิดเกี่ยวกับการสร้างระยะจากผม แตะถูกชนโดยม้าของซีเลียจากด้านข้าง

「อย่าฆ่าชาวบ้าน! ชั้นจะไม่ทนถ้าพวกแกจุดไฟเผาเมืองด้วย ฆ่าแค่ทหารอย่างเดียว!」

ทหารใส่เกราะพุ่งเข้ามาหาผม แต่ผมตัดหัวของเขากระเด็นไป ดันตัวท่อนบนของเขากลับไป ที่ที่ทหารอีกคนอยู่

「ฮฮฮฮิ้!」

「ในการโจมตีครั้งเดียว……」

ทหารลูกกระจ๊อกเสียกำลังใจ ทิ้งหอกและวิ่งหนี นั่นถูกแล้ว ถ้าพวกนายไม่ต่อต้านผม เมืองจะไม่ถูกทำลาย

「เซซซซยย่าา!!」

ด้วยเสียงออกแรงที่ดุร้าย อัศวินที่ใส่ชุดเกราะเต็มตัวพุ่งมาทางผมพร้อมหอก ชึ้มาที่ผม นั่นทำให้ผมจำได้ มันมีการแข่นขันที่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น หอกขาเขาดูหนา และมันทำมาเพื่อการแทง และไม่ได้ดูเหมือนจะมีปลายคม

หลังจากเสียงของเหล็กปะทะกันดังขึ้น มีแค่ม้าของอัศวินวิ่งออกไป หอกของของอัศวินแทงอยู่ที่อกของผม…… เพื่อพูดให้มันถูกต้องอยู่ตรงอกก่อนที่จะโดนอกของผม และถืออยู่ในมือของผม ศัตรูถึอด้ามระหว่างที่ดิ้นรนอยู่ในกลางอากาศด้วยหน้าของความไม่เข้าใจ

แต่ผมเพิ่งจับหอกที่พุ่งเข้ามาของศัตรูและหยิบเขาขึ้นมานะ…… เขาไม่ปล่อยด้าม ดังนั้นเขาไม่หล่น

ผมลดหอกลงและปล่อยเขาลงพื้น จากนั้นอัศวินโยนดาบทิ้งไปและคุกเข่า ผมคิดว่าเขาจะชักมันและฆ่าผม; นั่นมันเกือบไป

 「เค้าจับหอกที่พุ่งเข้าตีด้วยมือเหรอ?」   

 「สัตว์ประหลาด……」

 「เค้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เราเอาชนะได้」      

อัศวินชี้หอกอยู่ข้างหลังผม และทหารของเขาทั้งหมดทิ้งอาวุธและวิ่งหนีไป มันดูเหมือนไม่มีใครอื่นที่จะต่อต้านเราอีกที่นี่

บริเวณด้านนอกของเมือง ค่อนข้างถูกควบคุมไปแล้วดังนั้น การต่อสู้เลื่อนเข้าไปในบริเวณเมือง บริเวณขุนนาง และคฤหาสน์ลอร์ดศักดินา มันไม่เหมือนว่าโรเลลจะมีทหารมากถ้าให้เริ่มพูด และพวกเขาไม่ได้ติดอาวุธอย่างหนักด้วย แต่พวกเขาสู้อย่างดื้อรั้น การไม่เผาเมืองระหว่างโจมตี เป็นปัจจัยที่ใหญ่ที่เป็นเหตุผลสำหรับเรื่องนั้น แต่พวกเขายังสู้อย่างดีสำหรับทหารกลุ่มเล็กๆ

 「ปล่อยลูกธนู! จำนวนสิบ!」   

   

กอารต่อต้านสุดท้าย หน่วยที่ปกป้องคฤหาสน์ลอร์ดศักดินา มันไม่นานก่อนที่ลูกธนูของทหารม้าธนู 500 คน – คนละสิบลูก รวมกันเป็นลูกธนู 5000 ดอก – ตกลงใส่พวกเขาเป็นฝน กวาดล้างกองกำลังของพวกเขา แทบจะจบการต่อสู้ในทันที

 「มันจบแล้ว?」   

 「ดูเหมือนจะอย่างนั้น」   

ซีเลียยืนข้างผม ปกคลุมไปด้วยเลือด เนื่องจากมันเป็นความสุขของเธอที่ได้สู้ข้างผม เธอเปลี่ยนคนห้าคนเป็นการอาบฝนเลือด หน่วยคุ้มกันมันทรงพังอย่างที่คาดไว้ และจบชีวิตศัตรูร่วม 100 คนอย่างไร้ที่ติ……ไม่ มีแค่คริสตอฟโดนข่วนโดยหอก ตกม้าและหัวกระแทก และตอนนี้พักอยู่ เขาเป็นชายที่ไร้ประโยชน์จริงๆ แม้ว่าเรื่องนั้นมันจะน่าสนใจในตัวมันเอง

หน่วยคุ้มกันลงจากม้า และเข้าสู่คฤหาสน์ของลอร์ดศักดินาด้วยกันกับผม และเราเดินไปตลอดทาง ถึงห้องโถงรับแขกหน้าทหารที่หยุดต่อต้าน เมื่อเรามาถึงห้องนี้ เรามาเพื่อเผชิญหน้ากับขุนนางที่ใส่เกราะเต็มตัว

เขาดูเป็นวัยกลางคน และไม่ได้ใส่หมวกเกราะ แต่ทั้งตัวของเขา ปกคลุมไปด้วยชุดเกราะหนา มีหนวดประดับอยู่บนหน้าของเขา และผมของเขาเรียบร้อย แต่เขาไม่ได้ดูแข็งแกร่งขนาดนั้นสำหรับผม

 「บารอด ฟาเยลติน เคานต์ของอาณาจักรเทรีย! บอกชื่อของนายมา!!」   

 「เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ วิสเคาตน์ของอาณาจักโกลโดเนีย นายเป็นลอร์ดศักดินา?」   

ผมคิดว่าผมได้ยินเขาพูดว่า ‘เอเกอร์?’ แต่มันไม่ได้มาจากขุนนางตรงหน้าผม

 「ดีมาก!! ในเกียรติของตระกูลฟาเยลติน ชั้นเรียกร้องการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง」   

ด้วยเสียงแคล้ง เคานต์ชี้ดาบมาทางผม อย่างไรก็ตาม ปลายดาบมันโยกไปโยกมา และเขาไม่ได้ดูสบายที่ขยับอยู่ในชุดเกราะ มันชัดเจน ว่าเขาไม่รู้ว่าจะใช้ดาบอย่างไรและเขาไมคุ้นเคยกับการใส่เกราะ

 「ได้โปรดรอเดี๋ยว ท่านเคานต์!! ฮาร์ดเลตต์……-โดโนะ มาที่เมืองนี้มาก่อน ไม่ใช่เหรอ!?」   

ชายที่กล้ามเป็นมัดๆขัดจากด้านข้าง เสียงแหบๆและรูปลักษณ์หยาบๆนั้นลืมไปไม่ได้ เขาคือกล็อกกัปตันยามเมืองขงโรเลล เขาให้รางวัลผมสำหรับการระงับหมาป่าหิวโหยและพยายามจะรับผมเป็นลูกน้อง ตอนนี้เมืองผมมาคิดเกี่ยวกับมันดูแล้ว มันธรรมชาติทีเขาจะอยู่ที่นี่ มันรำลึกความหลังและทั้งหมด แต่มันไม่เหมือนว่าผมจะเล่าเรื่องต่างๆกับเขาได้ตอนนี้

 「ขอบคุณที่ดูแลชั้นตอนนั้น ชั้นไม่เคยคาดหวังว่าเราจะอยู่ตรงข้ามกันในความขัดแย้ง」 

 「……นามสกุลของนายจากเวลานั้น……ชั้นเดาว่านั่นเป็นโชคชะตา」     

ถ้าเราคุยกันนานกว่านี้ มันจะหยาบคายกับเคานต์ ผมเปลี่ยนความสนใจกลับไปที่เขา และกล็อกเดินไปข้างหน้าเคานต์

 「เคานต์ฟาเยลติน! นี่มันก็เป็นโชคชะตา; ให้ผมเป็นตัวแทนท่านใน-」   

 「นายจะไม่!!」   

ไม่เหมือนเสียงแหลมสูงที่เขาใช้ก่อนหน้า เสียงที่ทรงพลังนี้ ทำให้กล็อกตกใจ

 「ดินแดนนี้ถูกปกป้องโดยบรรพบุรุษของชั้น มันไม่เกี่ยวข้องกับนาย ซึ่งเป็นแค่กัปตันยามเมือง ……ปกป้องชาวบ้าน คือหน้าที่ของนาย ถ้าชั้นพ่ายแพ้ นายจงยอมแพ้」   

เคานต์พร้อมดาบของเขาอีกครั้ง เขามีเจตนาดี แต่นี่ไม่ได้ดูเหมือนว่าจะเป็นการต่อสู้เลยซักนิด บางที่ผมจะแค่ทำให้เค้าสลบ

 「ลอร์ดฮาร์ดเลตต์ ไม่จำเป็นต้องรั้งมือ สำหรับขุนนางดินแดนของเขาเป็นชีวิตของเขา ดังนั้นรู้มันไว้ว่าถ้านายไม่ฆ่าชั้น นายจะไม่ได้ดินแดนนี้ไป!」   

ฟูมุ…… ถ้าเขามีความมุ่งมั่นตั้งใจมากขนาดนั้น มันจะหยาบคายสำหรับผมที่จะยั้งมือ เขาไม่มีทักษะ ที่จะหนุนหลังคำพูดของเขา แต่ผมไม่ใช่ไม่ชอบความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างนี้

 「คริสตอฟ ให้ชั้นยืมดาบ」   

มันจะไม่ยุติธรรมที่จะใช้หอกหรือแอ่งคู่อย่างน้อยๆที่สุด ผมจะใช้ดาบแบบเดียวกับเขา

ผมจับดาบด้วยแค่มือขวา ระหว่างที่เคานต์พร้อมดาบของเขาด้วยสองมือ และวัดขนาดตัวผมด้วยสายตา

    

 「ดดดุโออออออ้–!!」   

เคานต์ส่งเสียงตะโกนและปล่อยเสียงที่มาจากจิตวิญญาน ระหว่างที่พุ่งเข้าตีมาหาผม และเหวี่ยงดาบของเขาลง การเคลื่อนไหวเหล่านั้น ช้าอย่ามากจริๆ และมันทำให้เขาไร้การป้องกันจริงๆ

ผมเบี่ยงเบนการฟันของเขาอย่างง่่ายๆ และทำลายสมดุลย์ของเขาดีดดาบกลับไปเหนือหัวของเขา ผมทำการฟันจากด้านข้าง

ด้วยเสียงตุ้บ หัวของเคานต์ตกลงไป และตัวท่อนบนของเขา ทรุดไปตรงนั้น ผมเหวี่ยงดาบเพื่อขจัดเลือด ก่อนจะนำมันไว้ตรงหน้าผม และคำนับเล็กน้อย เพราะเขา แสดงกำลังใจให้ผมเห็น และที่เขาพร้อมเผชิญหน้ากับความตาย เขาคู่ควรกับการคำนับจากผมเป็นอย่างน้อย

ในเวลาเดียวกันทหารและขุนนาง ด้วยกันกับกล็อกที่ล้อมอยู่ โยนดาบของพวกเขาทิ้งไป และถอดหมวกเกราะ และคุกเข่าอยู่บนพื้น

 「มันเป็นความพ่ายแพ้ของเราอย่างสิ้นเชิง」   

 「พลังการรบที่ไม่น่าเชื่ออะไรเช่นนี้」   

 「เราสมควรต่อความพ่ายแพ้นี้」   

ผมเมินขุนนางสามคนนั้น ที่พึมพำบางอย่างเกินความจำเป็น และบอกกล็อกให้ทหารทั้งหมดในเมืองยอมแพ้และปลดอาวุธ

ในเพียงแค่สองชั่วโมงและกับการต่อสู้ที่ไม่มากนั้น โรเลลพ่ายแพ้ และป้อมปรากการมาจิโนเสียฐานเสบียง —————————————————————    

【–มุมมอง บุคคลที่สาม/เทรีย–】      

สามวันหลังจากนั้น ป้อมปราการมาจิโน่ ป้อมกลาง

 「กองทัพของโกลโดเนียเน้นกองกำลังไปที่ตรงกลาง」   

 「อย่าลนลานให้หน่วยที่หกยิงกลับไป ปล่อยลูกธนูอย่างต่อเนื่องและทำให้พวกเค้าเหนื่อย」   

 「จุดแคมป์หน่วยที่สามติดไฟครับ!」   

 「อย่ากังวล ดับไฟอย่างใจเย็นและสร้างหลังคาหลังจากนั้น」   

เคานต์มาจิโนสั่งการด้วยตัวเอง เพราะชื่อของเขาเอง ถูกตั้งเป็นป้อมปราการนี้ วิธีที่เขานำ ไม่ใช่อะไรที่ไม่ธรรมดา หรือมันจะตะโกนอย่างกระฉับกระเฉงมากนัก แต่เขาออกคำสั่งที่แม่นยำและเหมาะสมกลับไปให้เหล่ารายงานทั้งหลายขอชายของเขา ท่าทีที่ใจเย็นและ ประวัติการทำงานในการต่อสู้ป้องกันของทหารผ่านศึกแก่นี้ ทำให้เหล่าชายของพวกเขามีความรู้สึกถึงความปลอดภัยที่ยิ่งใหญ่

 

กองทัพขนาดเท่านี้มันไม่ค่อยได้เห็น – มากกว่า 80 000 คนของกองทัพกลางและกองทัพของลอร์ดของโกลโดเนีย – ถูกส่งออกมาบนที่ราบกลางตรงหน้าพวกเขา แต่ทหารผ่านศึกแก่นี้ไม่แสดงความตื่นตกใน แม้ว่าด้วยหินติดไฟ และหม้อน้ำมัน ถูกโยนมาใส่เขาโดยเครื่องดีดหินมากกว่าร้อย และหลังจากนของลูกธนูเป็นหมื่นๆลูก การทำงานของป้อมไม่มีส่วนใด้ที่ถูกทำลายแบบใดๆเลย

 「นายต้องใจเย็นก่อน; ถ้าบางอย่างเกิดขึ้น คิดซักวินึง ป้อมปราการนี้จะไม่หวั่นไหวอย่างรวดเร็ว」   

ไม่เหมือนการต่อสู้ในสนาม สถานการณ์ในการตีเมือง มันไม่ได้ไม่แน่นอน ความทนทานและการวางแผนที่แม่นยำ หมายถึงทุกอย่าง

ด้วยการคำราม หินติดไฟ ทำลายหลังคาบนป้องที่สร้างเพื่อกันากลูกธนู แต่ไม่มีใครตื่นตกใจ จากการที่ได้เห็นหลังคาพังทลาย

รูเล็กๆอยู่ในพื้นข้างบนเสาไม้ที่หนุนทางยก พวกนั้นใช้เพื่อขึ้นหลังคาไม้ ลูกธนูส่วนใหญ่มาถึงข้างบนป้อม ที่ได้บินมาในแนวโค้งพาราโบล่า ตราบใดที่ยังมีอะไรปกคลุม ทหารจะลดจำนวนผู้เสียชีวิต ในการป้อกัน มันจะไม่สามารถทนการโจมตีจากเครื่องดีดหินหรือบาลิสต้า แต่ถ้ามันมัน ทิ้งมันและสร้างใหม่ได้ เมื่อพิจารณาโครงสร้างที่เรียบง่ายของหลังคา ซึ่งมันต้องการแค่การใช้ค้อนทุบเข้าไป มันใช้ไม่กี่นาที่ก่อนที่จะซ่อมมันเป็นสภาพเดิม

 「เคานต์มาจิโน่! แม้ว่าการโจมตีที่โหดร้ายในไม่กี่วันนี้ ป้อมไม่กระดิกซักนิ้ว!」   

 「ในทางตรงกันข้าม ศัตรูได้รับผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ในสามเวลานั้น และถอย! ไม่ใช่เราควรจะออกไปและไล่ตามพวกเค้าเหรอ?」   

ทหารผ่านศึกแก่หัวเราะ ส่ายหัวของเขาอย่างร่าเริง

 「ฮ่าฮ่า นั่นเป็นแนวคิดที่อันตราย สิ่งต่างๆมันดีอยู่ตอนนี้ และนายต้องการมากกว่านี้; นั่นคือสิ่งทีจะทำให้นายสูญเสีย」   

เขาเรียกเขามาเพื่อดูภาพรวมใหญ่ผ่านหน้าต่าง และคุยกับเขาอย่างเมตตาจนถึงจุดจบ

 「เวลาเป็นมิตรกับเรา คนที่จำเป็นต้องเสี่ยงคือศัตรู ไม่เช่เรา เราแค่ต้องมองการเดินทางที่เสี่ยงนี้ที่ศัตรูใช้ให้เข้าใจ และขยี้พวกเขาจากนั้นชัยชนะมันจะอยู่ในเอื้อมมือ」   

 「มันโอเค ไม่งั้นก็เรียกนายว่าเจ้าหนูไม่ได้ถ้างั้น นายจะใจเย็นลงเมื่อนายแก่」   

กองทัพของโกลโดนเนียรวมกองกำลังตรงกลางและมุ่งมั่นที่จะใช้กำลังฝ่าไป อย่างไรก็าม ลูกธนูส่วนใหญ่จากฝั่งผู้โจมตี ถูกหยุดโดยหลังคา และสร้างความเสียหายใดๆไม่ได้ ระหว่างที่ในทางตรงกันข้ามในทางตรงกันข้ามลูกธนูที่ปล่อยจากคนในป้องถูกเล็งลงไปข้างล่าง นำทหารโกรโดเนียถึงแก่ความตายโดยกำลังที่ไม่หยุดยั้ง ในเวลาเป็นพักๆ เครื่องดีดิหินเป่าหลังคาและทหารไปด้วยกัน แต่แม้ว่าอย่างนั้น มันไม่ได้สร้างการบิดงอในป้อมที่ทนทนนี้ กำแพงที่สูงมีรูหลายรู ที่ให้ปืนธนูแทงออกไป มันเป็นช่องเปิดที่จงใจทำไว้ เพื่อรับชีวิตของทหารของโกลโดเนีย

ทหารบางคนเกาะกำแพงป้อมได้ แต่เพราะรูมันเล็กเกินไปที่จะเข้าไป พวกเจาไม่มีทางเลือกนอกจากจะไต่บันได ระหว่างที่พวกเขาทำอย่างนั้น พวกเขาจะอาบฝนของธนูที่ไม่จบไม่สิ้น

เมื่อทหารจำนวนหนึ่งเก่ากับกำำแพง ลูกธนูหยุด และช่องที่ไว้้แทงปืนธนูออกมาปิด และหน้าต่างสูงที่สุดเปิด และน้ำมันติดไฟจำนวนที่มหาศาลเทลงไปข้างๆล่าง เผาบันไดและทหารที่ไต่มันไปสู่ความตาย โดยไม่ทิ้งร่องรอยดๆไว้ข้างหลัง

 「เราป้องกันการโจมตีครั้งที่สี่ของโกลโดเนียออกไป!」   

 「แต่ทหารม้าศัตรูพยายามจะผ่านป่าไปที่ทางตะวันออก」   

ไม่ว่าป้อมปราการจะทนทานขนาดไหน มันจะมีจุดอ่อนอยู่เสมอ ทหารม้าของโกลโดเนียจะเล็งไปที่ส่วนนั้น ที่ไม่มีอะไรนอกจากรั้วล้อมป้อมเปล่าๆ ที่ไม่มีกำแพงถูกสร้างเนื่องจากภูมิประเทศ

 「เคานต์มาจิโน่!」   

 「ชั้นได้วางทีมองพลหอกไว้ที่นั่น ไม่จำเป็นต้องกังวล」   

ทหารม้าจะพยายามผ่านช่องเปิดระหว่างคูเมืองทันทีแต่ทันทีที่ม้าที่นำไปถึงช่องเปิด ดินทรุดตัวใต้เท้าของม้า และม้านั้นล้มและพันกันเอง สร้างความวุ่นวายใหญ่ให้เกิดขึ้น

ในความเป็นจริง มันไม่มีช่องเปิดในคูเมือง แผ่นไม้บางๆถูกวางไว้บนหลุมและมีแค่ดินกลบไว้บนมัน มันจะไม่มีปัญหาสำหรับทหารราบไม่กี่คน แต่สำหรับกองทัพม้าใหญ่ๆ พวกมันจะตกไปในหลุมที่ไม่มีก้นทันที พลหอกที่จะปรากฏจากตำแหน่งที่ซ่อนไว้ทีละคน และขับไล่ทหารม้าที่สับสน และฆ่าทหารทั้งหมดที่ตกหลุมทหารราบที่ตามทหารม้ามา จะรับฝนของลูกธนู และจบที่การถอยกลับไปอย่างน่าสงสาร

 「มันไมใช่บางอย่างที่ต้อองลนลาน ถ้านายจัดการกับมันอย่างใจเย็น นายจะหยุดศัตรูได้อย่างแน่นอน」   

เหล่าชายของเคานต์แก่อับอายและทำสีหน้าที่บิดเบี้ยว แต่กลับมายิ้มอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

 「ไม่ว่ายังไง ผู้ส่งสาส์นที่ไปที่โรเลลยังไม่กลับมาเหรอ?」   

ความกังวลเดียวของทหารผ่านศึกแก่ คือเรื่องของการเติมลูกธนูและน้ำมัน ที่ควรจะมาทุกวันนจากโรเลล แต่มันไม่มาตั้งแต่มะรืนวาน มีโกดังสำหรับเสบียงในป้อมดังนั้นพวกเขายังไม่มีปัญหาในระยะสั้นๆ แต่มันไม่ใช่บางอย่างที่พวกเขาเมินได้นานด้วย

 「เคานต์ฟาเยลตินเกลียดชั้น……นั่นทำไมชั้นไม่อยากคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้」   

 「มันจะเป็นเรื่องโง่ถ้าการส่งเสบียงหยุดเพราะความเกลียดที่มีต่อเคานตร์ แม้ว่ามันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น……」   

 「นี่มันเป็นปัญหาระดับชาติที่จริงจัง ดังนั้นชั้นหวังให้มันไม่เป็นอะไรมากไปกว่าความผิดพลาดเล็กๆ」   

ด้วยเสียงตึงตัง ทหารโพล่งเข้ามาในห้องสั่งการ สภาพของเขาตื่นตกใจ ตรงข้ามอย่างยิ่งใหญ่ กับทหารผ่านศึกแก่และเหล่าชายของเขาที่ใจเย็น

 「มอบรายงานที่แม่นยำอย่างใจเย็น……」   

ทหารผ่านศึกแก่ยิ้มอย่างอ่อนโยะและพยายามจะทำให้ทหารใจเย็น แต่ทหารขัด แม้ว่าพวกเขาจะต้องหยายคาย

 「ส่วนหนึ่งของศัตรูได้ผ่านป่าเอิร์กและโจมตีโรเลล!! เมืองได้พ่ายแพ้ และเคานต์ฟาเยลตินตายในการต่อสู้!! ผมจะย้ำ โรเลลได้พ่ายแพ้!!」   

เหล่าลูกน้องเสียสติในทันทีแต่เหมือนกับหัวหน้าที่พวกเขาเคารพพูด พวกเขาทำให้หัวใจสงบ และหันหาทหารผ่านศึกแก่

 「เคานต์มาจิโน่……เราจะตอบยังไง?」   

ตาของทหารผ่านศึกแก่เปิดกว้างและจ้องอย่างว่างเปล่า พร้อมกรามค้างตาของเขาดูเหมือนถูกรบกวน ไม่มีร่องรอยความความใจเย็นแล้ว เขาเอื้อมมือที่สั่นไปเพื่อหยิบชาบนโตะมือนั้นทำแก้วชาตก และมันแตกเป็นเสี่ยงๆสู่พื้น

—————————————————————

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 21 ปี จบฤดูร้อน เวลาสงคราม

หน่วยของลูกน้อง: 11 200

ทหารราบ: 2700, ทหารม้า: 1500, นักธนู: 800, ช่างศึก: 200, ทหารม้าธนู: 6000

ลูกน้อง: ลีโอโพลต์ (หัวหน้าของเจ้าหน้าที่และรองผู้บัญชาการกองทัพ), ซีเลีย (ผู้ช่วย, กัปตันผู้คุ้มกัน), อิริจิน่า (กัปตัน), ลูน่า (ผู้บัญชาการทหารม้าธนู, ปีปี้ (มาสคอต)

ตำแหน่งปัจจุบัน: โรเลล

ความสำเร็จ: 

กวาดล้างกองกำลังป้องกันทิศตะวันออก (ยอมแพ้), ยึดครองโรเลล

—————————————————————

 เป้าหมายเดือน 7/66

ค่าเน็ต 200/200

รับยา ยาหมด 0/200

ค่าห้องโรงพยาบาลยาย 460/2000

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

แปลโดย: wayuwayu

โดเนทแล้วอยากให้เรื่องขึ้นหรือสะสมเงินเพิ่มตอน สปอนเซอร์ตอน จองตอน ซื้อตอน หารได้ ได้ที่ facebook   

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท