ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 583 การกลับมา

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 583 การกลับมา

สีหน้ากลับมามีเลือดฝาดไม่น้อย ความหิวโหยถูกเติมเต็มจนหนำใจไม่น้อย ทว่าสิ่งที่ตามมากลับเป็นความอ่อนล้าลึกๆ แต่ทั้งหมดเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตที่พอทนรับได้ สีแดงฉานในดวงตาของโจวเจ๋อจางลงไปมาก ดวงตากวาดมองไปรอบๆ เริ่มจากมองดูคนที่ยืนอยู่ จากนั้นมองไปยังกลุ่มคนที่นอนล้มเกลื่อนบนพื้นโดยมีสภาพไม่สมบูรณ์มากนักไปรอบหนึ่ง พลางยื่นมือปิดจมูกอย่างรังเกียจ

“…” ทุกคนในบริเวณนั้น

คนออกคำสั่งให้ฆ่าก็คือเขาเอง กลายเป็นว่าคนที่รังเกียจสภาพแวดล้อมสกปรกๆ ของที่นี่กลับกลายเป็นเขาเอง พฤติกรรมแบบนี้ช่างสมกับเป็นเถ้าแก่จริงๆ

โจวเจ๋อยื่นมือชี้สาวน้อยโลลิแล้วถาม “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ” โจวเจ๋อจำได้ว่าตอนที่เดินทางมาเซี่ยงไฮ้ไม่ได้เรียกสาวน้อยโลลิมาด้วยสักหน่อย

“พ่อข้าพาครอบครัวมาเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ข้าก็เลยมาดูน่ะ” สาวน้อยโลลิอธิบายออกไปอย่างนี้

โจวเจ๋อเงียบ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองวิญญาณยมทูตมากกว่าสิบดวงที่หลงเหลืออยู่เหนือศีรษะตัวเอง น่าจะประเมินความอยากอาหารของตัวเองสูงไป หรือเสพติดความสุขของการเตรียมอาหารมากเกินไปจนอาหารที่เตรียมไว้มีมากเกินพอดี กระทั่งมากเกินไปมากด้วยซ้ำ ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองจากการกระทำของคน แต่จะปล่อยพวกเขาออกไปก็เป็นไปไม่ได้ แม้ว่าพวกเขาจะสาบานว่าจะปิดปากเงียบเพื่อเอาชีวิตรอดก็ตามที แต่ก็ไม่มีใครเชื่อจริงๆ หรอก

ตอนนี้ยมโลกเองก็เกิดเรื่องราวใหญ่โตจนแทบเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ แถมเขายังมีหนังสือรับรองยมทูตของไท่ซานฝู่จวินที่มีความสามารถบดบังการสำรวจตรวจสอบส่วนใหญ่จากยมโลกได้ และสามารถกระทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างเป็นอิสระอยู่บ้าง แต่ว่านี่ไม่ได้หมายความเขาจะสามารถเปลี่ยนแผนไปหาเหาใส่หัวได้ อีกทั้งเพราะสาเหตุที่อิ๋งโกวจมสู่การหลับใหลถาวร ความสามารถในการปกป้องตัวเองของเขาจึงดิ่งลงฮวบฮาบไปอีก แม้ว่าจะกระตุ้นให้ผู้ตรวจสอบแค่หนึ่งนายมาถามเอาความรับผิดชอบกับเขา สำหรับร้านหนังสือในตอนนี้แล้วก็เป็นปัญหาที่รับมือยากเช่นกัน

ประสบการณ์ชีวิตก็ได้ประสบพบเจอแล้ว แต่ก็เหมือนฝันฉากหนึ่ง หลังจากตื่นขึ้นมาแล้ว คนเราก็ยังต้องเรียนรู้และทำสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงอยู่ดี

สายตาของโจวเจ๋อมองไปที่เจ้าลิงน้อย ขณะเดียวกันก็หยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเอง เถ้าแก่โจวไม่สงสัยเลยว่าอิ๋งโกวจะหลอกเขาหรือเปล่า เพราะการหลอกลวงนั้นไร้ความหมาย เมื่อตอนที่อยู่ในนรกหลังจากที่อิ๋งโกวฟื้นพลังส่วนหนึ่งแล้วก็สามารถเผชิญหน้ากับบรรดาพญายม และไล่บี้ระเบิดร่างธรรมของพวกเขาทีละองค์

ในเวลานั้น ถ้าเขาคิดจะทำ แค่การผนึกของเจ้างั่งเพียงอย่างเดียวก็คงจะหยุดเขาไว้ไม่อยู่ ตอนนั้นเขาไม่ได้ทำถึงขนาดนั้น ตอนนี้โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่จำเป็นต้องเล่นกลใดๆ มันไม่สอดคล้องกับลักษณะนิสัยของเจ้าโง่ การทำอย่างนี้มันเป็นเรื่องอับอายขายขี้หน้าสำหรับเขา และด้วยเหตุนี้ เจ้างั่งปากกาพิฆาตที่ได้รับมาเป็นเวลานาน แต่นอกจากใช้ผนึกอิ๋งโกวแล้วก็ไม่ได้ถูกใช้ทำอะไรอย่างอื่นอีกเลย ตอนนี้สามารถนำมันออกมาลองใช้ประโยชน์ของมันตรงจุดอื่นดูบ้างแล้ว

“สมุดหยินหยาง” โจวเจ๋อตะโกนบอกเจ้าลิงน้อย

เจ้าลิงน้อยมุ่ยหน้า มันเป็นพญาวานรตั้งแต่กำเนิด มีความสามารถในการรับรู้เรื่องผู้คนและสิ่งต่างๆ มากมายตามธรรมชาติ แต่ทว่ามันก็ไม่ได้กอดไม่ปล่อย กลับหยิบสมุดหยินหยางออกมาจากในกระเป๋าเป้เล็กๆ ของตัวเองอย่างเงียบๆ พร้อมกระโดดดึ๋งๆ มาข้างหน้าโจวเจ๋อและยื่นส่งให้

โจวเจ๋อถือสมุดหยินหยางไว้ในมือ แต่แทนที่จะเปิดมันกลับวางเจ้างั่งไว้บนหน้าปก ชั่วขณะหนึ่ง เจ้างั่งตั้งตัวขึ้นตรง แม้แต่สมุดหยินหยางก็ออกห่างจากมือทั้งสองข้างของโจวเจ๋อและลอยขึ้นมา

โจวเจ๋อยังคงไม่เข้าใจวิธีใช้สมุดหยินหยาง บางทีระดับและตำแหน่งทางการของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะควบคุมมันได้ แต่ถ้ามีเจ้างั่งเป็นสื่อกลางละก็อาจจะมีการค้นพบอะไรใหม่ๆ ก็เป็นได้ ถึงอย่างไรเจ้างั่งก็มีจิตวิญญาณของตัวเอง เห็นชัดว่าจิตวิญญาณนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ในตอนแรกอิ๋งโกวอยากได้ปากกาด้ามนี้เช่นกัน แต่กลับเป็นเพราะตัวเขาเองตะโกนออกมาว่า ‘เจ้างั่ง’ เสียก่อน ทำให้เจ้างั่งยอมรับเขาเป็นเจ้าของก่อนน่ะสิ

“รับพวกเขาไว้ ผนึก!” โจวเจ๋อพูด

เจ้างั่งเริ่มหมุน สมุดหยินหยางถูกเปิดออกอย่างช้าๆ ดวงวิญญาณสิบกว่าดวงบนฟ้าถูกรวมเข้าไปอยู่ในนั้นในชั่วพริบตา แม่ย่าแปดและพี่หวงพวกเขาน่าจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มขึ้นอีกหลายคนทีเดียว และในเวลานี้เอง รูปร่างไซซ์มินิของงูดำตัวเล็กและพังพอนสีเหลืองปรากฏบนหน้าปกสมุดหยินหยาง พวกมันคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนตรงหน้าโจวเจ๋อ

ตอนแรกโจวเจ๋อเคยสัญญาเอาไว้ว่าถ้าตัวเองหาวิธีใช้สมุดหยินหยางได้เมื่อไรก็จะปล่อยพวกเขากลับไป ตอนนี้พวกเขาเองก็ดูออกแล้วว่าโจวเจ๋อสามารถใช้สมุดหยินหยางได้แล้ว จึงแสดงตัวออกมา หวังว่าโจวเจ๋อจะเคารพและรักษาคำสัญญาได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ถูกขังอยู่ข้างในมานานมาก นานมากจริงๆ

โจวเจ๋อขมวดคิ้วและลังเลครู่หนึ่ง ด้วยสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ พลังที่เพิ่มขึ้นทุกส่วนนั้นล้วนมีค่าอย่างยิ่ง เพราะเจ้าโง่ดันตกอยู่ในห้วงนิทราที่ไม่มีวันสิ้นสุด และในช่วงเวลายาวนานระยะหนึ่งจากนี้ไปเขาจะต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว

“รอหลังจากกลับร้านหนังสือแล้ว ผมจะเรียกจิ้งจอกขาวมา ถึงตอนนั้นจะปล่อยพวกคุณออกมาต่อหน้าเธอเอง” โจวเจ๋อเอ่ยพูด

นี่ถือเป็นการทำตามสัญญาก่อนหน้านี้แล้ว อันที่จริง ถ้าตอนนี้เขาอยู่ที่นี่เพียงลำพังก็อาจจะผิดสัญญาไปแล้ว แต่ตอนนี้ลูกน้องของเขาล้วนอยู่ที่นี่ ถ้าหากว่าผิดสัญญาละก็ เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย มันไม่คุ้มกันเลย

ตอนนี้เอง โจวเจ๋อยืนขึ้นภายใต้การพยุงของไป๋อิงอิง ก่อนจะชี้ไปยังสภาพแวดล้อมเปื้อนเลือดและพูดว่า “พวกคุณจัดการหน่อยนะ”

สาวน้อยโลลิและยมทูตทั้งหมดพยักหน้าตอบรับ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

เมื่อกลับถึงโรงแรม เนื่องจากว่าห้องที่เปิดเป็นห้องชุดจึงมีอ่างอาบน้ำอยู่ข้างใน อิงอิงอาบน้ำถูสบู่เหลวให้เขาเสร็จสรรพ โจวเจ๋อไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปยาวนานแค่ไหนสำหรับการเดินทางในนรก เพราะเขาเต็มที่มากมาโดยตลอด ตามอิ๋งโกวไปรบราจากเหนือจรดใต้ ฆ่าฟันจากทิศตะวันออกยิงยาวไปทิศตะวันตก ในความเป็นจริงแล้วเมื่อบวกกับเวลาที่เดินออกมาจากสะพานไน่เหอ นับตั้งแต่เขาเข้าไปในคลับจนออกมาก็ผ่านไปตั้งหนึ่งสัปดาห์แล้ว ไม่แปลกใจเลยที่สาวน้อยโลลิที่เดิมทีไม่ได้มาที่นี่สุดท้ายก็โผล่มาอยู่ที่นี่จนได้ มันผ่านไปนานมากเกินไปจริงๆ นั่นแหละ

หลังจากอาบน้ำเสร็จและเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดแล้ว โจวเจ๋อเอนกายลงบนเตียงและเลือกท่านอนที่ทำให้ตัวเองสบายตัว ส่วนอิงอิงไปเตรียมผลไม้บางส่วนมาป้อนให้โจวเจ๋อกิน

“รอฟ้าสว่างไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กันไหม”

“เจ้าค่ะ” เมื่ออยู่ต่อหน้าโจวเจ๋อ อิงอิงไม่เคยเข้าใจว่าการปฏิเสธคืออะไรเลยสักนิด

โจวเจ๋อพยักหน้า อยากจะนอนหลับสักงีบ แต่เวลานี้ดันมีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเล็ดลอดขึ้นมาจากด้านล่างโรงแรม คล้ายกับมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังทะเลาะวิวาทกันอยู่ และตอนนี้เองเสียงเคาะประตูห้องพลันดังขึ้น อิงอิงไปเปิดประตู เป็นสวี่ชิงหล่างที่เดินเข้ามา

“พวกเราจะกลับไปเมื่อไรเหรอ” สวี่ชิงหล่างถาม

“ในเมื่อมาแล้ว พรุ่งนี้ทุกคนก็ไปเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์กันเถอะ”

“อ๋อ” สวี่ชิงหล่างพยักหน้า “ผมไปเตรียมตั๋วและบริการวีไอพีก่อนนะ” สวี่ชิงหล่างออกไปทันทีที่พูดจบ

แต่ทว่าเสียงโหวกเหวกโวยวายด้านล่างโรงแรมยังไม่หยุดยั้ง โจวเจ๋อลุกออกจากเตียง เดินไปที่ริมระเบียงและชำเลืองมองลงไป พบว่ามีคนสองกลุ่มรวมตัวกันด้านล่างคล้ายกับกำลังโต้เถียงกันอยู่ ทุกคนส่งเสียงดังโวยวายอยู่ด้านล่าง อีกนิดเดียวก็เกือบจะชกต่อยกันอยู่แล้ว

โจวเจ๋อวางมือบนขอบระเบียงและจุดบุหรี่เสียดื้อๆ ด้านนอกมีพระจันทร์ส่องสว่างบนท้องฟ้า ด้านล่างมีเสียงคนกลุ่มหนึ่งกำลังโต้เถียงกันอยู่ ต้องบอกเลยว่า หลังจากได้เห็นฉากยิ่งใหญ่ซัดหมัดเตะถีบไม่ยั้งจนร่างธรรมของพญายมระเบิดกระจุย และสัมผัสความยิ่งใหญ่ในการเผชิญหน้ากับกองทัพยมโลกแล้ว เมื่อมองไปที่การนัดต่อยตีของพวกนักเลงจิ๊กโก๋ คิดไม่ถึงว่าจะได้ลิ้มรส ‘สายลมยามเช้าและจันทร์เสี้ยวที่ริมฝั่งต้นหลิว’ จริงๆ

กลุ่มคนทั้งสองด้านล่างต่างมีสีหน้าดุดันและตำหนิเตือนอีกฝ่าย แถมเอาแต่พ่นคำที่ตัวเองคิดว่าดูดีมีระดับไม่หยุดอีกต่างหาก ทะเลาะกันไม่รู้จักเบื่อหน่าย แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ก็ยิ่งทำให้โจวเจ๋อรู้สึกว่าพวกเขาน่ารักน่าเอ็นดู และเวลานี้อิงอิงก็ยกชามบะหมี่เข้ามาพร้อมกับยื่นน้ำพลับพลึงแดงให้ด้วย

โจวเจ๋อยืนกินอยู่ตรงนั้น พอกินบะหมี่ชามหนึ่งจนเสร็จแล้ว พวกจิ๊กโก๋อันธพาลด้านล่างก็รวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองฝ่ายเรียกเพื่อนมาด้วย และเสียงทะเลาะวิวาทก็ดังมากขึ้น แต่ทุกคนก็เอาแต่พล่ามไม่หยุด อย่างมากสุดก็แค่ชี้นิ้วใส่คุณ แต่ทุกคนล้วนอดทนอดกลั้นมาก ไม่ได้เริ่มต่อยตีกันขึ้นมาจริงๆ

กินอาหารเสร็จก็สูบบุหรี่หลังอาหารไปสักมวนพลางรับลมเบาๆ เพราะคืนนี้พระจันทร์ค่อนข้างสว่างจ้าทีเดียว ดังนั้นดาวบนท้องฟ้าจึงมีไม่มากนัก

อิงอิงยื่นที่เขี่ยบุหรี่ให้ โจวเจ๋อเขี่ยขี้เถ้าบนที่เขี่ยบุหรี่

“เถ้าแก่ รู้สึกว่าท่านต่างจากเดิมไปนิดหน่อยนะเจ้าคะ”

“อ้อ ต่างที่ตรงไหนล่ะ”

โจวเจ๋อไม่ได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางในนรก ยกเว้นอิงอิงและสวี่ชิงหล่างที่เข้ามาถามแผนการเดินทางของโจวเจ๋อก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีใครมารบกวนการพักผ่อนของเขาในเวลานี้แล้ว

เรื่องเหล่านี้น่ะ รอกลับถึงร้านหนังสือเสียก่อน โจวเจ๋อจะไปคุยกับทนายอันสักหน่อย เดาว่าทนายอันก็คงจะงงเป็นไก่ตาแตกแน่นอน หลังจากฟังเรื่องเล่าของเขาแล้ว ประสบการณ์การเป็นข้าราชการระดับกลางที่เขาภาคภูมิใจนักหนาอาจแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับทัศนคติทั้งสามพังทลายก็เป็นได้

แต่ทว่า เถ้าแก่โจวไม่ได้คิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้าจริงๆ เกิดปัญหากับยมโลก ร่างธรรมของพญายมทั้งเก้าถูกทำลาย ผลกระทบของที่แห่งนี้จะกว้างไกลมาก แต่หลังจากสูญเสียความช่วยเหลือจากอิ๋งโกว โจวเจ๋อรู้สึกว่าจากผู้เล่นประเภทเติมเงินเข้าเกมกลับไปเป็นผู้เล่นธรรมดา ตอนนี้ถ้าหากทำได้ไม่ดีละก็ เกมก็จะโอเวอร์ทันที

“เถ้าแก่ เทศกาลเสื้อกันหนาวผ่านไปแล้วนะเจ้าคะ”

“อ๋อ อ้าว” โจวเจ๋อยิ้มๆ และเอื้อมมือไปโอบไหล่ของอิงอิงแล้วพูดว่า “ผ่านไปแล้วก็แล้วไปเถอะ”

น่าเสียดาย การไปนรกครั้งนี้ไม่เจอกับแม่นางไป๋ และไม่รู้ว่าแม่นางไป๋ใช้ชีวิตอยู่ในนรกเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับการเผาอิงอิงนั้นมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใครคิดจะเผาเธอต้องข้ามศพโจวเจ๋อไปก่อน ต่อให้แม่นางไป๋จะคาดการณ์วางแผนอะไรเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่หลังจากเดินทางไปนรกในคราวนี้ เถ้าแก่โจวยังเคยเจอแม้กระทั่งพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์มาแล้วเลย จึงไม่คิดว่าแผนการแค่นี้นับเป็นอะไร อย่างน้อยในเชิงยุทธศาสตร์ คุณสามารถหยามคู่ต่อสู้ได้

อิงอิงซบหัวลงบนหน้าอกของโจวเจ๋อ โจวเจ๋อลูบเส้นผมนุ่มสลวยของเธออย่างเบามือ

“เชื่อไหมว่าข้าจะมัดพ่อแม่เอ็งไว้ในโลงศพด้วยกันแล้วจุดไฟเผาไปซะ”

ด้านล่างนั้น มีพี่ชายสูงวัยโกรธเกรี้ยวคนหนึ่งเริ่มปากดี เมื่อโจวเจ๋อได้ยินดังนั้น จากที่เดิมทียังรู้สึกว่านักเลงหัวไม้พวกนี้น่าสนใจดีก็พลันรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาทันที จึงหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนระเบียงขึ้นมาแล้วโยนมันลงไป ไม่สนว่าจะกระแทกโดนใครก็ตาม ถึงอย่างไรทั้งหมดก็ไม่ใช่พวกบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเสียด้วยซ้ำ

‘ตุ้บ!’ เสียงกรีดร้องดังมาจากด้านล่าง มีคนหนึ่งหัวแตกเลือดไหล และนี่ก็เป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึง นักเลงหัวไม้สองกลุ่มที่ปะทะฝีปากกันมานาน ในที่สุดก็เริ่มชกต่อยตะลุมบอนกัน ด้านล่างโรงแรมวุ่นวายโกลาหลทันที

…………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท