สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 825 ความล้มเหลวของชาวถูลา

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 825 ความล้มเหลวของชาวถูลา

บทที่ 825 ความล้มเหลวของชาวถูลา

ณ จวนลู่ ลู่เยี่ยส่งข่าวที่ส่งมาข้ามคืนไปให้ลู่อี้

ลู่อี้อ่านข้อความแล้วเอ่ยว่า “หากฮูหยินถามก็บอกว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ”

“มีอะไรผิดปกติหรือ?” มู่ซืออวี่เดินถือชามน้ำแกงเข้ามา “พยายามซ่อนอะไรจากข้ารึ?”

เมื่อลู่อี้เห็นนาง เขาก็โบกมือให้ลู่เยี่ยออกไปก่อน

ลู่เยี่ยรีบวิ่งไปหลบ

โชคดีที่ฮูหยินมาทันเวลา ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องร่วมมือกับนายท่านเพื่อช่วยเก็บความลับไม่ให้ฮูหยินรู้ ด้วยนิสัยของนางแล้ว อย่างไรเสียความลับก็ถูกเปิดเผยได้ง่าย เขาไม่กล้าพอที่จะทำให้ฮูหยินโกรธหรอก

“ข้าไม่อยากให้เจ้ากังวล แต่คิดว่าคงไม่อาจปกปิดเจ้าได้แล้ว” ลู่อี้เลิกปกปิด แล้วยื่นจดหมายในมือให้นาง

มู่ซืออวี่ยกชามไปวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าลู่อี้ จากนั้นก็หยิบจดหมายมาจากมือเขา

ข้อความระบุว่ากองเรือที่ไปส่งเจ้าสาวเร่งความเร็วขึ้นเพื่อใช้เวลาสามวันจากกำหนดการเดินทางเดิมคือห้าวัน โดยมาถึงดินแดนของชาวถูลาก่อนกำหนดและจับชาวถูลาทั้งหมดที่ซุ่มโจมตีที่นั่น ก่อนจะข้ามเส้นทางที่อันตรายที่สุดได้อย่างปลอดภัย

“นี่เป็นเรื่องดี เหตุใดท่านถึงต้องปกปิดข้าด้วย?” มู่ซืออวี่ถาม

“ข้าไม่อยากให้เจ้ากังวล”

“ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ราบรื่น ตราบใดที่พวกเขาผ่านวิกฤตทั้งหมดมาได้ ข้าก็ไม่กังวลแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “ต่อไปอย่าปกปิดข้าอีก ไม่เช่นนั้นท่านกับข้าได้เห็นดีกันแน่”

“ได้” ลู่อี้ซดน้ำแกงแล้วรับคำด้วยท่าทีสบาย ๆ

ครั้งต่อไปหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เขาก็จะยังคงปกปิดนางอยู่ดี

มู่ซืออวี่กอดคอลู่อี้จากด้านหลัง “วันนี้ข้าไปหาลูกแฝดของน้องรองมา พวกเขาน่ารักมาก”

“เราก็มีเหมือนกัน อย่าอิจฉาเลย”

“ข้าเห็นพวกเขาแล้วก็คิดถึงเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์มากขึ้นเรื่อย ๆ หลายปีที่ผ่านมา แม่นางน้อยผู้นั้นติดตามข้าและช่วยเหลือข้าได้มาก” มู่ซืออวี่กล่าว “ตอนข้าเห็นฮั่วเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์ดินมาหาข้า ในเวลานั้น ข้าเหมือนจะเห็นเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์และฉาวอวี่ตอนที่ยังเป็นเด็ก แต่หลีเอ้อร์น่ารักกว่าฉาวอวี่มาก ใบหน้าเล็ก ๆ นั่นมีลักยิ้มคู่หนึ่งประดับเวลายกมุมปาก”

“เป็นเรื่องยากที่เถ้าแก่เนี้ยมู่จะว่าง เหตุใดวันนี้เราไม่ไปตลาดกลางคืนกันเล่า?”

ไปเดินเล่นกับภรรยาฆ่าเวลาเพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน

ลู่อี้มองผมสีขาวใกล้หน้าผากของมู่ซืออวี่

พวกเขาล่วงเข้าสู่วัยชราโดยไม่รู้ตัว

อีกด้านหนึ่ง ลู่จื่ออวิ๋นยืนอยู่บนหัวเรือ มองอาณาเขตของชาวถูลา

พวกเขาแอบเข้าไปในดินแดนของชาวถูลาล่วงหน้าแล้วทำลายล้างคนที่ซุ่มโจมตีอยู่ที่นั่น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเห็นคนตาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นญาติของผู้ตายเหล่านั้น

พวกเขามองลู่จื่ออวิ๋นและพรรคพวกด้วยสายตาโกรธแค้น

ในขณะนั้น นางรู้ซึ้งแล้วว่าทุกครั้งที่ฆ่าใครสักคนก็เหมือนกับกำลังทำลายครอบครัวของคนผู้นั้นด้วย

แต่นางไม่เสียใจ

เนื่องจากพวกเขาต้องการเป็นดาบในมือของฟ่านเหยี่ยน พวกเขาจึงควรเตรียมใจมาล่วงหน้าที่จะถูกหัก หากไม่ฆ่าพวกเขา แล้วจะรอให้พวกเขาจัดการกับนางก่อนหรือ?

ในเมื่อเราเกิดมาเป็นศัตรูกัน ดังนั้นจึงไม่อาจเมตตาได้

“ท่านแม่บอกว่าคนเรามีหลายด้าน มีทั้งด้านที่ดีและด้านที่ชั่ว ความดีและความชั่วอยู่ในคนคนเดียวกัน จงทำดีต่อคนดีและทำชั่วต่อคนชั่ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือการปกป้องตัวเอง”

หลี่กู่หยวนมองลู่จื่ออวิ๋น “เจ้าเห็นใจพวกเขาหรือเปล่า?”

“ข้าเห็นอกเห็นใจพวกเขาและนั่นก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ความเห็นอกเห็นใจก็คือความเห็นอกเห็นใจ หากข้าเลือกได้ ข้าก็จะยังเลือกแบบเดิม” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวอย่างสงบ “ชาวถูลากล้าหาญและเก่งกาจในการต่อสู้จริง ๆ หากเราไม่ได้เตรียมการไว้เพียงพอและเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างกะทันหัน ย่อมไม่อาจรอดพ้นไปได้”

“ข้าเคยได้ยินเรื่องชาวถูลามาก่อน” หลี่กู่หยวนกล่าว “ชาวถูลาชอบใช้ความสามารถของตนโดยการลุยน้ำเพื่อยึดเรือสินค้าที่แล่นผ่าน หากมีผู้หญิงก็จะบังคับขืนใจผู้หญิงบนเรือด้วย ชนชาตินี้ป่าเถื่อน น่าจะถูกทำลายไปตั้งนานแล้ว”

“ท่านคงไม่ได้กังวลว่าข้าจะทนไม่ไหวและรู้สึกผิด ถึงมาที่นี่เพื่อปลอบใจข้าใช่หรือไม่?”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องสบายใจก็ได้ ข้าเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้น”

เซี่ยเฉิงจิ่นออกมา เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกันก็รู้สึกเศร้าใจ

ในการทำเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่ เขาถูกบังคับให้ไปที่อาณาจักรเฟิ่งหลินและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหลายปี ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากับลู่จื่ออวิ๋นต้องห่างกัน แม้ว่าเขาจะส่งของขวัญให้นาง และไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็จะส่งจดหมายไปถึงนางเป็นระยะ ๆ แต่นั่นก็ยังไม่อาจชดเชยความเสียใจในปีที่ต้องห่างกันไกลได้

เขายังรู้ด้วยว่าระหว่างนางกับหลี่กู่หยวนนั้นไม่มีอะไร แต่เขาก็ยังหึงหวงอยู่บ้าง

อย่างน้อยต่อหน้าเขา ลู่จื่ออวิ๋นก็ยังไม่อยู่ในอาการที่ผ่อนคลายเช่นนี้

หลี่กู่หยวนสังเกตเห็นจึงหันกลับไปหาเซี่ยเฉิงจิ่น

“ข้าจะเข้าไปพักผ่อนแล้ว” หลี่กู่หยวนพูดกับลู่จื่ออวิ๋น “จากนี้น่าจะปลอดภัยตลอดการเดินทาง ข้าจึงควรไปพักผ่อนให้เต็มที่”

เซี่ยเฉิงจิ่นเข้ามาพูดกับนางว่า “ข้าสั่งให้คนครัวทำขนมที่เจ้าชอบ เจ้าอยากเข้าไปกินข้างในหรือไม่?”

ณ วังหลวงแห่งอาณาจักรเหลียง

ฟ่านเหยี่ยนมองจดหมายในมือ แล้วขว้างมันใส่เสนาบดีที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างแรง

“ชาวถูลาไม่ได้ภาคภูมิใจในความกล้าหาญและฝีมือการสู้รบที่เก่งกาจหรือ? พวกเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเรือส่งเจ้าสาวที่ไม่มีแม้แต่ทหารประจำได้อย่างไร?”

“เรือของพวกเขาน่าทึ่งมาก เพราะสามารถอยู่ใต้น้ำได้จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าภรรยาของอัครมหาเสนาบดีอาณาจักรฮุ่ยเป็นผู้หญิงที่แปลกมาก เป็นเพราะนาง อำนาจของอาณาจักรฮุ่ยจึงรุ่งเรืองที่สุดในโลกหล้า ตอนนี้อาณาจักรเฟิ่งหลินและอาณาจักรฮุ่ยกำลังจะแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์กัน ฮ่องเต้เฟิ่งหลินกำลังจะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ของครอบครัวอัครมหาเสนาบดีลู่ บางทีอำนาจของอาณาจักรเฟิ่งหลินอาจจะ…”

“หุบปาก!” ดวงตาของฟ่านเหยี่ยนเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แววตาดุดันน่ากลัว

เขาไม่อยากได้ยินเรื่องนี้

แม้จะรู้ว่านี่เป็นเรื่องจริงแต่ก็ไม่อยากได้ยินใครพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กับเซี่ยเฉิงจิ่น

ชาวถูลาเหล่านั้นเป็นเพียงขยะ เพียงแค่สั่งให้พวกเขาลักพาตัวเจ้าสาวก็ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

หากพลาดโอกาสนี้ การชิงตัวเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์กลับมาก็คงยากแล้ว เว้นแต่อาณาจักรเฟิ่งหลินทั้งหมดจะล่มสลายไป ไม่เช่นนั้น…

“เพราะเหตุนี้ ข้าจึงสั่งให้พวกเจ้าหาทางทำลายการแต่งงานครั้งนี้อย่างไรเล่า แต่พวกเจ้าทำอะไรลงไป?!”

“กุ้ยเฟยเสด็จ!” เสียงขันทีดังมาจากด้านนอก

หญิงสาวผู้มีหน้าตาสดใส นัยน์ตาดูค่อนข้างคล้าย ‘สหายเก่า’ เดินเข้ามา

“ฝ่าบาท อย่าทรงพิโรธเลยเพคะ” หรงกุ้ยเฟยพูดเบา ๆ “ถึงแม้พวกเขาจะไม่ถูกจัดการในอาณาเขตของชาวถูลา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีอุบัติเหตุอื่นใดตลอดทาง เท่าที่หม่อมฉันรู้มา มีคนในอาณาจักรเฟิ่งหลินที่ไม่ต้องการให้พวกเขาแต่งงานกันสำเร็จ”

“เหตุใดกุ้ยเฟยจึงมาที่นี่?” ดวงตาของฟ่านเหยี่ยนฉายแววเย็นชา

เพื่อที่จะเอาชนะชาวถูลา เขาได้แต่งงานกับลูกสาวของหัวหน้าเผ่า

แต่สตรีผู้นี้ไม่ได้กระสับกระส่ายเลย และยังคงพยายามเข้ามาแทรกแซงราชสำนัก

“หม่อมฉันได้ยินมาว่าคนของหม่อมฉันทำให้ฝ่าบาทขุ่นเคือง จึงมาที่นี่เพื่อขอความเมตตาเพคะ” หรงกุ้ยเฟยเดินไปหาฟ่านเหยี่ยน แล้วพูดเบา ๆ “เพื่อประโยชน์ของฝ่าบาท โปรดไว้ชีวิตพวกเขาในครั้งนี้ด้วยเพคะ”

“กุ้ยเฟยหมายความว่าอย่างไร? เซี่ยเฉิงจิ่นได้พิชิตอาณาจักรเฟิ่งหลินแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกล้าต่อต้านเขา”

“เพียงเพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตนะเพคะ” หรงกุ้ยเฟยกล่าว “ผลประโยชน์เป็นสิ่งที่ทดสอบจิตใจมนุษย์ได้มากที่สุดเสมอ”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท