ตอนที่ 585 ความลับของแม่นางไป๋!
ตอนนี้โจวเจ๋อร้อนรนเล็กน้อย เทศกาลเสื้อกันหนาวผ่านไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวทั้งอย่างนี้ สำหรับคำพูดเตือนจากใจของแม่นางไป๋ที่ให้ไว้ในตอนแรก ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างโจวเจ๋อและอิงอิงในปัจจุบัน ไม่อาจจะพิจารณาเผาอิงอิงให้สิ้นซากได้
เพียงแต่ว่า มันประหลาดๆ คำพูดของคนที่ซ่อนอยู่ในชุดการ์ตูนเมื่อครู่นี้หมายความว่าอย่างไร ใช่แม่นางไป๋จริงๆ หรือเปล่า หรือว่าเป็นของเล่นอย่างอื่นที่ทำตัวเป็นปีศาจอยู่ที่นี่
ส่วนลึกในดวงตาของโจวเจ๋อฉายแววแดงก่ำ มันเป็นเพราะความโกรธล้วนๆ เดิมทีเป็นเพราะเจ้าโง่หลับใหลไม่มีที่สิ้นสุด โจวเจ๋อจึงรู้สึกว่าตัวเองต้องถ่อมตนกว่านี้หน่อย ก่อนหน้านี้ฆ่ากวาดล้างยมทูตทั้งหมดในคลับ เป็นเพราะว่าเขาหิวมากจริงๆ นั่นเป็นทางเลือกที่เลี่ยงไม่ได้ และในเวลานี้นรกกำลังตกอยู่ท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายของตัวมันเอง ไม่ว่าจะเป็นยมโลกหรือผู้พิพากษาลู่ที่รับผิดชอบการฝึกฝนในครั้งนี้ล้วนไม่สามารถดูแลครอบคลุมถึงที่นี่ได้ ดังนั้นฆ่าไปแล้วก็แล้วกันไป กินแล้วก็จบกันไป เขาเองก็มีหนังสือรับรองยมทูตอำพรางไว้ ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน
ครั้งนี้เขาตั้งใจว่าหลังจากพาอิงอิงไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์และกลับไป ก็จะซ่อนเร้นความสามารถเอาไว้ให้มิด ให้เขาเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จับกุมก่อนแล้วค่อยลองหาวิธีที่สามารถปลุกให้เจ้าโง่ตื่น แต่กระนั้นการถ่อมตนไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดอง ระยะเวลาห่างจากสถานการณ์ที่เขาได้สัมผัสประสบการณ์การต่อสู้กับพวกพญายมก่อนหน้านี้เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น อารมณ์ของเถ้าแก่โจวในตอนนี้เดิมทีก็ไม่มั่นคงนัก ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มีคนประหลาดๆ โผล่มาอีกคน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าแตะเกล็ดย้อนของเขา!
“เดี๋ยวข้าจะโทรศัพท์สักหน่อย” นักพรตเฒ่าหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดขึ้น “ไม่มีคนรับสายเลยเถ้าแก่”
โจวเจ๋อรีบถอดเสื้อคลุมของตัวเองออก แล้วเอามาปิดบังใบหน้าของตัวเองไว้ เขี้ยวสองซี่งอกออกพร้อมส่งเสียงคำรามต่ำอันน่าอึดอัดออกมา คนธรรมดาทั่วไปได้ยินไม่ชัดเจน แต่โจวเจ๋อเชื่อว่าเด็กชายที่อยู่กับอิงอิงจะสามารถรับรู้มันได้อย่างแน่นอน ไม่นานนักสัญญาณเหมือนกันสองครั้งดังมาจากฝั่งทิศตะวันตก สัญญาณแรกเป็นของเด็กชาย อีกสัญญาณหนึ่งเป็นของอิงอิง
ฮู่ว…
อิงอิงปลอดภัยดี
“ตรงนั้นใช่รถไฟเหาะทรอนไลต์ไซเคิลพาวเวอร์รัน[1]หรือเปล่า”
โจวเจ๋อวิ่งไปทางนั้น นักพรตเฒ่าก็ตามหลังมาติดๆ ไม่นานนัก โจวเจ๋อก็เห็นอิงอิงและเด็กชายวิ่งออกมาด้วยสีหน้าร้อนรนที่ตรงบริเวณประตูทางออก สาวน้อยโลลิถือน้ำผลไม้ในมือยืนอยู่ไม่ไกล ดูเหมือนว่าเธอไม่สนใจเล่นสิ่งนั้น ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าไปด้วย พอมาคิดดูแล้วก่อนหน้านี้ที่นักพรตเฒ่าโทรไปหาแล้วไม่มีคนรับสายเป็นเพราะว่าพวกเขากำลังเล่นเครื่องเล่นรายการนี้อยู่พอดี
“เถ้าแก่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ” อิงอิงเดินเข้าไปใกล้โจวเจ๋ออย่างกระวนกระวายเล็กน้อย ส่วนโจวเจ๋อกลับเอื้อมมือออกไปกอดอิงอิง มืออีกข้างแนบท้ายทอยเธอกดลงซบอกตัวเองไว้
“งื้อ~~~” อิงอิงผงะไปครู่หนึ่ง แต่ก็เริ่มรู้สึกประหลาดใจโดยสัญชาตญาณ จงรู้ไว้ว่าเถ้าแก่ของเธอไม่บุ่มบ่ามแสดงความสนิทสนมประเภทนี้ออกมาเมื่ออยู่ข้างนอก อีกทั้งดูเหมือนว่าเธอยังสัมผัสได้ถึงความอดรนทนรอไม่ได้อีกด้วย
สาวน้อยโลลิที่ดื่มน้ำผลไม้อยู่ข้างๆ เบ้ปาก ทำหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วถลึงตาใส่เด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอและกำลังจะยื่นมือออกมาเลียนแบบทำตาม
“ออกไป!”
“เล่นสนุกกันพอแล้วใช่ไหม พวกเรากลับกันเถอะ กลับทงเฉิงกัน”
ในบรรดาคนกลุ่มนี้ โจวเจ๋อพูดอะไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ทันใดนั้นทุกคนก็ไปรอสวี่ชิงหล่างอยู่ตรงทางออก จากนั้นก็ขับรถออกจากลานจอดรถโดยไม่รีรอ ขับกลับไปยังทิศทางของทงเฉิงทันที
มนุษย์เราหากพบกับภัยคุกคามที่เหนือการควบคุม ปฏิกิริยาที่ทำโดยไม่รู้ตัวก็คือถ่อกลับรังเก่าตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก สนามทีมเหย้าที่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย บรรยากาศที่คุ้นเคย แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยมากนัก แต่ก็สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
โจวเจ๋อกับไป๋อิงอิงขับรถหนึ่งคัน ส่วนคนอื่นๆ ก็ขับรถอีกหนึ่งคัน
เมื่อขับรถมาถึงทางด่วน ไป๋อิงอิงถึงได้เริ่มถามโจวเจ๋อด้วยน้ำเสียงจริงจังเล็กน้อย “เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ”
“อิงอิง ฮูหยินของคุณ ตั้งแต่แรกก็เป็นเพียงคุณหนูตระกูลร่ำรวยสมัยราชวงศ์ชิงจริงเหรอ”
ครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเสียงแม่นางไป๋คือเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่แล้ว แม้จะบอกว่าน้ำเสียงการพูดการจาของ ‘สโนว์ไวต์’ ก่อนหน้านี้จะคล้ายกับเสียงของแม่นางไป๋มากจริงๆ แต่โจวเจ๋อก็ไม่อาจปักใจว่าใช่เสียงของเธอจริงๆ แต่ถ้าเป็นแม่นางไป๋ละก็ นรกเพิ่งเผชิญกับการโจมตีและความวุ่นวายที่น่าสะพรึงกลัว พญายมเก้าในสิบตำหนักของยมโลกล้วนเกิดปัญหาร้ายแรง เธอดันมีเวลาว่างถ่อมาถึงโลกมนุษย์เพื่อแกล้งทำตัวเป็น ‘ผู้พยากรณ์’ ต่อหน้าเขาอีกเนี่ยนะ
ปกติแล้วมีแต่หนังป็อปคอร์น[2]ของยุโรปและอเมริกาเท่านั้นถึงจะมีสไตล์ประเภทนี้ถึงจะถูก เธอว่างขนาดนั้นเลยหรือ
“เอ่อ ใช่เจ้าค่ะ”
โจวเจ๋อใช้มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัย ส่วนมืออีกข้างหนึ่งกุมหน้าผากตัวเองไว้ตลอดเวลา ตลอดเวลาที่ผ่านมาความรู้ความเข้าใจที่เขามีต่อแม่นางไป๋โดยส่วนใหญ่ล้วนฟังมาจากการเล่าของอิงอิง และเมื่อสองร้อยปีก่อนอิงอิงก็นอนอยู่แต่ในโลงศพ การรับรู้และเข้าใจของเธอ จริงๆ แล้วล้วนได้มาจากการพูดคุยสนทนากับแม่นางไป๋
“เดี๋ยวหลังกลับร้านหนังสือไปแล้วคุณก็ไม่ต้องออกไป…ช่างเถอะ คุณไปกับผมแล้วกัน ตอนนี้โทรหาเหล่าอันบอกให้เขารอผมอยู่ที่ใต้สะพานทางด่วน”
“เจ้าค่ะ” อิงอิงรีบหยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาเหล่าอัน หลังจากบอกคำขอของเถ้าแก่แล้ว อิงอิงถือโทรศัพท์พลางมองเถ้าแก่และพูดว่า “เถ้าแก่ ทนายอันบอกว่าท่านบล็อกเบอร์โทรศัพท์เขาเจ้าค่ะ วีแชตก็ไม่ตอบ ตอนนี้เขาอยากจะคุยสายกับท่าน”
“วางสายเดี๋ยวนี้!”
“อื้อ” อิงอิงวางสายโทรศัพท์และเหลือบมองเถ้าแก่อีกครั้งอย่างระมัดระวัง เธอไม่รู้ว่าเถ้าแก่เจอเรื่องอะไรมา แต่จากในความทรงจำแล้วดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเห็นเถ้าแก่ดูลุกลี้ลุกลนอย่างนี้มาก่อนเลย
รถทะยานไปด้วยความเร็ว หนึ่งชั่วโมงกว่าให้หลังรถได้ผ่านสะพานใหญ่ซูทงลงจากทางด่วน ถือว่าได้เข้าสู่เขตแดนของทงเฉิงแล้ว
เป็นไปตามคาด รถของทนายอันจอดรออยู่ตรงหน้าจริงๆ
โจวเจ๋อหยุดรถ ทนายอันรีบผลักประตูลงจากรถทันที สีหน้าเหมือนคนเห็นผีพร้อมกับตะโกนว่า “แม่งเอ๊ย เถ้าแก่ ทั้งนรกถูกทำลายเละเป็นโจ๊กก่อนหน้านี้เกี่ยวข้องกับคุณใช่ไหม เถ้าแก่!”
ทนายอันมีช่องทางติดต่อสื่อสารกับนรกเป็นของตัวเอง และข่าวคราวที่เล็ดลอดออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อนก็มากพอที่จะทำให้เขาตกตะลึงอ้าปากค้างไม่หุบอยู่นานทีเดียว เขานึกถึงเถ้าแก่ของตัวเองโดยสัญชาตญาณ เพราะเรื่องราวคงไม่บังเอิญขนาดนั้น เถ้าแก่เพิ่งจะลงนรก แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องโกลาหลในนรกเสียได้ จะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับเถ้าแก่เลยสักนิด ทนายอันไม่เชื่อหรอก แม้จะบอกว่าเถ้าแก่ไม่มีความสามารถนี้ แต่เจ้านั่นในร่างเถ้าแก่เป็นถึงเจ้าทะเลแห่งความตายในกาลก่อนเชียวนะ ถ้าหากเขาอยากจะเล่นงานก็สามารถเล่นงานได้จริงๆ
สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือ หลังจากเถ้าแก่ของเขากลับมาแล้ว เขาทั้งโทรหา ส่งข้อความวีแชตไปอีกฝ่ายก็ไม่ตอบกลับเลย ทนายอันใจร้อนจนเกือบจะขับรถตามไปถามต่อหน้าถึงเซี่ยงไฮ้อยู่รอมร่อ ถึงอย่างไรระยะทางก็ไม่ไกลด้วย
“เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง ตอนนี้…”
“ไม่ได้ ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตไปมากกว่าเรื่องนั้นแล้ว รีบบอกผมมาเร็วๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ทนายอันคว้าไหล่โจวเจ๋อด้วยมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้นมากและแหกปาก “ผมแม่งแทบจะหายใจไม่ออกอยู่ในร้านหนังสือเพราะความอยากรู้อยากเห็นอยู่แล้วคุณรู้บ้างไหม!”
“อิ๋งโกวทำน่ะ ซัดร่างธรรมของพญายมเจ็ดแปดองค์กระจุย ก่อนหน้านี้พญายมผิงเติ่งหวังยังไม่ตาย แต่ครั้งนี้ตายจริงๆ แล้ว ตอนนี้อิ๋งโกวก็ตื่นขึ้นมาไม่ได้ด้วย โอเค เรื่องราวทั้งหมดก็จบลงแล้ว” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ทนายอันมองโจวเจ๋อด้วยท่าทีเหมือนคนท้องผูกสุดๆ คุณแม่งช่วยอย่าเล่าสั้นๆ ง่ายๆ จะได้ไหม มีการเล่าเรื่องอย่างคุณแบบนี้ที่ไหนกัน ขั้นตอนล่ะ รายละเอียดล่ะ ความสะใจล่ะ
“ตอนนี้ไปพิพิธภัณฑ์ทงเฉิงกับผมก่อน สถานที่เล็กๆ แห่งนั้นน่ะ ผมมีบางอย่างต้องสืบให้ชัดเจนหน่อย”
“ไม่ใช่ เถ้าแก่…” ทนายอันมีท่าทางไม่พอใจ
“สำคัญมาก!”
“ครับ ก็ได้”
“อืม เรื่องในนรกน่ะ ไว้ผมจะค่อยๆ เล่าให้คุณฟังทีหลัง ตอนนี้ไม่มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าเรื่องตรงหน้านี้”
ทนายอันพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้รอสวี่ชิงหล่างและคนอื่นๆ ที่ขับค่อนข้างช้าตามมาข้างหลัง ก่อนหน้านี้โจวเจ๋อให้ไป๋อิงอิงส่งข้อความวีแชตไปบอกพวกเขาให้กลับร้านหนังสือไปก่อน จากนั้นโจวเจ๋อก็พาอิงอิงและทนายอันรวมเป็นรถสองคันขับไปยังพิพิธภัณฑ์ทงเฉิงขนาดเล็ก
ทงเฉิงมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งมาก แต่ที่โจวเจ๋อจะไปในครั้งนี้ค่อนข้างเล็ก เล็กถึงขนาดที่ว่าไม่มีแม้แต่ลานจอดรถ ทำได้เพียงจอดรถไว้ริมถนนด้านนอกแทน อันที่จริง ทงเฉิงไม่ใช่เมืองที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยว มันตั้งอยู่ในตำแหน่งที่น่ากระอักกระอ่วน แม้ว่าตั้งแต่มีการปฏิรูปและเปิดประเทศ ความสำเร็จของ GDP โดดเด่นกระทั่งสูงยิ่งกว่าเมืองหลวงของมณฑลในภูมิภาคอื่นๆ แต่เมื่อพูดถึงมรดกทางวัฒนธรรมและทรัพยากรการท่องเที่ยวกลับไม่ได้อยู่ในลำดับความสำคัญเดียวกันกับเมืองพี่น้องอย่างหยางโจวและไหวอันที่อยู่ในมณฑลเดียวกัน
ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กแห่งนี้มีป้ายแขวนอยู่ ไม่มีแม้แต่เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัย พอเข้าไปแล้วยิ่งเหมือนเดินเข้าไปในห้องสมุดโรงเรียนมัธยม ข้างในก็ไม่มีคนอยู่ เมื่อเดินเข้าไปตลอดทางก็เห็นคุณป้าที่กวาดพื้นนั่งอยู่ตรงนั้น พลางถือโทรศัพท์ไว้ดูเหมือนกำลังสไลด์โต่วอิน[3]อยู่
หลังจากเดินเข้าไปข้างในอีกก็มองเห็นชายชราผมหงอกนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน คล้ายกับว่ากำลังคัดแยกเอกสารบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นคนเดินเข้ามาก็แค่เงยหน้าเหลือบมองเท่านั้นและไม่พูดอะไร ไม่จำเป็นต้องแสดงเอกสารยืนยันตัวใดๆ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบความปลอดภัยใดๆ เมื่อเข้ามาแล้วก็เข้ามาแค่นั้นเอง
“เหล่าอัน ผมจำได้คุณเคยบอกว่าประชาชนเคยช่วยกันสร้างศาลเจ้าให้แม่นางไป๋ในตอนแรกใช่ไหม”
“ใช่ครับ มีอะไรเหรอ”
“งั้นก็ช่วยค้นหาบันทึกของปีนั้นตามเบาะแสนี้มาหน่อย” พูดจบ โจวเจ๋อก็หันไปมองอิงอิง “อิงอิง คุณเองก็ช่วยหาด้วย”
“เถ้าแก่ เทศกาลเสื้อกันหนาวมันผ่านไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“หา!”
“ใจเย็นหน่อยสิครับ”
ชายชราหน้าโต๊ะทำงานกลอกตาใส่โจวเจ๋อและคนอื่นๆ อย่างเอือมระอาเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลงทำงานของตัวเองต่อ
“พงศาวดารท้องถิ่น บันทึกท้องถิ่น เริ่มค้นหากันเลยเถอะ”
หากไม่สามารถหาบันทึกเกี่ยวกับศาลเจ้าแห่งนั้นได้ก็ช่วยไม่ได้ แต่หากมีบันทึกที่สามารถค้นหาได้ละก็ อย่างนั้นก็มีแค่สถานที่แห่งนี้เท่านั้น การจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์มีชื่อเสียงอื่นๆ อีกหลายแห่งในทงเฉิงส่วนใหญ่เป็นงานเย็บปักถักร้อย อุตสาหกรรมสมัยใหม่ของประเทศ ฯลฯ แต่ที่นี่เป็นที่เดี่ยวที่จัดเก็บเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริง
การค้นหานี้ใช้เวลานานมากเพราะที่นี่มีเอกสารกองพะเนินมากจนเกินไป ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครมาที่นี่จริงๆ และที่นี่ก็ไม่มีพนักงานจริงๆ จังๆ เท่าไรนัก
เมื่อเวลาข้างนอกจวนจะพลบค่ำแล้ว ชายชราก็เดินเข้ามาถาม “เฮ้ จะปิดประตูแล้วนะ” ความหมายก็คือจะปิดประตูเลิกงานกลับบ้านแล้ว
โจวเจ๋อเมินเฉยและทำการค้นหาของตัวเองต่อไป ทนายอันและไป๋อิงอิงก็ไม่ใส่ใจไปตามระเบียบ พลิกๆ เปิดๆ สิ่งที่อยู่ในมือต่อ
ชายชราจนปัญญาเล็กน้อย ที่นี่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกต่างหาก เขาผอมแห้งแรงน้อยอย่างนี้คงจะไปไล่คนอื่นเขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงเดินเข้าไปถาม “หาอะไรล่ะ”
“ศาลเจ้าถูกสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ก่อนปลดแอกดูเหมือนว่าจะถูกทำลายไปแล้ว”
“อ้าว งั้นสิ่งนี้จะไปหาได้ที่ไหนกันละเนี่ย ถ้าหากหาคนดังมีชื่อเสียงสักอย่างก็อาจจะเป็นไปได้”
“ผมจำได้ว่าคุณจางเจี่ยนเหมือนจะเคยเขียนจารึกให้ที่นั่นนะครับ”
“คุณจางเจี่ยนเหรอ” ชายชราลังเลครู่หนึ่งแล้วถาม “ผู้ที่ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้าแห่งนั้น เป็นสตรีสกุลไป๋ใช่ไหม”
“คุณรู้เหรอ” โจวเจ๋อวางของในมือลงและหันหน้าไปมองชายชรา ถ้ารู้ว่าระดับของชายชราคนนี้สูงขนาดนี้ละก็ ก่อนหน้านี้เขาจะเปลืองแรงมากมายเพื่อค้นหาไปทำไมกัน
“ในบันทึกประจำวันของคุณจางเจี่ยนมีบันทึกเอาไว้” ขณะที่พูด ชายชราเดินไปข้างๆ ชั้นวางหนังสือ แล้วเอื้อมมือออกไปหยิบหนังสือเล่มหนึ่ง ข้างในนั้นมีรูปภาพ นับว่าเป็นวิธีที่สะดวกในการจัดเอกสาร
“หาเจอแล้วเหรอครับ ศาลเจ้านั้นหลังจากปลดแอกก็ดูเหมือนว่าถูกทำลายไปแล้ว” โจวเจ๋อเอ่ยถาม
“เอ้า หาเจอแล้ว ไม่ได้ถูกทำลายหลังจากปลดแอกหรอก ไม่มีตั้งแต่ก่อนการปลดแอกด้วยซ้ำ มันถูกเขียนเอาไว้ในบันทึกประจำวันที่นี่น่ะ แต่ว่าในสมัยนั้นไม่เรียกว่าบันทึกประจำวัน บันทึกไว้ในจดหมายทางบ้านและจดหมายเสียมากกว่า”
“ก่อนปลดแอกก็ถูกทำลายแล้วเหรอ รู้ไหมว่าใครเป็นคนทำลาย”
“คุณจางเจี่ยนเองน่ะสิ”
“อะไรนะ” โจวเจ๋อรู้สึกว่ามันไร้สาระเล็กน้อย เขาเป็นคนเขียนจารึกให้แม่นางไป๋ในตอนแรก “เป็นไปไม่ได้น่า”
“จดหมายฉบับนี้คุณจางเจี่ยนเขียนถึงหลานชายของตัวเองและกล่าวถึงเรื่องนี้ด้วย ในจดหมายนี้คุณจางเจี่ยนกล่าวว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว เขียนจารึกให้ศาลเจ้าแห่งเทพชั่วร้ายเกือบจะเป็นการทำผิดพลาดครั้งใหญ่ ท้ายจดหมายยังกล่าวว่าเขากังวลรู้สึกผิดมาก ปล่อยให้คนทำลายศาลเจ้าแห่งนั้นแล้ว”
“เรื่องราวจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ คุณจางเจี่ยนค้นพบอะไร”
ชายชรายักไหล่ “คุณถามผมว่ามื้อเย็นเย็นนี้ที่บ้านผมทำอะไรกิน ผมยังสามารถตอบได้ แต่ถ้าคุณถามผมว่าตอนแรกคุณจางเจี่ยนค้นพบอะไรละก็ ในเมื่อเขาไม่ได้เขียนไว้ในจดหมาย ผมจะไปถามเอาจากที่ไหน”
โจวเจ๋อหยิบ ‘สมุดบันทึกประจำวัน’ มาเริ่มเปิดอ่านเอง จางเจี่ยนนับว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของทงเฉิง ตัวเขาเองเป็นจอหงวนในช่วงราชวงศ์ชิงตอนปลาย เป็นผู้ร่างพระราชกฤษฎีกาสละราชสมบัติของจักรพรรดิชิง ต่อมาได้ตั้งอุตสาหกรรมแห่งชาติที่ทันสมัยในทงเฉิง ในช่วงราชวงศ์ชิงตอนปลายและยุคสาธารณรัฐตอนต้นนั้น แม้ว่าจะเป็นระดับประเทศเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก
บุคคลเช่นนี้มีน้ำหนักที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้ ถ้าอย่างนั้นในตอนแรกเขาค้นพบอะไรกันแน่นะ ถึงได้โกรธจนต้องรีบทำลายศาลเจ้าที่เขาเขียนจารึกให้ด้วยตนเอง
……………………………………………………..
[1] รถไฟเหาะทรอนไลท์ไซเคิลพาวเวอร์รัน เป็นเครื่องเล่นชนิดหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์
[2] หนังป็อบคอร์น หนังที่สนุกแต่ไม่มีสาระ เหมือนป็อบคอร์นที่อร่อยแต่ไม่ค่อยมีประโยชน์
[3] โต่วอิน คือ ติ๊กต็อกจีน