ตอนที่ 637 เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์ของแท้!
ทางด้านเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าไม้ตายเต็มที่ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ‘กระบี่เก้าสะท้านฟ้า’ ‘หนึ่งปราณแปรสาม’…ท่าเด็ดและท่าไม้ตายต่างๆ โผล่มาไม่จบไม่สิ้น
ชั่วขณะนั้นไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสู้กับโอวหยางเฟิงได้อย่างสูสี ยากจะตัดสินแพ้ชนะ!
อีกด้านหนึ่ง ผู้ร่วมประลองคนอื่นไม่ได้มีศักยภาพที่แข็งแกร่งเท่าเขา
หลังจากเมฆเคลื่อนเดียวดายตกลงจากต้นไม้
ผ่านไปไม่นาน จันทราสะท้อนน้ำที่เป็นตัวแทนของเกาะดอกท้อก็ถูกอี้เติงจี้สกัดจุดตรงใต้รักแร้ ทำให้างกายแข็งทื่อและตกลงจากต้นท้อทันที กลายเป็นผู้เล่นคนที่สองที่ออกจากสนามประลอง
ส่วนการแสดงฝีมือของเทียนหวังขอร้องเสือเจ้าถิ่นก็นับว่าค่อนข้างดี ครั้งนี้เขาใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนด้านนิสัยของเฒ่าทารก ใช้กระบวนท่าที่ค่อนข้างน่าสนุกสู้กับอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็เล่าเรื่องตลกไม่หยุด หยอกให้เฒ่าทารกหัวเราะลั่น ไม่ได้รีบจบการประลองสนามนี้
แต่ทิวทัศน์ที่สวยงามไม่ได้คงอยู่ยาวนาน เพราะเจ้าหมอนี่พูดไปพูดมาก็เริ่มลืมตัว
จากตอนแรกที่เล่าเรื่องตลกใสๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเรื่องราวที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้น
หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาเริ่มประมาทเหมือนขับรถเร็วบนภูเขาหลายโค้ง
สุดท้าย ประโยคที่บอกว่า “ของอร่อยใดก็ไม่สู้เกี๊ยว เรื่องสนุกใดก็ไม่เท่าพี่สะใภ้” ก็ได้สะกิดแผลเป็นที่อยู่ลึกๆ ในใจของเฒ่าทารกแล้ว เฒ่าทารกโจมตีเจ้าเวรที่อยู่บนต้นไม้อย่างรุนแรงจนตกลงมาทันที กลายเป็นผู้เข้าร่วมประลองคนที่สามที่ออกจากการแข่งขันทันที
หลังจากนั้น ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ชัดเจนอีกแล้ว
ผู้เข้าร่วมประลองสามคนที่ถูกสามยอดฝีมือกำจัดออกจากสนามก่อนหน้านี้ ตอนนี้กำลังดูเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยซัดกันไปซัดกันมากับห้ายอดฝีมือที่ถูกกดความสามารถให้ลดลงบนต้นไม้ ดูไปดูมากก็รู้สึกอับอายไม่หยุด
ทุกคนเป็นผู้เล่นที่ขึ้นยานอวกาศเหมือนกัน แต่ทำไมถึงแตกต่างกันขนาดนี้
สถานการณ์ทางฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก งัดท่าไม้ตายต่างๆ ออกมาใช้ไม่จบไม่สิ้น โอวหยางเฟิงที่ถูกกดศักยภาพไว้ ถ้าอยากจะจัดการเขาให้ได้ภายในเวลาสั้นๆ ก็คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ส่วนการแสดงความสามารถของสะพานสวรรค์น้อยก็เหนือความคาดหมายของทุกคนเช่นกัน
กระบี่สองเล่มในมือนางใช้เคล็ดกระบี่ที่ต่างกัน แต่สองมือประสานงานเป็นอย่างดี ไม่มีช่องโหว่ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย!
ถึงขั้นว่าเคล็ดกระบี่ที่สองมือของนางใช้ ไม่เพียงแค่กระบวนท่าหลากหลายเท่านั้น คนที่เห็นก็รู้สึกว่ามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเช่นกัน
ดาบพระจันทร์เย็นในมือขวาใช้ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ กระบวนท่ารุนแรง แต่ลักษณะกลับอ่อนหวานปราดเปรียว ให้ความรู้สึกว่าเป็นสาวน้อยที่มีมารยาทมาก สงบนิ่งแต่ไม่ขาดแคลนความมีชีวิตชีวาของวัยหนุ่มสาว
ส่วนกระบี่ชิงชัยที่มือซ้ายก็ใช้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กระบวนท่าสง่างามภูมิฐาน เปล่งประกายสดใสแต่กลับซ่อนเจตนาสังหารเอาไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนเด็กชายที่ภายนอกจิตใจงามไร้ความเห็นแก่ตัว แต่ยังมีอีกด้านที่หน้าเนื้อใจเสือซ่อนอยู่
กระบี่สองเล่ม กระบวนท่าสองชุด เป็นลักษณะท่าทางและสง่าราศีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
มือสองข้างเข้ากันได้ดีเหมือนน้ำผสมนม แต่กลับเกิดเป็นพลังอันโดดเด่นที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ ทำให้ความสามารถภาพรวมของสะพานสวรรค์น้อยเพิ่มขึ้นสองระดับ
แม้แต่หวงเย่าซือเอง เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกข่มความสามารถ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับท่ากระบี่ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ก็หาทางเอาเปรียบนางไม่ได้แม้แต่น้อย!
นี่คืออะไร
นี่คือสุดยอดทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักสุสานโบราณ…กระบี่คู่ผนึกรวม!
หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยกใจพิสุทธิ์’!
เคล็ดกระบี่ที่ยอดเยี่ยมน่าทึ่ง อย่าว่าแต่พวกผู้เล่นที่อยู่ตรงนี้เลย แม้แต่ห้ายอดฝีมือก็อดตาลุกวาวไม่ได้เช่นกัน ส่งเสียงร้องให้กำลังใจในใจไม่หยุด
ในจำนวนนั้นหงชีกงค่อนข้างซื่อตรง ตอนนี้กระโดดลงจากต้นท้อมายืนอยู่ข้างกายกัวจิ้งแล้วถามว่า “จิ้งเอ๋อร์ ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่ตอนที่เจ้าต้านการลอบโจมตีของเจ้าตัวพิษ สองมือก็ใช้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ คนละกระบวนท่ากันใช่ไหม ตอนนั้นข้าไม่ทันได้ถามเจ้า เจ้าทำได้อย่างไรกันแน่”
“อ๋อ” กัวจิ้งเป็นเด็กซื่อสัตย์ เมื่อเจอกับคำถามของหงชีกง ก็ตอบตามตรงว่า “ข้าใช้ ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ที่พี่ใหญ่โจวปั๋วทงสอนให้ข้า”
“หึหึ ไม่เลว!” เมื่อเห็นสุดยอดทักษะของตนเองถูกเอ่ยถึง โจวปั๋วทงก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ แล้วกล่าวอย่างภาคภูมิใจมาก “ในสิบกว่าปีมานี้ ข้าอยู่ในถ้ำแล้วรู้สึกเบื่อๆ ก็เลยคิดค้นวิชามาสู้กับตัวเอง ใช้มือขวากับมือซ้ายแบ่งเป็นคนสองคน แล้วก็ใช้ทักษะยุทธ์ที่ต่างกันมาสู้กัน น่าสนุกมากใช่ไหมล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฒ่าทารก ยอดฝีมือที่เหลือก็พากันพูดไม่ออก
วิชาที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เจ้าคิดค้นมันขึ้นมาแค่เพื่อความสนุกงั้นหรือ
ต้องบอกเลยว่าเรื่องพรรค์นี้ต้องยกให้โจวปั๋วทงจริงๆ!
แต่หงชีกงกลับไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ หลังจากเขาได้คำตอบที่ตัวเองต้องการแล้ว ก็ถามต่อทันที “แล้วที่นางหนูคนนั้นใช้ ก็คือ ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ของเจ้าเหมือนกันหรือ”
“ใช่แล้ว!” โจวปั๋วทงตอบกลั้วเสียงหัวเราะ จากนั้นอธิบายว่า “แต่นั่นก็เป็นเพียง ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ เท่านั้น กระบวนท่านั้นของนางเดิมทีเอาชนะ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ได้ ทั้งยังใช้ร่วมกับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ข้าไม่ได้สร้างมันขึ้นมาหรอก”
เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนกล่าวเสริม “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในค่ายกลดอกท้อ นางหนูคนนั้นคิดวิธีการเล่นสนุกๆ ได้มากมาย เช่นกระโดดหนังยาง หมากกระดานเรียงห้าตัว ถักเชือก…เอาเป็นว่ายังมีของเล่นน่าสนุกอีกเยอะแยะเลย!…
…แล้วตอนหลัง เพื่อขอบคุณที่นางเล่นสนุกเป็นเพื่อนข้า ข้าจึงให้นางเป็นตัวแทนของศิษย์พี่ข้ามาเข้าร่วมการประลองยุทธ์เลือกคู่ครั้งนี้่ และเพื่อแสดงออกให้ชัดแจ้งว่านางอยู่ในฐานะผู้สืบทอดวิชาของข้า ข้าจึงสอน ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ให้นางล่วงหน้า…
…แต่ในฐานะที่เป็นรางวัลภารกิจที่แจกล่วงหน้า ข้ายังไม่ได้ถ่ายทอด ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ให้นางทั้งหมด”
เฒ่าทารกหัวเราะแห้งแล้วอธิบายต่อ “อิงตามเงื่อนไขภารกิจ นางต้องได้ตำแหน่งรองชนะเลิศของการประลองครั้งนี้ ถึงจะรักษา ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ให้คงอยู่ต่อไปได้ แต่ถ้านางได้ตำแหน่งชนะเลิศ ข้าก็ยังจะชี้แนะนางให้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของนางเพิ่มจากระดับเก้าเป็นระดับสิบด้วย…
…แต่ดูจากความสามารถที่นางแสดงออกตอนประลองรอบแรก ข้าก็รู้แล้วว่ารางวัลชนะเลิศกับนางไม่มีวาสนาต่อกัน”
พอได้ยินคำอธิบายของโจวปั๋วทง ทุกคนก็ปล่อยวางหมดแล้ว
เพียงแต่ครู่ต่อมา ความสนใจของพวกเขาก็ย้ายออกจากตัวสะพานสวรรค์น้อยแล้ว เพราะทางด้านเยี่ยเว่ยหมิงเกิดความผิดพลาดหนึ่งครั้ง จึงถูกโอวหยางเฟิงฉวยโอกาสโจมตีหลายกระบวนท่าต่อเนื่อง สุดท้ายก็บีบให้เขาจนตรอก
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะกลายเป็นคนที่สี่ที่ถูกโจมตีตกลงจากต้นไม้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
เขากลับเก็บกระบี่หยดโลหิตอาทิตย์อัสดงเข้าฝักกระบี่สาส์นพุทธะ จากนั้นมือขวาก็ชูนิ้วกลางให้โอวหยางเฟิงอีกครั้ง ทำสีหน้าสูงส่งเหมือนเทียนหวัง พร้อมบอกว่า “ไปกินอึสิ!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนที่ดูอยู่ก็พูดไม่ออก
เจ้าหมอนี่รู้อยู่แก่ใจแท้ๆ ว่าจะแพ้ แต่ก่อนที่จะถูกโอวหยางเฟิงโจมตีตกจากต้นไม้ ก็ยังตั้งใจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสะอึกสะอื้นอีกครั้ง
“อ๊บๆ!”
โอวหยางเฟิงที่ถูกเหยียดหยามแสยะหัวเราะหนึ่งที จากนั้นแก้มสองข้างพลันโป่งขึ้นมา ส่งเสียงร้องเหมือนคางคกพร้อมใช้มือขวาตบหนึ่งที เป้าหมายก็คือนิ้วกลางที่เยี่ยเว่ยหมิงชูขึ้นมา!
โอวหยางเฟิงในฐานะที่เป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า ย่อมพูดจาคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว
ก่อนหน้านี้เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะตบนิ้วกลางอันน่ารังเกียจนั่นของเยี่ยเว่ยหมิงให้เละ แม้จะไม่ได้พูดออกมา แต่สัญญาในใจก็นับเช่นกัน!
เมื่อเผชิญหน้ากับ ‘วิชาคางคก’ ที่โอวหยางเฟิงโจมตีสุดกำลังและอยู่ในค่าสเตตัสที่เหนือกว่า สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกอย่างเยือกเย็นราวกับไม่หวั่นเกรง
จากนั้น….
ปราณกระบี่ไร้รูปอันแข็งแกร่งสายหนึ่งก็ยิงออกมาจากนิ้วกลางของเขาอย่างเงียบเชียบ ปะทะกับฝ่ามือขวาที่โอวหยางเฟิงโคจรวิชาคางคกโจมตี!
ดรรชนีกระบี่หกชีพจร…กระบี่จงชง!