สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 873 เนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

บทที่ 873 เนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้น

บทที่ 873 เนื้อหาในกระดาษแผ่นนั้น

ลู่จื่ออวิ๋นรับมาแล้วเปิดอ่านข้อความ

ในนั้นมีข้อความหวานซึ้งข้อความหนึ่งเขียนเอาไว้ “น้องคิดถึงท่านพี่ มากเสียจนต้องปาดน้ำตาทุกคืนวัน แทบทนรอที่จะได้อยู่ด้วยกันไม่ไหวแล้ว”

มู่ซืออวี่เห็นแล้วจึงเอ่ยว่า “จากเนื้อหาในข้อความ ดูเหมือนว่าเป็นสตรีผู้หนึ่งที่คิดถึงคนรักจึงส่งข้อความถึงเขา”

“ในวังมีนางกำนัลมากกว่าสองพันคน หากกล่าวว่ามีคนที่มีคนรักอยู่ข้างนอกก็ไม่แปลกอะไร” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “เพียงแต่ มีวิธีอื่นในการส่งจดหมายรักออกจากวังไปมากมาย เหตุใดต้องใช้นกพิราบสื่อสารส่งออกไป? นอกเสียจากว่าคนผู้นี้รีบเร่งส่งจดหมายออกจากวังจนไม่อาจรอได้แม้เพียงชั่วขณะ หากคิดถึงคนรักถึงเพียงนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงถูกตัดศีรษะเพื่อส่งแค่ไม่กี่ประโยคนี้ออกไป เห็นได้ชัดว่ามีพิรุธหลายอย่าง”

“อวิ๋นเอ๋อร์กล่าวได้มีเหตุผล”

“ดังนั้นจดหมายนี้ย่อมมีปัญหา” ลู่จื่อชิงเอ่ย “อยากเห็นนกพิราบหรือไม่เจ้าคะ? ข้าคิดว่าจะบอกกล่าวพี่หญิงเสียก่อนค่อยฆ่านกพิราบตัวนั้นทีหลังจึงขังมันไว้ ยังไม่ทันได้ถอนขนเลยเจ้าค่ะ!”

“เอามาให้พี่ก่อนเถิด เจ้าอยากกินนกย่างก็ให้ห้องเครื่องทำให้ อยากกินอะไรก็กินอันนั้น” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

ลู่จื่อชิงเดินออกไปก่อนจะอุ้มนกพิราบตัวหนึ่งกลับมา

เมื่อมู่ซืออวี่รับนกพิราบมาก็สังเกตเห็นเครื่องหมายอยู่ใต้ปีกนก ปรากฏเป็นเลข ‘เจ็ด’ อยู่บนนั้น

“ชิงเอ๋อร์กล่าวไม่ผิด วังนี้ของเจ้าจำต้องจัดระเบียบให้ดีแล้วจริง ๆ”

การส่งสารผ่านนกพิราบสื่อสารไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถส่งข้อความออกไปสำเร็จ จำต้องเลี้ยงนกพิราบมากกว่าหนึ่งตัว เช่นนั้น ในวังจะต้องมีคนลอบเลี้ยงนกพิราบสื่อสารไว้สักแห่งอย่างแน่นอน

“ติงเซียง”

“เพคะ”

“เจ้าไปเชิญใต้เท้าเซี่ยมา”

“เพคะ”

ไม่นานนักเซี่ยชิงโจวก็มารออยู่หลังฉากกำบัง

มู่ซืออวี่นำนกพิราบออกมา อธิบายภาพรวมเรื่องนี้ให้เขาฟังหนหนึ่ง

“เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ตอนที่พวกเรามา น้องสาวเจ้าไหว้วานให้ข้านำของบางอย่างมาให้เจ้า รวมถึงจดหมายจากทางบ้าน น้องสาวเจ้าแต่งงานกับบุรุษที่ไม่เลวผู้หนึ่ง ทั้งสองมีลูกสาวสองคนกับลูกชายอีกหนึ่งคน พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยิ่ง”

เซี่ยชิงโจวประกบมือขอบคุณ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ

“ขอบคุณพระชายาที่แจ้งให้ทราบ”

หากกล่าวว่าในอาณาจักรฮุ่ยมีสิ่งใดที่เขาไม่อาจปล่อยวาง ก็คงมีเพียงน้องสาวร่วมท้องผู้นั้น ตอนนั้นเขาอยากพานางมาด้วยกัน ทว่านางได้หมั้นหมายแล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายก็เป็นผู้ที่นางพึงใจ นางจึงไม่ได้ตามเขามา

“ต้องขอบใจเจ้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออวิ๋นเอ๋อร์ทางนี้ มิเช่นนั้นนางอาจไม่สามารถดูแลการใหญ่หลวงเช่นนี้เพียงลำพังได้”

“พระชายากล่าวเกินไปแล้ว นางเป็นฮองเฮา ข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ควรเชื่อฟังคำสั่งของนาง แต่หากกล่าวโดยส่วนตัว นางก็เป็นภรรยาของสหายที่เป็นเหมือนพี่ชายข้า เป็นพี่สะใภ้ของข้า เป็นธรรมดาที่น้องชายต้องเชื่อฟังพี่สะใภ้”

หลังจากเซี่ยชิงโจวไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็หมุนกายกลับไปข้างเตียงลู่จื่ออวิ๋น “ตอนนั้นที่ลูกเขยพาเขามาด้วยกัน นับว่าทำได้ถูกต้องแล้วจริง ๆ ข้างกายควรมีผู้ที่ไว้ใจได้ถึงจะดี”

ลู่จื่ออวิ๋นเพิ่งคลอดลูกจึงควรพักผ่อนให้เต็มที่

มู่ซืออวี่ไม่ทำให้นางต้องกังวลกับเรื่องอื่น เพียงแค่ให้นางดูแลร่างกายตนเองให้ดี

หมิงจือเหยียนเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในหุบเขาเทพโอสถ เพียงแต่ในด้านโรคสตรี นางยังคงขาดความรู้อยู่บ้างเล็กน้อย คราวนี้นางจึงเรียนวิชากับหมอหลวงผู้เชี่ยวชาญโรคสตรี หลังจากนั้น ร่างกายของลู่จื่ออวิ๋นจึงเป็นหน้าที่ของนางที่ต้องดูแล

ภายในเปล เด็กน้อยที่เพิ่งตื่นขึ้นเบิกตากว้าง จ้องมองสตรีหน้าตางดงามด้วยความสนใจใคร่รู้

หัวใจของมู่ซืออวี่หลอมละลายเมื่อเห็นเด็กตัวน้อย ๆ ผู้นี้ นางเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “แม่อยากวาดอี๋เอ๋อร์เอาไว้ นำกลับไปให้ท่านพ่อและพี่ชายของเจ้าดู”

“เป็นเกียรติของอี๋เอ๋อร์แล้วเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ทักษะการวาดภาพของท่านแม่โด่งดังไปทั่วหล้า”

เดิมทีมู่ซืออวี่อยากจะใช้การร่างภาพวาดลู่จื่ออวิ๋นและเซี่ยเฉิงอี๋เจ้าตัวน้อยที่เพิ่งเกิดเอาไว้ ทว่าหลังจากครุ่นคิดอย่างรอบคอบแล้ว ภาพขาวดำทำให้แม่ลูกสูญเสียสีหน้าที่มีชีวิตชีวาไปถึงห้าส่วน ดังนั้นจึงลงเอยด้วยการวาดภาพสี

ตลอดระยะเวลาในการอยู่เดือน มู่ซืออวี่คอยอยู่เป็นเพื่อนลู่จื่ออวิ๋น ถึงแม้นางจะไม่จำเป็นต้องคอยดูแลเรื่องอาหารและเครื่องดื่มเพราะมีมามาคอยช่วยเหลือ ทว่าเมื่อมีมารดาคอยอยู่เคียงข้าง ลู่จื่ออวิ๋นจึงอารมณ์ดียิ่ง อีกทั้งยังฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี

คนโบราณให้ความสำคัญกับการไม่อาบน้ำสระผมระหว่างการอยู่เดือน ทว่าคนพิเศษอย่างลู่จื่ออวิ๋นจะทนเรื่องนี้ได้อย่างไร?

มู่ซืออวี่จึงให้หมิงจือเหยียนเขียนตำรับยาที่ใช้สระผมขึ้นมา มันไม่เพียงแต่สระผมและชำระล้างร่างกายได้เท่านั้น แต่ยังมีผลในการฆ่าเชื้ออีกด้วย

“ท่านแม่ใจดีกับพี่หญิงยิ่งนัก รอข้าคลอดลูกเมื่อใด ท่านแม่ก็จะมาดูแลข้าเช่นกัน” ลู่จื่อชิงหยอกเสี่ยวอี๋เอ๋อร์เล่น พลางเอ่ยด้วยความอิจฉา

“แม่นางคนดีของข้า ท่านอายุเท่าใดกัน? เอ่ยเรื่องเหล่านี้ออกมาไม่เขินหรือเจ้าคะ?” ติงเซียงที่อยู่ด้านข้างเอ่ยกระเซ้า

ไป๋จื่อเพิ่งติดตามลู่จื่ออวิ๋นภายหลังจึงไม่ได้กล้าหาญเท่าติงเซียง ไม่กล้าหยอกล้อเจ้านายตัวน้อย อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของลู่จื่อชิง นางก็หัวเราะขบขันอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน

มู่ซืออวี่คุ้นเคยกับ ‘คำพูดชวนให้คนตกใจ’ ของลู่จื่อชิงนานแล้วจึงไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร

นางจึงถามอีกเรื่องขึ้นมาแทน “ได้ยินว่าใต้เท้าเซี่ยกำลังค้นหาที่มาของนกพิราบสื่อสารในวังหลวง เจ้าช่วยได้มากทีเดียว”

“ท่านใต้เท้าเซี่ยบอกว่าวังสงบเกินไป คิดจะตรวจหาที่มาของนกพิราบสื่อสารไม่ได้ง่ายดายเพียงนั้น อย่างไรเสียเขาก็เป็นขุนนางคนนอก ราชวังเป็นที่ที่ฝ่าบาทและฮองเฮาอาศัยอยู่ นางกำนัลเหล่านั้นในวังล้วนไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของขุนนางคนนอก”

“แล้วเจ้าว่าอย่างไร?” มู่ซืออวี่ถาม

“ข้าบอกว่าในเมื่อมันสงบเกินไป เช่นนั้นก็ทำให้เอิกเกริก ของของข้าถูกขโมยไป จึงให้ใต้เท้าเซี่ยช่วยหา”

“จากนั้นเล่า?” ลู่จื่ออวิ๋นไม่ทราบเรื่องเหล่านี้แม้แต่น้อย

นางกำลังอยู่เดือนจึงไม่มีผู้ใดมารบกวนนางที่นี่

“ข้าพาใต้เท้าเซี่ยค้นทั่วทั้งวัง พบสิ่งต่าง ๆ ไม่น้อย พี่หญิง วังแห่งนี้ของท่านไม่สะอาดจริง ๆ” ลู่จื่อชิงเอ่ย “หูตาไม่ทราบที่มาจำนวนมาก ล้วนหาตัวออกมาได้ พวกเขาถูกใต้เท้าเซี่ยนำไปขังคุกหมดแล้ว จากที่ข้าคำนวณ ยามนี้ใต้เท้าเซี่ยคงยังไต่สวนอยู่! อย่างไรเสีย ผู้ที่ถูกจับกุมก็มีมากกว่าสามสิบคน คนเหล่านี้ปากแข็งยิ่งนัก หากไม่ทรมานพวกเขาคงเค้นอะไรออกมาไม่ได้”

“ปกติข้างกายข้าล้วนเป็นคนที่ใช้การได้ หูตาเหล่านั้นแม้จะเข้าวังมาได้ก็ไม่อาจเข้าใกล้ข้าจึงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว

“ที่นี่มีองครักษ์ลับมากกว่าสิบคนคอยปฏิบัติหน้าที่ ถึงแม้วันหนึ่งจะผลัดเปลี่ยนเวรยามเพียงสามครั้ง ทว่าก็ยังมีคนถึงสามสิบสี่สิบคน หูตาเหล่านั้นลอบเข้ามาในวัง รอคอยจังหวะสำคัญจึงจะลงมือ คงนึกไม่ถึงว่าจะถูกเปิดโปงเพราะนกพิราบเพียงตัวเดียว” มู่ซืออวี่เอ่ย “เพียงแต่ พวกเจ้ากำลังหาผู้เลี้ยงนกพิราบไม่ใช่หรือ? ในเมื่อแทบพลิกวังค้นหาเช่นนี้ เช่นนั้นหาผู้ที่เลี้ยงนกพิราบออกมาได้แล้วหรือ?”

“ยังไม่พบเจ้าค่ะ” ลู่จื่อชิงส่ายหัว “นี่จึงเป็นจุดที่แปลก เราพลิกวังค้นหา กลับหาผู้ที่เลี้ยงนกพิราบไม่พบ ทว่า ข้าจะต้องตามหาเขาออกมาให้ได้เจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่เอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น “เคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ เกรงว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นแล้ว”

“บางครา มีเพียงแหวกหญ้าให้งูตื่นจึงจะทำให้งูตัวนี้โผล่ออกมา นี่อาจเป็นอีกวิธีที่ใช้จับขโมยได้นะเจ้าคะ” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ถึงแม้จะไม่พบคนผู้นั้น เพียงแต่ข้อความที่เขาต้องการส่งออกไปเป็นแบบใดนั้นคาดเดาได้ไม่ยาก หมู่นี้มีเพียงเหตุการณ์เดียวที่เป็นเรื่องใหญ่คือเรื่องที่ข้าคลอดลูก เขาคงจะหาทางแพร่ข่าวเรื่องที่ข้าให้กำเนิดพระโอรสองค์แรกของฝ่าบาทออกไป”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

Status: Ongoing
ใครกล้าทำร้ายวายร้ายตัวน้อยทั้งสอง ภรรยาตัวร้ายอย่างข้าไม่ปล่อยไว้แน่

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท