ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 174 สงครามฤดูหนาวในเมืองหลวง ④ กองทัพแห่งค่ำคืน

ถนนสู่อาณาจักร

174 สงครามฤดูหนาวในเมืองหลวง ④ กองทัพแห่งค่ำคืน

20 – 25 นาที

—————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

เช้าตรู่

「ฮาร์ดเลตต์โดโนะ กองทัพมาถึงบริเวณของคฤหาสน์แล้ว! เราผ่อนคลายได้แล้วตอนนี้!」

「โอ้ นั่นไม่ใช่ธงของยามวังหรือ ใช่ไหม? พี่เข้าใจแล้ว พวกเขารวมกองทัพอาณาจักรจากชานเมือง…… ถ้าอย่างนั้นการโจมตีนี้ค่อนข้างเป็นการโจมตีขนาดใหญ่เหมือนที่พี่คิด」

ผมนอนอลิสลง ผู้กำลังหลับไหลในอ้อมอกของผม นอนลงตะแคงข้างบนเตียงระหว่างทำให้มั่นใจว่าเธอไม่ตื่นขึ้นแล้วจากนั้นผมนำตัวเองลุก

「เดาว่าพี่ควรไปทักทายพวกเขา พี่ต้องยืนยันว่าอีริชสบายดีทีหลังด้วย」

มันจะค่อนข้างเศร้าถ้าเขาตายไปจากบางอย่างไร้สาระเช่นนี้

ผมพบโดโรเธียกำลังนำเด็กๆไปกับเธอในโถงทางเดิน

「โดโรเธีย เด็กๆร้องไห้ไหม? กอทัพจะทำความสะอาดความเละเทะข้างนอกและในลานบ้านดังนั้นรออีกนานกว่านี้สักนิดนะ」

「ไม่ ทุกคนทำตัวน่ารัก……เออออ๋!! เดี๋ยว เดี๋ยว!」

「เข้าใจแล้ว นั่นดีถ้าอย่างนั้น」

「ห้อยต่องแต่ง~」 「เอียเกอร์ชามะห้อยต่องแต่ง~」

ผมจากขณะโดโรเธียพยายามจะพูดบางอย่างแล้วมุ่งหน้าสู่ประตูหน้า

โอ้ ลีอาห์เดินไม่มั่นคงระหว่างเธอกึ่งหลับกึ่งตื่น

เธอค่อนข้างกล้าหาญอย่างน่าตกใจที่สามารถนอนได้แบบนี้

「ห้าว อรุณสวัสดิ์」

ลีอาห์จูบผม ณ ริมฝีปากด้วยกันกับข้างล่างนั่น

ช่างเป็นสาวผู้เร่าร้อน

ประตูหน้า ซึ่งอิริจิน่ากระแทกพังทลายลับถูกแปะไว้หลังจากนั้้น มันกันเสียงจากภายนอกไม่ได้และผมได้ยินเสียงทำธุระของทหารผู้รวมตัวกัน

อุ้ย ผมออกไปข้างนอกนั่นแล้วทักทายพวกเขาโดยไม่มีอาวุธไม่ได้ ผมจะหยิบหอกของผม

「เฮ้…… นี่อะไร……?」

「ฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะเนี่ย?」

「แม้ว่าเรารู้ว่าลอร์ดฮาร์ดเลตต์สามารถสร้างซากศพไร้วิญญาณเหล่านี้ในสวนได้…… แต่บางอย่างแบบนี้มัน……」

「ฉันรู้ว่ามันคืออะไร ฉันว่าในที่สุดลอร์ดฮาร์ดเลตต์ก็เรียนรู้ว่าพ่นไฟยังไงแล้ว」

「เอ็งพูดอะไรของเอ็งวะ ไม่ใช่นั่นทำให้เขาเป็นมอนสเตอร์แล้วเหรอ?」

พวกเขาพูดกันตามใจชอบเกี่ยวกับผมเลย

「กำลังเรียกใครว่ามอนสเตอร์」

ผมดันประตู้แง้มแล้วแง้มหน้าโหม่ออกไป

「ผ-ผมขออภัยครับ!」

「ลอร์ดฮาร์ดเลตต์! ยินดีที่ได้เห็นท่านปลอดภัย……」

สายตาของทหารตั้งใจมามองผม หรือพูดให้ชัดเจนกว่านั้น มองสู่ท่อนล่างของผ

「「ม-มอนสเตอร์!!」」

「นี่มันอะไรกันนิ-」

「เอเกอร์ซัง! พี่ทำอะไรเนี่ย!!?」

มือยืดยาวออกแล้วดึงผมเข้าสู่ภายในบ้านอย่างแรง

「มีอะไรหรือ เมล? ใช้แรงกายมายมายตั้งเพียงนี้」

「ดูสิว่าพี่แต่งตัวเยี่ยงไฉน พี่ออกไปทักทายทหารได้อย่างไรเมื่อพี่ดูเป็นเช่นนั้น!?」

แต่ผมนำหอกมากับผมนี่

「หอกคือสิ่งเดียวที่พี่มี! ทีเหลือของเรือนร่างพี่คือเปลือยเปล่า!!」

โออ้ ผมถอดทุกสิ่งอย่างออกหมดเมื่อวานตอนนี้เมื่อผมคิดเกี่ยวกับมันแล้ว

「เฮ้ยเอ็งเห็นป่าววะ……เฮ้」

「มันใหญ่บะลั่กคัก……เขาเป็นอสูรตรงนั้นด้วยเหรอ?」

「เขากำลังถือหอก อย่าบอกฉันนะว่าเขาล่าศัตรูแบบนั้น……」

「พวกมันถูกแทง……」

เมลตบผมเบาๆแล้วบ่นๆระหว่างผมสวมเกราะ

「อีกหนึ่งครา ขอบคุณหนาสำหรับงานหนัก」

「มันยอดเยี่ยมที่ได้พบเห็นว่าลอร์ดฮาร์ดเลตต์ไม่บาดเจ็บใดๆ!」

ทหารประมาณ 100 คนจากกองทัพอาณาจักรอยู่ข้างนอกและผู้บัญชาการของพวกเขากำลังยืนพร้อมระหว่างทำความเคารพผม

มันดูเหมือนพวกเขากำลังมีแผนว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นพฤติกรรมน่าอับอายของผมก่อนหน้านี้เล็กน้อย

「ยามวังไม่พอหรือ?」

「ครับ เราไม่รู้ภาพเต็มๆด้วยเหมือนกันแต่เรามีรายงานอันบอกว่าคฤหาสน์ฮาร์ดเลตต์ซามะและบ้านอธิบดีราดาห์ลด้วยกันกับบ้านและที่จัดงานอื่นๆอันจัดงานเลี้ยงถูกตกเป็นเป้าหมาย ผลลัพธ์ซึ่งออกมาคือผู้เสียชีวาจำนวนหนึ่ง」

「แล้วลอร์ดราดาห์ลเล่าเป็นอย่างไร?」

「เขาดูไม่เป็นอะไรไปสำหรับตอนนี้ คนผู้มอบคำสั่งเราคือคนที่ท่านเพิ่งพูดถึงนี่แหละครับ」

ฟุมุ นั่นดีถ้าอย่างนั้น

ตอนนี้ที่ผมรู้ว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องไปตรวจดูเขาส่วนตัว ผมแน่ใจว่าอีริชค่อนข้างยุ่ง

โดยเฉพาะ ถ้าผมโผล่หน้าไปแล้วสงสัยอย่างไร้เป้าหมาย ผมจะแค่เข้าไปเกะกะ

「ถ้าอย่างนั้นฉันจะหวังเพิ่งนายให้คุ้มกันคฤหาสน์ แล้วก็ให้สักไม่กี่คนทำความสะอาดลานบ้านได้ไหม? ถ้ามันถูกทิ้งไว้อย่างนี้ มันอาจกลายเป็นต้องสาป」

แม้ว่าศพไร้แขนขาเปลี่ยนเป็นซอมบี้ พวกมันจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้ แต่มันไม่น่าโสภาถ้ามีสัตว์ประหลาดเหล่านั้นอยู่รอบข้าง

「เข้าใจแล้วครับ รุรุย! นายกับคนของนายยจะทำความสะอาด」

กัปตันใช้ทหารผู้ไม่เต็มใจเพื่อทำงานให้สำเร็จ

「ออุ่ ฉันเหยียบบางอย่างอ่ะ…… นี่คือ-……」

「หัวใจ…… มันถูกดึงออกเหรอ……?」

「ถ้าอย่างนั้น ช่วยจัดการกับมันที」

แค่เมื่อผมจะเลิกคิดถึงฉากในลานบ้านแล้วมีความสุขกับมื้ออาหาร

「เฮ้แก! แกคิดว่าแกเป็นใคร!?」 「ล้อมคนนั้นไว้ ล้อมคนนั้นไว้!」

ผมได้ยินเสียงม้าร้องกับเสียงตะโกนดัง อย่าบอกผมว่าพวกเขาไม่เรียนรู้อะไรแล้วมาที่นี่อีกครั้งหลังจากได้รับประสบการณ์น่ากลัวมากแบบนั้น

เพราะประตูไม่ได้ปิดมิดชิด ผมได้ยินเสียงค่อนข้างชัด

「ฉันไม่ใช่บุคคลน่าสงสัย! ฉันคือบารอนกิตติมศักดิ์เบลซ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ข้อมูลผู้รายงานตรงสู่องค์ราชา!」

「เจ้าหน้าที่ข้อมูลเหรอ?」

มันไม่เป็นอะไรที่อิจิริน่าไม่รู้เกี่ยวกับนี่

「ลอร์ดฮาร์ดเลตต์ดีใจที่ได้เห็นท่านปลอดภัย」

อย่างแรกซึ่งรีเบคก้าทำเมื่อเธอเข้าเข้ามาพื้นที่บ้านผมคือพูดจากับผมสุภาพนอบน้อม

「เหมือนกันกับเธอนะ」

「หนึ่งผู้ใร้ความสำคัญเหมือนหนูจะไม่ตกเป็นเป้าหมายหรอกค่ะ」

รีเบคก้าฝืนให้ตัวเธอเองยิ้มและคุยเรื่องไร้สาระ แต่บางอย่าดูไม่ถูกต้องและเธอดูเหมือนรีบมากๆ

ถ้าผมมองเธอทะลุปรุโปร่ง ถ้าอย่างนั้นเธอต้องค่อนข้างถูกบีบบังคับ

「ยังไงซะ ทำไมเธอไม่บอกฉันว่ามาที่นี่ทำไม…… หรือเธออยากจะกินอาหารก่อน」

「ไม่ค่ะ หนูอยากจะสรุปธุระหนูก่อน!」

รีเบคก้ารีบงอตัวมาข้างหน้า

ผมก็ดันตัวเองไปข้างหน้าเป็นการตอบ หวังจะได้ไปประสบพบริมฝีปากเธอถ้าผมโชคดี  แต่เธอหลบผมอย่างสง่างาม

「จริงๆแล้ว คนบงการหลังเหตุการณ์นี้ถูกระบุตัวตนว่าคนใดแล้ว」

「โฮฮฮ่」

แม้ว่าเธอชี้ตัวผู้บงการแล้ว สีหน้าเธอไม่สงบลง

「อย่างไรก็ตามคนบงการหนีสู่ทิศใต้…… ดังนั้นถ้าท่านจะสนับสนุนเราด้วยการไล่ตามไป……」

ผมต้องทำสีหน้าสงสัยอยู่เป็นแน่

เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

「ฉันจะทำอะไรซึ่งฉันทำได้เพื่อให้ความร่วมมือ แต่นี่ไม่ใช่ดินแดนของฉันแล้วฉันก็ไม่ได้นำพาทหารมากันกับฉันด้วย เธอกำลังบอกให้ฉันไล่ตามพวกเขา…… แต่ทำไมเธอไม่ไปหาหน่วยทหารม้าของกองทัพแล้วพาพวกเขาไปเล่า?」

「นั่นจริง…… แต่ดินแดนของเคานต์อยู่ทิศใต้……」

「คนนั้นเดินทางด้วยเท้าหรือ?」

「ไม่ค่ะ หนูเชื่อว่าเขาอยู่ในรถม้า หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งเรามี มีความเป็นไปได้ว่ามีรถม้าหลายคันไปด้วยกันโดยใช้ทหารม้า……」

「ถ้าเช่นนั้นมันจะเป็นไปไม่ได้」

ผมอยากจะช่วยรีเบคก้ากับสิ่งที่เธอขอแต่ไมมีอะไรที่ผมทำได้

ไล่ตามบางคนผู้หนีบนหลังม้าคืองานยาก

การก่อตั้งกลุ่มไล่ตามอันมีทหารม้าเบาความเร็วสูงจำนวนน้อยๆอาจทำได้ แต่ถ้ามีคนคุ้มกัน ณ อีกฝ่ายอยู่เพียงพอ พวกเขาขับไล่กลุ่มผู้ไล่ตามไปได้

「แต่……」

「บางอย่างแบบนั้นเธอก็ควรจะรู้อยู่แล้ว ใช่ไหม?」

เราไม่ได้มีการสนทนาสนิทชิดเชื้อต่อกันและกันแต่ผมบอกได้ว่ารีเบคก้าคือผู้หญิงเฉลียวฉลาด

เธอไม่ใช่บางคนผู้จะพูดเกี่ยวกับนี่โดยไม่มีเหตุผล

「……」

เธอต้องค่อนข้างลนลาน

「ถ้าเธอบอกเหตุผลทั้งหมดได้ฉันอาจสามารถช่วยเธอได้ รู้ไหม?」

ผมโอบกอดไหล่รีเบคก้าเบาๆขณะผมพูด

เธอเริ่มบอกว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างเชื่อฟังโดยไม่ข้ามรายละเอียด

「ถ้าอย่างนั้นมันคือมาร์เควสฮูเวอร์……และเวลาจำกัดคือเช้าวันมะรืนนี้」

「ทำอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้เลยหรือ? หนูไม่มีทางเลือกที่ฝั่งหนูแล้ว」

ถ้าผมคิดเกี่ยวกับเส้นทางการหนีของมาร์เควสฮูเวอร์ เขาน่าจะตรงดิ่งสู่ทิศใต้ ผ่านอาร์คแลนด์ตรงๆและไปสู่เมืองที่มีป้อมปราการมาจิโน่

เมื่ออยู่กับบริเวณที่ยังไม่มีข้อมูลของการกบฏ ไม่มีใครที่มีอำนาจหยุดมาร์เควสฮูเวอร์ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลบการถูกพบเห็น

ผมอาจจะสามารถตามเขาทันที่ไหนสักแห่งใต้ป้อมปราการมาจิโน่ถ้าผมรีบมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยม้าเร็ว

อย่างไรก็ตาม มันจะไม่อยู่ในขอบเขคเวลาซึ่งถูกมอบให้และผมไม่คิดว่าราชาจะมองข้ามนี่ไป

「หืม  มันไม่ได้ดูเหมือนเราไปนั่นได้ทันเวลากับวิธีมนุษย์」

จากนั้นผมรู้บางอย่าง

มันเป็นไปไม่ได้สำหรับกองทัพมนุษย์

แต่อะไรจะเกิดขึ้นถ้ากองทัพไม่ใช่มนุษย์

「ฉันอาจมีความคิดหนึ่ง」

「จริงๆหรือคะ!?」

รีเบคก้าเข้าประชิดระยะห่างระหว่างเรา

ผมอยากถูๆลูบๆตูดแน่นๆของเธอลับๆแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลานั้น

「ใช่ แต่มันอาจมีปัญหาเล็กน้อย」

「ถ-ถ้ามันจะมีราคาบางอย่าง หนูจะยินดีจ่ายมัน! เหตุการนี้จะกำหนดอนาคตหนู!!」

「เธอไม่ต้องจ่ายอะไรทั้งสิ้น」

ผมเข้าใกล้ผู้หญิงยิ่งขึ้น

「ถ-ถ้าอย่างนั้นอะไรอันท่านอย่างได้ตอบแทน……  ข้อมูลหรือ!?」

「ไม่ ฉันอยากได้บางอย่างดีกว่านั้นเยอะ」

ผมมองรีเบคก้าแล้วโอบมือบนไหล่เธอ

「ออุ่……」

「ฉันจะไม่ทำอะไรร้ายๆ」

「หน่ะ-นั่นจะต้องรอจนกว่าแผนสำเร็จและหลังจากการปรึกษากันอันยาวนานก่อน」

「หนึ่งวัน…… ไม่ ให้พี่ใช้ชิดแนบเนื้อกายาใกล้กับหนูสักแค่ 3 ชั่วโมงได้ไหม?」

รีเบคก้ามองลงล่างช่วงระยะเวลาสั้นๆก่อนจะยกหน้าพร้อมความมุ่งมั่นบนหน้าเธอ

「ได้! ตอนนี้ได้โปรด…… ช่วยหนู!!」

ได้เลย ตอนนี้ผมมีแรงจูงใจกระทันหันแล้ว

「บรินฮิลด์! เรากำลังจะออกไป」

「ตะวันยังฉายอยู่เลย! แน่นอนว่าฉันจะไม่ไป-……เอ๊ะอย่านำฉันไปด้วยกำลังซี่! อย่างน้อยเอาเสื้อโค้ทพร้อมฮู้ดให้ฉัน!」

—————————————

【–มุมมอง บุคคลที่สาม–】

วันต่อมา กลางคืน ทางใต้ของอาร์คแลนด์

「มาร์เควส เราผ่านอาร์คแลนด์มาได้อย่างปลอดภัยเหมือนกัน」

「……」

ฮูเวอร์มิเอ่ยเอื้อนแม้แต่หนึ่งคำ

「ถ้าเรารีบไปข้างหน้าต่อเราจะไปถึงป้อมปราการมาจิโน่ตอนบ่าย เมื่อเราผ่านป้อมปราการแล้ว เราจะไม่เป็นอะไร」

ผู้ช่วยใกล้ชิดหนึ่งคนของมาร์เควสไม่สามารถทนความเงียบงันได้แล้วพูดขึ้นมาอีกครั้ง

 「จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง……」

 「หือ?」      

 「ฉันกำลังถามว่าเราจะไม่เป็นอะไรได้อย่างไรกัน!! มันเป็นแผนอันมีรายละเอียดตั้งเท่านั้น! ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผนซึ่งวางไว้ อธิบดีกิจการรัฐบาลและไอ้ราดาห์ลผู้น่าเกลียดชังนั่นจะตายสิ้นและขุนนางดั้งเดิมควรจะจากราชาไปเมื่อเขาดิ้นไปทั่วหลังจากเสียทั้งสองแขน!」   

 「เอิ่ม น-นั่น-」   

 「และจากนั้นฉันจะกลับไปเป็นคนตำแหน่งสูงที่สุดในหมู่ผู้บัญชาการทหาร…… และฉันควรสามารถกู้ความรุ่งโรจน์กลับคืนมาสู่ตระกูลฮูเวอร์ซึ่งอยู่มายาวนานเป็นรุ่นๆ ฉันแม้แต่ทำขนาดว่าไปใช้พวกโง่จากมากราโดมา…… ไม่ใช่นี่เพียงแค่ทำให้ฉันเป็นกบฏหรือ?」   

ฮูเวอร์รวมซากของมากราโดผู้มีคามแค้นกับโกลโดเนียแและทำพวกเขามากับเขาสู่เมืองหลวงลับๆ จากนั้นมอบอาวุธและที่ซ่อนให้พวกเขา

แผนคือสังหารเคนเน็ธกับอีริชระหว่างใช้การจลาจลและฆ่าขุนนางใหม่ผู้มีอิทธิพลอื่นๆด้วย แบบนั้น ขุนนางดั้งเดิมผู้คิดกับความเป็นเผด็จการขอราชากับการขึ้นมามีอำนาจของพวกขุนนางชั้นต่ำไม่ดี จะใช้โอกาสนั้นกบฏ บังคับราชาให้เกษียณหรือทำอะไรก็ตามที่พวกเขาอยากทำกับเขา

สำหรับเหตุผลนั้นฮูเวอร์ใช้ประโยชน์ความใกล้ชิดของเขาเพื่อหากำหนดการของขุนนางที่ว่ามาข้างต้นนั้น มอบคำสั่งยามวังผู้ดั้งเดิมแล้วอยู่ใต้บัญชาการของเขาและขัดขวางไม่ให้พวกเขาแทรกแซงกับการโจมตี

อย่างไรก็ตามในความเป็นจริง การโจมตีจบลงในความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

ทั้งเคนเน็ธกับอีริชหนีความตายและกองกำลังอันเหลือที่ถูกส่งไปหาฮาร์ดเลตต์หลังจากยืนยันการมาถึงของเขาสู่เมืองหลวงถูกกวาดล้าง

ผมที่ตามมา อำนาจของราชาไม่หวั่นไหวแม้แต่นิดเดียวและทั้งหมดมันเป็นการแสดงใหญ่เพื่อความว่างเปล่า

ถ้าพวกเขาระงับความวุ่นวายได้อย่างสงบแล้วทำการสืบสวน มันจะเรียบง่ายในการจะรู้ว่าฮูเวอร์อยู่หลังทุกอย่าง

แค่ทางเดียวที่เขามีคือหนีในสภาพไม่น่ามอง ทิ้งอำนาจอันถดถอยของเขาทั้งในชื่อและความสำคัญของมัน

แค่สิ่งกอบกู้เดียวเท่านั้นคือความจริงว่าลูกน้องส่วนใหญ่ของเขาผู้รับใช้เขามาเป็นเวลานานยังคงภักดีกับเขาและเขาสามารถรวบรวมใกล้กับ 100 คนจากแต่ละที่

ไม่มีเส้นทางมากมายอันถูกเปิดสำหรับลูกน้องผู้กบฏ

ลูกน้องรู้ แม้ว่าพวกเขาทิ้งนายท่านของพวกเขา พวกเขาจะไม่มีอนาคตตรงหน้าเขา ซึ่งทำให้จำนวนผู้คนที่ตามเขาสูงขึ้น

 「เราควรไปหากองทัพของนครรัฐทางตะวันตกหลังจากผ่านป้อมปราการ เรานำสมบัติมากับเราเหลือเฟือและที่นั่นไม่ชอบการแทรกแซงจากภายนอก ถ้าเราหนีไปที่นั่นได้ แม้แต่โกลโดเนียก็ไม่สามารถแตะต้องเรา」   

 「น-นายพูดถูก เรายังมีทรัพย์สินอันเราเอามาด้วย เราไม่ควรถูกต้อนรับอย่างโหดร้ายมาก……」   

ฮูเวอร์มองออกไปนอกหน้าต่างดั่งปลอบประโลมตัวเขาเอง

แถวของรถม้าและทหารม้าใกล้กับ 100 คน

ทิ้งเมืองหลวงอย่างไม่เสียใจ ด้วยคบเพลิงอันถืออยู่ที่นั่นที่นี่ทำให้กลุ่มดูเหมือนงูส่องแสงในระยะไกลๆ

แม้ว่าบางคนตามพวกเขา พวกเขาจะไม่มีปัญหากับการรับมือกับศัตรูถ้ามีทหารม้าแค่ไม่กี่คน

 「กิ่ย้าาาาาา!!」   

เสียงร้องซึ่งฉีกผ่านค่ำคืนอันมืดมิด – เห็นว่าคนหนึ่งตกม้า

 「มาร์เควส คำสั่งท่าน……」   

 「ปล่อยเขา! เราไม่มีเวลาเสนอการช่วยเหลือ」   

การทำอะไรในเวลาอันสำคัญเช่นนี้จะเติมเต็มเขาด้วยความโมโห

อย่างไรก็ตาม ความโมโหนั้นจะเปลี่ยนสู่ความกลัวในไม่นาน

 「อุว้าาาาาาาาา!!」   

 「เกกกกกกก้!」   

เสียงตะเบ็งร้องมาต่อเนื่องกันและเสียงม้าล้มดำเนินต่อไป

 「มาร์เควส ได้โปรดเข้ามาข้างใน!」   

ไม่มีความสงสัยมากกว่านี้แล้วว่านี่เนื่องจากการโจมตีโดยคนไล่ตามและไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ

 

 「พวกมันอยู่ไหน……แน่นอนว่าพวกมันต้องขนคบเพลิงในยามกลางคืที่มืดสนิทแบบนี้」      

ตั้งแต่สักพักแล้ว พระจันทร์ถูกบดบังด้วยเมฆดังนั้นไม่มีอะไรเห็นชัดเจนสำหรับใครสักคน

ถ้าคนโจมตีไม่ได้อยู่บนถนนหลัก ไม่ทางที่พวกเขาบอกได้ว่ามีหน้าผาอยู่หน้าพวกเขาหรือไม่

หนึ่งผู้ล้มไปคือทหารม้าในแนวหลัง นี่ไม่ใช่กัปดักอันถูกใช้ขึ้นมาโดยการซุ่มโจมตี

พวกเขาถูกโจมตีหลังจากถูกไล่ตามมาจากข้างหลัง

นั่นหมายถึงศัตรูต้องเป็นทหารม้าและเสียงเกือกม้าอันเป็นสัญลักษณ์บวกคบเพลิงควรโดดเด่น

 「ก่ะแววว้ก!」 「เกิดอะไรขึ้นพวกนาย!! กิ่ย้าาา!」      

กระนั้น เสียงร้อทนทุกข์ทรมานของความตายดำเนินต่อไป

ลูกน้องฮูเวอร์ตรวจดูรอบข้างอย่างตังใจในสิ้นหวังแต่มองไม่เห็นอะไรได้เลย

ทหารม้ากำลังถูกกำจัดทีละคนตามๆกัน ณ ค่ำคืนอันมืดมิดนี้

 「เกิดอะไรขึ้น!?」   

 「ผมไม่รู้! เราไม่เห็นศัตรูเลย!」   

 「อย่ามาไร้สาระ เร็วๆและ…….」   

ณ ช่วงเวลานั้นเอง ท้องฟ้าชัดเจนขึ้นแล้วแสงจันทร์ก็สาดส่องลงมา

แน่นอนมีคนไล่ตามมาทั้งสองขนาบข้างรถม้า มากเท่านั้นเห็นชัดเจน

ส่วนอันแปลกประหลาดคือไม่มีพวกเขาคนไหนเลยขี่ม้า

พวกเขาวิ่งคู่ขนานกับรถม้าซึ่งกำลังวิ่ง ณ ความเร็วเท่ากัน

เพิ่มเติม พวกเขาทั้งหมดมีคู่ดวงตาสีแดงส่องแสงเหมือนดวงแสงน้อยๆ

 「พวกนี้คืออะไรกัน!?」   

 「ใครสนเล่า แค่ยิงมัน!」   

ทหารม้าผู้คุ้มกันรถม้าฮูเวอรยิงใส่หนึ่งบุคคลผู้วิ่งไปด้วยกันกับเขาด้วยปืนธนู

ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์ของการฝึกหรือโชคล้วน ลูกดอกโดนเป้าอย่างแม่นยำและคนไล่ตามผู้กำลังวิ่งสะดุดแล้วล้มลงอย่างรวดเร็ว

 「ฮ่าฮ่า ฉันทำได้! ไม่มีพวกมันมาก ตีมันให้แตกพ่าย-……」   

ชายผู้โอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จของเขาหยุดลงกลางประโยค

หลังจากล้มกลิ้งตีลังกาสักพัก คนผู้สมควรถูกยิงลุกขึ้นแล้วกลับมาไล่ตามต่อด้วยความเร็วมากยิ่งขึ้นเพื่อตามให้ทัน

 「ล้อเล่น……ใช่มั้ย……」   

 「ไอ้บัดซบ!」   

ทหารม้าอีกคนแทงหอก

หัวหอกแทงท้องคนโจมตีแต่มันไม่ได้สร้างความต่างมากมาย

ดั่งไม่มีอะไรแม้แต่แทงเขาเลย คนไล่ตามวิ่งไล่ตามต่อ

 「รับนั่น กับนั่น!」   

ชายเกือบบ้าแทงซ้ำๆสู่ไหล่และคอกับแขนแต่ไม่แม้แต่ได้สักเสียงร้องออกมาจากศัตรูของเขา

 「นี่มันอะไรเนี่ย!? พวกแกคืออะไรกัน!?」   

มันเป็นภาพแปลกตาที่ทหารม้าผู้โจมตีต่อเนื่องเป็นคนผู้กรีดร้อง

 「อุว้า มาร์เควส! จับแน่นๆ!!」   

รถม้าซึ่งฮูเวอร์นั่งเสียสมดุลมันทันทีทันใด

คนขับร้องขณะรถม้าเอียงข้างแล้วโค่นไปบนพื้น

 「กุ่ว้าาาาาาาาาาาา!」   

ฮูเวอร์ป้องกันหัวด้วยแขนขณะเขากลิ้งทั่วข้างในรถม้าเหมือนมันฝรั่ง

พร้อมกำลังจับหัวเขา เขาออกพาหนะเมื่อเขามองรอบๆ เขากลายเป็นไร้คำพูด

ม้าซึ่งลากรถม้าเสียหนึ่งขาไปและมันกำลังดิ้นอยู่บนพื้น

รถม้าอื่นตะแคงข้างกันต่อเนื่องด้วย

ทั้งแถวหยุดนิ่งระหว่างทางและรถม้าไม่มีทางเลือกนนอกจากตั้งท่ายืนปป้องกัน ดั่งล้อมรถม้าพัง

 「กะ-เกิดอะไรขึ้น!?」   

 「ผมไม่มีเงื่อนงำเหมือนกันครับ!」   

ผู้ช่วยฮูเวอร์ยืนข้างหน้าเพิ่อปกป้องนายท่านของเขา พวกเขาทั้งสองคนดูเหมือนรอดจากแผลถึงชีวิต

 「มาร์เควส เป็นอะไรมั้ยครับ!?」      

 「พวกนายทั้งหมด ปกป้องมาร์เควส!」   

 「ครอบครัวปลอดภัยมั้ย? โอเคสร้างขบวนแถวกล่องแล้วปกป้องพวกเธอ!」

คบเพลิงกลิ้งบนพื้นรอบๆพวกเขาและอัศวินกับทหารม้าลงม้าเพื่อเสริมกำลังการป้องกัน

ด้วยลูกน้องเขาหลายสิบคนล้อมเขา ฮูเวอร์ได้รับความรู้สึกปลอดภัยกลับคืนมาแล้วขึ้นเสียงเพื่อบัญชาการ

 「ทุกคน ยืนยันศัตรู! พวกมันมองเห็นในความมืดดังนั้นระวังลูกธนูแล้วยกโล่พร้อม!」   

ทุกคนเตรียมตัวสำหรับเสียงฝนลูกธนูเทลงมากับเสียงคำรามแห่งสงครามของศัตรูผู้พุ่งเข้าตีที่เลี่ยงหนีไม่ได้

แต่อย่างเดียวที่ได้ยินคือเสียงกระซิบเงียบๆ

 

 「ไม่มีใครบอกว่าเรากินคนมากเท่าเราต้องการไม่ได้ ใช่มั้ย?」   

 「ใช่ ดูเหมือนเรากินมากเท่าที่เราต้องการอย่างตามใจกับรอบนี้ได้」   

 「ร่างกายกับสีหน้าพวกมันดูแข็งแรงดี พวกมันดูอร่อย」   

 「เรามีเวลาจนกว่าจะเช้า เรามีความสุขกันเองได้」   

เสียงกระซิบเงียบๆเปลี่ยนสู่เสียงหัวเราะ

จากนั้นคนไล่ตามลดกลุ่มคนผู้กำลังล้อมรถม้าทีละคนทีละคน เปิดเผยตัวพวกเขาเองในแสงของคบเพลิง

ร่างกายพวกเขาปกคลุมในผ้าคลุมสีดำและมือของพวกเขาไม่ได้จับเหยื่ออยู่

พวกเขามีสีหน้ามีความสุขมาพร้อมดวงตาส่องแสงดังไฟอันแผดเผา

 「น่ากลัวอะไรขนาดนี้……」   

 「อย่าไปกลัว มีแค่พวกมันประมาณ 20 คน…… จำนวนพวกมันน้อยกว่าเรามาก」   

 「เราจะไม่เป็นไรตราบใดที่เราใจเย็น!」   

ทหารเริ่มตะโกนดั่งลบความกลัวที่พวกเขารู้สึกด้วยสัญชาตญาณจากรอยยิ้มอันแปลกและน่ากลัว

 「ได้เวลากินเลี้ยงแล้ว!」   

มาพร้อมเคียงกับเสียงตะโกนคำพูด บุคคลในผ้าคลุมวิ่งเข้าไปจากทุกด้าน

 

 「อย่ากลัวสิ่งใด เริ่มสู้!!」      

ฮูเวอร์ยกดาบและคำราม

แต่การต่อสู้ไม่เกิดขึ้น

 「กิ่ย้าาาาาก!」 「ฮฮฮฮฮฮฮิ้!」 「ช่วยกูด้วยยยย!!」            

อะไรซึ่งเกิดขึ้นคือการสังหารหมู่ข้างเดียว ไม่มันเหมือนไล่เชือดเหยื่อมากกว่า

หอกอันยื่นออกไปจะแทงสู้ร่างกายศัตรูแต่ถูกนำออกไม่นานหลังจากนั้นพร้อมรอยยิ้มและการจ้องอย่างว่างเปล่าจากเหล่าทหารแล้วหัวทหารถูกฉีกออก

ดาบใดๆอนเหวี่ยงลงไปจะแตกหักพังทลายด้้วยมือเปล่าและเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูของความเจ็บสุดขีดตามเสียงของทั้งสองแขนถูกฉีกออกมา

เหล่าทหารคือแค่หนึ่งเดียวผู้กำลังกรีดร้องระหว่างผู้ไล่ตามหัวเราะ

ฮูเวอร์ยังแข็งนิ่งพร้อมกับดาบเขาเหนือหัวเมื่อเขาลดแขนอย่างไร้เรี่ยวแรง ไม่มีใครเหลือเพื่อต่อต้านศัตรูแล้ว

 「เฮ้ เจ้านี่ค่อนข้างอร่อยเลยลองชิมสิ」   

 「โออ้ ขอลองสักหน่อยแล้วกันนะ ของฉันป่วยบางอย่างว่ะ ฉันเลือกผิดคนซะแล้ว」   

ในโศกนาฏกรรมอันกล่าวอะไรไม่ได้้ กลุ่มของบุคคลผ้าดำขยับขยุกขยิกของเขาไปแล้วกลืนกินทหารผู้เป็นชิ้นๆอย่างละโมบโลภมาก

 「อะไร- เจ้านี่หมดแล้ว?」

 「พยายามบีบน่อง ควรจะยังมีเหลือเศษๆอยู่บ้าง」      

 「น่ะ-นี่คืออะไรบนโลกนี้…… ที่ข้ากำลังเป็นพยานอยู่ตอนนี้คืออะไรกัน?」   

ไม่มีผู้ใดตอบฮูเวอร์

แม้แต่หนึ่งผู้หายใจพูดอะไรไม่ได้

 「เราจะมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการ ……เรามีเงิน…… ลูกชายข้าจะติดต่อคนผู้มีอิทธิพลในนครรัฐ……」   

 「ไอ้นี่ยังหายใจอยู่ว่ะ」   

 「อย่าให้มันหยุดหายใจ มันจะดื่มเลือดยากเมื่อเลือดพวกมันหยุดไหลยกเว้นว่าจะฉีกมันออก」      

ฮูเวอหลบหน้าไปทางอื่นไม่ได้ว่ามีเสียงกรีดร้องคมกริบมาจากทหาร

คนหลายคนผู้กำลังถูกกัดแห้งเหือดทันทีไม่กี่วินาทีต่อมา

 「จึ มันตายแล้ว」   

 「ดูดมันทีหลังดิ ยังมีเหยื่อสดๆอยู่เหลือเฝือ」   

ในท้ายทีุ่ด พวกเขาหนึ่งคนเข้าหาฮูเวอร์ผู้แข็งนิ่ง

 「หนึ่งนี้ดูค่อนข้างแก่แต่ฉันเดาว่าคุณภาพมากกว่าปริมาณ」   

 「ข้าคือมาร์เควาสแห่งความดั้งเดิมพร้อมชื่อวัยเด็ก*คือแลนต์……」   

<*วายุ: ชื่ออันถูกมอบให้ลูกของขุนนางเมื่อพวกเขาเกิด และจากนั้นพวกเขาได้อีกชื่อเมื่อพวกเขาเป็นผู้ใหญ่>

ชายในผ้าคลุมกำลังจะฉีกหัวฮูเวอร์ผู้พูดเบาๆแต่ชีวิตของฮูเวอร์ถูกช่วยเหลือ

 「อย่า เราจะเอาเขาไปด้วย」   

 「ซิกฟรีด? นี่คือหนึ่งผู้เราสมควรจะไว้ชีวิตเหรอ?」   

ชายยักไหล่แล้วจากไป เคลื่อนที่ไปสู่สตรีผู้ทรุดล้ม…… จมเขี้ยวเขาเข้าสู่ภรรยาฮูเวอร์

การกินเลี้ยงจะจบ ณ ตะวันพบท้องฟ้า แต่มันดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุดจนกว่าจะถึงตอนนั้นทิ้งมาร์เควสฮูเวอร์เป็นคนสุดท้ายผู้เหลือรอด

—————————————

【–มุมมอง เอเกอร์–】

 「แต่กระนั้น เธอกล้าดียังไงเนี่ยที่มาใช้ตระกูลฉันตามใจเธอเลย」   

 「หนึ่งผู้ยอมคือบรินฮิลด์ ไม่ใช่หรือ?」   

 「เธอนี่มันช่าง-…… เอาแต่ใจ มันช่วยไม่…… ได้」   

 「ขอบคุณนะบรินฮิลด์ ฉันรักเธอ」   

 「ฮึ่ม นี่จะไม่เกิดขึ้นอีกครั้ง! แต่ถึงอย่างไร นี่คือครั้งแรกที่ทั้งตระกูลฉันเคลื่อนพล」   

 「สำหรับเวลานี้ ……พวกเขาจะเป็นกองทัพแห่งค่ำคืน」   

 「อย่าคาดหวังให้ฉันส่งพวกเขาออกไปอีกครั้งแค่เพราะเธอขอมันนะ!」   

 「เราจะมาดูกันเมื่อเวลามาถึง」   

 「ฉันจะไม่ทำแน่ๆที่สุด! ฉันจะไม่ส่งพวกเขาออกไปปอีกแล้วยกเว้นเธอจะอยู่ในอันตรายจริงๆ!」   

—————————————

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูหนาว

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ

พลเมือง: 155,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 22,000 ลินต์บลูม: 3500

สินทรัพย์: 60,200 ทอง (ค่าปิดปาก -100)

มาด้วยกัน: เมล (ภรรยาน้อย), ลีอาห์ (คนรัก), อิริจิน่า (ผู้คุ้มกัน), ปีปี้ (ผู้คุ้มกัน?), โดโรเธีย (คนรัก), อลิส (คนรัก), ครอล (เก็บกดทาสเพศ), รีเบคก้า (180 นาที)

คู่นอน: 151, เด็กผู้เกิดแล้ว: 32

—————————————   

แปลโดย: wayuwayu

สนับสนุนผลงาน โดเนทได้ที่

067-3-63958-5

วายุ แซ่จิว

กสิกรไทย

ได้โปรดโดเนทสนับสนุนผู้แปล ติดตามข่าวสาร สปอนเซอร์ตอน ช่องทางติดต่อ Facebook : wayuwayu แปล / X : @wayutl

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน