บทที่ 876 คุณหนูรองใช้อำนาจรังแกผู้อื่น
หมู่บ้านไป๋เฮ่อ
หัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านนับสิบคนรอเจ้าหน้าที่ทางการผู้รับผิดชอบรับรังไหมมาตรวจสอบสินค้า
เจ้าหน้าที่ทางการมองด้วยท่าทีลำพอง แสร้งกล่าวด้วยความลำบากใจ “รังไหมหมู่บ้านเจ้ามีขนาดเล็ก สีก็เพี้ยน ราคาน่ะหรือ…”
“ใต้เท้า รังไหมของพวกเราก็เหมือนกับของปีก่อน ๆ นะขอรับ!” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ย “ใต้เท้าได้โปรดอำนวยความสะดวก คนทั้งหมู่บ้านล้วนอาศัยการขายรังไหมเหล่านี้หาเลี้ยงชีพ ราคาไม่อาจต่ำเกินไปกว่านี้แล้วขอรับ”
“ข้าก็ตัดสินใจไม่ได้เช่นกัน” เจ้าหน้าที่ทางการกล่าวด้วยความลำบากใจ “เจ้าก็เห็นว่ามีดวงตาหลายคู่คอยจับจ้อง หากข้าให้ราคาหมู่บ้านพวกเจ้าสูงเกินไป หมู่บ้านอื่น ๆ ก็จะทักท้วงเอาได้ รังไหมของเจ้าไม่ดีเท่าของหมู่บ้านอื่น ๆ เอาอย่างนี้ เห็นแก่ที่ทุกคนล้วนเป็นสหายเก่ากัน ข้าจะคิดราคาให้หมู่บ้านพวกเจ้าเท่าหมู่บ้านอื่น พวกเจ้าก็อย่าได้พูดออกไปเล่า มากความยิ่งจะทำข้าลำบากยิ่งกว่าเดิม”
ชาวบ้านที่อยู่ข้าง ๆ แต่ละคนล้วนทุกข์ใจ
พวกเขาทำงานหนักมาเป็นเวลานาน แต่ราคาที่ทางการให้มากลับไม่เพียงพอเติมเต็มท้อง หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป ปีหน้าพวกเขาหันไปปลูกพืชผลเสียดีกว่า ไม่ต้องปลูกหม่อนเลี้ยงไหมแล้ว
“ไม่คัดค้านอะไรแล้วกระมัง? หากไม่คัดค้าน เช่นนั้นพวกเราเริ่มเก็บกันเถอะ!” เจ้าหน้าที่ทางการกล่าว
กุบกับ! กุบกับ! กุบกับ!
เสียงเกือกม้าดังขึ้นมา
ชาวบ้านหันไปมองทิศทางตรงข้าม
“คนเหล่านี้เป็นผู้ใดกัน? ไม่ใช่โจรกระมัง?”
“ไม่น่าใช่ ถึงแม้ที่นี่จะอยู่นอกเมืองหลวง ทว่ายังอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเมืองหลวง โจรที่ใดจะอุกอาจเพียงนั้น ถึงขั้นเข้ามาก่อเรื่องในหมู่บ้านใกล้ ๆ เมืองหลวง”
คนบนหลังม้าลงมา ดรุณีน้อยที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้าเดินมาหาพวกเขาแล้วกล่าวว่า “พวกเราบังเอิญผ่านมาทางนี้ รู้สึกหิวน้ำเล็กน้อย ขอน้ำสักถ้วยได้หรือไม่?”
หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยอย่างรวดเร็ว “คุณหนู หมู่บ้านพวกเรายากจน เกรงว่าจะไม่มีชาดี ๆ รับรอง”
“ข้ากล่าวว่าจะดื่มน้ำ ต้องการชาที่ใดกัน? เพียงแค่ต้องการน้ำต้มสุก” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว
“เช่นนั้นทุกท่านรอประเดี๋ยว พวกเราจะไปเตรียมประเดี๋ยวนี้” สิ้นคำ หัวหน้าหมู่บ้านก็สั่งให้ภรรยาเยาว์วัยและแม่นางน้อยสะอาดสะอ้านหลายคนไปต้มน้ำมา
เจ้าหน้าที่ทางการหมดความอดทน “สรุปว่าจะขายหรือไม่ขาย?”
“ขายอะไรหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถาม “รังไหมพวกนี้หรือ?”
“ไม่ผิด” เจ้าหน้าที่ทางการเอ่ย “พวกเราเป็นคนของทางการ มาที่นี่เพื่อเก็บรังไหมโดยเฉพาะ”
“พวกเราคือองครักษ์วังหลวง” รองผู้บัญชาการองครักษ์วังหลวงนำป้ายออกมา “ท่านนี้คือน้องสาวของฮองเฮา คุณหนูรองลู่”
ดวงตาของเจ้าหน้าที่ทางการเบิกกว้าง รีบคุกเข่าลงด้วยแข้งขาอันสั่นเทาเพื่อคำนับ “คารวะคุณหนูรองลู่”
“ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ ข้าเป็นราษฎร ไม่ต้องแสดงมารยาทใหญ่โตเช่นนี้” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย เพียงแต่นางกลับไม่ได้ให้เขาลุกขึ้น
เจ้าหน้าที่ทางการปาดเหงื่อ
คุณหนูรองลู่…
ทายาทรุ่นสองที่ผู้คนในเมืองหลวงต่างโจษจัน
นางมาปรากฏตัวในที่ห่างไกลเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ข้าจำได้ว่าพี่สาวข้าเป็นผู้ริเริ่มระบบปลูกหม่อนเลี้ยงไหม”
ซ่งหานจือที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “ไม่ผิด ฮองเฮาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด คราวนี้พระนางส่งคุณหนูรองมาลาดตระเวนรอบเมืองหลวงพร้อมกับทหารองครักษ์วังหลวง เพราะกังวลว่าจะมีพวกอันธพาลมาเอารัดเอาเปรียบผู้เลี้ยงไหม ดังนั้นจึงมอบป้ายคำสั่งฆ่าคนก่อนค่อยรายงานทีหลังให้คุณหนูรอง คุณหนูรองมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการเรื่องผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม”
“พี่หญิงข้านี่จริง ๆ เลย นับตั้งแต่เล็กข้าก็ชอบฝึกยุทธ์ ชอบต่อสู้โรมรันฟันแทง ให้ข้าฆ่าเพียงไม่กี่คนยังพอได้ เหตุใดต้องให้ข้าดูแลไร่หม่อนด้วยเล่า?” ลู่จื่อชิงหยิบรังไหมขึ้นมา “คุณภาพของรังไหมนี้ดีมาก แทบจะเหมือนกับที่พี่หญิงข้าเลี้ยงเอง คงขายได้ไม่เลวกระมัง?”
เจ้าหน้าที่เริ่มอึกอักขึ้นมาแล้ว
รังไหมนี้ไม่เลวจริง ๆ เพียงแต่เบื้องบนกำชับมาว่าราคาไม่อาจให้เท่าปีก่อน ๆ ให้ได้เพียงสองในห้าเท่านั้น
หัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านนึกไม่ถึงว่าสตรีที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวมาขอน้ำจะมีสถานะสำคัญเช่นนี้ นางเป็นถึงน้องสาวแท้ ๆ ของฮองเฮา พวกเขาแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นผู้สูงศักดิ์เช่นนี้มาก่อน
ดูเหมือนพระนางฮองเฮาส่งนางมาช่วยพวกเขาเลย มิถูกหรือ?
ซ่งหานจือเอ่ยว่า “ฮองเฮาทรงให้ความสำคัญต่อผู้ปลูกหม่อนยิ่ง ราคาปีที่แล้วก็ดีมาก ปีนี้ย่อมต้องดีเช่นกัน หากรังไหมคุณภาพดีเช่นนี้ราคาไม่ขึ้น เช่นนั้นจะไม่ใช่การตบหน้าผู้อื่นหรือ?”
“คุณหนูรองเกลียดชังความชั่วร้ายพอ ๆ กับที่เกลียดขุนนางที่หาประโยชน์ใส่ตน” รองผู้บัญชาการเอ่ย “หากมีใครกล้าใช้อุบายฮุบเงินชาวบ้านจริง ๆ เช่นนั้นป้ายในมือคุณหนูที่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าก่อนรายงานทีหลังคงได้ใช้ประโยชน์แล้ว”
“ราคาเท่าปีก่อนขอรับ” เจ้าหน้าที่ผู้นั้นได้ยินก็เข้าใจแล้ว ช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ เขาไม่อาจเลอะเลือนได้ อย่างไรเสียที่นี่ก็มีภูเขาลูกใหญ่อยู่ เขาย่อมไม่กล้าขัดขืน
สีหน้าของชาวบ้านล้วนยินดีปรีดา
เดิมทีพวกเขาก็เตรียมใจว่าอาจต้องขายในราคาต่ำ นึกไม่ถึงว่าต้นหลิวจะเขียวขจีดอกไม้จะบานสะพรั่ง*[1] อีกครั้ง
ภายใต้การกำกับดูแลของพวกลู่จื่ออวิ๋น ชาวบ้านในหมู่บ้านไป๋เฮ่อจึงขายได้ราคาดีอีกครั้ง
“หมู่บ้านใกล้เคียงรับรังไหมมาแล้วหรือยัง?” ซ่งหานจือเอ่ยถาม
“รับมาแล้วขอรับ”
“จ่ายเงินแล้วหรือ?”
“จ่าย… มัดจำขอรับ” เจ้าหน้าที่ทางการปาดเหงื่อกาฬที่ไหลย้อยลงมา
“รองผู้บัญชาการ ท่านติดตามใต้เท้าผู้นี้ไปเยี่ยมชมกรมพระคลังสักเที่ยวเถิด” ลู่จื่อชิงเอ่ย “ชาวบ้านเลี้ยงไหมตรากตรำทำงานหนักมานาน ในที่สุดก็เก็บเกี่ยวผลผลิตได้เสียที ไม่อาจปล่อยให้ใจพวกเขาหนาวเหน็บเป็นอันขาด”
รองผู้บัญชาการติดตามเจ้าหน้าที่ทางการผู้นั้นไปแล้ว
เจ้าหน้าทางการผู้นั้นนำคนของเขาจากไปพร้อมกับรังไหมที่รับซื้อมา
“ขอบคุณผู้สูงศักดิ์” หัวหน้าหมู่บ้านนำชาวบ้านคุกเข่าลง
ลู่จื่อชิงรีบให้พวกเขาลุกขึ้นทันที
“ในเมื่อที่นี่ไม่มีเรื่องแล้ว พวกเราต้องไปก่อน”
“ช้าก่อน ผู้มีพระคุณ ท่านยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยนะ!” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ย “ไปเอาน้ำมาเร็วเข้า”
เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่กล่าวสืบต่อกันไป ทุกคนจึงได้รู้ว่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่เพิ่งมาผู้นั้นได้ช่วยพวกเขาเอาไว้ จึงเติมดอกไม้ที่เก็บรวบรวมเอาไว้ลงไปในน้ำ พร้อมกับกวนให้กลายเป็นน้ำหวาน
ลู่จื่อชิงไม่ชอบของหวาน นางจึงเพียงจิบดู ลังเลไปพักหนึ่ง ท้ายที่สุดก็ยังคงดื่มน้ำทั้งหมดลงไป
ซ่งหานจือรู้จักความชอบของลู่จื่อชิงเป็นอย่างดีจึงแอบยัดลูกพลัมเปรี้ยวให้นาง
ลู่จื่อชิงยัดลูกพลัมเปรี้ยวเข้าปาก ความหวานในปากของนางเจือจางลง จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“พวกเราต้องไปแล้ว ทุกท่านรักษาตัวด้วย”
“คุณหนู พระนางฮองเฮาทราบเรื่องของเราแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“พี่หญิงข้ารู้ เพียงแต่นางยังอยู่เดือนอยู่ภายในวัง ไม่อาจออกจากวังได้ พวกท่านวางใจเถิด พี่สาวข้าเป็นผู้ริเริ่มให้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม นางย่อมไม่ละทิ้งพวกท่านอย่างแน่นอน”
“คุณหนูโปรดบอกฮองเฮาแทนพวกเรา พวกเราไม่เป็นไร ฮองเฮาจะต้องดูแลพระวรกายพระองค์ให้ดี พระนางอยู่ดี พวกเราชาวบ้านที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของนางจึงจะอยู่ดีตามไปด้วย”
ชาวบ้านคนอื่นต่างส่งเสียงเห็นด้วยดังลั่น
ลู่จื่ออวิ๋นเพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัลในช่วงสองปีที่ผ่านมา ราษฎรล้วนชื่นชอบฮองเฮาผู้เข้าถึงได้ผู้นี้ เป็นเหตุให้เซี่ยเฉิงจิ่นกล้ามอบภาระในราชสำนักให้นาง เพราะนางเอาชนะใจราษฎรและนั่งอยู่ในตำแหน่งตนได้อย่างมั่นคง
ราษฎรต่างยินดี ทว่ากรมพระคลังกลับไม่ยินดีด้วย
เดิมทีพวกเขารับซื้อรังไหมในราคาต่ำสุด บัดนี้เป็นเพราะลู่จื่อชิงผู้นี้ก้าวเข้ามา ผลประโยชน์ของพวกเขาจึงไม่มีอีกแล้ว
ในไม่ช้ารองผู้บัญชาการก็กลับมารายงานกับลู่จื่อชิง
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“อีกฝ่ายยืนกรานว่าสินค้าที่ตนได้รับก่อนหน้านี้เป็นสินค้าด้อยคุณภาพ ไม่สมกับราคาปีก่อน ๆ ไม่ยินดีชดเชยเงินให้ชาวบ้านขอรับ” รองผู้บัญชาการเอ่ย “พวกเขามั่นใจว่ารังไหมก่อนหน้านี้ถูกส่งมอบให้ฝ่ายภูษาแล้ว พวกเราหาสินค้าก่อนหน้านี้ไม่พบจึงจับไม่ได้ว่าพวกเขาจงใจกดราคาขอรับ”
[1] ต้นหลิวจะเขียวขจีดอกไม้จะบานสะพรั่ง หมายถึง เมื่อผ่านอุปสรรคมาได้ ย่อมพบเจอความหวัง