ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 213 วิธีทำอะไรๆของพวกคลั่ง

ถนนสู่อาณาจักร

213 วิธีทำอะไรๆของพวกคลั่ง

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

「ฮาร์ดเลตต์ซามะ เป็นอะไรมั้ย? มีถุงอยู่ใต้ตาท่าน」

ขณะโซลาน่าและผมกำลังขี่ม้าไปทางใต้ตามถนน เธอโหม่ดูหน้าผมอย่างกังวล

「ฉันไม่เป็นอะไร ฉันแค่มีปัญหากับการนอนเล็กน้อย」

ความเป็นจริงคือผมไม่ได้นอนเลยสักนิดเมื่อคืน

สาวๆทำการเอะอะเกี่ยวกับที่ผมจะปล่อยพวกเธอไว้ตามลำพังดังนั้นผมไม่มีทางเลือกนอกจากให้ความบันเทิงพวกเธอจากกลางคืนสู่เช้า

เพื่อเลี่ยงผมไม่ให้นอน พวกเธอรีดผมจนแห้งด้วยการโจมตีสู่เจี๊ยวของผมอย่างต่อเนื่อง ทำมากขนาดผูกผมไว้ที่เตียงและปิดตาของผม

สุดท้ายมันเป็นผู้ชายคนเดียวกับผู้หญิง 14 คน ดังนั้นเมื่อเวลาที่พวกเธอสลบบนเตียง ตะวันขึ้นแล้วและผมไม่มีเวลาเหลือให้นอน

「พูดตรงๆดิฉันได้ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับฮาร์ดเลตต์ซามะ แต่ท่านนำคนรับใช้หนุ่มาด้วยวันนี้ ดิฉันเข้าใจแล้ว」

ผมแน่ใจว่าพวกมันไม่มีอะไรนอกจากข่าวลือร้ายๆ แม้ว่าเธอพูดถูกแล้ว

คนเดียวเท่านั้นที่มาด้วยกับผมบนการเดินทางนี้คือครอล ระหว่างซีเลียและปีปี้อยากมาด้วย พวกเธอถูกหยุดโดยสาวๆคนอื่น

เห็นว่า พวกสาวๆไม่ยอมการล้ำหน้า นอกจากนี้ผมแค่จะไปดู ดังนั้นไม่มีความหมายที่พวกเธอจะไปเมื่อไม่มีอันตราย

ถ้าคนหนึ่งถามผม ผมจะมีเวลาเล็งโซลาน่าได้ง่ายกว่าถ้าผมไม่มีสาวๆรับใช้ผมเยอะ

ไม่ว่าอย่างไร……

「ทั้งหมดคือความภาคภูมิใจของตัวเอง…… ทั้งหมดคือความภูมิใจของตัวเอง……」

ครอลทำตัวแปลก ผมไม่อยากมองเขาแบบนี้

ผมต้องทำให้เขากลับไปสู่ที่เขาดื่มด่ำในหุบเขาหน้าอกผู้หญิงหรือกางเกงในที่เห็นได้เล็กน้อยใต้กระโปรงของเธอ

「ไม่ว่าอย่างไร มันจะไม่ใช้เวลานานสำหรับเราที่จะไปพรมแดนบนม้า」

「ใช่ มันดูเหมือนมันจะค่อนข้างปลอดภัยตามทางด้วย」

ทางสู่พรมแดนแยกจากลิบาติสและชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์ถูกเฝ้าดูอย่างเข้มงวดด้วยยามประจำอยู่ ณ ระยะสั้นๆ

ในแบบนี้ กลุ่มคนหรือมอนสเตอร์จะไม่ปรากฏ

「แน่นอนมันเร็ว! ตราบใดที่กองทัพของลิบาติสปกป้องเรา เราไม่มีอะไรต้องกังวล」

โซลาน่ายืดอกออกมา เราคุยเยอะอยู่ตามทางและจากอะไรที่ผมเห็นได้ เธอเป็นผู้หญิงจริงจังและบริสุทธ์ แน่นอนว่าเธอน่าหลงใหลพอ แม้ว่าถ้าผมมีการบ่นได้ เธอบริสุทธิ์เกินไป

แค่เหมือนอะไรที่ผมรู้สึกระหว่าการเจอกันครั้งแรกของเราทุกอย่าง เธอไม่รู้เรื่องอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับความต่างเล็กน้อยระหว่างพวกผู้ชายและพวกผู้หญิง ดังนั้นเธอไม่ได้สังเกตุการเข้าหาของผมเมื่อผมถูไหล่ของเธออย่างสบายๆหรือเมื่อผมหายใจรดผิวของเธอ

ถ้าเธอรู้ว่าผมทำอะไรและปฏิเสธผม ถ้าอย่างนั้นผมมีทางเลือกที่จะลุยต่อหรือดึงเธอสู่เตียง แต่ถ้าเธอเพียงแค่ไม่รับรู้การรุกจีบของผมถ้าอย่างนั้นไม่มีอะไรที่ผมทำได้

「มีอะไรเหรอ?」

「ไม่ มันไม่มีอะไร ที่สำคัญมากกว่านั้น มารีบไปข้างหน้าเถอะ」

「ค่ะ แต่ถึงอย่างไร…… ท่านค่อนข้างมีม้าน่าประทับใจ ไม่ใช่แค่ขนาดของมันเท่านั้น แต่้มันไม่ได้หายใจแรงแม้ว่าเราเดินทางด้วยความเร็วพอตัวมาสักพักแล้วตอนนี้ ดิฉันได้เปลี่ยนม้าสองครั้งแล้ว」

อืมถ้าม้าลามกนี่มีความอึดและขนาดธรรมดา ผมจะให้มันเปลี่ยนเป็นเนื้อม้านานแล้ว

ดั่งอ่านความคิดของผม ชวาร์ซจงใจโยกร่างกายของเขาและขมขู่ผม

「แต่ตาของมันดูเหมือนค่อนข้างเหนื่อย……」

「……」

ผมรู้ว่าทำไม

เมื่อคืน หลังจากกระทำชำเราผู้หญิงผู้ดูแลเขา เขาผสมพันธ์กับม้าตัวเมียตามๆกันหลายตัว

ถ้านายมีพลังงาน ถ้าอย่างนั้นวิ่งเร็วกว่านี้ เจ้าม้าขับเคลื่อนด้วยเซ็กส์บ้า

ขณะม้าร้องไม่มีความสุข ผมดึงเจ้าตัวลามกที่หู

……หลังๆนี้ แผงขอของเขาดูสวย เขาไม่มีขี้หูและไม่มีเห็บ

ผู้หญิงที่ดูแลเขาต้องเลี้ยงเข้าดีทั่วทั้งวัน ช่างเป็นความหรูหรา

 

 

พรมแดนอัลแตร์-ลิบาติส

「ฟุมุ ฟุมุ」

「่นี่คือ……」

ฉาก ณ บริเวณพรมแดนซึ่งมาให้เราเห็นเหนือความคาดหมายของผม พูดตรงๆ ผมเตรียมเห็นการต่อสู่ที่ทั้งสองฝ่ายเต็มไปด้วยเลือดแล้ว

「แปลกมาก」

ผู้คนรวมอยู่กันรอบพรมแดนไม่ใช่กองทัพของชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์แต่เป็นชาวนาธรรมดา

ไม่ได้มีแค่ร้อยหรือสองร้อยอยู่ตรงนั้น ตรงนั้นมีอย่างน้อยหนึ่งพันคนจากอะไรที่ผมเห็นได้

จำนวนของยามบนฝั่งลิบาติสมีร้อยคนคร่าวๆ…… ผู้พยายามผลักและหยุดคนอื่นจากการข้ามพรมแดน

「พวกนายเป็นใคร!?」

ขณะผมมองดูสถานการณ์แปลกนี้ ทหารลิบาติสวิ่งมา

นั่นคิวเธอแล้ว โซลาน่า

「ฉันฉันคือกัปตันของทหารร้อยคนของหน่วยที่หนึ่ง โซลาน่า เอสโตเรีย นี่คือฮาร์ดเลตต์โดโนะ ผู้รองรัฐมนตรีกิจการต่างประเทศสั่งให้ถูกทำเป็นเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกต」

หลังจากทำความเคารพคมและถูกต้อง เธอมอบจดหมายที่ดึงจากกระเป๋าหน้าอกแก่ทหารอีกคน

「กัปตันหน่วยเหรอ!? ข-ขออภัยอย่างลึกซึ้ง! ถ้าอย่างนั้นท่านมาจากหน่วยในเมืองหลวง……? ท่านพูดว่าเฝ้าสังเกตุ แต่ไม่มีการต่อสู้ให้เห็นที่นี่……」

「ฮาร์ดเลตต์โดโนะคือนายพลจากโกลโดเนีย เขาแค่อยากเห็นกองกำลังของอัลแตร์ด้วยตาของเขาเองเพื่อใช้อ้างอิงสำหรับอนาคต」

อะไรที่ผมอยากเห็นจริงๆคือโซลาน่าเปลือย แต่ผมจะเก็บนั่นไว้ในหัวใจก่อนตอนนี้

「ถ้านั่นคือทั้งหมด ถ้าอย่างนั้น…… อย่างที่ท่านเห็นได้ นี่คือที่พวกเขาสู้หลังๆมานี้」

น้ำเสียงทหารบอกผมว่าเขาพอกับอะไรที่เกิดขึ้นแล้ว

「พวกเขาแค่ชาวนาธรรมดาเรอะ?」

「พวกเขาแค่ชาวนาธรรมดา แต่คนเหล่านั้นจากอัลแตร์บ้าพอที่จะทำให้ชาวหน้าเหล่านี้เป็นทาส ถ้าเราปรานีพวกเขาในดินแดนของเรา ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะก่อความวุ่นวายและบอกว่าพวกเขาแค่ฟังอะไรที่พระเจ้าของพวกเขาบอกพวกเขา เหตุผลที่พวกเขาฝ่ามาถึงที่นี่น่าจะเพราะคำสั่งจากพระเจ้าของพวกเขา อัลแตร์ด้วย」

ฟุมุ ถ้าคนหนึ่งพิจารณาว่าคนทั้งหมดเป็นสายลับ นั่นจะเป็นปัญหา

「ไล่พวกเขาไปไกลๆด้วยกองกำลังไม่ได้เหรอถ้าอย่างนั้น?」

ชาวนาไม่ได้ดูเหมือนติดอาวุธ

ถ้ากองทัพลิบาติสที่อาวุธครบครันทำการโจมตี พวกเขาน่าจะสามารถตีชาวนาเหล่านั้นแตกพ่ายได้อย่างง่าย

「นั่นเป็นไปได้ถ้าพวกเขาทำการโจมตีตรงๆ…… ยังไงก็ตาม ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ เราแค่หยุดพวกเขาจากการรุกรานได้อย่างเดียวเท่านั้น เราใช้คำสั่งจากส่วนกลาง ดังนั้นเราทำได้แค่ตอบเมื่อพวกเขาออกคำสั่งเท่านั้น」

เหมือนที่ผมคิด วิธีที่ลิบาติสทำอะไรน่ารำคาญและใช้เวลามากๆ

ในดินแดนของผม มันจะเพียงใช้คำสั่งเรียบง่ายเดียวเพื่อเก็บกวาดนี้ แม้ว่าผู้หญิงสวยจะถูกฆ่า

「เรื่องนั้นไม่เกี่ยว แต่ท่านมีหอกค่อนข้างใหญ่ ผมประทับใจที่ท่านถือสิ่งนั้นเหมือนไม่มีอะไร」

「คิดอย่างนั้นเหรอ? ให้ตายเถอะนายทำฉันเขิน」

ผมแอบดูข้างในของผม มันค่อนข้างใหญ่ถ้าให้ผมพูดเอง

แม้ว่ามันมาพร้อมกับปัญหาด้วย

ผมต้องเตรียมให้เพียงพอหรือไม่อย่างนั้นสาวๆจะไม่มีความสุข

เป็นแบบนี้โดยเฉพาะในกรณีของคนรับใช้ที่ผมลงมือเป็นครั้งแรก มันไม่ได้แปลกที่พวกเธอจะร้องเหมือนคนบ้า

「? มันส่องแสงที่สุดเลย ผมไม่เคยเห็นมาก่อน…… มันทำมาจากวัสดุอะไรเหรอ?」

โอ้ นายพูดเกี่ยวกับอาวุธของฉัน น่าเบื่อจริง

ชาวนาตะโกนบางอย่างพวกเขาพยายามจะดันฝ่ากองทัพลิบาติสที่ดันพวกเขากลับไป

การแลกเปลี่ยนเกือบเล่นๆกันดำเนินต่อไป

「โซลาน่า ให้ฉันดูห้องนอนได้มั้ย? มันช่วยไม่ได้ที่นั่นคือสิ่งเดียวที่ฉันเห็นได้」

「……ดิฉันเดาว่าท่านพูดถูก มันเร็วนิดหน่อย แต่ในที่มั่นป้องกันพรมแดนนี้-……」

คำพูดโซลาน่าถูกตัดให้สั้น เธอน่าจะรู้สึกสงสัยบางอย่างซึ่งทำให้เธอดู และผมทำตามและชำเลืองทิศทางที่ดวงตาของเธอชี้ เพื่อได้เห็นคนที่มากกว่าบนฝั่งอัลแตร์เปลี่ยนที่เกือบหลังสุด

「มันดูเหมือนพวกเขาเติมแถวของคนเข้ามาอีก」

「กัปตันที่นี่น่าจะยืนยันมันด้วยเหมือนกัน แต่ดิฉันก็ควรติดต่อ- เดี๋ยวนะ ฮาร์ดเลตต์โดโนะ!?」

ผมถือหอกและขึ้นชวาร์ซ

「ดูอีกครั้ง กลุ่มคนใหม่เหล่านั้นไม่ได้ดูเหมือนพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อทำการผลักสู้กัน」

คนเพิ่มเติมมาเหล่านั้นถืออาวุธเหมือนค้อน, หอกและขวาน

พวกเขาไม่ใส่เกราะแต่อาจไม่มียามพรมแดนเพื่อรับมือกับจำนวนพอ

「!? ด-ดิฉันจะแจ้งกัปตัน」

โซลาน่ารีบควบม้าออกไปและผมตามหลังเธอ

ผมอยากจะปกป้องเธอถ้าเป็นไปได้

「ผมจะไปด้วย」

ครอลชักดาบที่เอวของเขาและพร้อมฝาหม้อ

เขาดูเหมือนสงบแทนกลัว

เขาดูเหมือนตั้งท่ายืนตั้งแต่การต่อสู้กับแลมมี่

มันก็อาจเพราะเขามาถึงที่แปลกๆหลังจากการเสื่อมสมรรถภาพอยู่ลากบนเขาเป็นเวลานาน

「ทหารใหม่มา」

「ติดอาวุธ คอยระวัง」

มันเป็นการเอะอะใหญ่  แต่ผมอาจสามารถเห็นกำลังที่แท้จริงของกองทัพลิบาติสตอนนี้

「พวกเขาจะข้ามพรมแดน!」

「เรายืนยันว่าพวกเขาเมินการเตือนของพวกเขาแล้ว กวาดล้างชาวนา……ไม่, กวาดล้างศัตรู หน่วยพลธนูยิง!」

หลังจากผ่านขึ้นตอนที่น่ารำคาญแล้ว ลูกธนูบินออกไปจากฝั่งลิบาติส

ไม่มีจำนวนวัตถุบินเยอะ อย่างไรก็ตามพวกมันถูกปล่อยพร้อมกันและแม่นยำ

เหล่าทหารฝึกมาดี

「ความตายสู่คนโง่ผู้ไม่กลัวพระเจ้า!!」

กลุ่มผู้ถูกยิงด้วยลูกธนูตะโกนในเสียงดัง

นั่นทำเป็นสัญญาณ ทำให้ชาวนาผู้แค่ผลักๆทหารจนถึงตอนนี้เอียงหัวขึ้นฟ้าพร้อมกัน

「ความตายสู่พวกทิ้งพระเจ้า!」 「โดยพรของอัลแตร์!」

「คนเหล่านี้…… พวกเขากำลังโจมตีเราด้วยมืเปล่า!」

「ขับไล่พวกเขากลับไป! บัดซบ มีพวกเขามากเกินไป!」

「มันรู้สึกว่าผมเห็นนี่เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยหลังๆ」

「ใช่…… นี่เกือบเหมือนซอมบี้แตกตื่นในสุสานกลับไปที่ราเฟนเลย」

ครอลและผมกำลังดูจากระยะปลอดภัยไกลออกไป

กองทัพลิบาติสนั้นฝึกมาดีอย่างคาดไม่ถึงและมีกำลังใจสูงอย่างน่าตกใจ

แม้ว่าศัตรูล้อมพวกเขาในพริบตา เหล่าทหารไม่ตื่นตกใจและรับมือกับมันในท่าทางเป็นระเบียบ

อย่างไรก็ตาม ความต่างในจำนวนนั้นชัดเจนและกองทัพลิบาติสถอยสู่ป้อมปราการระหว่างสู้ในศึกประชิดตัวใหญ่

ผมไม่มีแผนเข้าร่วมการสู้และทำตัวเหมือนอัศวินบางคนในเกราะเงางาม

ตั้งแต่แรก เป้าหมายของผมคือดูว่าอัลแตร์สู้อย่างไรและกองทัพลิบาติสตอบสนองอย่างไร

วัตถุประสงค์นั้นเสร็จสิ้นแล้ว นั้นนั้นการเคลื่อนที่ซึ่งถูกต้องที่นี่คือวิ่งเข้าไปข้างในป้อมปราการและดูการพัฒนาการต่อสู้

「ท่านจะมุ่งหน้ากลับเหรอ?」

「ไม่ ฉันไม่กลับ」

ผมมองไม่เห็นโซลาน่าในความสับสน

อย่าแค่วิ่งหนีไปที่ปลอดภัยระหว่างปล่อยสาวผู้นำเราสู้เพื่อตัวเอง

ผมบอกได้แม้ว่ามันเป็นเวลาสั้นๆเท่านั้น

เธอไม่ได้คุ้นเคยกับการต่อสู้แม้ว่าเธอเป็นตำแหน่งสูงของกองทัพ งานของเธอเกี่ยวข้องกับหน้าที่ทางพิธี

「มา ครอล」

ผมเตะท้องชวาร์ซและให้เขาวิ่ง

เขารู้ว่านั่นเป็นคำสั่งเพื่อช่วยผู้หญิงดังนั้นเขาไม่ได้ดูเหมือนไม่มีความสุข

「โซลาน่า! เธออยู่ไหน!?」

ผมพยายามหาที่นั่นที่นี่ระหว่างตะโกนเรียกเธอ แต่ผมไม่ได้ยินการตอบเพราะการตะโกนโมโหและการดูถูกทั้งหมดรอบผม

ผมไม่มีทางเลือก ผมต้องลุยตรงไปสู่กลางการสู้ประชิดตัว

「โดยกรุณาของอัลแตร์……」

「โอ้ หุบปาก!」

ผมเตะชายผู้พึมพำบางอย่างที่เป็นขยะไม่มีสาระจากบนม้า

หัวของเขายุบแต่ผมโคตรไม่สนใจ

「เฮ้นาย นายรู้จักโซลาน่ามั้ย?」

「ผ-ผมไม่รู้ มีศัตรูอยู่รอบๆเยอะ…… อุว้า!!」

ผมพยายามถามทหารแต่เขาไม่รู้เรื่อง

หลังจากฟันทหารศัตรูสามคนที่ล้อมทหาร ผมบอกพวกเขาให้พาเธอไปที่ป้อมปราการและหาเธอ

「พระเจ้าลงทัณฑ์!!」

「นายจัดการคู่หูของฉันด้วยบางอย่างอ่อนแอเท่านั้นไม่ได้หรอก」

ผมมองดูครอลและเห็นเขากับถูกทุบด้วยยค้อนที่ฝาหม้อก่อนโจมตีสวนด้วยฟันจากดาบของเขา

การเคลื่อนไหวของเขาดูขัดเกลามากกว่า

กระนั้น สิ่งนั้นยังไม่พังหรือ? ช่างเป็นฝาหม้อที่ทนทาน

「เฮ้ นายรู้จักโซลาน่ามั้ย?」

「โอ้อัลแตร์ ได้โปรดมอบการปกป้องให้ฉัน!」

ไหล่ที่ผมจับเป็นของทหารศัตรู

「ทำให้เข้าใจผิดว่ะ นี่คืออะไรที่แกได้!」

ผมจับคอของเขา หมุนมัน 180 องศาและได้ยินเสียงหักและบิดหลายครั้ง

ผมปล่อยชายที่กระตุกและมองดูรอบๆ

อย่าบอกผมนะว่าเธอถูกฆ่าแล้ว

「ม่ายยยยยยย!! ปล่อยฉันไป」

เสียงคมแหลมที่ผมได้ยินมาจากโซลาน่าแน่นอน

「มันมาจากตรงนั้น ครอล ตามฉัน」

ผมไม่ได้ต้องมอบคำสั่งใดๆกับชวาร์ซด้วยซ้ำไเขาแค่วิ่งออกไปแล้วร้อง

แม้ว่ามันเกิดขึ้นนอกสายตาของผม ผมบอกได้ว่าศัตรูทั้งหมดตรงหน้าผมอยู่ภายในการประชิดและถูกเหยียบย่ำใต้เกือกม้าของชวาร์ซ

「ทางนั้น」

ผมมองที่ครอลชี้และเห็นโซลาน่าถูกลากออกไปโดยศัตรูหลายคน

เธอไม่ได้ถือดาบอีกแล้ว ทั้งสองมือของเธอถูกจับและเธอกำลังถูกลากไป

ผมว่าพวกเขาอยากกลับไปตลอดทางกลับสู่ดินแดนอัลแตร์

「เราจะช่วยเธอ」 ชายผู้ปรากฏว่าเป็นกัปตันของกองทัพลิบาติสตะโกนอย่างลังเล

「เดี๋ยว! พวกเขาผ่านพรมแดนเราแล้ว ถ้าเราอยากผ่านพรมแดนและโจมตี เราต้องได้รับอนุญาตจากผู้บัญชาการก่อน……」

นายพูดนั่นหรือ?

「นี่เป็นการตัดสินใจของฉันเองเอาหอกมา

「ได้โปรดรอเดี๋ยว! ท่านสมควรเป็นเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกต ดังนั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้มัน-!」

ผมนำหอกกัปตันมาและพุ่งเข้าตีไปข้างหน้าด้วยหอกของผมเองในมือ

แน่นอนผมเหยียบย่ำชายแดน ไม่มีกำแพงหยุดผมดังนั้นผมจะเน้นความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้หญิงของผม

「เอาผู้หญิงของฉันคืนมา!」

พยายามจะหยุดการพุ่งเข้าตีเดี่ยวๆไปข้างหน้า่ คนเหล่านั้นเบียดกันมาทางผมด้วยขวานแหละหอกหยาบๆ

ผมนับพวกเขาได้ 20 คน ทั้งหมดคือผู้พ่นพึมพำไร้สาระเกี่ยวกับพระเจ้าหรืออัลแตร์หรืออะไรก็ช่าง

อย่าคิดว่าพวกนายจะมีชีวิตกลับไปหลังจากขโมยผู้หญิงของฉัน

พวกเขาหลายคนรวมเข้าด้วยกันและลดสะโพก แทงมาข้างหน้าสู่เหยื่อของพวกเขา

พวกเขาต้องคิดว่าพวกเขาสร้างแถวหอกเพื่อหยุดทหารม้า แต่มันคือการสร้างสิ่งอัปลักษณ์

「แกคิดว่านั่นพอหยุดฉันเหรอ?」

ผมเหวี่ยงหอกที่ผมถือในมือสลับกัน

คนเหล่านั้นผู้โดนฟันด้วยปลายหอกของผมถูกเฉือนและเลือดพุ่งออกมาก่อนพวกเขาล้มลงสู่พื้น คนเหล่านั้นผู้อาวุธโดนฟันเสียเหยื่อและแค่มองผมอย่างว่างเปล่า

「อุว้า! ม้านี่!」

「กิ่ย้าาาา!」

ชวาร์ซเล็งเหล่าผู้ชายไม่มีอาวุธและขยี้พวกเขาทั้งหมด

ถูกเหยียบโดยม้าผู้น้ำหนักมากกว่าม้าธรรมดาหลายเท่า ไม่มีมนุษย์คนไหนรักษารูปทรงได้

ผมแพ้เขาไม่ได้ด้วย

ขณะศัตรูพยายามเข้าหาจากด้านข้าง ผมแทงท้องของเขาด้วยหอกดวอร์ฟและโยนเขาไปสู่ศัตรูอีกคน

หอกธรรมดาในมือซ้ายของผมหักหลังจากได้การฆ่าที่สาม ดังนั้นผมขโมยขวานจากศัตรูและใช้มันกับพวกเขา

「ส-สัตว์ประหลาด!」  「อสูร! โอ้อัลแตร์ มอบการปกป้องให้เราด้วย!」

แม้แต่คนเหล่านั้นผู้พุ่งเข้าตีผมโดยไม่กลัวความตายตอนแรกเริ่มถอยทัพ

ผมจัดการจบชีวิตศัตรูอีกคนโดยการแทงเขาทะลุก่อนโยนเขาไปในอากาศและฟันเขาแยกขาดครึ่งกลางอากาศ

หลังจากถูกสาดด้วยเลือด จำนวนศัตรูต่อหน้าผมลดลงอย่างชัดเจน

「นั่นเฝ้าดูยังไง?! ท่านอยากสู้!」

「โกลโดเนียเป็นบ้านของสัตว์ประหลาดแบบนี้……?」

「ค-ใครจะรับผิดชอบนี่ล่ะ?」

ผมดึงความสนใจจากทหารลิบาติสตอนนี้

พวกนายทำเต็มที่นายเก็บกวาดอะไรที่เหลือไป

โดยไม่ช้าลงไปมากเกินไป ผมไล่ตามหลังโซลาน่าขณะเธอถูกลากและกระโดดลงจากม้าของผม

ก่อนผมรู้ตัว ครอลอยู่ข้างผมด้วย

「คืนโซลาน่ามาให้ฉัน หรือไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมด」

ชายแก่กางแขนและยืนหน้าผม ผมไม่รู้ว่าเขาทำอะไรแต่มันดูเหมือนเขาจะทำดีและมอบโซลาน่ากลับคืนให้ผม

「เราประทานพระเจ้าลงทัณฑ์สู่ศัตรูโดยมีพื้นฐานจากเจตนาของเขา ถ้านายต่อต้านเขา นรกรอ-……  หือ?」

หอกของผมเคลื่อนที่ก่อนเขาพูดเสร็จ

เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นคนเหล่านี้มีการปกป้องจากพระเจ้า

อืม ทุกอย่างใต้ไหล่เขาหายไปแล้วดังนั้นอย่างน้อยเขาพูดต่อได้

「กุ่โย้」

ผมขยี้ชายแก่น่าเกลียดใต้เท้าของผมและก้าวไปข้างหน้า

อีกสองคนพุ่งเข้าตีผมระหว่างตะโกน

ผมหลบการโจมตีของคนแรกและโจมตีหัวของเขาด้วยขวานของผม

ผมจับมือของอีกคนและโยนเขากลับไป

「บัดซบ…… ฉันยังไม่เสร็จ…… อุ อุว้าาา!」

หนึ่งในศัตรูพยายามวางดาบสู่คอโซลาน่าแต่รู้ตัวกระทันหันว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้ว

「ทำได้ดีมาก ครอล」

ครอลแอบอ้อมพวกเขาและนำโซลาน่าไป

พวกเขาพยายามเอาเธอคืนอย่างสิ้นหวังแต่มันสายเกินไป

ทันทีที่ศัตรูอีกสองคนพุ่งเข้าตีมาข้างหน้า ปลายของหอกผมกระโจนออกไปและแทงกะโหลกของพวกเขา ทำหัวหลุดไปในเวลาเดียวกัน กวาดศัตรูที่ล้อมอยู่ลงสี่คน

พวกผู้ชายพยายามรีบโจมตีสวน อย่างไรก็ตามการโจมตีไม่ได้ฝึกของพวกเขาดูเหมือนพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวสู่ผมด้วยซ้ำ

ผมหลบขวานของการโจมตีของชายคนแรกและต่อยหน้าเขา จากนั้นผมจับหอกของชายคนที่สอง และโยนเขาไปไกลๆ ในที่สุด ผมฟันแขนของชายคนที่สามเพื่อหักมันก่อนจับคอเขาและหักมัน

ด้วยนั่นผมเก็บกวาดพวกเขาส่วนใหญ่เสร็จแล้ว

มีศัตรูอีกสองคนผู้ถูกฟันตายใกล้ครอล

เห็นได้ชัดว่าครอลรับผิดชอบกับการเอาชนะหนึ่งคนระหว่างโซลาน่าจัดการคนที่เหลือ

「อ่ะ…… ออุ่……」

สาวดูเหมือนสั่นขณะเธอจับดาบเปื้อนเลือด

「มันไม่เป็นอะไรแล้วตอนนี้ มันน่ากลัวใช่ไหม」

ผมกอดโซลาน่าแน่น

「ขอบคุณท่านที่ช่วยฉัน ยังไงก็ตาม ฉันก็เป็นทหารดังนั้นท่านไม่ต้องทำกับหนูเหมือนสาวเมือง」

มันไม่ได้ฟังแล้วมั่นใจเมื่อไหล่เธอสั่นชัดและเธอร้องไห้กระตุกๆ

อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเธอถูกลากสู่ดินแดนของอัลแตร์?

ผมไม่ใช่พวกเดียวกันของลิบาติส

ผมพูดว่าผมสนิทกับรัฐมนตรีต่างประเทศไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ผมรู้อย่างแน่นอนว่าแม้แต่พลเมืองของชาติศักดิสิทธิ์อัลแตร์สติไม่ดี

อย่างน้อย คนเหล่านั้นจากลิบาติสดูเหมือนเปิดรับการปรึกษามากกว่าคนเหล่านั้นในอัลแตร์

「ฉันต้องไปคุยกับกัปตันเกี่ยวกับหลายอย่างดังนั้นได้โปรดกลับไปที่ป้อมปราการเล็กกอน」

โซลาน่าพูดระหว่าอยู่ในอ้อมแขนของผม

「ฮ่าา…… แต่มือเธอไม่ปล่อย」

มือโซลาน่าจับแขนผมและกำไม่คลาย

「ห-หือ? เร็วเข้า! หือออ?」

การต่อสู้แรกและความกลัวตายของเธอต้องมีผลมากกว่าที่เธอคิด

ผมจะโอบกอดเธอสักพักถ้าอย่างนั้น

ครอล เราอาจจบที่การนอนด้วยกันดังงนั้นฉันหวังพึ่งนายเรื่องเตรียมเตียง

「ทั้งหมดคือความภูมิใจตัวเอง……」

ในท้ายที่สุด เธอยุ่งกับการรับมือกับหลังเกิดเหตุอาละวาดของผมในฐานะเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตและเก็บกวาดที่ผมข้ามพรมแดน ดังนั้นผมไม่สามารถขี่โซลาน่า

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

ทอร์โทนท์

「บบบบู่」 「บบบู่」 「บบบู่บบบู่」

สาวๆแสดงความไม่พอใจใส่สามีพวกเธอที่จากไป

「เอเกอร์แย่มาก เขาทิ้งเราไว้ลำพังอีกครั้งได้ยังไง?」

「เขาทิ้งหนูในโอกาสนี้ด้วย」

「ปีปี้ด้วย! ปีปี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอยู่ที่ไหน!」

「เขาแม้แต่เอาครอลไปกับเขาครั้งนี้ดังนั้นเขาไม่ควรไปเล่นหลอกผู้หญิงที่ไหน……」

「ช่างไร้เดียงสา ทหารที่ตามเขาคือผู้หญิง เมื่อเวลานี้ เธอควรร้องเสียงแหลมด้วยเจี๊ยวเบ้อเริ่มเทิ่มของเขา!」

「มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเอเกอร์ซามะที่จะไมลงมือกับผู้หญิงใดๆข้างเขา…… มันจะดีที่สุด ถ้าอะไรๆจบที่ความสัมพันธ์เล่นๆ」

นนน่าปรบมือดั่งสรุปการเอะอะของผู้หญิง

「มันช่วยไม่ได้ เอเกอร์ซามะก็มีงานทำด้วย」

หลังจากตุบหนักๆ นนน่าวางกระเป๋าหน้าทุกคน

「อะไรอยู่ในกระเป๋า?」

「เอเกอร์ซามะพูดว่ามันไม่เป็นไรที่จะใช้อย่างที่หวังและไปมีความสุขระหว่างเขาไม่อยู่」

เมือปากถุงถูกเปิด ทุกคนเห็นได้ว่ากระเป๋าเติมเต็มถึงขอบด้วยเหรียญทอง

「อยู่ในนั้นมากเท่าไหร่?」

「บางทีประมาน 500 ทองมั้ง? พื้นฐานแล้วบอกฉันว่าไม่ต้องยั้ง ไม่ใช่เหรอ?」

สาวๆคนอื่นมองกัน

「จ-จริงๆแล้วเธอจะไม่ใช้มันหมด ใช่มั้ย……?」

มิเรลซ่อนความรู้สึกตื่นตกใจที่เธอรู้สึกเมื่อเธอเห็นภูเขาทองที่ไม่เคยเห็นมาก่อนหน้าต่อหน้าเธอ

「ธ-เธอพูดถูก ฉันคิดว่าเธอควรหยุดหลังจากใช้เงินพอเพื่อซื้อบางอย่างกินดีๆ!」

มิตี้และมาเรียพูด ณ เวลาเดียวกัน

พวกเธอสองคนโตมาเป็นชนชั้นกลางที่ต่ำกว่า ดังนั้นความหรูหราในมุมมองของพวกเธอนั้นจำกัดอยู่แค่การกินจุ

「ฉันซื้อชุดใหม่ให้แม่ได้ป่าว?」

「เสื้อผ้านั้นแพง น้อง」

นนน่าพยายามจูงสาวๆผู้เสียงดัง

「อะแฮ่ม เราคือเหล่าผู้หญิงของตระกูลฮาร์ดเลตต์ ความหรูหราคิดแคบนั้นเป็นความน่าอับอายสู่ชื่อเอเกอร์ซามะ」

「นั่นถูกแล้ว มันอาจเหม็นความจน」

แคทเธอรีนเห็นด้วยในเสียงเบา

「ถ้าอย่างนั้นเราควรทำอะไร?」

「ฉันได้แค่ความรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับนี่」

ลีอาห์เอียงหัวของเธอ ระหว่างซีเลียจับหัวของเธอในสองมือ

「ตามฉันมา! ฉันจะสอนเธอว่าจะซื้อของเหมือนขุนนางยังไง!!」

นนน่าพุ่งออกโรงแรมด้วยแรงมากมาย ระหว่างกิโด้และแม็กไล่ตามเธอในฐานะผู้ติดตามคุ้มกัน สาวๆคนอื่นถูกกลืนโดยช่วงอารมณ์และตามพวกเธอไปทีละคนทีละคน

 

 

ร้านเสื้อผ้า

「นี่เป็นชุดสวย…… บางทีฉันควรซื้อมัน……」

「รุ เธอตัดสินใจไม่ไดัทำไม? คนดูร้าน ถักเสื้อผ้าเหล่านี้สำหรับ 13…… ไม่, 14 คน สำหรับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว เราต้องการสามชุดสำหรับพวกเราแต่ละคน」

「ข-ขอบคุณมากๆสำหรับการซื้อ! พวกคุณ ทำมันทั้งหมดด้วยกัน!」

ภัตตาคาร

「เอ่อ…… ฉันเอาจานเนื้อแพงๆ……」

มิตี้ อย่าทำเหมือนจน เอาทุกอย่างในรายการอาหารให้เรา ฉันไม่ถือถ้าพวกคุณทั้งหมดกินอะไรที่เรากินเสร็จไม่ได้

「แน่นอน คุณหญิง」

ร้านขนม

「นี่อร่อย…… ว้าว พวกมันใช้น้ำตาลเยอะมากเลย!」

「ซีเลียจัง ที่มีครีมตรงนี้หวานมากๆด้วย」

「เราจะซื้อทุกอย่างในร้าน ได้โปรดส่งมันไปที่โรงแรมของเรา」

ร้านค้าแผงลอย

「น-นี่ดี」

「ท่านมีตาดี! แจกันนี้มีค่าแค่ 10 ทอง……」

「……นนน่าซัง ถ้าเธอซื้อของปลอม ฉันจะบอกเอเกอร์ซามะ」

ร้านข้างทางแปลกประหลาด

「นี่คือยาเหรอ……?」

「เงินเดินทางฉันหมดแล้ว ฉันไม่คุ้นเคยกับราคาแต่ฉันยินดีแยกจากมันด้วยสองเงิน」

ผู้หญิงใส่ผ้าคลุมหัวลึกลับวางขวดหนึ่งตรงหน้าของเธอ

อย่างที่คาดได้ นนน่าลังเลจากความรู้สึกน่าสงสัยที่ถูกส่งออกมาจากคนขายและของที่วางอยู่ตรงหน้าเธอ แม็กก้าวไปข้างหน้าเพื่อปกป้องเธอ

「ฟุมุ…… และมันมีผลอะไร?」

「เพิ่มความมอึด」

หน้านนน่าหวั่นไหวขณะเธอจินตนาการฉากที่สามีที่รักของเธอโอบกอดเธอและเธอสั่นเอง แต่สีหน้าเธอเปลี่ยนสู่ปรกติอย่างรวดเร็ว

「……ฉันจะซื้อมัน อะร้า ฉันไม่มีเหรียญเงิน เหรียญทองเป็นอะไรมั้ย?」

「ขอโทษ ฉันไม่มีเงินทอน」

นนน่าลังเลอีกครู่ แม้ว่าเธอรับรู้ว่าสถานการณ์นั้นสมบูรณ์แบบสำหรับพวกนักต้มตุ๋นเอาเปรียบ

อย่างไรก็ตาม ขวดดูเหมือนมีผลมากเท่าที่มันดูน่าสงสัย

เธอพยักหน้า เมื่อคิดว่าผลลัพธ์มันทดสอบกับครอลและคริสตอฟได้ก่อนเธอมอบให้สามีเธอ

「คุณมั่นใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ของมันเหรอ?」

「ฉันรับประกันมัน」

「ถ้าอย่างนั้น….. ฉันจะซื้อมันด้วยหนึ่งเหรียญทอง」

มันอาจยากที่จะเห็นเพราะใบหน้าของเธอถูกปิดด้วยผ้าคลุม แต่ดวงตาผู้หญิงเปิดกว้างในความตกใจชั่วครู่หนึ่ง

「มั่นใจเหรอ?」

「ฉันจะให้เธอยืมสำหรับตอนนี้ จ่ายฉันคืนถ้ารู้สึกอยากทำ」

อย่างเป็นธรรมชาติ นนน่ารับรู้ว่าเธออาจไม่มีวันได้เห็นแม่ค้าอีกครั้ง

ผู้หญิงยกหน้าของเธอและจ้องนนน่าสักพัก

「ให้ฉันได้รู้ชื่อของเธอ」

นนน่าจ้องอย่างสงสัยสู่ขวดยา

คนชอบอายจากการบอกชื่อขอพวกเธอเมื่อซื้อของเหมือนยาเสริมความอึด

「ฉันชื่อคาร์ล่า ฉันมาที่นี่เพื่อเดินทางมาพักผ่อนอย่างหรูหรา」

「คาร์ล่า นักเดินทาง…… รับทราบและขอบคุณเธอ ฉันจะจ่ายหนี้ก้อนนี้คืนบางวัน」

หลังจากนนน่าจากไป ผู้หญิงลุกขึ้นยืนอย่างเงียบๆ

เธอซื้ออาหาร, น้ำและรองเท้าเปลี่ยนอันเก่า และจากนั้นจากทอร์โทนไป

「ฉันจะไม่มีวันได้คิดว่าเป็นหนี้มนุษย์บางคน」

ผู้หญิงดึงผ้าคลุมหัวกลับไป

เธอเปิดเผยผิวขาวเกือบโปร่งใส หน้าตาเหมือนแกะสลัก และสิ่งที่เด่นที่สุดเพราะมนุษย์ปรกติไม่มีพวกมัน – หูยาวของเธอ

ผู้หญิงยิ้มและเดินคนเดียวสู่ทิศตะวันตก

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย ลอร์ดศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 162,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4000

มาชาติประชาธิปไตยลิบาติสด้วย: นนน่า (คุกเข่าวางมือ), ซีเลีย (คุกเข่าวางมือ), คาร์ล่า ( คุกเข่าวางมือ), มิตี้ (คุกเข่าวางมือ), มาเรีย (คุกเข่าวางมือ), แคทเธอรีน (คุกเข่าวางมือ), คุ (คุกเข่าวางมือ), รุ (คุกเข่าวางมือ), มิเรล (คุกเข่าวางมือ), ลีอาห์ (คุกเข่าวางมือ), โยกุริ (คุกเข่าวางมือ), อลิส (คุกเข่าวางมือ), เคซี่ (ผี), ปีปี้ (คนรัก) แอนโตนิโอ (ลูกชาย), โรส (ลูกสาวบุญธรรม)

กิโด้ (ผู้ติดตามคุ้มกัน), ครอล (พระขอทาน), ชวาร์ซ (ม้าลามก), แม็ก (ผู้ติดตามคุ้มกัน), คริสตอฟ (ผู้ติดตามคุ้มกัน)

แลมมี่ (ลืมบางอย่าง)

สินทรัพย์ 10 120 ทอง (สร้างความสุขไม่ยั้งมือ -500)

คู่นอน: 226, ลูกเกิดแล้ว: 48

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน