ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล – ตอนที่ 601 ถือสิทธิ์อะไร!

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ตอนที่ 601 ถือสิทธิ์อะไร!

“สาร…เลว…” ตอนแรกที่อยู่ที่สวีโจว อิ๋งโกวโผล่พรวดออกมา แต่ขณะเดียวกันได้ก่อเรื่องเล็กน้อยเอาไว้ นั่นก็คือตรงตำแหน่งกลางฝ่ามือของไป๋อิงอิงถูกกรีดเป็นรอย ต่อมาต้องใช้เวลานานกว่าแผลจะหายดี แต่กลับทิ้งรอยแผลจางๆ เอาไว้ ไป๋อิงอิงรู้สึกจนใจต่อสิ่งนี้เป็นเวลานาน

เธอกลัวอิ๋งโกวและรู้ฐานะของอิ๋งโกว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจว่าเถ้าแก่กับอิ๋งโกวไม่ใช่คนคนเดียวกัน ดังนั้นสำหรับพ่อหนุ่มที่ ‘ลงไม้ลงมือ’ กับตัวเองโดยไม่ได้รับเชิญคนนี้ อิงอิงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

และที่สำคัญที่สุดคือ เธอเป็นผีดิบมีร่างกายพลังที่แตกต่าง หลังจากนั้นเธอเคยไปขอครีมบำรุงผิวจากห้องของสวี่ชิงหล่างอยู่ไม่น้อย แม้แต่ผงไข่มุกก็เคยทา แต่กลับไม่สามารถรักษาแผลเป็นนั้นได้

แต่และใครจะคิดว่า ในเวลาเช่นนี้ รอยแผลกลางฝ่ามือที่สมานตัวนานแล้วจู่ๆ กลับจะปริออก ยามที่ฟาดมือลงไป ไม่เพียงแต่แม่นางไป๋เท่านั้นที่ลอยกระเด็น ในเวลาเดียวกันยังทำให้อิงอิงกลับมาควบคุมร่างกายของตัวเองได้อีกครั้ง เดิมทีเป็นสถานการณ์ปิดตาย แต่กลับถูกทำลายในชั่วพริบตาเดียว

คนเรามักจะมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง โดยเฉพาะคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์แท้ๆ กลับมีน้อยเกินไป โดยทั่วไปที่กราบไหว้บูชาอยู่ในวัด มักจะทิ้งความคิดเพ้อฝันให้กับชาวบ้านทั้งนั้น

ถ้าหากไม่ได้พบโจวเจ๋อ ไม่ว่าคำขอใดๆ ของแม่นางไป๋ คาดว่าอิงอิงจะไม่ปฏิเสธเลย ถึงแม้ว่าจะต้องเผาตัวเอง อิงอิงไม่เพียงแต่จะไม่อ้อนวอนเพื่อตัวเองเท่านั้น กระทั่งยังแอบสั่งทำเตียงไม้ไผ่ให้ตัวเองอย่างเงียบๆ เพราะกังวลว่าหากวันไหนเถ้าแก่นึกอยากเผาตัวเองขึ้นมาแล้วไม่มีเตียงไม้ไผ่เตรียมไว้จะไม่สะดวก แต่ตอนนี้ในเมื่อได้รับปากเถ้าแก่แล้วเช่นนั้นตัวเองจะตายไม่ได้เด็ดขาด ถึงแม้จะเป็นนายหญิงในตอนนั้นก็ไม่มีทาง!

ผมขาวของเธอพลิ้วไหว แสงสีเหลืองอำพันหมุนวนอยู่ในนัยน์ตาสีดำ มีพลังอันน่าเกรมขาม เมื่อเวลาสองร้อยปีก่อนในแวดวงของผีดิบ จริงๆ แล้วไม่ถือว่านานมาก เมื่อเทียบกับความตกต่ำของศพกระตุกทั่วไปที่โดนฝังลงดินเพียงไม่กี่ปีถือว่าดีไม่น้อย และนับว่าเข้าสู่ระดับพื้นฐานเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ต้องพูดเทียบกับคนอื่น ต่อให้เทียบกับผีดิบน้อยอีกตัวในร้านหนังสือก็ยากที่จะเป็นจุดเด่น

แต่สิ่งที่อิงอิงไม่เหมือนคนอื่นคือ เธอโชคดี ได้ดูแลและใช้ชีวิตกับเถ้าแก่ของตัวเองเกือบสองปีแล้ว ในสายตาของคนอื่นอาจจะทำให้เธอดูน่าสงสาร แต่ผลกระทบที่อยู่ในนั้น คนนอกยากที่จะเข้าใจได้อย่างแท้จริง

ลองดูทนายอันที่รู้สึกขอโทษและปฏิบัติเช่นไรกับเด็กผู้ชายด้วยเหตุนี้สิ เขายอมนำของล้ำค่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานออกมาถ่ายทอดโดยไม่เสียดาย จึงมองออกว่าหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมาอิงอิงได้รับสิ่งของมากมายมหาศาลแค่ไหน

ไม่ว่าหรือว่าจะอย่างไรก็เป็นยุคแห่งความสันติสุข ผีดิบซึ่งเป็นสิ่งที่สวรรค์เกลียดชัง ถ้าอยากจะโดดเด่นที่สุดและก้าวไปข้างหน้า ถึงมันยากมากถึงมากจริงๆ

เมื่อย้อนกลับมามองแม่นางไป๋ที่ลอยกระเด็นออกไป เธอไม่มีความรู้สึกของพี่สาวน้องสาวในอดีตเหมือนเด็กเมื่อวานซืนอีกแล้ว ตรงกันข้ามกลับมีนัยน์ตาคู่หนึ่งจ้องมองเงาร่างที่อยู่ด้านหลังอิงอิงด้วยความตื่นตกใจ หวาดกลัว จิตตก สุดท้ายกลายเป็นความแค้นและความไม่พอใจสุมเต็มอก

เธอที่ใจเย็นดุจสายน้ำนับตั้งแต่ที่เดิกินเข้าประตูร้านหนังสือ เวลานี้กลับกลายเป็นเหมือนตงเจียทะเลาะกับสามีจนหน้าแดงด้วยเรื่องจุกจิกเล็กๆ น้อยๆ พูดตวาดว่า “ทำไมๆ! ทำไมตอนนั้นเจ้าไม่ออกมา ทำไมๆ! ทำไมตอนนั้นเจ้าไม่ออกมา!!!!! เขาไม่จำเป็นต้องตาย เขาไม่จำเป็นต้องตายเลยจริงๆ ทำไม ถือสิทธิ์อะไร ทำไมตอนนั้นเจ้าถึงไม่ออกมา!!!!!!”

บนบันได้วัดเฉิงหวงเมี่ยว โจวเจ๋อกับนักพรตเฒ่านั่งเรียงกัน เด็กผู้ชาย ทนายอัน และพวกเขาที่อยู่ไกลๆ กำลังเล่นเกมแมวจับหนูอยู่ แต่จะจับหนูตัวใหญ่ได้สำเร็จเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น ถึงแม้เมื่อครู่แม่นางไป๋จะรวมร่างเข้ากับร่างธรรมของเทพเจ้าประจำเมืองแล้วก็ตาม บวกกับสถานะที่อยู่ในศาลเจ้าอื่น อีกทั้งบางทีอาจจะมีบุญของตอนที่เป็นทหารกองทัพไท่ผิงในตอนนั้นหลงเหลืออยู่ จึงมีแผนเยอะแยะ แต่ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ เป็นไปได้ยากจริงๆ

นักพรตเฒ่าหยิบบุหรี่ออกมาสองมวน ยื่นให้เถ้าแก่ของตัวเองหนึ่งมวน จากนั้นตัวเองจึงคาบไว้หนึ่งมวน โจวเจ๋อกัดก้นกรองบุหรี่แล้วหาวหวอด

เขานั่งอยู่ตรงนี้และไม่ได้ตั้งใจที่จะเอาแต่ชี้นิ้วสั่งแต่ตัวเองกลับไม่ทำอะไร ทว่าลูกคนร่ำรวยจะไม่นั่งใต้ขอบชายคา[1]ริมห้องโถง เจ้าโง่ตอนนี้กำลังอยู่ในห้วงแห่งการหลับใหลชั่วนิรันดร์ ดังนั้นเขาจึงต้องระวังเล็กน้อย

หรือบางทีนี่อาจจะเป็นสภาพวะจิตใจของผู้เล่นคนเก่งที่ตกต่ำกลายเป็นผู้เล่นธรรมดา จึงไม่กล้าทำตัวกร่าง บางครั้งโจวเจ๋อก็จะคิดทบทวน ว่าตัวเองใช้ชีวิตเหมือน ‘คนแก่’ เกินไปไหม เกิดมาเป็นคนถึงสองชาติ บวกกันแล้วก็เหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ

ปีนี้เขาอายุสามสิบปี หลายคนยังอยู่ในช่วงเป็นเด็กโต เป็นปีที่เหมาะที่จะควบม้าวิ่งตะบึงอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างพอดี แต่ตัวเขากลับมีมุมมองเหมือนคนแก่อายุเจ็ดสิบแปดสิบปี

การเดินทางท่องไปในนรก ถึงแม้สุดท้ายจะไม่พูดถึงตอนท้ายสุดที่เจ้าโง่ที่โดนเขาพูดจาหว่านล้อมจนต้องให้การดูแลเป็นพิเศษก่อนจะนอนหลับไป แม้แต่ฉากนี้ ในด้านการฝึกฝนโลกทัศน์และจิตวิญญาณก็ถือว่าไม่ง่ายอย่างแน่นอน แต่ตัวเขาเองกลับไม่มีวี่แววอยากอวดเก่งอยากโชว์ต่อหน้าลูกน้องเลยสักนิดเดียว แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ

นักพรตเฒ่าไม่เข้าใจว่าเถ้าแก่ของตัวเองกำลัง ‘คะนึงคิดด้วยจิตใจที่หดหู่’ หลังจากจุดบุหรี่ให้เถ้าแก่แล้ว เขาจึงลากโกวซินที่ยังสลบอยู่ตรงหน้าเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว โจวเจ๋อหนังตากระตุก ตอนนี้โกวซินลมหายใจเข้าน้อยกว่าลมหายใจออก นักพรตเฒ่าก็ไม่ทะนุถนอมเอาเสียเลย ถ้าหากชักกระตุกแล้วตายขึ้นมาจะทำอย่างไร

“เถ้าแก่ ข้าจะลองค้นดู พ่อหนุ่มคนนี้มีของวิเศษมากมายอยู่ที่ตัว” นักพรตเฒ่าใช้สองมือคลำหาไปบนตัวของโกวซซิน ตอนที่โกวซินต่อสู้กับเทพเจ้าประจำเมืองก่อนหน้านี้ ของวิเศษต่างๆ ของเขาสามารถนำมาเปิดร้านขายของได้เลย โยนออกไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าเหมือนไม่มีค่า และไม่เห็นว่าเขาจะเสียดายเลย มีเยอะเหมือนไม่เสียดายเงิน ทำให้เขารู้สึกเสียดายแทน

คนรวยล่ำซำมักจะทำให้คนอิจฉาตาร้อน ตอนนี้เขากำลังหมดสติ นักพรตเฒ่าจึงไม่เกรงใจ คนหนุ่มสาวชอบอวดเก่งอวดดี คนมีเงินไม่โชว์ให้คนอื่นเห็นเข้าใจหลักการแค่นี้ยังไม่เข้าใจไหม นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าตัวเองในฐานะผู้อาวุโสจะต้องสั่งสอนเขาเสียหน่อย ถึงแม้หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาบนโลกมนุษย์ ทุกคนเรียนรู้ที่จะรักกัน ไม่ว่าเรื่องใดมักจะชอบห่มหนังของความเป็นคนอันรุ่งโรจน์เอาไว้ แม้แต่แม่พระนักบุญก็เช่นกัน

แต่ในนรก จะยึดฉวยโอกาสตอนที่คุณป่วยเอาชีวิตคุณถึงจะเป็นหลักการที่คนยึดถือใกล้ตายเป็นหลัก นักพรตเฒ่าอยู่กับเถ้าแก่มาสองสมัย เจอเรื่องเหล่านี้จนชินตา และถือว่าเข้าใจสถานการณ์

โจวเจ๋อเดิมทีอยากจะเอ่ยห้าม เขามักจะรู้สึกว่าการทำเช่นนี้ไม่สู้ดีนัก เมื่อก่อนตัวเองก็เคยค้นของในกระเป๋าของคนตาย แต่เขาคนนี้ยังไม่ตายเสียหน่อย รอให้เขาหมดลมหายใจแล้วไม่ดีกว่าเหรอ

แต่พอเห็นนักพรตเฒ่าหยิบของออกมาทีละชิ้นแล้วนำมาวางบนบันไดที่อยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว มุมปากของเถ้าแก่โจวกลับกระตุกไม่หยุด ในใจของเขาเริ่มคิดว่าควรจะยุยงส่งเสริมดีไหม ช่วยโกวซินจบความทรมานส่งเข้าไปสู่สุคติ เพราะไอ้หมอนี่ช่างโชคดีเหลือเกิน

แต่ใครจะคิดว่าโกวซินกลับยังมีชีวิตอยู่ไอสองสามทีในทันใด แล้วเขาค่อยๆ ลืมตา

“…” นักพรตเฒ่า

“…” โกวซิน

น่าเขินอายจริงๆ ทว่าโกวซินกลับไม่ได้โกรธที่นักพรตเฒ่าหยิบของวิเศษแต่ละชิ้นออกมาวางจากบนตัวของเขา แต่เขากลับจงใจหันหน้าไปมองโจวเจ๋อ

“คุณนายบาดเจ็บหนัก กลัวว่ามันจะทับคุณนาย เขาถึงช่วยนายหยิบออกมาวางให้คุณ” เถ้าแก่โจวพูดด้วยสีหน้านิ่ง แต่เขาจะเชื่อหรือไม่นั้น เอาเป็นว่าแม้แต่โจวเจ๋อไม่ว่าอย่างไรตัวเองก็ยังไม่เชื่อ

โกวซินหัวเราะหนึ่งที ทำให้แผลฉีก แล้วจึงไอแรงๆ สองสามทีพลางเอ่ยว่า “เขาแค่หาของวิเศษบนตัวของฉันผมเท่านั้น ให้แล้วก็ถือว่าให้ การใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่ว่ายังไงก็ใช่ว่าไม่เคยเห็นมาก่อน แต่นายคุณกลับอยากได้ชีวิตฉันผม”

“…” โจวเจ๋อ

โจวเจ๋อลุกขึ้นเดินไปข้างๆ โกวซิน นั่งลงยองๆ มองเขาแล้วกล่าวว่า “ผู้ชายปกติเดินตามท้องถนน มองเห็นผู้หญิงสวยในหัวก็จะจินตนาการถึงรสชาติที่ได้กดทับอยู่ใต้ร่าง แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้จริง”

“โอเคๆ ฉันผมให้ของอาวุธวิเศษกับพวกนายคุณ ถ้าไม่พอฉันผมจะให้เพิ่ม แต่ต้องไว้ชีวิตฉันผม”

โจวเจ๋อพยักหน้า ถือว่าตกลงแล้ว

“นับว่าฉันผมโชคดี ไม่คิดว่าวันนี้จะหกคะเมนตีลังกาได้ ยังดีนะตอนที่อยู่ในร้านหนังสือของนายคุณก่อนหน้านี้ ฉันผมแค่ยิ้มถามนายคุณว่าอยากจะอยู่กับฉันผมไหม อยู่กินสบาย ไม่ได้ต้องทำอะไรมากมาย ไม่อย่างนั้น…เอ๊ะ นายคุณอยากจะฆ่าฉันผมอีกแล้วเหรอ ฮ่าๆๆๆ นายคุณก็ใจแคบเหลือเกิน”

โจวเจ๋อไม่สนใจเขา แต่ใช้มือป้องปากแล้วหาว เกมแมวจับหนูที่อยู่ข้างหน้าเข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว แม่นางไป๋ต่อให้หนีเก่งแค่ไหน ก็สู้การวิ่งไล่ทุบตีของหนุ่มๆ พวกนี้และเจ้าลิงไม่ได้หรอก การกำจัดเธอได้ก็เท่ากับขจัดหายนะของอิงอิง แม่นางไป๋อย่างไรเสียก็มีความแตกต่างจากโกวซิน สำหรับคนหน้า โจวเจ๋อจะไม่เหลือพื้นที่ให้แม้แต่น้อย เกิดเป็นคนทั้งสองชาติ คนที่สามารถทำให้เขาหนีไม่พ้นและให้ความสำคัญได้จริงมีเพียงอิงอิงคนเดียว แต่เวลานี้โกวซินกลับหันหน้าเล็กน้อย และพูดพึมพำว่า “ขอเตือนนายคุณหน่อย ทางนี้น่าจะเป็นสิ่งที่แถมมาเท่านั้น”

“หมายความว่ายังไง” 艾琳小說

“หมายความว่า ตัวของเธอและพลังส่วนใหญ่ของเธออยู่ที่นี่ก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ก่อนหน้านั้นเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋อยากจะจับเธอ แต่ไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพราะเธอแข็งแกร่งกว่า แต่เธอตัวจริงไม่ได้อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงจับร่างของเธอไม่ได้ ตอนแรกฉันผมก็รู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนลอบกัด แต่ไม่ว่ายังไงก็มีข้อดีอยู่ข้างหน้า ถูกลอบกัดก็ไม่เสียหาย จึงไม่เก็บมาใส่ใจ ถือว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนที่จะเกิดเรื่องฉันผมไม่กังวลเลยว่าตัวเองจะโดนลอบกัด”

สายตาของโจวเจ๋อค่อยๆ มืดครึ้มนิ่งลง ก่อนหน้านั้นเขาตั้งใจให้อิงอิงอยู่ที่ร้านไม่มาด้วยกัน เพราะเป็นห่วงว่าอิงอิงจะเป็นอันตรายขณะที่เผชิญหน้ากับแม่นางไป๋ หรือว่านี่คือโดนแผนล่อเสือออกจากถ้ำ

เขานึกถึงคำพูดของชายชราในภาพวาด เมื่อก่อนแม่นางไป๋เมื่อก่อนเคยถูกขนานนามว่า ‘รากษสหน้าหยก’ ในกองทัพไท่ผิง ในเมื่อเป็นผู้นำกองทัพออกรบ ดังนั้นจึงไม่ธรรมดาแน่นอน!

ทันใดนั้นโจวเจ๋อรีบลุกขึ้น ด้านหน้ายังคงเล่นเกมแมวจับหนูอยู่ แต่โจวเจ๋อกลับไม่อยากรอแม้แต่วินาทีเดียวอยากจะกลับร้านหนังสือทันที ก่อนจะไปโจวเจ๋อมองนักพรตเฒ่าหนึ่งที และมองโกวซินอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยว่า “นักพรตเฒ่า คุณดูแลเขาหน่อย เอาได้ของไปแล้ว แต่อย่าทำให้เขาตาย”

“ได้เลย เถ้าแก่” นักพรตเฒ่าตอบรับทันที ทางนี้มีทนายอัน เจ้าลิง และพวกเขาคนอื่นอยู่ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าโกวซินจะกลับคำ

โกวซินมองนักพรตเฒ่า เผยสีหน้าที่คับแค้นใจออกมา เขามองเงาหลังที่หมุนตัวเดินออกไปของเถ้าแก่โจวแล้วตะโกนด้วยแรงอันน้อยนิด “นายคุณยังอยาก ให้ฉันผมตายเหรอ…”

………………………………………………………………………..

[1] ลูกคนร่ำรวยจะไม่นั่งใต้ขอบชายคา หมายถึง ไม่อยู่ในที่ที่ไม่ปลอดภัยเป็นเวลานาน ไม่กล้าทำเรื่องเสี่ยง เพราะรักชีวิตและทรัพย์สมบัติของตัวเอง

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล

Status: Ongoing
หลังจากการตายที่ไม่คาดคิด สิ่งที่เขาได้รับคือ ตัวตนใหม่ ร้านหนังสือใกล้เจ๊ง และตำแหน่งยมทูตจำเป็น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท