ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 580 สองคนร่วมทาง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 580 สองคนร่วมทาง

“คุณยังไม่ตายเหรอ” เถ้าแก่โจวนึกว่าเจ้าโง่เต็มใจยอมตายเพื่อช่วยเขา และได้มอบลมหายใจสุดท้ายของชีวิตให้ อย่างไรแล้วท้ายที่สุดก็ผลักเขาลงไปยังสะพานไน่เหอ จากนั้นตัวเองค่อยขึ้นไปต่อยพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ออกจากดอกบัวแห่งพระพุทธเจ้า มองอย่างไรก็ล้วนแต่เป็นภาพและบรรยากาศของทหารผู้โดดเดี่ยวที่คอยสกัดกั้นอยู่ด้านหลัง

เมื่อครู่ยังปวดใจ ยังรู้สึกเสียใจ ยังต้องผ่านอารมณ์ดราม่าตามบทที่น้ำเน่าที่สุด ใครจะไปรู้ เขาเพิ่งออกจากอารมณ์มึนเมาอย่างยากลำยาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าโง่ยังไม่ตาย!

ช่างเปลืองความรู้สึกเสียจริง ความรู้สึกแบบนั้นคล้ายกับปล่อยหลั่งออกมาแล้วจู่ๆ ก็อุดท่อเอาไว้ นั่นเรียกว่าสำลัก!

ในตอนนี้ จู่ๆ โจวเจ๋อก็พบว่าร่างของตัวเองเริ่มซ้อนทับกันอีกครั้ง เขายังคงเดินไปตามแสงวงกลมเพียงลำพัง แต่ดูเหมือนว่ามือและเท้าทั้งสองข้างยังสามารถเห็นเงาซ้อนทับบนร่างเขาอีกครั้ง มันเป็นเงาของอิ๋งโกว พวกเขาเดิมก็เป็นหนึ่งเดียว วิญญาณเดียว แบ่งออกเป็นสองจิตสำนึก

พูดให้แม่นยำ โจวเจ๋อเป็นอีกหนึ่งจิตสำนึกที่เกิดภายนอกในช่วงที่อิ๋งโกวนอนหลับสนิทตอนพักฟื้น และยังสามารถอธิบายได้ว่าเป็นโรคจิตเภท ‘จริง’ แม้ว่าจะยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง

ไม่รู้ว่ามีการแอบกลับชาติมาเกิดกี่ภพกี่ชาติ และมีกี่ชาติที่ตัวตนคล้ายกับโจวเจ๋อได้ถือกำเนิดขึ้น แต่ ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’ ที่ออกมาจากอิ๋งโกวที่หุ้มเหล็กมาตลอดอย่างต่อเนื่อง หากมีการแข่งขันชิงรางวัลระหว่าง ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’ ในช่วงที่ผ่านมา โจวเจ๋อน่าจะได้รับ ‘ดอกไม้สีแดง’

อย่างน้อยในบรรดาสุนัขเฝ้าบ้าน เขาถือว่าโดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง สุนัขเฝ้าบ้านหลายตัวอยู่มาทั้งชีวิตยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในร่างตัวเองดันมีอีกคนซ่อนอยู่ด้วย คล้ายกับซูเปอร์แมนที่ลืมไปว่าตัวเองคือซูเปอร์แมน และใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามาโดยตลอด เกิด แก่ เจ็บ ตาย บางทีการเป็นคนธรรมดาคือความสุข แต่จากมุมมองของคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ก็มักจะรู้สึกว่าหดหู่เกินไป และรู้สึกไม่น่าพอใจเกินไป

“อยากให้ข้าตายนักหรือ” ดูเหมือนเป็นเงาซ้อนทับกันแล้ว ดังนั้นเมื่อพูดจึงดูเหมือนว่าโจวเจ๋อกำลังคุยกับตัวเอง ไม่มีการหยุดชะงักและเสียงตอบกลับเลย นี่ทำให้โจวเจ๋อรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง

อันที่จริง ก่อนหน้านี้ตอนที่อิ๋งโกวได้อำนาจครอบครองร่างก็พูดคุยคล่องแคล่วมากเช่นกัน แต่ทว่าตอนนั้นเถ้าแก่โจวหมดสติและนอนหลับลึกจึงไม่รู้เรื่อง สถานการณ์แบบนี้มันสามารถเข้าใจได้ ใช้ปากพูดคุยกับคนและใช้ใจพูดคุยกับคนนั้น ความเร็วมันไม่เท่ากันอยู่แล้ว

“งั้นเมื่อกี้คุณจะสร้างบรรยากาศน่าประทับใจไปทำไม”

“เหอะ”

“…” โจวเจ๋อ

“ระวังตัวหน่อย ไปด้วยกัน เจ้าไม่อยากไปเกิดใหม่สินะ”

“อืม”

ในเมื่อมีทางออก ในเมื่อสามารถออกไปได้ เอาเป็นว่าเชิดหน้าให้สูงแล้วเดินหน้าต่อไป เมื่อใดก็ตามที่มีความปรารถนาที่จะอยู่รอดล้วนเป็นความคิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!

เถ้าแก่โจวไม่อยากกลับชาติมาเกิดอย่างงงๆ การเกิดใหม่นี้เหมือนกับการฟอร์แมตคอมพิวเตอร์ หลังจากเกิดใหม่ทุกอย่างก็หายวับไป

ไม่สนว่าชาติที่แล้วคุณจะเป็นอะไร ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ตัวฉันแล้ว

อีกทั้งทั่วทุกสารทิศที่นี่ล้วนทำให้รู้สึกหลงทาง หากไม่ใช่อิ๋งโกวที่ออกมาเดินไปพร้อมกับเขา โจวเจ๋ออาจจะต้านทานมันไว้ไม่ไหวแล้วก็ได้

เพียงแต่ว่าความหิวกระหายไม่ได้ลดลงเพราะอิ๋งโกวโผล่ออกมา กลับดูเหมือนว่าจิตสำนึกทั้งสองซ้อนทับกันจึงทำให้ยิ่งหิวมากขึ้น!

“หิว…”

“หิว…”

อิ๋งโกวเอื้อมมือออกมาดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย บริเวณนี้มีแสงวงกลมอัดแน่นละลานตาไปหมด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเป็นวิญญาณที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง!

สะพานไน่เหอเปรียบเสมือนการกลั่นให้บริสุทธิ์บนสายพานในโรงงานอุตสาหกรรม ขจัดสิ่งเจือปนออกให้หมดเหลือแต่ส่วนที่บริสุทธิ์ที่สุดเพื่อเสนอให้ต่อไป ดวงวิญญาณในที่นี้จะไปเกิดใหม่ทั้งหมด ราวกับซาซิมิที่อร่อยและสดที่สุด ไม่จำเป็นต้องปรุงรสเพิ่มใดๆ ก็ครบรสอยู่แล้ว

มือของอิ๋งโกวยื่นออกไปครึ่งหนึ่ง แต่กลับขยับไม่ได้แล้ว

“คุณทำอะไร”

“เจ้าทำอะไร!”

อิ๋งโกวโมโหเล็กน้อย หิวแล้วก็กินอะไรสักหน่อย มันเป็นเรื่องปกติ แต่สุนัขเฝ้าบ้านของเขากลับใส่ใจในความเมตตากรุณากับเขาเอาตอนนี้ คิดไม่ถึงว่าจะกล้าห้ามเขา ตัวเจ้าเองหิวเพียงไหนข้าสามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน!

“เด็กน้อยทั้งนั้น จะไปเกิดแล้วด้วยนะ แม่ของพวกเขาอาจจะกำลังผ่าตัดอยู่บนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาลอยู่ก็ได้ พ่อของพวกเขาอาจจะกำลังรอนอกห้องผ่าตัดอยู่ก็ได้”

โจวเจ๋อรู้ดี หากอิ๋งโกวเขมือบกินดวงวิญญาณที่นี่หนึ่งดวง นั่นก็หมายความว่ามีทารกที่กำลังจะคลอดออกมาตายคาท้องไปทันที เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนหัวโบราณ กระทั่งเขาเห็นแก่ตัวมากเสียด้วยซ้ำ แต่เรื่องแบบนี้เขาไม่อยากทำจริงๆ และไม่กล้าทำด้วย

ตอนแรกที่เขาเป็นหมอนั้น วิธีผ่อนคลายที่ชอบที่สุดไม่ใช่การไปผับบาร์ และไม่ใช่การไปหาความสุขที่ไหน แต่ดันชอบไปยืนอยู่นอกห้องผ่าตัดของแผนกสูตินรีเวช มองดูผู้ชายที่รออย่างร้อนอกร้อนใจอยู่ข้างนอก เพราะว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีพ่อและไม่มีแม่

อิ๋งโกวไม่ตอบรับและยังยื่นมือออกไป แต่การต่อต้านของโจวเจ๋อก็แน่วแน่มากเช่นกัน จนท้ายที่สุดอิ๋งโกวจำต้องชักมือกลับ หิวมากอยู่แล้ว ถ้ายังเปลืองพลังงานภายในต่ออีกก็จะหิวมากกว่านี้ กระทั่งอาจจะออกไปไม่ได้ก็เป็นได้

“ทำไมถึงหิวขนาดนี้นะ” โจวเจ๋อถาม

ดวงวิญญาณยังจำเป็นต้องกินข้าวด้วยหรือไง

“สะพานไน่เหอขจัดสิ่งสกปรกในดวงจิต”

อ๋อ โจวเจ๋อเข้าใจแล้ว เพราะดวงจิตเบาขึ้นถึงได้หิวขึ้น จากนั้นเดินต่อไปข้างหน้า

“พวกพญายมก็ใกล้แล้วใช่ไหม”

“บาดเจ็บสาหัส ยากที่จะฟื้นตัวภายในไม่กี่ร้อยปี”

ในความเป็นจริง มีอยู่จุดหนึ่งที่อิ๋งโกวไม่ได้บอกโจวเจ๋อ แต่คิดๆ แล้ว โจวเจ๋อก็น่าจะเข้าใจ นั่นก็คือท่ามกลางศึกก่อนหน้านี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ยืมมีดฆ่าสังหารคน

แต่ว่าบรรดาพญายมเหล่านั้นไม่ใช่ตัวละครที่จะเข้ากันได้ดีอะไรอย่างแน่นอน ดูเหมือนถูกเขาทำลายร่างธรรมทีละคนๆ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยิ่งเหมือนกับรู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังส่งให้ไปทำเสียมากกว่า ทำให้มันครบขั้นตอนพิธีก็เท่านั้น เมื่อนึกถึงเหล่าพญายมพวกนั้นพนมมือข้างเดียวและเอ่ยพระนามพระพุทธเจ้าต่อหน้าเขา ในใจของอิ๋งโกวเหนื่อยหน่ายจนหยุดไม่ได้

พวกต่ำต้อยไร้ประโยชน์กันทั้งคณะเอ๋ย ช่างอับอายขายขี้หน้า

“แล้วคุณล่ะ”

“หืม”

“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่ตายหรอก”

ก่อนหน้านี้รู้สึกว่าอิ๋งโกวไม่ตาย ยังรู้สึกดีใจมากทีเดียว ตอนนี้รู้สึกว่าอิ๋งโกวตายไม่ได้ ก็รู้สึกเอือมระอานิดหน่อยอีกแล้ว

“เจ้าอยากให้ข้าตายนักหรือ”

“บอกไม่ถูก”

“หลังออกไปแล้วข้าจะหลับลึก”

“ครึ่งเดือนเหรอ”

“หนึ่งเดือนหรือไง”

“สามเดือนใช่ไหม”

“ครึ่งปีสินะ”

“หนึ่งปีอะ”

“คงไม่ใช่ว่าสิบปีหรอกใช่ไหม”

“นอกจากเจ้าจะพบสิ่งที่ทำให้ข้าตื่นได้ มิฉะนั้นคงยากมากที่ข้าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง”

“อ๋อ” ตื่นอีกครั้งได้ยากมาก โจวเจ๋อถอนหายใจและพูดต่อ “งั้นน่าจะหายากมากเลยใช่ไหม”

“ถ้าหาพบละก็ ข้าคงไปหาด้วยตัวเองแล้ว”

“อ๋อ” โจวเจ๋อส่ายหน้า “ผมจะลองไปหาดูนะ” ไม่มีคุณอยู่ อ่านหนังสือพิมพ์อาบแดดแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

แน่นอนว่าอิ๋งโกวไม่ได้กล่าวขอบคุณแต่อย่างใด และไม่วิงวอนขอร้องสิ่งใดเช่นกัน เป็นไปไม่ได้ที่ศักดิ์ศรีของเขาจะต่ำต้อยกว่าสุนัขเฝ้าบ้าน จริงๆ แล้ว แม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไร ต่อให้คำพูดวาจาโอหังแค่ไหน แต่ก่อนหน้านี้เขามีพลังอยู่ส่วนหนึ่งสามารถกำจัดโจวเจ๋อและเลือกสุนัขเฝ้าบ้านใหม่อีกครั้งอย่างสมบูรณ์ เขากลับไม่ได้ทำอย่างนั้นแต่ปกป้องโจวเจ๋อและเดินไปที่สะพานไน่เหอด้วยกัน หวนคืนสู่โลกมนุษย์ด้วยกัน ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

บางที สามารถอธิบายได้ว่าคิดว่าข้างๆ โจวเจ๋อมีไท่ซานฝู่จวินหนุนหลังอยู่ สามารถอธิบายได้ว่าฝั่งโจวเจ๋อได้เริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่แล้วและมีทีมเล็กๆ เป็นของตัวเอง สามารถอธิบายได้ว่าหากโชคดีโจวเจ๋ออาจหาทางปลุกตัวเองได้ แต่ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร ก็มีสิ่งหนึ่งที่ไม่อาจลบล้างได้ นั่นก็คือประโยคที่โจวเจ๋อเคยกล่าวไว้ตอนอยู่ในพระราชวังว่า ‘ถ้าผมตายแล้วก็ตายไป ถ้าคุณยังรอดอยู่ละก็ อย่าฆ่าตัวตายล่ะ ใช้ชีวิตให้ดีต่อไปเถอะ’

อิ๋งโกวไม่ติดหนี้บุญคุณคน และไม่ยอมก้มหัวให้ผู้ใด แม้แต่จักรพรรดิเหลืองในสมัยนั้นที่มีศักดิ์เป็นจักรพรรดิ เปิดศักราชราชหวาเซี่ย เทพและปีศาจกราบไหว้บูชาไม่น้อย มีเพียงอิ๋งโกวเท่านั้นที่ไม่กราบไหว้! เจ้าคิดว่าเจ้าใจกว้าง เจ้าสามารถคุ้นเคยกับความเป็นและความตาย สามารถปล่อยวางได้ สามารถสร้างความประทับใจได้ แล้วข้าจะทำไม่ได้หรือ ตายนับว่าเป็นอะไร ตายได้แต่ขายหน้าไม่ได้! หากขายหน้าในสถานการณ์นี้ ถูกเปรียบเทียบกับสุนัขเฝ้าบ้านตัวนี้ อย่างนั้นชีวิตคงเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!

นี่เป็นวงจรสมองของอิ๋งโกว เขาคิดแบบนี้และทำแบบนี้เช่นกัน

“ครั้งนี้คุณระเบิดนรกไปครึ่งหนึ่ง เป็นการหุนหันพลันแล่นและบังเอิญจริงๆ เหรอ” โจวเจ๋อถาม

บอกตามตรงว่าตอนแรกโจวเจ๋อก็คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่จนแล้วจนเล่ากลับรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเรื่องบังเอิญธรรมดาทั่วไปขนาดนั้นแล้ว

อย่างเช่น การเปิดทางรอดที่อิ๋งโกวเคยพูด

อย่างเช่น การแยกพันร่างของอิ๋งโกว หากเพียงเพื่อความสะใจสักหน่อย หุนหันพลันแล่นสักหน่อย เย่อหยิ่งสักหน่อย ทำไมจะต้องทำให้มันซับซ้อนขนาดนี้ด้วย

“เหอะ”

อย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว แต่ว่าในตอนนี้หิวถึงขั้นนี้แล้ว โจวเจ๋อก็ไม่อยากจะใช้ความคิดอะไรมากมายอีก เพียงแค่เดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ

“ยมโลกย่อยยับแล้ว”

“อืม ผมเห็นแล้ว”

“ออกไปแล้ว ตั้งใจคลานนะ”

“คลานเหรอ”

“คลาน!”

“ฝืนใจกันไปหน่อยนะ”

ถ้าเป็นคนได้ ใครอยากจะเป็นผีกันเล่า อีกอย่างยมโลกไม่มีดวงอาทิตย์ด้วยซ้ำ แถมพระจันทร์ยังถูกคุณทำให้เล็กลงขนาดนี้ แม้แต่แสงจันทร์ก็สาดส่องไม่ถึง นรกนี่จะไปมีความหมายอะไร พระจันทร์สีเลือดนั่นก็โง่เหมือนกัน คุณกวักมือเรียกสองครั้ง มันก็ลงมาแต่โดยดี จริงสิ ดูเหมือนว่าคุณลืมให้พรคนอื่น และไม่รู้ว่ายังมีโอกาสอย่างนี้อยู่หรือเปล่า นี่มันหลอกกินฟรีนะเนี่ย 艾琳小說

เถ้าแก่โจวรู้สึกสงสารพระจันทร์สีเลือดนิดหน่อยจริงๆ

อิ๋งโกว ‘ลงมา!’

‘ฟุ่บ!’

พระจันทร์สีเลือด ‘เผาผลาญแคลอรี่ของข้า!’

จุ๊ๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่สามารถเห็นอกเห็นใจพระจันทร์กลมๆ ได้ เถ้าแก่โจวยังรู้สึกว่าการเดินทางสู่นรกครั้งนี้ได้ขยายความรู้ในสถานการณ์นั้นมากเกินไปจริงๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นแค่ยมทูตตนหนึ่ง ผู้จับกุมก็ไม่ใช่ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกเหนือกว่าและมองว่าพวกพญายมในนรกเป็นหมูเป็นหมาก็ไม่ปาน

ลอยแล้ว ลอยแล้วนะ

“เจ้ามีหนังสือรับรองสามารถเลื่อนตำแหน่งได้อย่างลับๆ”

“อ๋อ เข้าใจแล้ว” ยังใส่ใจจริงๆ

“จริงสิ ถึงยังไงก็ไม่มีอะไรทำ คุณก็จะนอนแล้ว ถือโอกาสนี้สอนอะไรผมสักหน่อยสิ กาแฟ หนังสือพิมพ์ เพิ่ม…เอาแต่พลิกเมฆาคว่ำพิรุณ มันซ้ำซากจำเจไปหน่อยน่ะ”

โจวเจ๋อลืมไปแล้วว่าเดินมานานแค่ไหน เอาเป็นว่ามันนานมาก นานเอามากๆ จนกระทั่งเขาหิวจนเกือบจะหมดสติและจิตสำนึกไป ทันใดนั้นแสงสีขาวพร่างพราวก็ปรากฏขึ้นด้านหน้า

เสียงอิ๋งโกวดังขึ้นมาอีกครั้ง “ร่ายคาถา วิญญาณหวนคืนร่าง!”

โจวเจ๋อสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที เขาไม่อยากเจอประสบการณ์แสนเจ็บปวดเหมือนตอนนั้นที่วิญญาณของเขาออกจากร่างและล่องลอยไปซ้ำอีกครั้ง จึงรีบร่ายคาถาทันที เตรียมพร้อมกำหนดตำแหน่งร่างของเขา และในเวลานี้เอง เสียงสุดท้ายของอิ๋งโกวดังแว่วมา “ใช้…ชีวิต…ให้…ดี…เถิด…”

“คุณว่าไงนะ ได้ยินไม่ชัด พูดอีกรอบสิ”

“สุนัข…เฝ้า…บ้าน…”

……………………………………………………

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน