บทที่ 843 ตกรางวัลให้เจ้า
บทที่ 843 ตกรางวัลให้เจ้า
จวนซ่ง
ที่โต๊ะอาหาร ฮูหยินซ่งมองดูซ่งหานจือด้วยสีหน้าปวดใจ แล้วคีบเนื้อชิ้นหนึ่งลงไปในถ้วยของเขา
ซ่งหานจือมองดูหมูตุ๋นน้ำแดงซึ่งเป็นของโปรดราวกับศัตรูตัวร้าย ใบหน้าเขายับยู่ยี่ สีหน้าขมขื่นปนทุกข์ใจ
“หมู่นี้การบ้านเยอะเกินไปหรือ? เหตุใดเจ้าถึงได้ผอมลงเพียงนี้?” ฮูหยินซ่งเอ่ยถามด้วยความห่วงใย “หรืออาหารในสำนักศึกษาหลวงไม่อร่อย? หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะทำ….”
“จะทำอะไร?” ซ่งไท่ฟู่ผู้เคร่งครัดเอ่ยอย่างไม่พอใจ “สำนักศึกษาหลวงไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าไป เจ้าอย่าได้วุ่นวายไปเลย”
“ท่านดูสิ ลูกชายของเราผ่ายผอมเพียงใดแล้ว” ฮูหยินซ่งไม่พอใจ “พวกเรามีบุตรชายเพียงคนเดียว ท่านไม่ปวดใจแต่ข้าปวดใจ!”
“มารดาตามใจบุตร ผู้อื่นกินได้ ไยเขาจะกินไม่ได้?” ซ่งไท่ฟู่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทานข้าวไม่พูดคุย นอนไม่พูดคุย อย่าได้ทำผิดกฎเกณฑ์”
“ตาแก่คร่ำครึ” ฮูหยินซ่งเอ่ยด้วยความโมโห “กฎเกณฑ์มากมายเพียงนี้ เช่นนั้นท่านก็อยู่กับกฎเกณฑ์ไปเถิด ไม่ต้องมาอยู่กับพวกเราสองแม่ลูกแล้ว ลูกชาย พวกเราไม่กินต่อแล้ว แม่จะพาเจ้าไปทานอาหารข้างนอก”
พ่อบ้านเดินเข้ามาจากข้างนอก เอ่ยกับเจ้าบ้านสองสามคนที่อยู่ที่นี่ “คุณหนูรองจากจวนอัครมหาเสนาบดีมาขอรับ กล่าวว่านางต้องการพบคุณชายน้อย”
“เสี่ยวชิงเอ๋อร์มาแล้วหรือ” ฮูหยินซ่งยิ้มออกมา “เชิญนางเข้ามาเร็ว”
เมื่อซ่งหานจือได้ยินว่าลู่จื่อชิงมาก็รีบคีบเนื้อหมูในถ้วยกลับไปให้ฮูหยินซ่งพร้อมเอ่ยว่า “ข้าไม่กินเนื้อ”
เขาอยากผอม อีกทั้งยังอยากหล่อเหลาเหมือนฟ่านซู่
พ่อบ้านพาลู่จื่อชิงเข้ามาในจวนซ่ง
“คุณหนูรองลู่ นายน้อยกำลังทานอาหาร หากคุณหนูไม่รังเกียจ….”
“เอาละ ข้ามาทานข้าวกับซ่งหานจือ” ลู่จื่อชิงเอ่ย “เจ้าไปทำงานของเจ้าเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า ข้าเข้าไปเองได้”
ด้านหลังลู่จื่อชิงมีสาวใช้สี่คนตามมา คนหนึ่งถือเตาขนาดเล็ก อีกคนถือหม้อขนาดเล็ก อีกสองคนถืออาหารหลายอย่าง
“คารวะใต้เท้าซ่ง ฮูหยินซ่ง” ลู่จื่อชิงค้อมคำนับ
“ไม่ต้องมากพิธี รีบมาทางนี้เร็วเข้า” ฮูหยินซ่งเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวชิงเอ๋อร์สูงขึ้นแล้ว ยิ่งโตก็ยิ่งงดงาม”
“ฮูหยิน ท่านยังงดงามเยาวว์วัยเช่นเคย ผู้ใดไม่รู้อาจคิดว่าท่านเป็นพี่หญิงของซ่งหานจือเชียวนะเจ้าคะ!” ลู่จื่อชิงเอ่ย
“ฮ่า ๆๆ” ฮูหยินซ่งหัวเราะร่วน “เสี่ยวชิงเอ๋อร์น่ารักจริง ๆ”
ซ่งไท่ฟู่ “…”
ซ่งหานจือ “…”
ไม่ว่าจะเป็นสตรีวัยใดล้วนชอบคำชมเชย สตรีหนึ่งแก่หนึ่งอ่อนสองคนนี้กล่าวชมกันไปมา พวกเขาที่อยู่ข้าง ๆ ล้วนตะลึงงันไปแล้ว
“จริงสิ เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เจ้ารีบมาลองฝีมือพ่อครัวเราดูสิ”
“ฮูหยิน ข้านำอาหารมาให้ซ่งหานจือ” ลู่จื่อชิงบอกจุดประสงค์ในการมาของตนเอง “หม้อไฟท่านแม่ข้ารสเลิศทีเดียว แม้กระทั่งร้านข้างนอกยังหารสชาติอร่อยเช่นนี้ไม่ได้ หมู่นี้ซ่งหานจือหักโหมมากเกินไป ทุกวันขยันหมั่นเพียรเล่าเรียนศึกษา มีการบ้านมากมาย ในฐานะสหายที่ดีของเขา ข้าเห็นแล้วก็ปวดใจจึงส่งหม้อไฟชุดเล็กมาฟื้นฟูกำลังให้”
“เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงได้ดีเพียงนี้?” ฮูหยินซ่งรู้สึกประทับใจยิ่งนัก “หานจือมีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าก็วางใจมากแล้ว”
“ฮูหยินวางใจเถิด มีข้าคอยปกป้องเขา ไม่มีผู้ใดกล้ารังแกอย่างแน่นอน” ลู่จื่อชิงตบอกตนเองด้วยความมั่นใจ
ขณะที่นางกำลังพูดคุยกับฮูหยินซ่งนั้น สาวใช้หลายคนก็เตรียมหม้อไฟหม้อเล็กให้พร้อมสรรพแล้ว
ซ่งหานจือมองดูอาหารที่จัดวางอย่างอลังการตรงหน้า ภายในใจรู้สึกต่อต้าน ทว่าเขาไม่อาจใจแข็งปฏิเสธลู่จื่อชิงได้
ซ่งไท่ฟู่เหลือบมองบุตรชายแวบหนึ่ง
เจ้าเด็กคนนี้…
ถูกผู้อื่นควบคุมไว้ในกำมือแล้ว
แทบไม่มีหนทางให้หวนกลับ
“นำถ้วยและตะเกียบมา” ฮูหยินซ่งเอ่ย “เสี่ยวชิงเอ๋อร์ เจ้าก็มาทานกับพวกเราเถิด”
ยิ่งฮูหยินซ่งมองเพียงใดยิ่งถูกใจแม่นางน้อยผู้นี้ นางแทบจะทนรอให้พวกเขาโตขึ้นเร็ว ๆ ไม่ได้ เช่นนี้จะได้แต่งเข้าบ้านตนเองเสียที
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำคนนึกกังวลคือพื้นเพของคุณหนูรองลู่ดีเกินไป ข้างนอกมีหมาป่ามากมายคอยจับจ้องนาง แต่คุณสมบัติลูกชายฮูหยินซ่งกลับธรรมดาทั่วไป เขาอาจไม่สามารถรับมือกับหมาป่าชั่วร้ายมากมายเพียงนั้นได้ อีกทั้งเรื่องภายหน้ายังไม่มีอะไรแน่นอน
ลู่จื่อชิงนั่งลงข้าง ๆ ซ่งหานจือ “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ขอบคุณฮูหยิน”
หม้อไฟหม้อเล็กพร้อมแล้ว
ลู่จื่อชิงคีบเนื้อแกะชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของซ่งหานจือ
“กินเถอะ!”
ฮูหยินซ่งและซ่งไท่ฟู่หันไปมองบุตรชาย ผู้ที่เมื่อครู่นี้ประกาศตนว่าจะไม่กินเนื้อ ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังจะยึดมั่นในหลักการของตนเองได้หรือไม่
ซ่งหานจือถอนหายใจอย่างไร้ชีวิตชีวา ก้มหน้าทานเนื้อแกะชิ้นนั้นลงไป
“เป็นอย่างไร? อร่อยใช่หรือไม่? ท่านแม่ข้าทำเองเชียวนะ” ลู่จื่อชิงมองซ่งหานจือด้วยสายตาคาดหวัง
ซ่งหานจือพยักหน้า “อร่อย”
“อร่อยก็ทานมาก ๆ เจ้าผอมเกินไปแล้ว!”
เขาผอมลง แต่นางกลับอ้วนขึ้น ความยุติธรรมอยู่ที่ใดกัน?
เช่นนั้นเขาต้องกลับมาอ้วนจึงจะใช้ได้
ไม่เช่นนั้นต่อไปนางจะไม่อ้วนกว่าเขาหรือ
ฮูหยินซ่งหัวเราะออกมา
เจ้าเด็กคนนี้คงไม่พ้นกำมือของเสี่ยวชิงเอ๋อร์แล้ว
เมื่อครู่ไม่ได้บอกว่าไม่กินเนื้อหรือไร? เหตุใดตอนนี้ไม่ปริปากเสียแล้วเล่า?
หลังจากทานอาหารเสร็จ ลู่จื่อชิงเผลอกินเข้าไปไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ได้การ อิ่มเกินไปแล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “หากเป็นเช่นนี้ต่อไปข้าคงอ้วนยิ่งกว่าเดิม”
ซ่งหานจือปรายตามองนาง “เจ้าไม่ได้บอกว่าอ้วนแล้วหน้าตาดีหรือ?”
เมื่อครู่นี้นางคะยั้นคะยอให้เขากินให้มาก ๆ เขาก็ไม่ได้เกรงใจ ตักของโปรดให้นางมากมาย เป็นดังคาด ลู่จื่อชิงทานมากกว่าเขาเสียอีก
“ต้องโทษเจ้า ตักของชอบข้าให้มากเพียงนั้น ตอนนี้กินจนพุงกางแล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ย “หากข้ากลับไปเช่นนี้ ท่านพ่อต้องอบรมข้าอีกเป็นแน่ เขาไม่ชอบผู้ที่ทำอะไรไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ”
“อยากไปเดินย่อยหรือไม่?”
“อยากสิ!”
“เช่นนั้นตามข้ามาเถอะ!”
ซ่งหานจือพาลู่จื่อชิงไปที่สวน
ภายในสวน มีต้นอ่อนต้นหนึ่งวางอยู่บนพื้น ข้าง ๆ กันมีหลุมหนึ่งขุดเอาไว้แล้ว
“นี่อะไร?”
“ต้นอิงเถา*[1]” ซ่งหานจือเอ่ย “ข้าตั้งใจจะปลูกพวกมันไว้ในสวน”
“ข้าจะช่วยเจ้า”
“ได้”
บ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ตักน้ำมาให้
ซ่งหานจือให้พวกเขาออกไปก่อน เพียงแค่กลบดินไม่จำเป็นต้องให้บ่าวรับใช้ทำ เขาตั้งใจว่าจะปลูกมันให้เสร็จด้วยตนเอง
ลู่จื่อชิงและซ่งหานจือปลูกต้นอิงเถาด้วยกันจนเสร็จ
คุณหนูรองลู่ปาดเหงื่อออก แล้วมองดูผลงานที่อยู่ตรงหน้า
“ซ่งหานจือ ต่อไปถ้ามันออกผลแล้ว เจ้าจะต้องให้ข้ากินครึ่งหนึ่ง นี่ก็เป็นผลงานของข้าครึ่งหนึ่งเช่นกัน”
“ได้ เจ้าอยากกินมากน้อยเพียงใดล้วนได้ทั้งสิ้น”
“ซ่งหานจือ เจ้าถูกรังแกง่ายเกินไปแล้วกระมัง? ข้าบอกอะไรเจ้าล้วนเห็นดีเห็นงาม หากข้านำเจ้าไปขาย เจ้ายังจะช่วยข้านับเงินหรือไม่?”
“ข้าไม่มีค่าอะไร เจ้าอย่าขายข้าจะดีกว่า” ซ่งหานจือกครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา
“ฟ้ามืดแล้ว ข้าต้องกลับแล้ว”
เด็กชายหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาส่งให้นาง “หน้าเจ้าเปื้อนโคลน เช็ดมันก่อนเถอะ”
ลู่จื่อชิงยกแขนขึ้นเช็ดอย่างขอไปทีสองสามครั้ง “ช่างเถิด กลับบ้านค่อยล้าง!”
ซ่งหานจือส่งลู่จื่อชิงกลับไป เฝ้ามองนางเดินเข้าประตูจวนฝั่งตรงข้ามก่อนจะเดินกลับมา
“หานจือ” ซ่งไท่ฟู่มองดูเขาอยู่ไม่ไกลออกไป “มานี่ พ่อมีอะไรจะบอกเจ้า”
ซ่งหานจือและซ่งไท่ฟู่พูดคุยกันอยู่ในห้องตำราเป็นนานสองนาน เมื่อออกมาจากข้างใน ความสับสนที่ปรากฏบนใบหน้าของซ่งหานจือก็เลือนหายไป สายตาของเขากลับกลายเป็นมุ่งมั่นแน่วแน่มากขึ้น
เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน
[1] อิงเถา คือ เชอร์รี