ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 591 ท่านกล้ารับไหม

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 591 ท่านกล้ารับไหม

หลายครั้งคนเรามักจะตายเวลาที่ได้ใจจนลืมตัว อย่างเช่นชายชราในภาพวาดที่อยู่ตรงหน้า เขาผิดตรงที่มอง ‘เหล้าชั้นดีปี 1988’ มีอายุห้าร้อยปีที่อยู่ตรงหน้าเป็นเหล้าขาวเอ้อร์กัวโถวตามร้านขายของชำบนท้องถนน มองความรักที่บริสุทธิ์ของผู้เชี่ยวชาญด้านความรักเป็นของคนโง่อ้วนเตี้ยไม่เอาไหน ทำตัวเองล้วนๆ หลักการที่ว่าเมื่อเห็นว่าได้ดีแล้วให้เอาแต่พอดี คนที่เข้าใจอย่างแท้จริง แท้จริงแล้วมีน้อยถึงน้อยมาก

เด็กผู้ชายจับภาพวาด ปราณพิฆาตกระจายออกมารอบกาย นี่คือไม่คิดจะให้ชายชราในภาพวาดมีโอกาสรอดเลยสักนิดเดียว ต้องการฆ่าเขาให้ตายอย่างสิ้นเชิง!

“ยมโลกมีกฎ กฎแห่งความตายไร้ความปรานี!” เสียงคำรามทุ้มต่ำดังเข้ามา เด็กผู้ชายสายตาจ้องนิ่ง แล้วหมุนตัวเก็บปราณพิฆาตกลับไป!

‘ปึ้ง!’ เสียงสั่นไหวดังมา นัยน์ตาแดงก่ำของเด็กผู้ชายมองไปทางประตู นั่นคือผู้ชายที่เขานอนร่วมเตียงเคียงหมอนตลอดเวลาที่ผ่านมา

“แฮกๆ…แฮกๆ…” ทนายอันใช้มือหนึ่งประคองขอบประตู หายใจหอบใหญ่และพูดว่า “โชคดีๆ ในที่สุดก็ตามทัน ในที่สุดก็ตามทันแล้ว”

นัยน์ตาแดงก่ำของเด็กผู้ชายกำลังหายไปอย่างช้าๆ หยิบภาพวาดขึ้นมาแล้วถามว่า “เจ้ากำลังหามัน?”

“หามันมาทั้งวันแล้ว สุดท้ายก็หามาเจอถึงที่นี่น เมื่อกี้ผมเจอนักพรตเฒ่าที่หน้าประตู จากนั้นก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจของคุณ” ทนายอันยืนตัวตรงแล้วพูดต่อ “เจ้าสิ่งนี้ เก็บไว้ก่อน เถ้าแก่มีเรื่องที่ต้องสืบ ต้องหาช่องทางไปต่อจากมัน”

เด็กผู้ชายลังเลเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนที่ทำงานโดยใช้อารมณ์ เมื่อพิจารณาแล้วจึงยื่นภาพวาดที่อยู่ในมือให้ทนายอัน

ทนายอันรับภาพวาดมา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความสั่นเทิ้มเล็กน้อยจากภาพวาด เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่มันตกใจเสียขวัญเพราะเด็กผู้ชายคนนี้

“โอเค พวกเรากลับกันเถอะ ผมต้องไปรายงานเถ้าแก่อีก” ทนายอันหัวเราะ “ผมยังอยากฟังเรื่องในนรกจากเขาอีก และมันทำให้อดใจทนไม่ไหวแล้วจริงๆ”

เด็กผู้ชายส่ายหน้าเอ่ยว่า “ยังไปไม่ได้”

“ทำไม”

“ต้องหาคนต่อยสองสามคนก่อน” ขณะที่พูด เด็กผู้ชายเดินผ่านตัวทนายอัน

“เถ้าแก่สั่งเหรอ”

เด็กผู้ชายพยักหน้าเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร เอาเจ้านี่กลับไป ถามข้อมูลที่เถ้าแก่ต้องการ เถ้าแก่ก็จะไม่ตำหนิคุณ”

เด็กผู้ชายเงยหน้าแล้วพูดกับทนายอันอย่างจริงจัง “แต่ตอนนี้ข้าโมโหมาก อยากต่อยคน”

เอ่อ นี่คืออยากใช้ของหลวงกับเรื่องส่วนตัวใช่ไหม อย่างนั้นก็น่าจะบอกตั้งนานแล้ว!

“นี่ แล้วคุณอยากต่อยใคร” ทนายอันถาม

เด็กผู้ชายไม่พูดสักคำ

“เมื่อกี้ตอนที่ผมขึ้นมา เห็นพ่อแม่หลายคนด้านล่างกำลังร้องไห้ ร้องไห้น่าสงสารเหลือเกิน ร้องไห้ซาบซึ้งกินใจเหลือเกิน เอาอย่างนี้ดีไหม คุณเลือกคนที่ร้องไห้น่าสงสารที่สุดสักสองสามคน แล้วตีขาให้หักไปเลยเป็นไง”

เด็กผู้ชายหรี่ตา ก่อนจะพยักหน้า จากนั้นเขาจึงลงไป ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

เขากลายเป็นสายลม เดินผ่านพ่อแม่ เด็ก และอาจารย์ออกไปได้อย่างอิสระ ไม่มีใครสามารถมองเห็นเขา เขาจึงเดินออกไปอย่างเงียบสงบ

ทนายอันก็แสร้งเป็นผู้ปกครองแล้วเดินออกไป เขาสังเกตเห็นผู้ปกครองสองสามคนร้องไห้ซาบซึ้งกอดลูกและคำนับขอบคุณ ‘อาจารย์’ อยู่ บนหัวเข่าของพวกเขามีปราณพิฆาตสีดำที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่ารวมตัวกัน คาดว่าอีกไม่นานเข่าข้างนั้นจะต้องใช้การไม่ได้ และจะตรวจไม่เจอปัญหาใดๆ คล้ายกับเป็นโรคไขข้ออักเสบเฉียบพลันขั้นสุด มีโรคแบบนี้ไหม ทนายอันไม่แน่ใจ กลับไปค่อยถามเถ้าแก่ เพราะเขาเข้าใจเรื่องพวกนี้

ทว่าสถานที่แห่งนี้จริงๆ แล้วทนายอันก็ไม่ชอบเหมือนกัน เหมือนกับการรณรงค์เรื่องการคุ้มครองสัตว์ป่าในหลายปีที่ผ่านมา จากที่เขียนประณามพวกแอบล่าสัตว์เริ่มยกระดับเป็นโน้มน้าวตักเตือนผู้บริโภคให้หลีกเลี่ยง เพราะความต้องการ เรียกร้องให้เกิดการตอบสนองของตลาด หากไม่มีพ่อแม่เหี้Xๆ ที่เลี้ยงลูกตัวเองไม่ดีกลุ่มนี้ แล้วจะเกิดสถาบันที่ลงโทษด้วยเก้าอี้ไฟฟ้าและแขวนธงของประเทศแต่กลับทำลายชื่อเสียงของประเทศให้เหม็นฉาวโฉ่ได้อย่างไร

“นี่ คุณรอผมด้วย รอผมด้วย!”

แสงแดด กาแฟ หนังสือพิมพ์ โซฟา ความผ่อนคลาย เป็นปัจจัยสำคัญหลักๆ ที่สบายที่สุดในชีวิต เถ้าแก่โจวรู้สึกว่าแม้แต่อากาศที่หายใจเข้าไปตอนนี้ก็ยังหอมหวาน

ขโมยเวลาพักผ่อนครึ่งวัน หลังจากที่กลับมาจากนรก ประโยคนี้กลายเป็นความรู้ใหม่ของโจวเจ๋อ และตอนนี้ประตูร้านหนังสือก็ถูกผลักออก ผู้หญิงสวยใส่เสื้อคลุมขนเฟอร์เดินเข้ามา ถอดแว่นกันแดดออก สะบัดเส้นผมด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนอย่างเต็มที่

ไป๋อิงอิงที่นั่งอยู่บนเคาน์เตอร์เงยหน้า ขึงตาใส่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า แล้วบ่นพึมพำว่า “จิ้งจอกแรด!”

ผู้หญิงเป็นฝ่ายเดินไปที่เคาน์เตอร์ก่อน โน้มตัวส่ายหน้าอกที่หนักอึ้งไปมา

“เจอน้ำดีอีกแล้วเหรอ” อิงอิงยันคางด้วยมือข้างหนึ่ง มองผู้หญิงโชว์ของดีต่อหน้าตัวเอง อันที่จริงหุ่นของอิงอิงก็สุดยอดมาก รูปร่างนักเรียนชั้นมัธยมปลาย แต่มีพัฒนาการที่สมบูรณ์แบบ ทว่าใน ‘หนังสือฝึกฝนทักษะการเป็นสาวใช้’บอกว่าผู้ชายชอบผู้หญิงที่ต่อหน้าเรียบร้อยแต่ XX บนเตียง นอกจากนี้อิงอิงก็ขี้เกียจแสดงท่าทีอะไรต่อหน้าคนอื่นยกเว้นโจวเจ๋อเท่านั้น นิสัยของผีดิบสาวไม่ได้เข้ากับคนง่ายขนาดนั้น

“ใช่แล้ว ได้ร่วมรักทุกคืน เหมือนได้ทาครีมชั้นเลิศ เจ้าดูสิ ผิวของข้าขาวขึ้นอีกแล้วใช่ไหม” ผู้หญิงยื่นมือจับมือของอิงอิง แล้ววางบนใบหน้าของเธอ

อิงอิงลูบคลำแล้วส่ายหน้าพูดว่า “หยาบกระด้าง”

“ขี้อิจฉา!”

อิงอิงกลอกตาใส่เธอหนึ่งที “ข้าไม่มีวันแก่ จะอิจฉาเจ้าทำไม”

“…” ผู้หญิง น่าโมโหจริงๆ ถูกผีดิบโต้กลับแบบนี้

“เหอะๆ ไม่แก่ก็ไม่แก่ หน้าเด็กตลอดไปเป็นสิ่งที่ทำให้คนอิจฉาจริงๆ แต่จะมีผู้ชายโชคดีคนไหนทนคนงามที่เป็นภูเขาน้ำแข็งคนนี้ได้บ้าง”

“เถ้าแก่เป็นผีดิบที่เก่งกว่าข้า” อิงอิงตอบพลางยิ้มเล็กน้อย

“พอแล้วๆ ข้าเอาของขวัญมาให้เจ้า เสื้อผ้าสองสามตัว เข้ากับเจ้ามาก” ขณะที่พูด ผู้หญิงเอาถุงที่อยู่ในมือวางบนเคาน์เตอร์ ทุกตัวเป็นสไตล์ที่ได้รับความนิยมในปีนี้และมีราคาแพง

อิงอิงรับเสื้อผ้ามา พลางพยักหน้า โดยไม่มีความเกรงใจผู้หญิงคนนี้แต่อย่างใด ต่อจากนั้นผู้หญิงดูเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่นี่ยังมีปลาเค็มตัวหนึ่งแขวนอยู่ริมหน้าต่าง จึงรีบเดินเข้าไป เสียงหัวเราะของเธอดังก่อนที่จะเอ่ยพูด

“เหอะๆๆ เถ้าแก่ของข้า ข้าคิดถึงท่านจังเลย” โจวเจ๋อขยับหนังสือพิมพ์ออกเล็กน้อยแล้วมองเธอ ผู้หญิงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วพูดขอโทษ “คุณพ่อ ลูกสาวพูดผิดไปแล้ว”

โจวเจ๋อส่ายหน้า วางหนังสือพิมพ์บนโต๊ะน้ำชา และให้สัญญาณแสดงท่าทางบอกให้เธอนั่ง ผู้หญิงจึงนั่งลง และเป็นดั่งที่คาดไว้ สองสไตล์จะต้องมีหนึ่งสไตล์ที่เหมาะกับคุณ

โจวเจ๋อดีดนิ้วเสียงดัง ตะโกนพูดกับอิงอิง “เสิร์ฟกาแฟแบบทนายอันหนึ่งแก้ว”

“ได้เจ้าค่ะ เถ้าแก่!”

“เกรงใจแล้ว เกรงใจเกินไปแล้ว คนคุ้นเคยกัน ทำไมต้องเกรงใจกันด้วย” ผู้หญิงเอามือป้องปากหัวเราะแบบสบายๆ

“ช่วงนี้คุณเปลี่ยนสไตล์เหรอ” โจวเจ๋อถาม จิ้งจอกขาวในอดีตไม่ใช่สไตล์นี้

“เปล่านะ เฮ้อ แค่อายุมากขึ้นนิดหน่อย ท่านดูคนธรรมดาสิ ไม่ว่ายังไงก็มีอายุไม่กี่สิบปี แล้วก็ตายไปแบบงงๆพวกเรามีอายุนานกว่า อย่างไรเสียก็ต้องรู้จักปรับตัว ไม่อย่างนั้นตัวเองคงจะแห้งเหี่ยวไม่อยากมีชีวิตต่อ”

“ช่วงนี้คุณป้วนเปี้ยนอยู่ที่หวังเคอเหรอ” โจวเจ๋อถาม

จิ้งจอกขาวตกตะลึงเล็กน้อย ไม่ได้อธิบาย โจวเจ๋อก็ขี้เกียจสนใจเรื่องนี้ หยิบสมุดหยินหยางออกมาจากอ้อมอกแล้ววางบนโต๊ะน้ำชา

จิ้งจอกขาวตัวสั่น ตัวสั่นงันงก เทพเซียนที่มีชื่อเหมือนเธอมีสองคนที่ถูกขังอยู่ในนั้น ถูกขังนานครึ่งปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงหวาดกลัวเจ้าสิ่งนี้อย่างมาก

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงน้อยกระโดดออกมาในตอนนี้ นั่งลงยองๆ อยู่บนโต๊ะน้ำชา จากนั้นก้มหน้ามองสมุดหยินหยาง เป็นเวลานานมากแล้วที่สมุดหยินหยางถูกโจวเจ๋อโยนให้เจ้าลิงน้อยเอาไปเป็นของเล่นมาตลอด

โจวเจ๋อหยิบปากกาออกมาด้ามหนึ่ง แล้วหมุนอยู่ในมือเบาๆ “ตกลงกันก่อนนะ วันนี้คุณมาเพื่อเป็นพยาน ผมจะปล่อยพวกเขาออกมา เรื่องของผมกับเทพเซียนทางตะวันออกเฉียงเหนือถือว่าหายกัน ตอนแรกพวกเขาคนหนึ่งมั่นใจสูงอยากมาสั่งสอนคนในร้าน อีกคนหนึ่งฉวยโอกาสตอนที่ชุลมุนเข้ามาขโมยของ ผมขังพวกเขาไว้ครึ่งปี และยังสั่งให้พวกเขาช่วยต่อสู้สองสามครั้ง ถือว่าเสมอกัน”

“ได้ๆๆ จำเป็นอยู่แล้ว วางใจได้เถ้าแก่ ข้ารับรองว่าพวกเขาไม่กล้าคิดเป็นอื่นอีก วันหลังท่านก็คือเพื่อนของเทพเซียนทางตะวันออกเฉียงเหนือของพวกเราแล้ว ถ้าหากท่านอยากไปแถบตะวันออกเฉียงเหนือ พี่สะใภ้และน้องสะใภ้ของพี่น้องเราหลายคนยินดีต้อนรับและดูแล”

“เจี๊ยกๆๆ!” เจ้าลิงน้อยตบหน้าอกของตัวเองเช่นกัน ความหมายคือมันก็สามารถรับประกันได้

โจวเจ๋อพยักหน้า จริงๆ แล้วเขาไม่อยากปล่อยออกมาเลย แต่อย่างแรกคือเป็นเรื่องที่ตกลงกันแล้ว สองคือประโยชน์การใช้งานของแม่ย่าแปดกับพี่อาหวงไม่มีความจำเป็นมากเท่าไร เขาจับปากกา จากนั้นแตะปลายปากกาลงบนสมุดหยินหยาง “เจ้างั่ง ปล่อยพวกเขาออกมา”

เจ้างั่งสั่นเล็กน้อย สมุดหยินหยางเปล่งประกายแสงจางๆ ออกมาในเวลาต่อมา ทันใดนั้นลำแสงสีดำและสีเหลืองจึงปรากฏออกมาด้านนอก แล้วค่อยๆ เผยร่างออกมา เป็นงูเหลือมสีดำตัวหนึ่งและพังพอนเหลืองอีกตัวหนึ่ง

หลังจากออกมาแล้ว เทพเซียนทั้งสองยังไม่ทันแปลงร่างเป็นร่างมนุษย์ แต่ยังคงโน้มตัวขอบคุณโจวเจ๋อด้วยวิธีของตัวเองอย่างพินอบพิเทา

“โอเค คุณพาพวกเขากลับไปบำเพ็ญเพียรได้แล้ว”

จิ้งจอกขาวลุกขึ้น ยื่นมือเก็บพี่อาหวงและแม่ย่าแปดเข้าไปในเสื้อผ้าของตัวเอง เธอต้องไปส่งพวกเขากลับป่าเก่าแก่ด้วยตัวเอง ทว่าเพิ่งจะลุกขึ้น สายตาของจิ้งจอกขาวก็ตกไปที่สมุดหยินหยาง แล้วเลียริมฝีปาก

“มีอะไร คุณอยากเข้าไปอยู่หรือไง”

“โอ้ว เถ้าแก่ละก็ การล้อเล่นเช่นนี้ ล้อเล่นไม่ได้จริงๆ ข้ากำลังคิดว่า ของแบบนี้ในเมื่อร้ายกาจขนาดนี้ ปล่อยให้ว่างเฉยๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไร”

“มีอะไรก็พูดมาตามตรง”

จิ้งจอกขาวหันตัวเล็กน้อย จากนั้นเดินเยื้องย่างส่ายหน้าอกอันหนักอึ้งของตัวเองไปอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ

‘เพล้ง!’ แก้วร่วงลงไปบนโต๊ะน้ำชา กาแฟกระเด็นมาบนหน้าอกหน้าใจที่หนักอึ้งของเธอ

“กาแฟได้แล้วเจ้าค่ะ” อิงอิงพูดจบก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์

โจวเจ๋อยื่นมือหยิบกระดาษทิชชูสองสามแผ่นบนโต๊ะน้ำชาแล้วยื่นให้จิ้งจอกขาว

จิ้งจอกขาวยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้รับมาแต่กลับยื่นหน้าอกไปด้านหน้า เพื่อบอกว่าช่วยเช็ดให้หน่อย

โจวเจ๋อหยิบกาแฟขึ้นมา ทำท่าเหมือนจะสาด จิ้งจอกขาวจึงไม่กล้าเล่นต่อ แล้วพูดกดเสียงต่ำโดยตรง “แถวตะวันออกเฉียงเหนือมีมังกรน้ำ ท่านกล้ารับไหม”

………………………………………………………………………..

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท