ตอนที่ 587 ช็อตไฟฟ้า
สถานที่แห่งนี้ นับตั้งแต่ที่ขุดอิงอิงออกมาโจวเจ๋อก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย อันที่จริง ถ้าหากใส่ใจสักเล็กน้อย เขาอาจจะค้นพบความผิดปกติของที่นี่นานแล้ว
แต่อาจจะเป็นเพราะแม่นางไป๋จับจุดนี้ได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องปิดบังอะไร แค่พูดว่าฉันจะลงนรก จากนั้นจึงอยู่ที่นี่ต่ออย่างเปิดเผยโดยทิ้งร่อยรองไว้อย่างชัดเจน
กระทั่งแม่นางไป๋อาจจะยืนอยู่ในมุมมืดไหนสักแห่งมาตลอด และหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา จริงๆ แล้วเธอกำลังจับตามองร้านหนังสือโดยห่างเพียงแค่กระจกกั้น อาจจะเป็นตอนเช้า หรือไม่ก็ตอนกลางคืน มักจะมีเงาผู้หญิงสวยสีขาวปรากฏตัวแล้วหายไปเป็นประจำ โดยที่โจวเจ๋อรวมทั้งทุกคนในร้านหนังสือต่างคนต่างไม่รู้ตัว
โจวเจ๋อเลียปาก มองไปที่ไป๋อิงอิงที่ยืนอยู่ข้างตัวเอง ทั้งๆ ที่เทศกาลเสื้อกันหนาวผ่านไปแล้ว เขาไม่ได้เผาเธอ แม่นางไป๋กลับโผล่ออกมาอีก เธอมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
มีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ แต่ไม่สามารถหาคำตอบได้ อย่างน้อยก่อนที่จับตัวแม่นางไป๋ ความสงสัยคลางแคลงเหล่านี้ไม่สามารถอธิบายได้อย่างสิ้นเชิง โจวเจ๋อลุกขึ้น เรียกอิงอิงกลับไปด้วยกัน
แม่นางไป๋เป็นใครกันแน่ โจวเจ๋อไม่แน่ใจ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญมากเท่าไร ผู้หญิงคนนั้น ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนจะสู้พญายมได้เหรอ
แต่เพราะโดนผู้หญิงคนนั้นแอบจ้องมองอยู่ในที่มืด จึงรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก กระสับกระส่ายเหมือนอยู่บนเปลวไฟ นอกจากนี้บางทีเธออาจไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่อิงอิงถูกเธอหล่อเลี้ยงและอยู่เป็นเพื่อนถึงสองร้อยปี หากจะพูดว่าเธอไม่มีวิธีจัดการอิงอิง โจวเจ๋อเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อ
“อิงอิง”
“เถ้าแก่”
“ถ้าหากมีวันหนึ่งจู่ๆ แม่นางไป๋มาปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณ คุณจะทำยังไง”
อิงอิงมองเถ้าแก่ พลางตกอยู่ในความครุ่นคิด เธอรู้ว่าคำพูดของเถ้าแก่มีความนัยอย่างหนึ่ง และเข้าใจว่าถึงแม้เถ้าแก่จะถาม แต่คำตอบที่อยากได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
เธอลังเล เธอสับสน ถ้าหากเป็นบทแฟนหนุ่มทั่วไป เวลานี้คงเข้าไปปลอบนานแล้ว เพราะจะยอมปล่อยให้แฟนสาวของตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์สับสนยุ่งเหยิงได้อย่างไร แต่โจวเจ๋อได้แต่ขับรถของตัวเองอย่างตั้งใจ ไม่ได้สนใจอะไรผู้ชายทื่อๆ ก็คือผู้ชายทื่อๆ ถึงแม้โจวเจ๋อจะทนดูทนฟังประโยคที่ว่า ‘ไม่มีแก่นกายของข้าในตอนนั้นเจ้าคงไม่รอดมาถึงตอนนี้และคงไม่ได้มีตำแหน่งเหมือนอย่างทุกวันนี้’ ของเจ้าโง่ต่อไปไม่ไหวแล้วเหมือนกันก็ตาม
ทว่าทั้งสองคน จริงๆ แล้วคือวิ่งห้าสิบก้าวหัวเราะเยาะหนึ่งร้อยก้าว ไม่อย่างนั้นชาติที่แล้วฐานะของโจวเจ๋อดีขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะโสดมาตลอด เป็นศัลยแพทย์ที่เก่ง เลื่อนตำแหน่งในโรงพยาบาลก็เร็ว อย่างน้อยในระดับชั้นชาวบ้านในเมืองถือว่าเป็น ‘เขยเต่าทองคำ’ ก็ว่าได้
แต่เถ้าแก่โจวภายใต้เงื่อนไขที่ไม่มีความต้องการทางเพศ ไม่มีปัญหาทางด้านจิตใจ และไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามากระทบ เขาอาศัยความสามารถของตัวเองเป็นโสดมาตลอด คนที่มีฐานะอยู่ในระดับเดียวกันทำไม่ได้จริงๆ!
“เถ้าแก่ ถ้าหากเจอแม่นางไป๋ละก็…” อิงอิงเพิ่มความกล้า แล้วพูดอย่างแน่วแน่ “ข้าจะต่อยนางหนักๆ ไปเลยเจ้าค่ะ!”
โจวเจ๋อหัวเราะ พยักหน้า เขาไม่กลัวว่าแม่นางไป๋จะมาหาเรื่องต่อหน้า ในความเป็นจริงถ้าหากแม่นางไป๋มีความสามารถมีความเก่งจริง เหตุใดต้องเล่นซ่อนแอบอยู่ในดิสนีย์แลนด์ด้วย
ชีวิตไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่ละครทีวี สิ่งที่โจวเจ๋อต้องหลีกเลี่ยงก็คือ โครงเรื่องน้ำเน่าออกแนวแม่พระสมองพิการแบบนั้น อย่างเช่น แม่นางไป๋เดินมาอยู่ตรงหน้าอิงอิง อิงอิงนึกถึงความผูกพันในอดีตอย่างนั้นอย่างนี้ การดำเนินเรื่องลักษณะนี้ ถึงจะน้ำเน่าที่สุดและน่าโมโหที่สุด
ตอนนี้ได้คำสัญญาจากอิงอิงแล้ว โจวเจ๋อรู้ดีว่าหลุมนี้ถูกตัวเองกลบฝังแล้ว
อิงอิงซบไหล่ของโจวเจ๋อแล้วหลับตา การเลือกแบบนี้ สำหรับเธอแล้วโหดร้ายจริงๆ เท่ากับการบังคับให้พ่อแม่ของเธอและแฟนของเธอแตกหักกัน
“อิงอิง”
“เถ้าแก่”
“ผมไม่เคยคิดจะเผาคุณเลย”
“อืม ข้ารู้เจ้าค่ะ”
“ดังนั้น ไม่ต้องเสียใจ”
“ได้เจ้าค่ะเถ้าแก่”
“เด็กดี ไหนร้องหน่อยซิ”
“ฮือๆๆ…”
“ฮิๆ”
…
ในที่สุดก็กลับมาถึงร้านหนังสือเสียที อยู่ในนรก โจวเจ๋อคิดถึงร้านหนังสือ อยู่ที่เซี่ยงไฮ้ โจวเจ๋อก็คิดถึงร้านหนังสือ พอออกจากทงเฉิง เขาก็คิดถึงร้านหนังสือตลอด
มีแสงแดด มีหนังสือพิมพ์ มีกาแฟ มีน้ำตาล มีแม่ครัวสาว บางทีสำหรับโจวเจ๋อ ร้านหนังสือหมายถึงทัศนคติในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่ง เขาหลงใหลจนยากที่จะถอนตัว
ชีวิตแบบนี้ ถึงจะเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดและเป็นสิ่งที่อยากปกป้องมากที่สุด เพียงแต่หลังจากที่ลงจากรถ โจวเจ๋อกลับพบว่าไฟของร้านหนังสือปิดอยู่
สาวน้อยโลลิส่งข้อความมาบอกว่าเธอกลับบ้านแล้ว และจะกลับมาร้านหนังสืออีกครั้งตอนปิดเทอมฤดูหนาวทนายอันออกไปหาเบาะแสของแม่นางไป๋ เหล่าจางก็อยู่ที่สถานีตำรวจ แต่ในร้านหนังสืออย่างน้อยยังมีนักพรตเฒ่ากับสวี่ชิงหล่าง เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคน
เมื่อผลักประตู โจวเจ๋อเห็นเทียนสองเล่มจุดอยู่บนเคาน์เตอร์ นักพรตเฒ่านั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ ใบหน้ายาวแหลมเหมือนม้าภายใต้แสงเทียนส่องสะท้อนแลดูเลือนรางยากจะพรรณนา
“เฉียนเสี่ยวหาวมาถ่ายหนังผีหรือไง” โจวเจ๋อถาม ร้านอื่นๆ ที่อยู่บนถนนยังเปิดไฟอยู่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ไฟดับ
“ไม่ใช่ เถ้าแก่ มันมีเหตุผล” นักพรตเฒ่าอธิบาย
“เหอะ” โจวเจ๋อยื่นมือไปเปิดไฟ แล้วไฟจึงสว่างทันที
“โอ๊ยๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!” เสียงทุ้มต่ำดังมาจากมุมด้านใน โจวเจ๋อทอดมองไป ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้สังเกตว่าตรงมุมนั้นมีเด็กผู้ชายเหมือนนักเรียนคนหนึ่งนั่งขดตัวซ่อนอยู่ที่นั่น เขาไม่ใช้คนเป็น แต่เป็นผี เป็นผลงานของเขา
ทนายอันก่อนหน้านั้นได้พูดกับเขาว่า อีกสักระยะหนึ่งจะไปยูนนานพร้อมกับเขา ทำผลงานเพิ่มชิ้นสุดท้าย ก็จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จับกุมโดยตรง
แต่ตอนนี้ แค่ขายุงก็คือเนื้อ ในเมื่อตัวผลงานมาหาถึงที่ มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับ
“อย่าเข้ามา…อย่าเข้ามา…อย่าเข้ามา…” เด็กผู้ชายเอาสองมือกอดเข่า ตัวสั่นไม่หยุด
“พอเปิดไฟ เขาก็ร้องแบบนี้ไม่หยุด” นักพรตเฒ่าพูดอย่างจนใจ
เถ้าแก่ยังไม่กลับมา สาวน้อยโลลิกลับบ้านไปแล้ว ในร้านหนังสือไม่มียมทูต แต่นักพรตเฒ่าจะไล่ออกไปก็กระไรอยู่ ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเถ้าแก่แล้วหากนักพรตเฒ่าทำผลงานของเขาหายไปละก็ เหอะๆ แต่ไอ้หมอนั่นก็ร้องไม่หยุด นักพรตเฒ่าจึงทนไม่ไหว ถ้าหากเป็นคนเป็นก็ไม่เป็นไร ใช้เทปกาวปิดปากก็ได้แล้ว แต่เขาเป็นผี คุณจะเอาอะไรไปปิดปากของเขา ด้วยเหตุนี้ นักพรตเฒ่าจึงปิดไฟ แล้วจุดเทียน ขอแค่ไม่เปิดไฟ เด็กผู้ชายคนนั้นก็ไม่ร้องแล้ว
เด็กผู้ชายใส่ชุดกีฬา ดูเหมือนจะอายุสิบหกสิบเจ็ดปี หน้าตาดูดีพอใช้ได้ เสียดายอายุน้อยขนาดนี้ก็ต้องมาตายเสียแล้ว
โจวเจ๋อรู้สึกเสียใจและสงสารเล็กน้อย แต่กลับไม่คิดอะไรมาก เพราะตัวเขาเองก็ตายตอนอายุสามสิบต้นๆ กำลังอยู่ในช่วงที่ชีวิตและหน้าที่การงานเจริญรุ่งเรือง แล้วใครมาจะเสียใจแทนตัวเขาเองเล่า
ทันใดนั้น โจวเจ๋อจึงมองนักพรตเฒ่าโดยตรง “เตรียมอาหารหรือยัง”
กฎของร้านหนังสือ ก่อนจะส่งผีลงนรก จะต้องเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อเพื่อจะได้หักเงินเล็กน้อย
“ยังเลย เพิ่งจะเตรียม คุณไม่กลับมาผมจะเตรียมทำไม” สวี่ชิงหล่างถือถาดอาหารจานเย็นออกมาสองถาดในตอนนี้เอง หากไม่มียมทูตก็ไม่มีคนส่งเด็กคนนี้เดินทาง
“อย่างนั้นก็เตรียมได้เลย ให้เขาได้กินดีๆ แล้วจะได้ไปสบาย” ขณะที่พูด โจวเจ๋อยื่นมือแคะขี้หูของตัวเอง ผีผู้หญิงร้องไห้ยังรู้จักร้องไห้เสียงนุ่มนวล ฟังมากๆ เขาก็สนุกดี รู้สึกเหมือนได้ฟังเพลงบรรเลงเปียโน แต่เด็กผู้ชายคนนี้ตะโกนเสียงต่ำอยู่ตรงนั้นตลอด ความรู้สึกนั้นช่างน่าเบื่อมาก
โจวเจ๋อเข้าใจนักพรตเฒ่าบ้างแล้ว จากนั้นตัวเองจึงเดินเข้าไปแล้วปิดไฟ หลังจากปิดไฟ เด็กผู้ชายก็ไม่ร้องไห้แล้วหลังจากรอสวี่ชิงหล่างจัดการทางนั้นเรียบร้อย นักพรตเฒ่าจึงเชิญเด็กผู้ชายคนนั้นเข้าไปในห้องวีไอพี
โต๊ะตัวเล็ก เก้าอี้ตัวเล็ก เหล้าเหลืองพร้อมกับอาหารจานเย็นสองสามอย่าง ก็ยังพอกินได้บ้าง
เด็กผู้ชายนั่งกินเงียบๆ อยู่ตรงนั้น หลังจากปิดไฟเขาก็กลับมาเป็นปกติ และกินอย่างเอร็ดอร่อย
“เฮ้อ เด็กน่าสงสาร อายุแค่นี้ก็ตายเสียแล้ว” นักพรตเฒ่าสะอื้นไห้อยู่ข้างๆ สำหรับเด็กแล้ว นักพรตเฒ่ามีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
“อ้อใช่ นักพรตเฒ่า คุณไม่ได้ไลฟ์สดมานานแค่ไหนแล้ว” โจวเจ๋อถาม ดูเหมือนจะไม่เห็นนักพรตเฒ่าไลฟ์สดหลอกเอาเงินรางวัลมาสักพักแล้ว
“ไม่กล้าเปิดแล้ว ช่วงนี้ตรวจเข้ม ถ้าหากถูกคนจิตใจสกปรกเป็นมารผจญ หรือพวกที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์รายงานขึ้นมา ให้ความผิดฐานหลอกลวงให้หลงเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ระบบศักดินา ห้องไลฟ์สดถูกปิดยังไม่ต้องพูดถึง เงินรางวัลที่ได้ก่อนหน้านั้นไม่แน่อาจจะไม่ได้เงินสักแดงเดียว รอให้ผ่านไปสักพักก่อน คลื่นลมสงบแล้วค่อยเปิดไลฟ์”
ห้องไลฟ์สดของนักพรตเฒ่ามีแฟนคลับตัวยงอยู่ไม่น้อย ตอนแรกแม้แต่เงินกระดาษก็ยังสามารถขายออกไปตามมูลค่าตลาดของธนาคารฟ้าดินได้ มากพอที่จะแสดงให้เห็นว่านักพรตเฒ่ายอดเยี่ยมแค่ไหน
เวลานี้สวี่ชิงหล่างเดินเข้ามา ถือค็อกเทลมาสองแก้ว ยื่นให้โจวเจ๋อแก้วหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ธุระของคุณเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่มีเค้าโครงเลย”
“อืม ที่นรกล่ะ หากยึดตามคำพูดในกลุ่มวีแชตของทนายอันก่อนหน้านั้น เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วงั้นเหรอ”
“สนใจเหรอ”
“อยากรู้เล็กน้อย”
“รอให้เหล่าอันกลับมาพวกเราเปิดการสัมมนาด้วยกัน ผมขี้เกียจพูดสองครั้ง”
“ได้”
“เถ้าแก่ จะอาบน้ำไหมเจ้าคะ” อิงอิงไปเตรียมเสื้อผ้าแล้ว
“อีกสักพักหนึ่ง รอเขากินข้าวเสร็จ” ส่งผีลงนรกแล้วค่อยไปอาบน้ำ
“ได้เลยเจ้าค่ะ” อิงอิงขึ้นไปปูผ้าคลุมเตียงก่อน เถ้าแก่เป็นคนรักสะอาด เตียงของร้านหนังสือไม่มีคนนอนมาหนึ่งสัปดาห์ ข้าวของที่อยู่บนเตียงจึงต้องเปลี่ยนชุดใหม่ เรื่องนี้ไม่ต้องรอให้โจวเจ๋อสั่ง ตัวของอิงอิงก็รู้อยู่แก่ใจ
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงน้อยกระโดดมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อในตอนนี้ พร้อมกับยื่นกรงเล็บมาลูบกระเป๋าของโจวเจ๋อเบาๆ สิ่งที่มันลูบคือสมุดหยินหยาง
“วันพรุ่งนี้รอจิ้งจอกมาแล้ว ฉันจะปล่อยเพื่อนสองตัวของแกไป ฉันพูดจริงทำจริง”
“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงน้อยโบกมือไปมาด้วยความดีใจ ในมือของมันถือของเล่นที่นักพรตเฒ่าซื้อให้มัน นักพรตเฒ่ามองมันเหมือนหลานชายแท้ๆ คนหนึ่ง จึงมีของเล่นเป็นกองใหญ่ ตอนนี้เจ้าลิงถือคราดฟันตะปูอันหนึ่งอยู่ในมือ หลังจากกดปุ่มคราดฟันตะปูจึงกะพริบแสงไม่หยุด และยังส่งเสียงกระแสไฟฟ้าช็อตออกมา ประกอบกับปิดไฟอยู่ ดังนั้นตอนที่เจ้าลิงโบกสะบัดไปมา มันจึงเหมือนงูเงินเต้นระบำวุ่นวาย เสียดายศิษย์พี่ใหญ่ดันแย่งอาวุธของศิษย์น้องรองมาเสียนี่
แต่ห้องวีไอพีที่อยู่ข้างๆ กลับมีเสียงกรีดร้องออกมาทันที เด็กผู้ชายที่เมื่อครู่ยังกินข้าวอย่างว่าง่ายเตรียมตัวเดินทางไปนรกรีบลงจากเก้าอี้แล้วนั่งคุกเข่าในทันใด สองมือกุมศีรษะ ร้องตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด “อย่าช็อตผม อย่าช็อตผม! ขอร้องละ อย่าช็อตผม อย่าช็อตผมเลย!”
………………………………………………………………………..