ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 207 ระเบียบในทิศใต้

ถนนสู่อาณาจักร

207 ระเบียบในทิศใต้

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

「แหมแหม…… ผมขออภัยจากใจที่เรียกท่านเมื่อท่านกำลังจะมุ่งหน้าออกไป」

ชายวัยกลางคนคำนับอย่างลึกซึ้งในห้องรับแขกคฤหาสน์

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาไม่ได้เหมือนกับคำพูดของเขาและเขาน่าจะไม่รู้สึกว่าผิดเลยสักนิด

แม้แต่ผมก็ยังบอกได้ว่าเขาเพียงแค่แสดงการเยินยอที่ต้องการในการเจรจา

「ไม่ มันไม่เป็นไร เพราะทั้งหมดฉันเสร็จธุระแล้ว ฉันไม่ถือเลยสักนิด」

ธุระเล็กๆของผมเสร็จแล้วและดวอร์ฟไม่ได้ชอบมาอยู่นานๆ

ผมแค่เสียดายที่ไม่สามารถไปทั่วซ่องของลินต์บลูมได้

「ที่สำคัญมากกว่านั้น เกี่ยวกับักิจการต่างประเทศของชาติประชาธิปไตยลิบาติส…… เอ่อ มาดูกัน ฉันถามเหตุผลที่ร้องรัฐมนตรีมาเจอลอร์ดศักดินาพื้นที่อย่างฉันได้มั้ย?」

「ลอร์ดฮาร์ดเลตต์ มันคือรองรัฐมนตรีกิจการต่างประเทศจูโน่」

ชายคนนี้คือรองรัฐมนตรีกิจการต่างประเทศของลิบาติสและเป็นคนผู้รับผิดชอบอะไรๆทั้งหมดเกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ เห็นได้ชัดว่า เขาอยู่ใกล้กับการเป็นรัฐมนตรี

นอกจากรองรัฐมนตรีวัยกลางคนคือคนหนุ่มอายุน้อยและสาวอายุน้อย

หนุ่มอายุน้อยดูเหมือนเป็นเจ้าหน้าที่กิจการภายในที่หัวแหลมระหว่างผู้หญิงมีสีหน้าจริงจังบนหน้าของเธอและจดลงกระดาษแม้แต่การคุยกันที่เรื่องเล็กๆไร้ความหมายส่วนใหญ่

ผู้หญิงดูตั้งใจปรากฏว่าอายุประมาณ 30 ปี ค่อนข้างสวยและหน้าอกใหญ่พอสมควร

ตัดสินจากต้นขาที่ดูเด้ง ตูดเธอควรอวบอั๋นและนุ่มด้วยเหมือนกัน

ถ้าผมจับสะโพกเธอจากข้างหลังและแทงเข้าไปในเธอ หน้าที่ดูสง่างามที่เธอมีตอนนี้จะบิดเบี้ยวอยู่ในความเสียว

「ฟุฟุฟุฟุฟุ……」

「ฮาร์ดเลตต์ซามะ ได้โปรดมีสมาธิ」

ในทางกลับกัน ผมมีลีโอโพลต์และอดอล์ฟกำลังนังข้างผมระหว่างซีเลียทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของผม ยืนอยู่ข้างหลังผมที่ผมเอื้อมถึงเธอไม่ได้

ช่างไม่ยุติธรรม มันจะดีถ้าคนสองคนนี้เป็นคนสวยอวบอั๋นด้วย…… เมื่อคิดอีกที่ ช่างมันเถอะ เมื่อคิดถึงสองคนนี้แบบนั้นมันขยะแขยง

「เหตุผลที่ผมมาเยือนวันนี้เพราะผมอยากเจรจากับโกลโดเนีย โดยเฉพาะ กับฮาร์ดเลตต์โดโนะ」

「กับฉัน ส่วนตัว?」

ลอร์ดศักดินาในโกลโดเนียนั้นคล้ายกับคนเหล่านั้นในอาณาจักรอื่น พวกเขาต้องทำหน้าที่จ่ายภาษีและแบ่งทหารระหว่างเวลาสงคราม

ในทางกลับกัน ถ้าฝ่ายที่ว่าไม่ใช่ใครก็ตามที่ต่อต้านอาณาจักร คนนั้นอิสระที่จะทำการทูตสำหรับดินแดนตัวเองหรือเซ็นสัญญาทำข้อตกลง

ไม่ว่าแบบไหน เขาต้องอยากสร้างสัญญาค้าขายกับผมหรือบางอย่าง

แต่ก็อีก เขาคุยกับอดอล์ฟได้แทนที่จะเรียกผมมาโดยเฉพาะ และเขาไม่ได้จำเป็นต้องมาเองด้วยเหมือนกัน

「มันจริงที่ผมอยากคุยเรื่องการค้าขายด้วย อย่างไรก็ตาม ผมมีเหตุผลต่างออกไปที่มาเยือนท่านวันนี้ เหตุผลนั้นก็คือทำไมที่ผมติดต่อท่านก่อนท่านมาไม่ได้ด้วย ผมไม่อยากให้มันเป็นการพบกันอย่างเป็นทางการ เห็นมั้ยล่ะครับ」

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมรู้สึกว่านี่จะเป็นเกี่ยวกับบางอย่างมีปัญหา

「อย่างแรก ให้ผมได้มอบการเสแสร้งก่อน ปัจจุบันนี้ กลุ่มของนครรัฐกำลังใช้เส้นทางค้าขายซึ่งผ่านชาติของผมสู่ดินแดนของลอร์ดฮาร์ดเลตต์ในข้อตกลงต่างกัน」

เขาพูดมันเองเลย

「ใช่ มีประเด็นเรื่องภาษีภายใน ดังนั้นฉันขอบคุณที่ชาติของท่านช่วยเหลือ」

อดอล์ฟดันสีข้างผม หมายถึงมันน่าจะดีกว่าถ้าผมไม่พูดอะไรสักอย่าง

「ฮ่าฮ๋าฮ่า อืมนั่นคือจุดอ่อนของระบบศักดินา เราต้องจ่ายภาษีแบบนั้นด้วย ดังนั้นไม่มีความจำเป็นต้องขอบคุณพวกเรา ……ซึ่งนำผมสู่ว่าทำไมผมอยู่ที่นี่ ผมถูกขอให้มาเจรจาข้อตกลงกับท่านที่จะอนุญาติให้พ่อค้าชาติเราใช้ประโยชน์เส้นทางค้าขายใหม่นี้และทำการค้าขายขนาดใหญ่」

อดอล์ฟ อธิบายทีว่านั้นหมายถึงอะไร

「ปัจจุบันนี้ คาราวานทำการค้าขายโดยใช้การแลกเปลี่ยนจากธุรกิจเล็กๆ…… ตอนนี้พวกเขาอยากขยายโอกาสค้าขาย พวกเขาน่าจะอยากใช้ดินแดนของท่านเป็นหลักและเข้าสู่การค้าขายกับโกลโดเนียทั้งหมดในอนาคต」

「เราจำเป็นต้องทำนี่เหรอ?」

「ถ้าท่านถามว่ามันจำเป็นหรือไม่ มันไม่จำเป็น…… ลิบาติสนั้นค่อนข้างรวยและมีอุตสาหกรรมที่ช่ำชอง ดินแดนของเราไม่มีการผลิตของหรูหรามาก ดังนั้นบางทีมันเป็นความคิดที่ดีมั้ยเล่าถ้าเรามีเส้นทางจัดหาสินค้า?」

ปัญหาคือแคลร์ถ้าอย่างนั้น เพราะเธอน่าจะโกรธถ้าเราตกลงแลกเปลี่ยนที่นี่

ถ้าผมไม่ระวัง เธออาจไม่แหกขาสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว

เพราะทั้งหมดการแทงเข้าไปสู่แคลร์ระหว่างลอรี่เลียไข่ของผมคือช่วงเวลาที่สุดยอดมาก

เราจำเป็นต้องเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ตอนนี้

「ฉันจะปล่อยทุกอย่างให้นาย อดอล์ฟ ทำให้มั่นใจว่าแคลร์จะไม่โกรธระหว่างทำให้ผลประโยชน์ของเราเป็นที่แน่ใจด้วย」

「……」

อดอล์ฟดูไม่มีความสุข

มันเเป็นเรื่องที่ผมแก้ไม่ได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นมันช่วยไม่ได้

ฉันจะเลี้ยงไวน์ให้นายทีหลัง

「รับทราบ ถ้าอย่างนั้นผมจะเจรจากับเจ้าหน้าที่กิจการภายในหลังจากนี้」

เหมือนที่เขาพูดเอง เขาทำใต้การเสแสร้งบังหน้า และบางทีเรารับมือกับมันได้ทีหลังเพราะเขาไม่ได้เน้นสมาธิกับมัน

「ได้เลย ตอนนี้ มาพูดประเด็นจริงที่มี」

จูโน่กอดอกและหรี่ตา

นี่อาจเป็นการเจรจาที่ยาก

「มันเกี่ยวกับอาณาจักรมอลต์」

「มอลต์? ท่านอยากบอกอะไรกับผม?」

จูโน่พูดต่อโดยไม่ได้ตอบคำถามของผม

「ชาติของผมกำลังคิดเกี่ยวกับการค้าขายกับอาณาจักรมอลต์ อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถได้การตอบรับที่ดีได้」

โดยไม่ล่าช้า อดอล์ฟส่งกระดาษจดให้ผมโดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามเห็น

ที่เขียนอยู่ที่นั่นคือคำถาม ถามว่า “เขาหาทางแก้อื่นไม่ได้หลังจากไม่สามารถนำเข้าข้าวเพราะผลของสงครามระหว่างสหพันธรัฐและจักรวรรดิหรือ?”

จูโน่พูดต่อ

「แม้ว่าหลังจากการเจรจาถ้าหมดนั่นและแม้แต่เสนอข้อเสนอที่ดีกว่า พวกเขาไม่อยากตกลงด้วย พวกเขาทำเหมือนพวกเขาไม่มีอำนาจเพื่อทำการตัดสินใจ」

มันเพราะพวกเขาไม่มีจริงๆ

จากข้อตกลงลับระหว่างเซเลสติน่าและผม การค้าขายและการทูตรูปแบบใดๆนั้นถูกจำกัด

「ผมพยายามเจรจากับอาณาจักรโกลโดเนียในเรื่องของประเด็น แต่ผมไม่ได้คำตอบใดๆ และตอนนี้ท่าน…… ท่าน ผู้รุกรานเบียโดเมืองหลวงของมอลต์ระหว่างสงครามก่อนหน้าและนำราชาน้อยกลับไปบนบัลลัก์」

หน้าจูโน่ไม่ได้กล่าวหาผมว่าทำให้มอลต์เป็นหุ่นกระบอกของผม

อดอล์ฟมอบกระดาษจดให้อีกใบ บอกผมว่าพยายามหลอกเขาด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

「อาา อืมฉันรู้สึกเสียใจกับราชินีน้อยและช่วยเธอ แต่นั่นคือนั่น เรามีความสัมพันธ์เป็นมิตรกัน ไม่ได้ผ่านอะไรเป็นพิเศษ」

ขณะผมคุยให้หลุดจากประเดิน บางอย่างที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

「โมนิก้า! พี่ชายคุยเสร็จรึยังจ้ะ? ฉันอยากให้เขากินขนมกับฉัน~」

「พระนางเซเลสติน่า ฮาร์ดเลตต์ซามะอยู่ระหว่างเจรจาสำคัญ ได้โปรดรอนานกว่านี้」

เสียงซึ่งไม่ควรถูกได้ยินสามารถได้ยินจากทางเดิน

การได้เจรจากับมอลต์แล้ว จูโน่ควรรู้จักชื่อเซเลสติน่า

「……」

ความเงียบกางม่านทั้งห้อง

อดอล์ฟมอง ณ ผมแล้วมอบกระดาษจดอีกใบ…… บนมันคือรูปที่มีสองมือยกขึ้นและหน้าตาซึ่งปรากฏว่ายอมแพ้แล้ว

 

 

ผลลัพธ์ของการเจรจามีตามนี้ ข้าวสาลีจำนวนที่ถูกกำหนดไว้ตอนนี้จะถูกส่งออกสู่ลิบาติสเมื่อพวกเขาขอ

เห็นได้ชัดว่า พวกเขาจะซื้อมันที่ราคาสูง

อืม ผลลัพธ์นี้น่าจะมีเหตุผลมากกว่าปฏิเสธพวกเขาและสร้างความขัดแย้งอันไม่จำเป็น

「ผมเตรียมตัวจ่ายที่ราคาสูงเพื่อชาติของผม ตอนนี้ที่ผมมอบอาหารให้ผู้คนพอได้แล้ว พวกเขาจะรู้สึกโล่งใจอย่างแน่นอน」

ผมเหนื่อยแล้วตอนนี้ ผมอยากเล่นกับเซเลสติน่าหรือให้สาวๆคนอื่นบริการผมระหว่ามผมดื่มเหล้า

「ฟิ้ว นั้นหนึ่งภาระออกจากไหล่」

「ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าอย่างนั้นมาดื่มและปิดอะไรๆ-……」

「ผมจะขออีกอย่าง」

อา น่ารำคาญมาก

ผมแต่งซีเลียด้วยเสื้อผ้าผมแล้วให้เธอนั่งแทนผมได้ไหม?

แต่ถ้าอย่างนั้นผมโอบกอดเธอไม่ได้…… ครอลนั่งแทนได้ถ้าอย่างนั้น

ผมจินตนาการว่าครอลนั่งตำแหน่งผมด้วยรูปลักษณ์ของผม

ไม่ดี ขนาดของเจี๊ยวของเขาต่างกันเกินไป

คนจะรู้ทันทีถ้าพวกเขาเห็นมัน

「มันเกี่ยวกับคนเหล่านั้นผู้อยู่ถัดจากชาติของเรา…… ชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์และสหพันธรัฐคนแวนโดเลีย」

「ใช่ แน่นอนผมรู้เกี่ยวกับพวกเขา ยังไงก็ตามผมต้องการข้อมูลเฉพาะอย่างเป็นธรรมชาติ」

ลีโอโพลต์ส่งการชำเลืองผมหลายครั้งขณะผมพูด

ไหล่ของเขาขึ้นลงเบาๆ

คนนี้ เขาถอนหายใจโดยไม่มีเสียง

「เหมือนที่ผมอธิบายก่อนหน้า สองชาติเหล่านั้นที่อยู่ทางใต้ของชาติของเรา สหพันธรัฐคนแวนโดเลียที่อยู่ติดและพรมแดนร่วมกับดินแดนของท่านระหว่างชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์อยู่บนพรมแดนของชาติเรา เชื่อมต่อโดยอาณาจักรมอลต์ พวกเขาทั้งสองเป็นประเทศค่อนข้างใหญ่」

แน่นอนผมรู้นั่น

ผมแค่อยากทำให้มั่นใจ

「ถ้าอย่างนั้น อะไรเกี่ยวกับทั้งสองชาตินั้น?」

พวกเขาทั้งสองเป็นชาติที่กำลังขยายและมีโอกาสสูงที่พวกเขาสักคนทำบางอย่างอันตรายได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพวกเขาเห็นกันเองเป็นศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดและไม่ควรแทรกแซงกับมอลต์หรือดินแดนของผม

ผมไม่คิดว่าพวกเขาเป็นศัตรูที่ผมรับมือได้ด้วยกองทัพผมอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าพวกเขาตัดสินใจทำการเคลื่อนไหว ผมจะต้องพึ่งพาอีริชและทหารหลวง

จูโน่สั่งชายหนุ่มกางแผนที่บนโต๊ะ

มันค่อนข้างมีรายละเอียด…… มันไม่เป็นอะไรที่ผมเห็นนี่?

เพราะทั้งหมดผมไม่ใช่มิตรของชาติประชาธิปไตยลิบาติส

「อย่างที่ท่านเห็นได้ ชาติของผมติดกันและพรมแดนร่วมกับชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์และการขยายพรมแดนของมัน ในทางกลับกัน ท่านอยู่ติดพรมแดนสหพันธรัฐผู้คนแวนโดเลีย มากกว่านั้น…… อาณาจักรมอลต์ ซึ่งท่านรับมาใต้การปกป้องเชื่อมต่อกับพวกเขาทั้งสอง」

「ใช่ แต่พวกเขาไม่ยุ่งกับผมที่ตอนนี้」

จูโน่ทำหน้าตามีปัญหา

「แน่นอนว่าพวกเขาสู้กับกันและกันอยู่ตอนนี้และไม่มีเวลาว่างมาเตรียมอะไรสักอย่างใหม่…… อย่างไรก็ตามสองชาตินี้อันตรายมากกว่าที่ท่านคิด」

เมื่อผมมองดูลีโอโพลต์ เขาทำหน้าดั่งบอกผมให้รีบและถามเกี่ยวกับมัน

คนนี้ส่งผมสู่เบื้องหน้าเมื่อมันสะดวกกับเขา

「ฟุมุ เราอยากจะได้ยินมากกว่านี้เกี่ยวกับชาติที่เรากำลังรับมือด้วย บวกกันกับ เวลายังอีกยาวนาน ผมจะซาบซึ้งถ้ท่านมอบข้อมูลให้เรามากกว่านี้」   

จูโน่พยักหน้าอย่างช้าๆและเริ่มพูด

「ผู้ปกครองของชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์คือชื่่อของผู้ที่เป็นเป็นเทพเจ้าโบราณเกิดใหม่อัลแตร์โดยสันตะปาปาและต้องการให้ผู้คนเคารพบูชาอย่างไม่มีเงื่อนไข ถ้าใครสักคนแสดงออกถึงการปฏิเสธที่จะทำ พวกเขาจะถูกทำให้ทำงานน่าขยะแขยง」   

จูโน่ดูเหมือนซื้อเวลาโดยการหายใจก่อนพูดอีกครั้ง

「ประเทศนั้นเล็กสุดขีดในตอนแรก…… ไม่ มันเป็นแค่กลุ่มของผู้ติดตามลัทธิ และจากนั้น ขี่จังหวะของสงคราม พวกเขาขยายขนาดในพริบตา」   

เมื่อโลกควบคุมไม่ได้ สิ่งไม่น่าพิสมัยเริ่มโผล่หัวที่น่าเกลียดของมัน

「พวกเขาเป็นประเทศที่เป็นประวัติศาสตร์กระนั้นประเทศเล็กๆในส่วนเหนือของอาณาจักรโปลโป ที่ประชากรประมาณ 200 000 คนเชื่อในผีสางเทพเจ้าแบบดั้งเดิมและปฏิเสธจะเป็นคนรับใช้ของพระเจ้าอัลแตร์」   

「และพวกเขาถูกทำลาย?」

「ไม่ มันจะเป็นปรกติสำหรับโลกที่มีปัญหาเช่นนี้ถ้าพวกเขาแค่ถูกทำลาย เมื่อดูมันจากมุมมองประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่อะไรสักอย่างไม่ปรกติ อย่างไรก็ตาม…… ความไม่ปรกติของประเทศนั้นเทียบไม่ได้กับอดีตนั้นใจใจ พวกเขาไม่ได้ทำลายอาณาจักรนั้น พวกเขาสังหารหมู่คน 200 000 คนทั้งหมด」   

「พวกเขาสังหารหมู่…… พลเมือง…… 200 000 ไม่ใช่ทหาร?」   

จูโน่พยักหน้าหลังจากอดอล์ฟพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ

นั่นจะน่ากลัวถ้าจริง แต่มันเป็นไปได้จริงๆหรือ?

ผู้คนไม่ได้โง่เขลา พวกเขาจะต่อต้านหรือวิ่งหนีถ้าพวกเขารู้ว่าพวกเขาจะถูกฆ๋า

ผมไม่เชื่อว่าทหารห้าพันหรือหมื่นไล่ตามพวกคนที่หนีได้ทั้งหมด

「นั่นคือส่วนที่น่ากลัว พลเมืองของอัลแตร์ทั้งหมดเป็นคนรับใช้พระเจ้า ด้วยแค่คำสั่งเดียวเท่านั้น ทุกคนจากผูัหญิงและเด็กจะหยิบจอบหรือเคียวและทำเป็นสนามรบ จำนวนประชากรพวกเขาประมาณ 1.4 ล้าน แม้ว่าผมได้ยินว่าพวกเขาเคลื่อนทัพ 500 000 คนในอดีต กฎที่บ้าบอนั้นอยู่เป็นทศวรรษและ ณ จุดนี้ ผู้นำไม่ใช่คนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนบ้า」   

「เข้าใจแล้ว ถ้าพลเมืองทั้งหมดเป็นแบบนั้น ฉันเห็นได้ว่าทำไมสายลับไม่สามารถแทรกซึมชาติได้」   

ลีโอโพลต์ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับสายลับที่เราส่งไปสู่สหพันธรัฐคนแวนโดเลียและชาติประชาธิปไตยลิบาติสอย่างชัดเจน

แต่ทุกครั้งที่เขาพยายามส่งสายลับไปที่ชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์ การสื่อสารจะถูกตัดกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

「ในทางกลับกัน สหพันธรัฐคนแวนโดเลียก็เป็นประเทศที่เพี้ยนด้วยเหมือนกัน ภายนอกพวกเขาคล้ายกับชาติประชาธิปไตยลิบาติสและคือชาติของผู้คนที่ยกย่องเรื่องอิสระแลความเท่าเทียม…… หรือพวกเขาพูดว่าอย่างนั้น แต่หลักๆแล้วพวกเขาเป็นประเทศเผด็จการที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือด สิ่งหนึ่งที่โชคดีที่พวกเขาเกลียดอำนาจที่พื้นฐานมาจากราชวงศ์และศาสนา เพราะนั่น ความสัมพันธ์กับอัลแตร์นั้นย่ำแย่…… พวกเขาแค่สู้และสังหารกันและกันโดยไม่มีรูปแแบบของกฎหรือระเบียบเลย」   

ฟุมุฟุมุ ช่างให้ความรู้

ซีเลียจดจำนวนมากมายด้วย

แต่การเรียนรู้ไม่ได้ช่วยอะไรให้ผมดีขึ้น มาแค่เขาสู่ประเด็นหลักเถอะ

「ถ้าอย่างนั้น…… อยากให้เราทำอะไร?」   

จูโนยิ้มเล็กน้อยหลังจากคำผมถามตรงๆ

「ผมอยากให้ท่านทำการคุยแบบเป็นสันติกับแวนโดเลียระหว่างเสริมความแข็งแกร่งพรมแดนระหว่างท่านและพวกเขา」   

ก่อนผมรู้ตัว ลีโอโพลต์อยู่หน้าผมแล้ว

「และเหตุผลคือ?」   

「ถ้าท่านให้แวนโดเลียรู้อยู่เรื่อยๆว่าท่านไม่ใช่ผู้จะโจมตีพวกเขา พวกเขาจะรับรู้ว่าท่านไม่มีภัยกับพวกเขา เมื่อนั่นเกิดขึ้น พวกเขาเน้นกำลังทั้งหมดสู้คู่อริที่ยาวนาน อัลแตร์ได้」

เข้าใจแล้ว อย่างไรก็ตามนั่นไม่มีผลประโยชน์กับเรา

「แน่นอน เราก็ทำเหมือนกันกับอัลแตร์และคอยดูพวกเขาไว้ ด้วยนั่น ท่านก็รู้สึกปลอดภัยได้มากขึ้น」   

พูดอีกอย่าง เรานั้นต้องแสดงภาพลักษณ์อันตรายสู่สองประเทศอันตรายที่ติดกันระหว่างทำให้มั่นใจว่าพวกเขาไม่ประเมินเราต่ำไปด้วยเหมือนกัน

เมื่อสำเร็จ พวกเขาจะไม่โจมตีหรือป้องกันกับเราและเน้นบนคู่ต่อสู้ที่พวกเขาได้สู้มาตลอดเวลานี้

ลีโอโพลต์ไม่ได้พูดอะไรสักอย่าง

มันไม่ได้หมายถึงเขายอมรับข้อเสนออย่างไม่มีเงื่อนไข มันแค่หมายถึงเขาประมวลเหตุผลอยู่

「แต่ไม่ใช่ท่านเพิ่งพูดถึงความบ้าของอัลแตร์เมื่อกี้นี้เหรอ? ท่านใช้เหตุผลปรกติกับพวกเขาได้จริงเหรอ?」   

「ผมรับประกันไม่ได้ ซึ่งก็คือทำไมผมก็จะใช้แผนที่ผมพัฒนามาเป็นตัวรับประกัน」   

ชายคนนี้มมีกลิ่นประเภทเดียวกันกับเคนเน็ธ

「มันสมบูรณ์แบบที่พระนางเซเลสติน่าจากอาณาจักรมอลต์มาด้วย…… ชาติของผม, อาณาจักรมอลต์, และฮาร์ดเลตต์โดโนะจะสร้างการตกลงลับ ……เพื่อปกป้องกันและกัน」   

「ข้อตกลงลับ? แต่-」   

แม้ว่าเราตกลงกับการป้องกันร่วมกันเราเอากำลังมามากไม่ได้

ผมเป็นอิสระ ผมมีแค่คร่าวๆ 10 000 คนและมอลต์มีน้อยกว่านี้

จะมีความหมายใดๆไหมที่ลิบาติสพื้นฐานแล้วเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นผู้สู้?

「เราจะแกล้งเล็ดข้อมูลนั้นสู่อัลแตร์และแวนโดเลีย」   

ลีโอโพลต์พยักหน้าช้าๆ

「……ถ้าลอร์ดฮาร์ดเลตต์ตกลง ถ้าอย่างนั้นมันจะดูเหมือนโกลโดเนียตกลงกับลิบาติสสู่อีกสองประเทศ และพวกเขาไม่มีทางยืนยันมัน」   

ไม่มีเหตุผลที่ต้องตอบถ้าพวกเขาถามเราว่ามันจริงไหมและแม้แต่ว่าเราปฏิเสธไปด้วยซ้ำ พวกเขาอาจไม่เชื่อเรา

ในความเป็นจริง ผมไม่ได้เซ็นข้อตกลงดังนั้นอาณาจักรไม่มีเหตุผลที่ต้องโกรธผม

「นี่เป็นข้อมูลในจินตนาการ แต่มันดีเท่ากำแพงที่มั่นคงจนกว่าพวกเขาปฏิเสธคำกล่าวอ้างได้」   

ยืนอยู่ในตำแหน่งของพวกเขา มันจะเป็นความคิดที่แย่ที่ทำให้ทั้งลิบาติสและโกลโดเนียเป็นศัตรู

ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขายุ่งอยู่กับการต่อสู้แล้ว หมายถึงพวกเขาจะรู้ตัวเกี่ยวกับการถูกรุมสาม

อา มอลตร์รวมอยู่ด้วย ดังนั้นมันควรเป็นสี่ตต่อหนึ่ง

「กระนั้น ไม่ใช่มันดีกว่าที่จะนำเรื่องนี้ไปอาณาจักรโดยตรงเหรอ? ไม่มีเหตุผลที่ต้องพูดกับผมเป็นพิเศษ」   

มันจะเป็นเรื่องเดียวกันถ้าเขาทำข้อตกลงนี้กับโกลโดเนีย

ถ้าเป็นแบบนั้น มีข้อตกลงจริงๆสำหรับการป้องกันร่วมกัน

จูโนแค่ยิ้มและไม่ตอบ

 

 

「ถ้าอย่างนั้น…… เราควรตกลงมั้ย?」   

ระหว่างจูโน่และคนอื่นๆกำลังพักและดื่มชา ผมรวมลีโอโพลต์, อดอล์ฟ, และทริสตัน ผู้ตื่นขึ้นในตอนบ่าย เพื่อปรึกษาอะไรๆ

ซีเลียเตะตูดทริสตันสำหรับการหลับมากเกินไป

「ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธเรื่องของการค้าขาย แม้ว่าจำนวนของข้าวที่เราส่งออก…… อยู่ในระยะอนุญาต เราแค่เก็บมันทั้งหมดไว้กับตัวเราเองเหมือนพ่อค้าเสื่่อมทรามคนหนึ่งไม่ได้ มันเปลี่ยนเป็นเงินดีกว่า」   

อดอล์ฟไม่ได้คัดค้านสำหรับส่วนใหญ่ ปัญหาคือด้านทหาร

「ผมเห็นด้วยกับคำแนะนำของเขา จากอะไรที่ผมได้ยินตอนนี้ มันไม่ได้ฟังดูเหมือนพวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่สู้สึกสบายใจได้ถ้าพวกเขาสู้กันเอง」   

ทริสตัน อะไรที่นายพูดฟังดูมมีเหตุผล แต่มันไม่ได้เป็นข้ออ้างความจริงที่นายหลับมากเกินไป

ซีเลีย เตะเขาอีก

「ผมเห็นด้วยกับการเสริมความแข็งแกร่งพรมแดน โชคดี เราแค่แตะดินแดนของสหพันธรัฐคนแวนโดเลียเล็กน้อย ดังนั้นแม้ว่าถ้าพวกเขารุกรานเราจากทิศทางนี้ เราจะโจมตีด้านข้างพวกเขาจากดินแดนชาติภูเขาได้ ถ้าเราใช้มอลต์เป็นแดนด่านหน้าและสกัดกั้นพวกเขา มันจะลดความเสียหายสู่ดินแดนของเราเหลือน้อยที่สุด」   

ผมเข้าใจเหตุผล แต่การทำอย่างนั้นจะทำให้เซเลสติน่าร้องไห้

「จูโน่พูดทั้งหมดนั้น แต่บางทีกลยุทธ์จะไม่ได้ผลกับบางคน เผื่อไว้ ฉันจะแจ้งอีริชเกี่ยวกับสภาพไม่มั่นคงของทิศใต้ ถ้าเราเตรียมสำหรับแผนนี้จริงๆ เราทำให้มันได้ผลยังไง?」   

「ป้อมปราการจะดี」   

ปรกติแล้วทริสตันจะเงียบ บางทีพยายามหนีจากการโจมตีของซีเลีย

「ป้อมปราการ?」   ใช่ ถ้าเราประจำการทหารเยอะๆที่พรมแดน มันจะปล่อยเราขาดกำลังพลในที่อื่น โดยเฉพาะ มันจะดีถ้าเราพูดกับคู่ต่อสู้ของเราได้ว่า “เรามีสิ่งก่อสร้างป้องกันที่นี่!” อุปกรณ์ที่ดีที่สุดคือให้พวกเขารู้ให้รู้แค่มองผ่านๆว่าป้อมปราการ

「แต่ก็ยัง-……」   

ภาพของป้อมปราการมาจิโน่ยังอยู่ในใจของผม

ผมไม่ได้รู้ตรงๆว่าเงินและแรงงานเท่าไหร่ถูกลงทุนกับป้อมปราการนั้น แต่มันไม่ได้สร้างความต่างมากมาย

แน่นอน กำแพงปราสาทปกป้องเมืองที่มันล้อมได้ อย่างไรก็ตามผมไม่ได้มั่นใจว่ากำแพงที่ยืดไปในพื้นที่มันได้ผลสักนิด

「บางอย่างทำได้เกี่ยวกับนั่น มันเป็นไปได้โดยไม่ต้องใช้เงิน」   

「โฮ่โฮฮฮ่ มันมีวิธีง่าย?」   

เมื่อเห็นว่าผมสนใจ ซีเลียหยุดตีทริสตันน

ทริสตันพยักหน้า

「ถ้าท่านสงสัย มันน่าจะสร้างเป็นรูปทรงในฤดูหนาว」   

「ได้เลย! ถ้าอย่างนั้นฉันจะปล่อยมันให้นาย ฉันจะแต่งตั้งคนคุ้มกันบางคนให้นาย ดังนั้นไปไกลถึงพรมแดนของสหพันธรัฐคนแวนโดเลีย」   

ทริสตันแข็งนิ่งเหมือนหิน

「อย่าลังเลที่จะส่งผู้ส่งสาส์นถ้านายต้องการเงินหรือคนงาน แล้วก็ มันจะหนาวจากตอนนี้ไป นำเต็นท์และเสื้อโค้ทหนาๆไปกับนาย」   

ทริสตันล้มลงพื้นที่เข่าในความผิดหวัง แต่เขาต้องออกไปข้างนอกบ้างนานๆครั้งและแข็งแกร่งกว่านี้

 

 

「อืมถ้าอยางนั้น เราจะขอตัว ผมหวังว่าเรารักษาความสัมพันธ์ฉันมิตรนี้ได้ในอนาคต มันจะดีถ้าในท้ายที่สุดฮาร์ดเลตต์โดโนะมาเยือนชาติเราด้วย」   

การเจรจาดำเดินต่อไปกับจูโน่ในตอนบ่ายด้วยเหมือนกัน แต่หลังจากประเด็นที่สำคัญถูกแก้ไขแแล้วตอนเช้า การคุยที่เหลือมีความรู้สึกอ่อนโยนและผ่อนคลายกับพวกมันมากกว่าเหมือนตามงานเลี้ยง

สิ่งหนึ่งและสิ่งเดียวเท่านั้นซึ่งเป็นผลลัพธ์ของข้อตกของเราคือคาราวานที่ไปมาจากนครรัฐสู่ดินแดนของผมได้ถูกปฏิบัติเป็นพิเศษ ที่ภาษีจะไม่ถูกเก็บจากพวกเขา

พวกเขาจะอยู่หนึ่งคืนและกลับบ้านอย่างเร็ว

เห็นได้ชัดว่า พวกเขายุ่งจริงๆ

「ผมคิดว่าผมจะทิ้งเลขาที่นี่และติดต่อการปรับรายละเอียดดังนั้นท่านเตรียมที่ให้เธออยู่-……」   

「แน่นอน!!」   

เสียงของผมดังมากกว่าคาด

ไม่ดี พวกเขาเห็นเจตนาแฝงของผม

ขณะผมเอียงหัว เลขาหญิงคำนับหัวเธออย่างลึกซึ้ง

「จากตอนนี้เป็นต้นไป ดิฉันจะเป็นผู้สื่อสารกับลิบาติส ได้โปรดปฏิบัติกับดิฉันอย่างดีด้วย ท่านผู้นำฮาร์ดเลตต์」   

ลิบาติสไม่ได้มีระบบขุนนาง ดังนั้นพวกเธอไม่ได้พูดกับผู้คนว่า ‘ลอร์ด’ หรือ ‘มาร์เกรฟ’

แม้อย่างนั้น การมีผู้หญิงอวบอายุ 30 ปีเรียกผมท่านผู้นำพร้อมลดหัวทำให้เจี๊ยวผมแข็ง

จูโน่อาจรู้ความรู้สึกรักบางๆที่สร้างขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น

「ฉันจะเตรียบ้านให้เธออยู่ อาหารคุณภาพสูงจะพร้อมด้วยเหมือนกัน」   

「เอ๋? ข-ขอบคุณมากๆค่ะ แต่ท่านไม่ได้จำเป็นต้องทำอะไรๆเกินไป-」   

「โอ้ใช่ มีห้องน้ำใหญ่ในคฤหาสน์ ได้โปรดไปและใช้มันตามสบาย」   

เลขายิ้มแม้ว่างงงันเล็กน้อยและแสดงออกถึงความขอบคุณ

รอยยิ้มนั้นของเธอไม่ได้แค่สำหรับรูปลักษณ์

ไม่ต้องสงสัยว่าการสามารถอาบน้ำไม่ว่าเมื่อไหร่ตามที่คนหนึ่งอยากทำในฐานะผู้หญิงเป็นข้อเสนอที่ดึงดูดใจ

「ฟุฟุฟุ」   

มาบ้านผู้ชายและเข้าห้องน้ำแบบเปลือยพื้นฐานแล้วบอกผมว่าโอบกอดเธอได้ไม่เป็นไรด้วยเหมือนกัน

ผมควรบอกแม่บ้านให้แจ้งทันทีเมื่อเธอมาถึงดีกว่า

เอ็นของผมปูดในความคาดหวัง

 

 

เรื่องราวข้างเคียง: ความอับอายในที่สาธารณะของมาร์เซลีน

「อะไรๆมันเป็นไปแบบนี้ไม่ได้」   

「หมายความว่ายังไง ฮาร์ดเลตต์ซามะ」   

ผมเข้าไปอยู่ในความคิดลึกหน้าริต้า

「มันเกี่ยวกับมาร์เซลีนและเหล่าลูกสาวเธอ ฉันสามารถให้พวกเธอไปข้างนอก แต่ฉันเห็นบางอย่างไม่น่าพอใจ」   

เมื่อแม่บ้านพบมาร์เซลีนและลูกสาวเธอในทางเดิน พวกเธอทั้งหมดหันสายตาไปสู่กำแพงด้วยกันทั้งหมด

「……มันช่วยไม่ได้ถึงระดับหนึ่ง เพราะทั้งหมดพลเมืองของอาร์คแลนด์เก่าถูกทำให้ทรมานนิดหน่อย」   

「นั่นเป็นความผิดขาราชาเทรีย มาร์เซลีนไม่เกี่ยวอะไรกับการออกคำสั่ง」   

เธอและลูกสาวเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองและพวกเธอไม่ควรพูดอะไรได้เกี่ยวกับนโยบายของประเทศ

「แต่พลเมืองยังพิจารณาว่าพวกเธอเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลราชวงศ์ นอกจากคนเหล่านั้นผู้เคยมีประสบการณ์เวลายากลำบาก มีบางคนที่เสียเพื่อนและครอบครัวไปและหนูไม่คิดว่าพวกเขาจะเปลี่ยนความคิดเห็นไม่สำคัญว่าพี่พูดอะไรกับพวกเธอ」   

ริต้าคือหัวหน้าแม่บ้านและดูแลแม่บ้านคนอื่นๆ

เธอมีความรู้สถานการณ์ของพวกเธอซึ่งผมไม่รู้

「เพราะทั้งหมดมีบางคนผู้เกลียดพวกเธออย่างลึกซึ้ง」   

ไม่เหมือนเวลากับนนน่า แม่บ้านน่าจะไม่พอใจด้วยแค่การตีก้น

นอกจากนี้ มาร์เซลีนไม่ได้ทำผิดด้วยตัวเธอเอง มันจะแปลกที่จะลงโทษเธอโดยไม่มีเหตุผล

「บางทีมันไม่ใช่การลงโทษ บางทีพี่ต้องทำให้เธออับอายต่อหน้าคนรับใช้?」   

ถ้าออย่างนั้นนั่นก็เป็นแค่ทางเลือกทางเดียวเท่านั้น

「ทุกคนรู้จากก้นบึ้งของหัวใจแล้วว่ามาร์เซลีนไม่ได้ทำอะไรผิด พวกเขาแค่ยอมรับเธอไม่ได้ นั่นทำไมหนูคิดว่าพี่ควรทำให้เธออับอายและแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ใช่ราชวงศ์ของเทรียอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นผู้หญิงของฮาร์ดเลตต์ซามะ」   

「ข่มขืน หือ? ……แต่เธอเพิ่งติดพี่ไม่นานนี้ ดังนั้นพี่จะไม่อยากทำอะไรย่ำแย่เกินไปจริงๆ」   

มาร์เซลีนและลูกสาวเธอเป็นผู้หญิงของผมแล้ว พวกเธอจะไม่ให้ผมแรงกับพวกเธอนิดหน่อยเลยหรือ?

「ไม่ หนูไม่ถือ」   

บางทีเธอกำลังฟังอยู่ แต่มาร์เซลีนเปิดประตูและเข้าห้อง

「มาร์เซลีนซามะ……」   

ริต้าหลบตาหลังจากรู้สึกว่าเธอพูดถึงเธอไม่ดี แม้ว่ามาร์เซลีนส่ายหัวของเธอเพื่อบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ทำอย่างนั้น

「หนูไม่ถืือที่ต้องรับการกล่าวหาที่ทำโดยสามีในอดีตของหนู ยังไงก็ตาม มันน่าเศร้าที่แม้แต่ลูกสาวของหนูรับสายตาเกลียดชังเหล่านั้น ……ถ้ากระทำชำเราหนูจะล้างความแค้นนั่นได้นิดหน่อย หนูยินดีที่จะยอมรับชะตาของหนู」   

「แน่ใจนะ? พี่ก็ย้ายคนรับใช้ไปที่อื่นใหม่ได้ถ้าหนูอยากทำ」   

สุดท้ายผมจะให้ลำดับความสำคัญกับผู้หญิงของผมเหนือกว่าคนอื่น

อย่างไรก็ตามผมไม่ได้อยากทำนี่เพราะถ้าผมทำนี่ มันจะดูเหมือนมาร์เซลีนเป็นคนขอ

「ไม่ ได้โปรดทำให้เต็มที่เท่าที่พี่ทำได้! มันแค่ ไม่สำคัญว่าพี่จะทำหนูอับอายมากแค่ไหน…… หนูอยากถูกทำโดยฮาร์ดเลตต์ซามะ ชายคนอื่นนั้น…… ถ้าเป็นไปได้……」   

「แน่นอน ทำไมพี่จะปล่อยให้ผู้ชายคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวหนูล่ะ」   

ผมกอดมาร์เซลีนและจูบเธออย่างเร่าร้อน

เมื่อริต้าพองแก้มของเธอ ผมก็จูบเธออย่างลึกซึ้งด้วยเหมือนกัน

「เรียกคนรับใช้ที่อาจมีความแค้นมาที่ห้องนี้ โอ้ใช่ พี่จะขอความคิดเห็นของโยกุริ เพราะเธอเขียนบท เธออาจมีวิธีที่ดีกว่า」   

ริต้าและเซบาสเตียนพยักหน้าอย่างเงียบๆ

เซบาสเตียนนายกำลังฟังทั้งหมดนี้ด้วยสีหน้าจริงจังหรือ? ……การเป็นพ่อบ้านค่อนข้างยากเย็น

 

 

ไม่นาน คนรับใช้รวมกัต่อหน้าผม ขณะผมกอดไหล่มาร์เซลีน

「……」   

คนที่อยู่ที่นี่ไม่พวกเธอมีความยากลำบากด้วยตัวเองก็เสียคนรักไป มันโดยไม่ต้องพูดว่าสายตาทั้งหมดที่ชี้มาที่ผู้อยู่ข้างผมเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

แค่เผื่อบางอย่างเกิดขึ้น ผมให้กีโด้และครอลยืนอยู่ข้างนอกห้อง

「ฉันรู้ว่าพวกเธอทั้งหมดอยากพูดอะไร แต่เธอไม่ได้เป็นคนที่นำความทุกข์ทั้งหมดนั่นลงไปสู่เธอ ตอนนี้ เธอไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้หญิงหนึ่งคน」   

「……แต่กระนั้น เธอมีความสุขกับขนมปังที่หนูเอาไว้ให้น้องสาวของหนู ผู้ตายเพราะขาดอาหาร」   

「เพราะเธอเป็นราชินี เธอพูดบางอย่างและหยุดทั้งหมดนี้จากการดำเนินต่อไปได้……」   

ผมรู้ว่ามผมจะไม่สามารถให้พวกเธอมั่นใจได้ง่ายๆ

「แต่ฉันรู้ว่าเธอจะไม่พอใจกับคำพูดอย่างเดียว นั่นทำไม…… ฉันจะกระทำชำเราเธอตอนนี้และแสดงให้พวกเธอเห็นช่วงเวลาที่เธอเป็นผู้หญิงของฉัน」   

「「「หืออออ!?」」」   

ขณะทุกคนตะลึงงงจากอะไรที่ผมพูด มาร์เซลีนทำให้ชุดเธอหล่นไปที่พื้น

「เก่ะ! นั่นอ่ะไรกันเนี่ย!?」  「เปลือยเปล่าหลังจากถอดผ้าชิ้นเดียว……」  「ช่างบ้ากาม ราชินีบ้ากามนี้」  「ช่างเป็นนมที่หยาบและยาน」   

ร่างเปลือยของเธอเปิดเผยจากชิ้นผ้าบางๆ

「เราจะเป็นผู้หญิงของฮาร์ดเลตต์ซามะจา่กตอนนี้เป็นต้นไป เราจะไม่เป็นราชวงศ์อีกต่อไปได้โปรดยกโทษให้เรา……」   

「เธอหุ่นดี น่ารังเกียจจริงๆ」  「แน่นอน มันทั้งหมดเพราะเธอกินอาหารส่วนของเรา」   

แม้ว่ารู้สึกอาย เธอไม่ได้ปกปิดอวัยวะเพศหรือหน้าอกของเธอ

ผมอนุญาตให้คนรับใช้ส่งเสียงบ่นต่อไปแค่สำหรับเหตุการนี้

ถ้าพวกเธอปล่อยความแค้นที่มีทั้งหมด มันอาจทำให้อะไรๆง่ายขึ้นสำหรับพวกเธอในอนาคตหลังจากทั้งหมด

「ร่างกายนี้จะเป็นของฉันแล้วตอนนี้ ดูให้ดีๆ」   

จริงๆแล้วมันเป็นของผมไปแล้ว แต่ฉากละครสมควรเป็นผมข่มขืนเธอ ให้เธอตกอับจากการเป็นราชวงศ์และเปลี่ยนเธอเป็นผู้หญิงของผม

ขุนนางที่เกลียดชังจะถูกทำให้เละเทะอย่างสิ้นเชิงต่อหน้าคนรับใช้โดยผู้ชายและในที่สุดเธอจะเป็นทาสความเสียว

นั่นคือเนื้อเรื่องซึ่งโยกุริแนะนำ

มาร์เซลีนเปลี่ยนเปลี่ยนเป็นแดงจากการจ้องไร้ปรานีจากเหล่าคนรับใช้ ผมให้เธออายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ผมถอดเสื้อของผมออกและซัดกางเกงของผมไปไกลๆ

ผมเงี่ยนแล้วจากการเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอดังนั้นเจี๊ยวบวมเล็กน้อยถูกเปิดเผย

「ฮฮฮิ๊เอ๋! หนาสุดๆ」  「ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย!」  「ม-มันเด้งออกมาด้วยอ่ะ」   

ทำไมพวกเธอตอบสนองกันมากกว่าเมื่อผมแก้ผ้า?

「พี่จะทำให้หนูเป็นผู้หญิงของพี่ด้วยเอ็นอันนี้ อย่างแรก พี่จะให้หนูดูดมัน」   

ผมนั่งที่ขอบเตียงและให้มาร์เซลีนนั่งที่เท้าของผม

「เริ่มเลียมันจากด้านข้างและทำให้ทุกคนที่นี่เห็นมันด้วย」   

นี่เป็นบางอย่างเหมือนการเล่นละครดังนั้นเราต้องทำให้มั่นใจว่าคนดูเห็นทุกอย่าง

เข้าใจเจตนาของผม เธอพยักหน้าและลากลิ้นไปข้างลำแท่ง ทำให้มั่นใจว่าคนเหล่านั้นข้างหลังผมเห็นได้ด้วย

「อุว้า เธอเลียมันจริงๆ」  「ราชินีแลบลิ้นและเลียองคชาติผู้ชาย…… ช่างน่าสมเพช」   

「ช่างเป็นความรู้สึกที่ดี ให้เธอทำมากกว่านี้」  「ลอร์ดศักดินาซามะกดหัวของเธอลงและยัดมันเข้าปากเธอลึกๆ」  

ผมลูบหัวเธอดั่งบรรเทาเสียงและยิ้มเพื่อทำให้เธอมั่นใจ

เจี๊ยวของผมใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆจากการบริการอันทุ่มเเท

「เฮ้~ มันจะใหญ่อีกมากแค่ไหนอ่ะ?」  「นั่น…… จะเป็นไม่ไม่ได้ ไม่ใช่เหรอ?」   

เมื่อคนดูเริ่มแสดงความไม่สบายใจ ผมจับมือและแขนของมาร์เซลีนเพื่อยืนเธอขึ้น

ผมต้องให้มือเธออยู่บนกำแพงและหันไปทางคนรับใช้

「ฉันจะทำให้มาร์เซลีนเป็นผู้หญิงของฉันแล้วตอนนี้ คนที่อยากมาดูใกล้ๆ มาทางนี้」   

ตอนแรกคนรับใช้ตะลึงงง แต่ในท้ายที่สุดพวกเธอมายืนเบียดกัน

「ได้เลย เอาล่ะนะ」   

ผมนำเอ็นไปสู่ทางเข้าของมาร์เซลีน

「อืม แล้วการเล้าโลมล่ะ……」  「ด้วยขนาดเท่านี้ มันจะไม่เข้าไปทั้งหมดทีเดียว ถูกมั้ย?」   

「ไม่มีความจำเป็น」   

ในความเป็นจริง ผมทำให้ข้างในรูของเธอเปียกล่วงหน้าแล้ว

อย่างไรก็ตาม การจงใจไม่บอกพวกเธอจะนำการตอบสนองมาจากพวกเธอใหญ่กว่า

「ฮาร์ดเลตต์ซามะ…… มันจะไม่เข้า」   

มาร์เซลีนก็ทำการแสดงส่วนของเธอด้วย

「ฟุฟุฟุ เตรียมตัว…… ฮึ่ม!!」   

ผมจับสะโพกของเธอและแทงอย่างดุร้าย ทำให้เธอร้องเสียงแหลมทันที

「อุว้าาาาาาาาาออออออออี๊」   

ในความเป็นจริง ผมไหลเข้าไปได้อย่างง่ายเพราะข้างในถูกทาด้วยน้ำมันและเธอควรรู้สึกดี แม้ว่ามาร์เซลีนกรีดร้องเหมือนร่างเธอกำลังถูกฉีก

「มันเข้าไปทั้งหมดทีเดียว」  「นั่นจะทำเธอแหก ไม่ใช่เหรอ」  「ไม่เพียงแค่นั้น ไม่ใช่มันจะทำมดลูกของเธอพังด้วยดิ?」   

มดลูกของเธอได้ถูกเติมเต็มอย่างเหลือเฟือด้วยน้ำเชื้อของผมแล้ว มันจะไม่พัง

แต่เพื่อทำการแสดงให้น่าเชื่อ ผมกระแทกสะโพกแรง

「รสชาติเจี๊ยวฉันเป็นยังไง? ฉันจะยิ่งขยับมากขึ้น รับนั่นและนั่น」   

「ม่ายยยยย! มันหนามาก! ฉันจะตายแล้วววววว—!!!」   

มาร์เซลีนร้องและตะโกนลั่น ข้างในเธอควรขยายเพื่อให้พอดีของผมจากเมื่อเวลาก่อนหน้าที่เรามีเซ็กส์กันแล้ว บวกกับความลื่นจากน้ำมันควรช่วยให้เธอได้รับความเสียวมากกว่าความเจ็บปวดพูดจริงๆ ดังนัันเธอไม่ควรจะตาย

「คิดยังไง? เธอไม่ใช่ราชินีอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงของฉัน ไม่ใช่เหรอ?」   

ผมหันหน้ามาร์เซลีน ซึ่งกำลังมีน้ำตาและน้ำลายหยด ไปสู่เหล่าคนรับใช้

「ห-หน้าอะไรกันนี่……」  「แน่นอนว่านั่นไม่ได้ดูเหมือนหน้าของราชินี」   

พวกเธอบางคนยอมรับความจริงแล้ว แม้ว่าการตอบสนองยังคงอ่อนแอ

ผมจะผลักดันมากกว่านี้

「มาร์เซลีน เธอชอบรสชาติของเจี๊ยวฉันมั้ย? มันดีกว่าสามีเก่า ราชาของเทรียมั้ย!?」   

ผมถามเธอในเสียงดังพร้อมเสียงเนื้อฟาดกันดังของสะโพกของผมโดนเธอก้องอยู่เป็นฉากหลัง

「โอ้ว…… โอ้ว…… นั่น…… หนูบอกไม่ได้」   

เธอลังเล…… หรือแกล้งที่จะทำ และทำให้ทุกคนดูใกล้ๆในความคาดหวัง

「ตอบฉัน มาร์เซลีน」   

เมื่อผมจมเข้าไปลึกขึ้นเป็นพิเศษด้วยหนึ่งการแทง ท่าทางเธอที่กรีดร้องประกาศ

「โอ้ววววว— มันเสียว!! เอ็นใหญ่ของฮาร์ดเลตต์ซามะดีกว่า…… มันดีกว่าแท่งกระจอกของราชา! หนูไม่ไหวแแล้ว หนูไม่สนว่าหนูเป็นราชินีหรืออะไรก็ช่างมัน! มันไม่สำคัญตราบใดที่หนูมีเอ็นของพี่!!」   

ทันทีเมื่อเธอกรีดร้อ

 แอ่งน้ำก่อตัวบนพื้น

มันดูเหมือนคำพูดของเธอเองทำให้เธอถึงจุดสุดยอด

เสียงโห่ร้องยินดีปะทุขึ้นจากคนรับใช้

「ทุกคนได้ยินนั่นมั้ย?」   

「เหลือเชื่อ ลอร์ดศักดินาซามะทำราชีนีตกอับด้วยเอ็น」  「ใช่ คนนี้ไม่ใช่ราชินีอีกแล้ว เธอแค่เป็นผู้หญิงลามก」   

ตอนนี้สำหรับปิดฉากจบ

ผมยกมาร์เซลีนขึ้นและแหกขาของเธอออก จากนั้นนำเธอไปใกล้ดวงตาคนรับใช้

「อุว้า…… มันกำลังแทงเข้าไปในเธอ」  「ที่มันปูดอยู่ตรงนี้นั่นจากเอ็นเขา ใช่มั้ย? มันเข้าไปลึกแค่ไหน」   

ผมคิดว่ามันอาจเป็นภาพไม่ปรกติ เพราะผมซั่มหมู่ตลอด ผมชินกับมันแล้ว

「ตอนนี้ฉันจะซั่มมาร์เซลีนยิ่งเข้มข้นกว่านี้และทำให้เธอยอมแพ้โดยสิ้นเชิง ฉันจะขอแบกรับความไม่พอใจและความโกรธทั้งหมดสู่เจี๊ยวของฉันและกระแทกเข้าไปในเธอ เพื่อแลกเปลี่ยน พวกเธอปฏิบัติกับเธอว่าเป็นหนึ่งในผู้หญิงของฉันจากตอนนี้ได้ไหม?」   

ผมเริ่มโยกสะโพกของผมหลังจากประกาศกับทุกคน มีแค่เสียงเปียกๆจากไม้เนื้อเข้าและออกรูเปียกของเธอสามารถได้ยินได้ในห้อง

บางคนพูดบางอย่างสิ พี่จะดูเหมือนไอ้บ้าที่จุดนี้แล้ว

「ความเสียใจของน้องสาวของหนู…… หนูจะฝากมันไว้กับนายท่าน」   

ในท้ายที่สุด หนึ่งสาวเอื้อมออกไปที่ลำแท่งของผมและจับมันเบาๆ

มือขาวๆของเธอรู้สึกลื่นเนียนและเมื่อผมเกร็งหน้าท้อง เจี๊ยวของผมยิ่งบวมมากขึ้น

「อ๊าววว!」   

ความรู้สึกนั้นก็ถูกส่งต่อไปให้มาร์เซลีนด้วยและเธอส่งเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บแต่ก็เสียวเหมือนกัน

「ดู! พลังของความรู้สึกของเธอทำให้เจี๊ยวฉันโตขึ้น!」   

「น่าทึ่ง…… ถ้าอย่างนั้นเราปล่อยมันเพิ่มมากกว่านี้เถอะ!」   

คนรับใช้อัดกันรอบไม้เนื้อของผมและสื่อความคิด

「ความโกรธของทุกคน ฉันจะยอมรับมัน! เอาล่ะนะ!!」   

ผมครวญเหมือนสัตว์และโยกสะโพกอย่างรุนแรง

เรือนร่างมาเซลีนเด้งขึ้นลงและหน้าอกเธอเหวี่ยงเหมือนพวกมันอาจฉีกขาด

ท้องของเธอบวมออกมาตามเวลาเมื่อผมเคลื่อนไหวและมันชัดเจน แม้ว่าจากข้างนอก มันชัดเจนว่าเจี๊ยวของผมแทงท้องขอเธอลึกแค่ไหน

「ทำมันแรงกว่านี้!」  「กระแทกความเสียใจของผัวหนูเข้าไปในเธอ!」   

น้ำหวานฉีดออกจากบริเวณที่เราเชื่อมต่อและคนเหล่านั้นผู้ดูใกล้ๆถูกสาดด้วยละอองน้ำ แม้ว่าไม่มีพวกเธอสักคนดูเหมือนถือ

พวกเธอทั้งหมดกำลังรอช่วงเวลาสุดท้ายอย่างใจร้อน

ขีดจำกัดมาร์เซลีนก็จะมาถึงเธอแล้วด้วย

เธอกระตุกขณะเธออยู่ระหว่างแตกสุดจิ๊ระหว่างไข่ของผมเกร็งตัวและกำลังจะปล่อยน้ำอสุจิทที่กักเก็บไว้

คนรับใช้ผู้หน้าอยู่ใกล้ที่ซึ่งเราเชื่อมต่อกันก็รับรู้นั่นด้วย

「แบ่งพลังมาให้ฉัน…… พวกเธอทั้งหมด!」   

คนรับใช้ทั้งหมดวางมือบนลำแท่งและไข่ของผม

「แตก ลอร์ดศักดินาซามะ!」   

「แบกรับความคิดของเรา!」   

「แตกกกกกกกกกกกกกกกก!!」   

「อยากได้อะไร มาร์เซลีน!!」   

ถ้าเธอประกาศที่นี่ว่าเธอกลายเป็นคนรักของผม ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นจุดจบของตอนนี้

「ห- หนูเป็น…… ส้วมเนื้อส่วนตัวของฮาร์ดเลตต์ซามะ! คุณนายอายุมากนี้จะเป็นส้วมที่พี่ซั่มเมื่อไหร่ก็ได้แบบไหนก็ด้ายยยยยยย!」   

มันดูเหมือนระดับความเงี่ยนของเธอสร้างขึ้นมากเกินไป ผมยั้งตัวเองมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วด้วยเหมือกัน

「อุก๊าา!!」   

ผมยกสะโพกขึ้นจนกว่าผมปล่อยอสุจิทั้งหมดและท้องของผู้หญิงที่เต็มปริ่มในแค่วินาทีเท่านั้น น้ำบางส่วนฉีดออกมาจากรูของเธอและสาดใส่คนรับใช้

「เราทำมันได้! ลอร์ดศักดินาใช้พลังทั้งหมดของเราและเปลี่ยนราชินีเป็นส้วมเนื้อ!」   

「ด้วยนี่…… การต่อสู้จบแล้ว」   

「มันกำลังมา ไม่ใช่เหรอ ยุคใหม่」   

ผมล้มไปที่พื้นระหว่างกอดมาร์เซลีนผู้หมดสติ

มันปลี่ยนสู่บางอย่างแปลกๆเมื่อตอนจบ แต่สีหน้าทุกคนค่อนข้างผ่อนคลายแล้วตอนนี้ ผมคิดนี่ถูกพิจารณาได้ว่าสำเร็จ

ผมเข้าไปอยู่ในความคิดระหว่างเจี๊ยวของผมเต้นเป็นจังหวะอย่างบ้าระห่ำ

ผมคิดว่ามันอาจดีก่าที่จะใช้ยาคุมครั้งนี้…… ถ้าเธอท้องกับความโกรธและความวิตกกังวลทั้งหมดเทเข้าไปสู่เธอ เด็กผู้เกิดมาจะน่าสงสาร

ด้วยนั่นพูด แต่เธออาจจะท้องแล้วจากครั้งสุดท้ายที่เรามีเซ็กส์กัน

「「นี่อะไร……」」   

ครอลและกีโด้แอบดูเข้ามาในห้อง กังวลหลังจากได้ยินเสียงร้อง ระหว่างผมกำลังดึงเจี๊ยวออกมาจากมาร์เซลีนหลังจากได้ยินเสียงตกอกตกใจ

ขณะผมดูรอบข้างอย่างเร็วๆ ผมได้ยินเสียงเกี่ยวแฉะๆ

「อะราเบล กำลังทำอะไรเองอยู่น่ะ!?」   

「ขอโทษ ลอร์ดศักดินาซามะน่าทึ่งมาก ฉันไม่ไหวอีกแล้ว」   

「เธอด้วยเหรอ?」   

「อออุ ฉันแค่-……」   

ผมต้องรับผิดชอบที่ทำให้ผู้หญิงเหล่านี้ทั้งหมดมีอารมณ์

ผมเสร็จการน้ำแตก แต่เอ็นแข็งค้างของผมแทงอยู่หน้าสาวๆ

「คนนั้นที่อยากได้มัน มา ฉันจะสร้างความรักกับพวกเธอทุกคน」   

ในท้ายที่สุดผมเพิ่มจำนวนผู้หญิงอีกแล้ว

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 162,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4000

ทริสตัน (เดินทางทำธุระระยะยาว)

กองทัพ: 5500 คน

ทหารราบ: 3000, ทหารม้า: 1000, พลธนู: 1000, ทหารม้าธนู: 500

ปืนใหญ่: 19, ปืนใหญ่มาก: 10, ปืนใหญ่สุด: 1 (เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวจากลินต์บลูม)

สำรอง: 3000

หน่วยรักษาความปลอดภัย: 100

สินทรัพย์ 11 100 ทอง (ขายข้าวชุดแรกให้ลิบาติส +4000) (ค่าสร้างป้อมปราการ? -2100)

คู่นอน: 222, เด็กผู้เกิดแล้ว: 48

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท