ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 586 สถานที่ขุดเจออิงอิง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 586 สถานที่ขุดเจออิงอิง

น่าเสียดายที่โจวเจ๋อเปิด ‘สมุดบันทึก’ ทั่วทั้งเล่มแล้ว แต่หาบันทึกเกี่ยวกับศาลแม่นางไป๋บทที่สองไม่เจอ โดยทั่วไปแล้วจดหมายและบันทึกประจำวันของนายจางเจี่ยนจะเล่าถึงการศึกษาและอุตสาหกรรม เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองก็เล่าไม่น้อย

โดยเฉพาะหลังจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจบลง อุตสาหกรรมแห่งชาติได้รับความเสียหายอีกครั้ง นายจางเจี่ยนก็ประสบปัญหาอยู่ไม่น้อย บันทึกประจำวันและจดหมายในช่วงหลัง มักจะแสดงจิตใจที่เป็นห่วงประเทศเป็นห่วงปวงประชามากกว่า

เบาะแสเพียงอย่างเดียวที่พบ พอถึงตรงนี้ดันขาดตอนเสียแล้ว ในประวัติศาสตร์ ต่อให้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับพวกกษัตริย์และขุนนาง หลายครั้งก็มักจะถูกบันทึกอย่างคลุมเครือ กระทั่งมีการเขียนวิพากษ์วิจารณ์สไตล์ชุนชิว[1]ให้เห็นอยู่เนืองๆ

ดังนั้นถ้าอยากจะหาข้อมูลละเอียดยิบของศาลเจ้าเล็กๆ แห่งหนึ่งในอำเภอขนาดเล็ก อยากจะหาบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงยากถึงยากมาก เพราะไม่ใช่บุคคลในตำนานที่เป็นที่รู้จัก อิทธิพลและข้อจำกัดจึงมีอยู่อย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเดินออกมาจากพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มกว่าแล้ว โจวเจ๋อนั่งลงข้างถนนแล้วจุดบุหรี่

อิงอิงเดินตามหลังอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เถ้าแก่ก็อยากหาบันทึกของแม่นางไป๋ของเธอ และตอนนี้เธอก็ไม่กล้าพูดมาก จึงได้แต่ยืนข้างๆ โจวเจ๋ออย่างว่านอนสอนง่าย เพราะเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับตัวเธอเองแน่นอน

“เถ้าแก่ สรุปมันคืออะไรกันแน่” ทนายอันอดไม่ได้ที่จะถาม

“ตอนบ่ายที่อยู่ในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ เจอชุดการ์ตูนเปล่าหนึ่งตัว วิ่งมาพูดเรื่องเทศกาลเสื้อกันหนาวเผาอิงอิงกับผม” โจวเจ๋อตอบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“แม่นางไป๋ใจดำคนนั้นกลับมาแล้วเหรอ”

โจวเจ๋อส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ ผมแค่เห็นความผิดปกติของชุดการ์ตูนตัวนั้น แต่ไม่สามารถเห็นร่องรอยของเธอได้จริงๆ”

“เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะกลับมา ตอนนั้นเธอมอบอิงอิงให้คุณ จากนั้นตัวเองก็ลงไปนรกเพื่อขอตำแหน่งราชการโดยอาศัยบุญที่ตัวเองได้สะสมมาก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้นรกก็เกิดการเปลี่ยนแปลงพอดี เธอยังจะมีอารมณ์กระโดดขึ้นมาอีกเหรอ”

“ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ปัญหาคือ ไม่ว่าตัวของเธอจะขึ้นหรือไม่ขึ้นมา แต่เรื่องของเทศกาลเสื้อกันหนาวดูเหมือนจะยังไม่ผ่านไปจริงๆ”

“เหอะ อย่างนั้นคุณเครียดขนาดนี้ไปทำไม ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเสียหน่อย” ทนายอันไม่ใส่ใจ เขาอยากฟังรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนรกมากกว่า ส่วนเรื่องของอิงอิง เขาไม่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญอะไร

ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดต่อให้แม่นางไป๋วิ่งขึ้นมาจริงๆ ในร้านหนังสือมีคนเยอะขนาดนี้ยังต้องกลัวเธออีกเหรอ

ทว่าดูท่าทางร้อนใจของโจวเจ๋อในเวลานี้แล้ว ทนายอันก็พอเข้าใจได้ เถ้าแก่ของตัวเอง ท่าทีที่ปฏิบัติต่อคนอื่นสามารถใช้คำว่าเฉยชามาบรรยายได้ แต่สำหรับสาวใช้ผีดิบคนนี้ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“เถ้าแก่ เป็นเพราะว่าไม่ได้เผาข้าดังนั้นจึงเกิดเรื่องใช่ไหมเจ้าคะ” อิงอิงเดินเข้าไปถามอย่างกลัวๆ

โจวเจ๋อทำตาถมึงทึงใส่เธอแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ถ้าหากคุณจะพูดว่าเผาคุณตอนนี้เลย ผมอาจจะโกรธมาก”

อิงอิงทำปากจู๋ เธอคิดจะพูดจริงๆ เมื่อครึ่งปีก่อนเธอได้สั่งทำเตียงไม้ไผ่ให้ตัวเองสำหรับเทศกาลเสื้อกันหนาวเสียดายที่ได้แต่จ่ายค่าเช่าเก็บไว้ในโกดังของโรงงานมาตลอด ไม่สามารถยกออกมาได้

แต่ใช่ว่าอิงอิงคิดอยากตายลูกเดียว เธอแค่คิดว่าหากวันไหนเถ้าแก่นึกครึ้มขึ้นมาอยากจะเผาเธอในเทศกาลเสื้อกันหนาว แล้วหาเตียงไม้ไผ่ไม่ทันเถ้าแก่จะหงุดหงิด

“จริงๆ แล้วคุณไม่น่ากลับมาเร็วขนาดนี้ ในเมื่อคนนั้นปรากฏร่องรอยในดิสนีย์แลนด์แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือลองสืบหาแถวๆ ดิสนีย์แลนด์” ทนายอันวิเคราะห์

โจวเจ๋อส่ายหน้า “นั่นไม่ใช่ร่างแยกและไม่ใช่หุ่นเชิด อีกฝ่ายไม่ทิ้งโอกาสให้ผมตามหาเบาะแส จะอยู่หรือไม่อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ จึงไม่ต่างกัน”

ทนายอันได้ยินดังนั้นแล้วทำท่าเหมือนครุ่นคิด

“ไม่มีเหตุผลที่จะป้องกันโจรพันวัน เรื่องนี้หากไม่จัดการ ผมรู้สึกว่าอาจจะเป็นปัญหาใหญ่”

โจวเจ๋อไม่อยากให้จู่ๆ วันไหนเกิดอะไรขึ้นกับอิงอิง นี่คือสิ่งที่เขาไม่สามารถรับได้

“เหล่าอัน พอจะมีวิธีสืบได้ไหมหลังจากลงนรกไปแล้วไปเป็นขุนนางตำแหน่งไหน ที่ไหน และแอบวางแผนการทำเรื่องอะไรอยู่”

“เถ้าแก่ เป็นไปไม่ได้เลย ไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ในนรกวุ่นวายมาก ต่อให้เป็นเมื่อก่อน ด้วยความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของยมโลก เว้นเสียแต่มีระดับสูงมากพอ ไม่อย่างนั้นยากที่จะหาถูกคน นอกจากนี้ในนรกไม่ได้มีแค่ยมโลกเท่านั้น ถ้าหากแม่นางไป๋เข้าไปพึ่งอำนาจอื่น ก็มีความเป็นไปได้ นรกคือราชสำนัก ส่วนฝ่ายอื่นเป็นเจ้าเมือง ที่นั่นพวกเขาก็มีขุนนางเหมือนกัน”

“เฮ้อ” โจวเจ๋อตอนนี้รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง รู้อย่างนี้ตอนที่ตัวเองอยู่ในนรก ตัวเองน่าจะสั่งให้เจ้าโง่รีบระเบิดร่างของพญายมเสีย และบังคับถามเขาว่า ‘แม่นางไป๋ที่ทงเฉิง คุณรู้จักไหม’ แน่นอนว่าอันนี้ได้แต่คิดเท่านั้น เรื่องจบแล้วเพิ่งมาคิดได้ในภายหลังไม่มีประโยชน์อะไร

“งั้นเอาอย่างนี้ ผมจะลองหาวิธีตามหาภูตผีปีศาจที่อยู่แถวนี้ ดูซิว่าจะหาเบาะแสจากพวกเขาได้บ้างไหม เสียดายเดี๋ยวนี้โลกเปลี่ยนไป ระบบศักดินาถูกทำลาย เจ้าที่และเจ้าป่าเจ้าเขาแทบจะไม่เหลือแล้ว ถ้าหากสามารถตามหาปู่เจ้าที่แล้วถามได้ อย่างนั้น…”

“ปู่เจ้าที่ไม่ต้องคิดหรอก ดูเหมือนจะถูกผมกินไปแล้ว”

“…” ทนายอัน

“คุณลองหาคนอื่นดู”

“อืม คงทำได้แค่นี้ แต่เถ้าแก่ เรื่องเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมของคุณ ผมช่วยคุณจัดการแล้ว และน่าจะได้เลื่อนขั้นแล้ว อย่างน้อยสามารถกำหนดชื่อและฐานะได้แน่นอน แต่อาจจะต้องไปที่ยูนนาน”

ผู้จับกุมต้องมียมทูตอยู่ในอาณัติห้าคน ถึงจะนับว่าสร้างทีมงานขนาดเล็กได้อย่างสมบูรณ์ ควรอาศัยจังหวะตอนที่นรกกำลังวุ่นวายยุ่งเหยิง ภายในของยมโลกเกิดปัญหารุนแรง เร่งสร้างกำแพงสูงและสะสมเสบียงให้ตัวเอง

“จัดการเรื่องนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน” โจวเจ๋อมีทัศนคติที่มั่นคงแน่วแน่ 艾琳小說

“ได้ สายมากแล้ว ผมขอออกเดินทางก่อน เดี๋ยวผมจะโทรหาเหล่าจาง เพื่อให้เขาไปสืบหน่อย แต่เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่การสืบคดี เขาไม่มีวิธีเยอะแยะมากมาย” หลังจากแยกกันแล้ว ทนายอันจึงขับรถออกไปก่อนเพียงคนเดียวโจวเจ๋อกับอิงอิงนั่งรถอีกคันหนึ่ง

“เถ้าแก่ ทำให้ท่านต้องยุ่งยากแล้ว” อิงอิงนั่งตำแหน่งข้างคนขับ กัดริมฝีปากแดง เห็นได้ชัดว่ารู้สึกขอโทษอย่างยิ่งในฐานะสาวใช้ หน้าที่ของตัวเองก็คือทำให้เถ้าแก่สบายและมีความสุขใจ แต่ตอนนี้ตัวเองกลับกลายเป็นตัวปัญหาของเถ้าแก่

“อย่าคิดมาก วางใจได้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร” โจวเจ๋อยื่นมือวางบนไหล่ของอิงอิง “ผมไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นใช่แม่นางไป๋หรือเปล่า แต่ในเมื่อเธอไม่ได้ปรากฏตัวตรงหน้าผมโดยตรง เห็นได้ชัดว่า เธอก็ระวังและกำลังกลัวอยู่เหมือนกัน เถ้าแก่ของเธอตอนที่อยู่ในนรก ครั้งนี้ได้เห็นโลกกว้างได้ประสบการณ์มากมาย คลื่นเล็กแค่นี้ ไม่ใช่ปัญหา”

“อืม เถ้าแก่เยี่ยมยอดที่สุด!”

โจวเจ๋อหัวเราะ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับอิงอิง ไม่เหมือนความรักชายหญิงที่บริสุทธิ์ แต่เมื่อได้อยู่ด้วยกันแล้วกลับไม่สามารถอยู่ห่างจากเธอได้จริงๆ

เป็นคนมาสองชาติ โจวเจ๋อก็รู้ว่านิสัยของตัวเองเฉยชาเกินไป น่าจะเป็นเพราะฐานะและสิ่งที่ได้ประสบพบเจอ อย่างเช่น ตัวเองกับหวังเคอหลังจากที่ออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็ไม่ได้ติดต่อและเจอหน้ากันสิบกว่าปี

แต่คนที่ยิ่งใจดำเห็นแก่ตัวแบบนี้ ถ้าหากเจอคนที่ตัวเองอยากจะทะนุถนอม มักจะยิ่งไม่อยากปล่อยมือ

“เถ้าแก่ พวกเรากำลังจะไปไหนเจ้าคะ” อิงอิงพบว่ารถไม่ได้ขับไปทางร้านหนังสือ

“ถึงแล้วก็จะรู้เอง” และก็จริง ถึงแล้วก็จะรู้เอง ที่ดินผืนนี้รกร้างมานานแล้ว ตอนที่โจวเจ๋อมาสืบในตอนแรก ได้ยินว่าที่ดินผืนนี้ถือครองโดยนักพัฒนาคนหนึ่ง อยากจะปลอมแปลงเปลี่ยนลักษณะการใช้ที่ดิน ผลปรากฏว่าทะเลาะกับหัวหน้า ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา จึงทำให้เกิดความล่าช้า ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นปัญหาวนเวียนอยู่แบบนี้ไม่ได้รับการแก้ไขเหมือนกับหญ้ารกร้าง

แต่ที่ดินผืนนี้ได้ปล่อยทิ้งไว้มานานเป็นปีแล้ว คาดว่านักพัฒนาคนนั้นต่อให้ไม่ทำอะไร แค่เปลี่ยนมือหน่อยก็สามารถทำกำไรได้ไม่น้อย และที่นี่ก็คือสถานที่ที่แม่นางไป๋จัดงานเลี้ยงต้อนรับโจวเจ๋อกับสวี่ชิงหล่าง

ยังจำได้ว่าวันนั้นที่นี่จัดโต๊ะสิบกว่าตัว สาวสวยคนงามเดินไปมาขวักไขว่ โจวเจ๋อเจอฉากแบบนี้เป็นครั้งแรก ถึงแม้จะได้ไปที่ถ้ำของเด็กผู้ชายในภายหลัง และฉากของที่นั่นจะยิ่งใหญ่กว่าที่นี่มากก็ตาม แต่หากพูดถึงความตื่นตะลึง ถือว่าสถานที่แห่งนี้ที่เป็นครั้งแรกยังคงตราตรึงอย่างลึกซึ้ง

อิงอิงก็จำได้ว่าที่นี่คือที่ไหน แต่เธอไม่พูดอะไร ได้แต่เดินตามโจวเจ๋อเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง เดินไปยังหลุมข้างหน้า จากนั้นโจวเจ๋อจึงนั่งลงยองๆ แล้วหัวเราะ ไม่น่าเชื่อว่าหลุมนี้จะยังอยู่

“อิงอิง ตอนแรกผมขุดคุณออกมาจากตรงนี้”

“ฮือ…”

ยังจำได้ตอนนั้นตัวเองกับสวี่ชิงหล่างต้องร่วมแรงร่วมใจขุดโลงศพออกมา แต่พอสวี่ชิงหล่างแตะร่างของอิงอิง ก็รู้สึกเย็นเยียบจนทนไม่ไหว แต่ตอนที่ตัวเองยื่นมือไปสัมผัส กลับรู้สึกสบายไปทั้งตัว สดชื่นเย็นสบายเป็นอย่างมาก!

หรือนี่อาจจะเป็นพรหมลิขิตของพวกเขาสองคน ที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ทำไมถึงมาที่นี่ โจวเจ๋อก็ไม่รู้บางทีที่นี่อาจจะเป็นสถานที่ที่แม่นางไป๋ทิ้งร่อยรอยสุดท้ายเอาไว้

แต่ในเวลานี้ สายตาของโจวเจ๋อจู่ๆ กลับถูกดึงดูดด้วยผ้าสีขาว จึงรีบเดินเข้าไปดึงผ้าขาวออกมาจากกองขี้เถ้า ที่นี่เคยมีคนเผาเงินกระดาษไม่นานก่อนหน้านี้

นี่มันเกิดอะไรขึ้น ภายใต้กองขี้เถ้า ยังมีร่อยรอยของเถ้าธูปหลงเหลืออยู่ น่าจะจุดเซ่นไหว้เมื่อสองสามวันก่อน ที่นี่ไม่ใช่สุสาน เป็นเพียงที่ดินรกร้างเท่านั้น ใครจะวิ่งมาเผาเงินกระดาษถึงที่นี่

ต่อจากนั้นโจวเจ๋อพบว่าบนก้อนหินที่อยู่ด้านหน้าขี้เถ้า เหมือนจะมีแสงแวววาวแปลกประหลาดหลงเหลืออยู่ ภายใต้การสาดส่องของแสงจันทร์จึงดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

เขานำก้อนหินวางบนมือ สัมผัสได้ถึงความเย็นพิเศษโดยฉพาะ หินก้อนนี้ถูกวิญญาณสัมผัสมาก่อน มีไอวิญญาณแทรกซึมเข้าไป คนทั่วไปไม่สามารรับรู้ได้ถึงความผิดปกติเป็นธรรมดา แต่โจวเจ๋อกลับสามารถแยกแยะและยืนยันได้อย่างชัดเจน

มีคนเผาเงินกระดาษที่นี่ มีคนนั่งอยู่ตรงหน้ากองขี้เถ้า เพลิดเพลินไปกับการกราบไหว้บูชา! และคนที่นั่งดื่มด่ำกับการกราบไว้บูชาอยู่ตรงนั้น คือ…

โจวเจ๋อลุกขึ้น มองไปด้านหน้า ทันใดนั้นจึงพบว่าผิวดินที่อยู่ตรงหน้ายังมีรอยของขี้เถ้าอีกมากมาย แต่มันจางมากแล้ว หากไม่สังเกตจะมองไม่เห็น เพราะที่นี่เป็นสถานที่รกร้างเปล่าเปลี่ยว ไม่มีคนเก็บกวาด ดังนั้นต่อให้ลมพัดฝนตก สีดำที่แทรกซึมเข้าไปในดินโคลนรวมทั้งรอยไหม้ดำของกิ่งไม้ที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่สามารถหายไปได้อย่างสมบูรณ์

โจวเจ๋อกัดฟันกรอด เขาค้นพบสิ่งที่น่าตกใจในทันใด แม่นางไป๋คนนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ลงนรกเลยด้วยซ้ำ!

เธออยู่ที่ทงเฉิงมาตลอด!

………………………………………………………………………..

[1] การเขียนสไตล์ชุนชิว เป็นการเขียนที่ใช้คำละเอียดอ่อนไม่กล่าวโดยตรง แต่มีความหมายแฝงลึกซึ้ง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท