สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 821 ความหึงหวง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 821 ความหึงหวง

บทที่ 821 ความหึงหวง

ลู่จื่ออวิ๋นออกจากสนามแล้ว ปล่อยสถานที่นี้ให้เป็นพื้นที่ของกลุ่มชายเลือดร้อนเหล่านั้น

นางเดินไปหาคนที่อยู่ไม่ไกล

“มานั่งพักผ่อนตรงนี้สิ” คุณแม่มือใหม่เจี่ยหลิงหลงตบที่ว่างข้าง ๆ

สาวใช้กำลังอุ้มลูกสาวของเจี่ยหลิงหลงไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าและปากเล็ก ๆ ของเด็กน้อย เหมือนแกะสลักจากแม่พิมพ์เดียวกับสามีของนางไม่มีผิด

ลู่จื่ออวิ๋นนั่งลงข้าง ๆ มองเด็กน้อยแล้วพูดว่า “นางเงียบมาก ไม่ส่งเสียงดังเลย”

“แม่ของข้าบอกว่านางดูเหมือนข้า ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าทำตัวดีมาก ไม่รบกวนพ่อแม่เลย” เจี่ยหลิงหลงแตะใบหน้าเล็ก ๆ ของลูกด้วยความรัก

“ดีแล้ว”

“พวกเจ้าจะออกเดินทางเมื่อไหร่?” เจี่ยหลิงหลงจับมือของลู่จื่ออวิ๋น “ข้าปล่อยเจ้าไปไม่ได้จริง ๆ”

“ข้าก็ทนจากเจ้าไปไม่ได้เช่นกัน” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “อาณาจักรเฟิ่งหลินเป็นอาณาจักรที่ดี หากเจ้ามีเวลาก็มาเยี่ยมข้าสิ เราจะออกเดินทางกันในเดือนหน้าแล้ว”

“เดือนหน้าหรือ? เร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ?”

“ไม่เร็วหรอก ฮ่องเต้ยอมรับข้าเป็นธิดาบุญธรรม อีกทั้งยังมีพิธีแต่งตั้งองค์หญิงด้วย ข้าจึงต้องรออีกหนึ่งเดือน หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ เกรงว่าข้าคงจะได้ไปจากที่นี่แล้ว”

“เจ้าแต่งงานไปอยู่ที่อาณาจักรเฟิ่งหลินในฐานะองค์หญิงจึงถือว่าเป็นตัวแทนของอาณาจักรฮุ่ย ตอนนี้อาณาจักรของเราทรงพลังมาก ไม่มีใครกล้าดูถูก พวกข้าราชสำนักในอาณาจักรเฟิ่งหลินคงไม่กล้าดูหมิ่นเจ้า”

“ไม่เลวเลย เจ้าไม่เคยพูดถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อน แต่ตอนนี้เจ้าพูดถึงมันอย่างชัดเจนและสมเหตุสมผล ดูเหมือนว่าลูกเขยของสกุลเจี่ยจะมีความสามารถมาก!”

“สามีเคารพข้ามาก เขาไม่เคยหัวเราะเยาะข้าเมื่อข้าไม่เข้าใจ แต่กลับสอนข้าอย่างอดทน เมื่อก่อนตอนที่เขาขอข้าแต่งงาน ครอบครัวข้าค่อนข้างกังวล พอแต่งงานกับเขา ข้าก็ตระหนักได้ว่าความกังวลเหล่านั้นไม่จำเป็นเลย เขาบอกว่าเขามาขอแต่งงานเพราะเขาตกหลุมรักข้า ไม่ใช่แค่เพราะเขาต้องการแต่งงานกับหญิงใดก็ได้ แล้วพากลับบ้านไปสืบสกุล”

“ในเมื่อเขาพูดเช่นนี้ ข้าควรจะเลี้ยงเครื่องดื่มเขา น่าเสียดายที่วันนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ด้วย หากเขามีวันพักผ่อนสักวัน เจ้าสามารถพาเขามาหาข้าได้ เราจะได้ทานอาหารด้วยกัน”

ในสนามเต็มไปด้วยความสนุกและตื่นเต้น พวกผู้ชายเหงื่อท่วมตัว ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่

ลู่จื่ออวิ๋นเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นเซี่ยเฉิงจิ่นตีพอดี ลูกกลม ๆ กลิ้งเข้าไปในหลุมของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำ

ทุกคนโห่ร้อง

เซี่ยเฉิงจิ่นมองไปทางลู่จื่ออวิ๋น

นางยิ้มสดใส

“พอแล้ว หยุดมองได้แล้ว” เซี่ยชิงโจวตบไหล่เซี่ยเฉิงจิ่น “ไม่ว่าใครต่างก็รู้ว่าเจ้าหลงรักคุณหนูลู่สุดหัวใจ ช่วยบอกวิธีให้เราหน่อยได้หรือไม่? ทุกวันนี้ผู้หญิงมองหาสามี โดยยึดเจ้าเป็นมาตรฐาน แล้วเราจะยังหาเมียได้หรือ?”

“ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะเป็นสินเดิมของเจ้าสาว” เซี่ยเฉิงจิ่นตบไหล่เซี่ยชิงโจว “ข้าก็รักเจ้าอย่างสุดซึ้งเช่นกัน เจ้าประทับใจหรือไม่?”

เซี่ยชิงโจว “…”

เขามองเซี่ยเฉิงจิ่นด้วยสีหน้าว่างเปล่า

“เจ้าจริงจังหรือ?”

“เหตุใดจะไม่จริงจังเล่า?”

“หากเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะก้าวหน้าไม่ใช่หรือ?” เซี่ยชิงโจวกล่าว “เจ้าดูสิว่าตอนนี้อาณาจักรฮุ่ยเพียบพร้อมไปด้วยผู้คน ไม่ต้องพูดถึงอัครมหาเสนาบดีลู่ ขุนพลเซี่ย ท่านฉีเซียว และใต้เท้าลู่น้อยเลย เพราะยังมีฮูหยินลู่และมีกลุ่มถงหยางในเมืองถงหยางซึ่งได้รับการฝึกฝนโดยสกุลหวังด้วย หากข้าเข้าสู่ราชสำนักในอนาคตย่อมเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่แน่นอน ข้าเป็นคนธรรมดา ไม่มีโอกาสโดดเด่นที่นี่ อาณาจักรเฟิ่งหลินยังไม่ได้เตรียมพร้อมเท่าอาณาจักรฮุ่ย หากข้าได้ไปที่นั่นด้วยและคอยเลียแข้งเลียขาของเจ้าก็จะทำอะไรได้มากมาย”

“เจ้าหมายความว่าอาณาจักรเฟิ่งหลินไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับอาณาจักรฮุ่ยและมีคนที่มีความสามารถพิเศษไม่เทียบเท่า เราจึงต้องเลือกเจ้าเพราะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น โปรดอย่าเข้าใจผิด” เซี่ยชิงโจวรีบขอโทษ

สองสหายไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้วแต่ไม่ได้ถือตนแม้แต่น้อย แม้ว่าเซี่ยเฉิงจิ่นจะเป็นผู้ปกครองอาณาจักรหนึ่งแล้ว แต่ต่อหน้าเซี่ยชิงโจว ทั้งสองคนก็ไม่ต่างไปจากเมื่อก่อน

เซี่ยชิงโจวเคยเห็นเซี่ยเฉิงจิ่นในสภาพที่น่าอับอายที่สุด แต่ก็เป็นเซี่ยเฉิงจิ่นเองที่ทำให้เซี่ยชิงโจวเป็นอย่างที่เขาเป็นในทุกวันนี้ หลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ไม่เคยหยุดเขียนจดหมายส่งให้กัน แน่นอนว่าเรื่องที่เซี่ยเฉิงจิ่นถามมากที่สุดคือสถานการณ์ของลู่จื่ออวิ๋น

เซี่ยชิงโจวก็น่าชังมากเช่นกัน เขามักจะเขียนถึงเรื่องจำนวนคนที่มาขอลู่จื่ออวิ๋นแต่งงานและเล่ารายละเอียดว่ามีกี่คนที่แอบสารภาพกับลู่จื่ออวิ๋น ในหมู่คนพวกนั้น โม่ชิงเหยียนและเจียงหว่านเฉินน่าจะถูกเขียนถึงมากที่สุด

“เอ๊ะ…” เซี่ยชิงโจวดึงแขนเสื้อเซี่ยเฉิงจิ่น “ดูนั่น ข้าได้โกหกเจ้าเสียที่ไหน?”

เซี่ยเฉิงจิ่นมองตามสายตาของเซี่ยชิงโจวแล้วเห็นเจียงหว่านเฉินยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ลู่จื่ออวิ๋นที่ยอมรับผ้านั้นมาด้วยรอยยิ้มไอรีนโนเวล

เขาโยนไม้ในมือไปทางเซี่ยชิงโจว

เซี่ยชิงโจวรับมันได้อย่างรวดเร็ว

เซี่ยเฉิงจิ่นก้าวเข้าไป

เซี่ยชิงโจวมองไปที่แผ่นหลังของสหายแล้วเอ่ยว่า “ชายคนนี้ยังพอมีคุณธรรมอยู่บ้าง ยังจำได้ว่าควรจะพาน้องชายไป… ดูการแสดง”

เพราะพวกเขาอยู่ห่างกันมาก เดิมทีจึงไม่มีทางที่เซี่ยชิงโจวจะได้เห็นอีกฝ่ายถูกภรรยาคุมเข้ม เพียงแค่คิดก็รู้สึกเสียดายแล้ว แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเสียดายเช่นนั้นอีก

“เจ้าจะไปอาณาจักรเฟิ่งหลินจริงหรือ?”

“พี่น้องของข้าคือฮ่องเต้ แน่นอนว่าข้าต้องตามเขาไปเพื่ออยู่อย่างสุขสบาย”

“แล้วครอบครัวของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

“ทุกคนจะไปที่นั่นด้วย!”

“ตัวเจ้าเองเป็นสินเดิมของเจ้าสาว แต่ครอบครัวเจ้าก็จะเป็นสินเดิมของเจ้าสาวด้วยหรือ?”

“น้องชาย…” เซี่ยชิงโจวตบบ่าคนที่พูดประชด “เพื่อประโยชน์ของสถานการณ์โดยรวม รายละเอียดบางอย่างไม่จำเป็นต้องจริงจังมากนัก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่อาจหลุดออกจากภาระอันหนักอึ้งได้”

เซี่ยเฉิงจิ่นเข้าไปหาลู่จื่ออวิ๋นแล้วพูดกับเจียงหว่านเฉิน “ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือพี่เจียง?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหว่านเฉินจางลงไปไม่น้อย หลังจากดื่มสุรา ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ ซ้ำยังดูมึนงง แต่ดูเหมือนว่าเซี่ยเฉิงจิ่นจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาทันที

แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะทำตัวมีน้ำใจมากต่อหน้าโม่ชิงเหยียน แต่เขาจะใจดีจริง ๆ ได้อย่างไร เมื่อเห็นผู้ชายที่น่ารำคาญอย่างเซี่ยเฉิงจิ่น

“ตอนนี้ข้าควรจะเรียกท่านว่าพี่เซี่ยหรือควรจะเรียกท่านว่าฮ่องเต้แห่งอาณาจักรเฟิ่งหลินดี?” เจียงหว่านเฉินถามอย่างสุขุม

“ที่นี่คืออาณาจักรฮุ่ยและข้าเป็นเพียงแขก ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น ท่านสามารถเรียกข้าได้ตามที่ต้องการ”

“พี่เซี่ยเต็มใจจะแข่งขันกับข้าหรือไม่?” เจียงหว่านเฉินถาม

“แข่งอะไร? หม่าฉิว*[1]?”

“นั่นไม่จำเป็น” เจียงหว่านเฉินกล่าว “มาแข่งม้ากันเถอะ! ข้ารู้ว่าในสนามแข่งมีการแข่งม้าหลายแบบ อย่างเช่นกระโดดผ่านวงแหวนไฟ มาดูกันเถอะว่าใครจะถึงเส้นชัยก่อน!”

“พี่ใหญ่เจียง หากท่านเมา มันจะดีกว่าที่จะไม่เล่นโลดโผนเช่นนี้” ลู่จื่ออวิ๋นห้าม “การแสดงในสนามแข่งมีไว้เพื่อคลายความเบื่อหน่ายของทุกคนเท่านั้น หากเข้าไปแข่งจะทำให้ต้องเสียหน้า”

เซี่ยเฉิงจิ่นจับมือของลู่จื่ออวิ๋นไว้แน่น

เมื่อลู่จื่ออวิ๋นมองมา เขาก็เม้มปากทำหน้าเศร้า

ลู่จื่ออวิ๋นจ้องมองเขา

เซี่ยเฉิงจิ่นหยุดทันที

เนื่องจากเจียงหว่านเฉินดื่มสุรา หากกระตุ้นให้เขาขี่ม้าขึ้นมาจริง ๆ คงจะไม่ดีถ้ามีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ครอบครัวลู่เป็นเจ้าภาพและแขกทุกคนก็อยู่ที่นี่

เจียงหว่านเฉินเห็นการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนสองคนแล้วรู้สึกหดหู่มากกว่าเดิม เขาลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากแล้วยกยิ้มบาง “ข้าเมานิดหน่อยแล้วจริง ๆ อย่าแข่งเลย ค่อยมาแข่งกันวันอื่นเถอะ! ข้าต้องขอโทษด้วย”

[1] หม่าฉิว คือ กีฬาขี่ม้าโปโล

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท