ตอนที่ 602 แบ่งควันธูปควันเทียน
การต่อสู้ในวัดเฉิงหวงเมี่ยวยังคงคึกคักเหมือนเดิม แต่ผู้ที่มากราบไหว้ขอพรที่โง่เขลาเหล่านี้ไม่มีใครได้รับผลกระทบรับรู้สึกกาต่อสู้ของพวกเขา มากสุดก็มีที่คนที่ซวยพลอยโดนหางเลขไปด้วยนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทิ้งร่อยรอยเอาไว้มากมาย หลังจากได้สติกลับมาแล้วจึงคิดว่าโรคเก่ากำเริบเท่านั้น และสาเหตุอย่างอื่น เป็นเพราะในใจของทุกคนรู้ความพอเหมาะพอควรอยู่แก่ใจเป็นอย่างดี
ในโลกมนุษย์ เราทำอะไรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เห็นทุกอย่าง ถึงแม้จะพูดว่าไม่เคยเจอเซียนเทวดาหรือทวยเทพตัวเป็นๆ แต่ท่ามกลางความมืดมิดมักจะมีด้ายเส้นแดงอยู่บนนั้นเสมอ ปกติมันจะไม่แสดงตัวออกมา แต่ถ้ากระโดดโลดเต้นด้วยความสุขจะเหมือนสายฟ้าฟาดลงมา จากนั้นทั้งโลกจึงสงบสุข
แม่นางไป๋ก่อนหน้านั้นเคยเป็นเทพที่สิงสถิตอยู่ในศาลเจ้ามาก่อน แต่ไม่ได้ถูกบันทึกอยู่ในราชพงศาวลี จึงอยู่ในขอบเขตของศาลที่สร้างไม่ถูกต้องตามประเพณี และทางร้านหนังสือ หากไม่ใช่ปีศาจก็เป็นผีดิบหรือไม่ก็เป็นนักโทษที่โดนลิดรอนอำนาจจากนรก จึงไม่กล้ากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจชัดเจนเกินไป
แต่การเล่มเกมแมวจับหนูคราวนี้ ถือว่าสถานการณ์ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้สีเขียวในของดวงตาข้างซ้ายของสวี่ชิงหล่างจะร้อนแรงมาก แต่ดวงตาข้างขวากลับอยู่ในสภาพอันเหนื่อยล้า เขาต้องคอยรักษาพลังที่ยืมมาจากเทพเจ้าแห่งท้องทะเล และยังต้องควบคุมมันให้อยู่หมัดเพื่อป้องกันตัวเองถูกควบคุมแทน หากอยากสวมมงกุฎก็ต้องแบกรับน้ำหนักของมันเช่นนี้แหละ
ซึ่งเหมือนตอนที่เถ้าแก่โจวยืมพลังของอิ๋งโกวในตอนแรกดูเหมือนจะใช้พลังอย่างสะใจ แต่รสชาติที่แฝงอยู่ในนั้นมีเพียงคนที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ยังดีที่ภายใต้การจ้องมองของ ‘เทพเจ้าแห่งท้องทะเล’ ร่างธรรมของแม่นางไป๋โดนทำลายเกือบหมดสิ้น เจ้าลิงน้อยและเด็กผู้ชายวิ่งไล่กลับไปกลับมาไม่หยุด บวกกับการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของทนายอัน ไอปีศาจและพลังปราณพิฆาตสองสายรวมตัวกันกลายเป็นโซ่ตรวนที่หนาแน่น จึงควบคุมแม่นางไป๋สำเร็จในท้ายที่สุด
เมื่อหันกลับมามองไปทางประตูนี้ ทนายอันรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่ไม่เห็นเถ้าแก่ เขาจึงหันไปมองแม่นางไป๋ที่อยู่ตรงหน้าอีกที แล้วจึงแสดงอาการตาเยิ้มออกมาจากในดวงตาของเขาอย่างไร้ซึ่งการปกปิด
ทนายอันไม่ใช่คนที่ละกิเลสตัณหา จึงเปิดกว้างเรื่องของชายหญิง แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ว่าจะเกิดความคิดลามกกับแม่นางไป๋ที่ไม่มีแม้แต่กายเนื้อ อีกอย่างแม่นางไป๋คนนี้ก็เหมือนกับไป๋อิงอิง ถึงแม้เขาจะมีความคิดที่งดงามอยากจะ ‘สื่อสารกับเทพเจ้า’ แต่ก็ต้องตัดใจเด็ดขาดไม่กล้าทำสิ่งเหล่านี้ และจะได้ไม่ทำผิดต่อข้อห้ามของเถ้าแก่
แต่ละสิ่งที่ทำให้ทนายอันน้ำลายไหล ก็คือกลิ่นอาย ‘อันสดใสเรืองรอง’ ที่อยู่บนตัวของแม่นางไป๋ พลังแห่งควันธูปควันเทียน ไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์กับศาลเจ้าเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์กับที่อื่นๆ ด้วย ซึ่งคล้ายกับน้ำมันตะเกียงของพระพุทธเจ้า น่าชวนชิมเป็นที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็มีเพียงแค่หนึ่งชุด ทนายอันตะโกนพูดกับนักพรตเฒ่า “เถ้าแก่ล่ะ”
“เพิ่งกลับไป บอกว่ามีธุระนิดหน่อย” นักพรตเฒ่าพลางตอบพลางและค้นของวิเศษบนตัวของโกวซินมาหยิบใส่กระเป๋าของตัวเอง
โกวซินถูกนักพรตเฒ่านำตัวไปนั่งพิงผนังกำแพง เมื่อเห็นทนายอันเดินเข้ามา เขาจึงพูดอย่างอ่อนแรงว่า “เรียกเขากลับมา ของพวกนี้ต้องกินตอนร้อนๆ ปล่อยไว้ตรงนั้นจะเสียเปล่า” ก่อนหน้านั้นโกวซินก็อยากจะกินควันธูปควันเทียนนี้ ถึงแม้ว่าจะทำลายแผนการล่วงหน้าเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมของตัวเองที่วางเอาไว้ล่วงหน้าก็ไม่เสียดาย
ใครจะคิดว่าทนายอันกลับเหลือบตามองโกวซินอย่างเหยียดหยามหนึ่งที นี่คือตัวตลกที่เดินเข้ามาในร้านหนังสือแล้วอยากจะรับเถ้าแก่ไปเป็นลูกน้องยคนนั้นเหรอ ดูสภาพของเขาสิ มีหน้าตาของคนโหงวเฮ้งดีมีโชคตรงไหน จากนั้นเขาจึงมองนักพรตเฒ่าที่เก็บเกี่ยวข้าวของมากมายด้วยความดีใจอยู่ข้างกายตัวเอง ทนายอันรู้สึกเห็นใจโกวซินอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเถ้าแก่ลงมือโหดไปหน่อย
ฆ่าคนก็แค่ตัดหัว ทำไมคุณถึงปล่อยนักพรตเฒ่ามาแบบนี้ เขาจึงคิดว่าก่อนหน้านั้นไอ้หมอนี่อาจจะอวดดีเกินไป ทำให้เถ้าแก่ไม่พอใจขึ้นมา
“เหอะ คุณคิดว่าเถ้าแก่ของพวกเราเหมือนคุณ เป็นคนบ้านนอกไม่เคยเห็นเมืองฟ้าเมืองสวรรค์เหรอ พลังของควันธูปควันเทียนเหล่านี้ สำหรับคุณอาจจะล้ำค่าเป็นอย่างมาก แต่ในสายตาของผมไม่ใช่ของสำคัญเลย” ทนายอันจัดการวางแผนที่ดีกว่านี้ให้โจวเจ๋อแล้ว หลังจากเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุมแล้ว ถ้าอยากจะเป็นผู้ตรวจสอบหรือเลื่อนขั้นเป็นผู้พิพากษา อาศัยแค่ผลงานเหล่านี้ยังไม่พอ ต้องสะสมผลบุญด้วย
อาศัยพลังแห่งควันธูปเทียนเพื่อเป็นรากฐานของการเลื่อนขั้นเป็นผู้จับกุม ยังดีกว่าโง่อาศัยทำผลงานอย่างเดียวเพื่อเลื่อนขั้น แต่พลังแห่งควันธูปเทียนนี้เป็นของที่คนอื่นกินเหลือเดนจากคนอื่น เถ้าแก่ของตัวเองไม่ใช่วัวเหลืองแก่ที่ต้องเคี้ยวเอื้องซ้ำ
ตอนนี้นรกเกิดการเปลี่ยนแปลงของนรกครั้งใหญ่ เป็นโอกาสดีในการสร้างเนื้อสร้างตัวให้ช่วงเฟื่องฟูร่ำรวยของคนต่ำต้อย ทนายอันเดิมทีวางแผนจะไปเจียงอิน แต่พอคิดดูแล้วน่าจะรับมือยาก เขาจึงย้ายไปทางยูนนานแทน
โกวซินได้ยินดังนั้นจึงไม่พูดอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ เขาโชคดีจนชินและราบรื่นมาตลอด จึงคิดว่าตัวเองเจอโลกและเห็นอะไรมาไม่น้อย
เมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ทนายอันจึงขี้เกียจพูดกับเขาให้มากความ เพียงเพื่ออยากโอ้อวดรู้จึงต้องพูดโม้กับเขาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนรกและความสัมพันธ์กับเถ้าแก่ของตัวเองเหรอ เขาเป็นคนโง่หรืออย่างไร
“เถ้าแก่กลับไปร้านหนังสือเหรอ เกิดเรื่องทางนั้นใช่ไหม”
“ก่อนเถ้าแก่จะกลับบอกว่า เขาจัดการได้” นักพรตเฒ่าตอบ
“อ้อ”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทนายอันจึงสบายใจ พลางยื่นมือชี้โกวซินที่อยู่ตรงหน้า แล้วชี้ไปทางยมทูตขาวดำเฮยไป๋อู๋ฉางที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น
“นักพรตเฒ่า รบกวนคุณดูสองคนนั้นทีว่าตายหรือยัง ถ้าหากยังไม่ตาย ก็ส่งพวกเขาไปโรง…ส่งไปที่ร้านขายยาที่อยู่ติดร้านหนังสือ คุณจัดการให้หน่อยนะ” ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
“ได้เลย” นักพรตเฒ่าขานรับ ส่วนโกวซินที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับมุมปากกระตุก
ทนายอันแอบหัวเราะในใจ ‘ไอ้กระจอกดีเลย คิดว่าฉันรักษานายไม่ได้เหรอ’ แต่ทางนี้มีธุระต้องจัดการ’ เขาเดินกลับไปตรงหน้าแม่นางไป๋ ก่อนหน้านั้นเขาไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้กลับพบว่าแม่นางไป๋คนนี้นิ่งไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อลองพิจารณามองอย่างละเอียดแล้วคิดเชื่อมโยงกับเรื่องที่เถ้าแก่รีบกลับไปจัดการ ทนายอันถึงได้เข้าใจว่านี่คือแผนจักจั่นลอกคราบ อืม แล้วก็ล่อเสือออกจากถ้ำ
ไม่เกิดอันตรายกับร้านหนังสือถึงจะเป็นเรื่องดี ทนายอันไม่ได้เป็นห่วงไป๋อิงอิง แต่เป็นห่วงว่าถ้าหากอิงอิงเป็นอะไรไป เถ้าแก่ทนรับการโจมตีนี้ไม่ไหวจะทำอย่างไร ทว่าตอนนี้ตัวเขาเองและคนอื่นๆ จะรีบกลับก็ไม่ทันแล้ว มิหนำซ้ำแม่นางไป๋ในเมื่อทิ้งพลังส่วนใหญ่ไว้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นที่ร้านหนังสือขอเพียงเถ้าแก่กลับไปทัน ก็น่าจะรับมือได้ และไม่มีปัญหาอะไรมากมาย
เขาต้องจัดการปัญหาที่อยู่ตรงหน้าก่อน ทนายอันมองเจ้าลิงน้อยที่อยู่ด้านหน้า เจ้าลิงน้อยเป็นปีศาจ ที่เมื่อได้สะสมบุญกุศล จะเป็นผลดีต่อการฝึกบำเพ็ญเพียรของตัวเองในภายภาคหน้า เรื่องราวของ ‘ไซอิ๋ว’ จะคิดว่าเป็นเรื่องจริงไม่ได้ แต่หลังจากที่เป็นปีศาจลิงแล้วไปได้อัญเชิญพระไตรปิฎกแสวงหาหนทางให้ตัวเองบรรลุมรรคผลเป็นพุทธะแบบนั้นและขอตำแหน่งของพระพุทธเจ้าเป็นของตัวเอง มีความคล้ายคลึงกับหลังจากที่ก่อกบฏและประกาศนิรโทษกรรมแก่พวกกบฏ ทำตัวเป็นเด็กดีอยู่บนทางสวรรค์ ณ จุดนี้ เหมาะสมที่จะใช้กับเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างกายเขา
และจากใจโดยแท้ ทนายอันอยากให้เด็กผู้ชายกลืนควันธูปเทียนนี้ไป เท่ากับว่าจะได้เพิ่มยันต์คุ้มกันตัว วันหลังออกจากบ้านก็ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะโดนฟ้าผ่าตาย เด็กผู้ชายเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความคิดของทนายอัน เขาจึงถอยหลังหนึ่งก้าวและเอ่ยว่า “ไม่จำเป็นต้องใช้ไม่มีประโยชน์ๆ” ไม่จำเป็นต้องใช้มีประโยชน์และไม่สนใจ
ทนายอันสงสัยเล็กน้อย จากนั้นจึงเข้าใจทันที ถึงแม้เถ้าแก่บอกว่าอิ๋งโกวกำลังอยู่ในห้วงแห่งการหลับใหล แต่ไม่แน่วันไหนอาจจะสามารถคิดหาวิธีเพื่อปลุกเขาขึ้นมาได้ในภายหลัง ถึงตอนนั้น ถ้าหากเขาพบว่าเด็กผู้ชายกลืนควันธูปเทียนของคนอื่นนี้เข้าไป เขาจะรู้สึกอย่างไร
นิสัยของอิ๋งโกว ทนายอันพอรู้อยู่บ้าง รออีกหน่อยก็แล้วกัน วันหลังคิดหาวิธีปลุกอิ๋งโกวขึ้นมา เขาดึงขนเอวออกมาหนึ่งเส้นยังหนากว่าช่วงเอวของผีดิบทั่วไป ถึงตอนนั้นแอบปล่อยให้ลูกศิษย์ลูกหาของตัวเองแค่เพียงร่องนิ้วเด็กผู้ชายก็สามารถใช้ได้ไม่มีวันหมดสิ้นแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่มีหลักการที่ว่าไม่กราบไหว้บูชาบรรพบุรุษแล้ววิ่งแจ้นไปกราบไหว้วิญญาณเร่ร่อน
“เจี๊ยกๆๆ!” ปีศาจลิงเริ่มร้องขึ้นมา มันยังคงออกแรงกดทับร่างธรรมนี้ด้วยใบหน้าที่รังเกียจ ดูเหมือนว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แต่เป็นอึที่เหม็นหึ่ง
“…” ทนายอันนึกออกในทันใด นอกสถานีตำรวจวันนั้น ตอนที่อิ๋งโกวกลืนร่างแยกของเซี่ยจื้อ ได้เหลือเนื้อชิ้นใหญ่ให้เจ้าลิงน้อยที่อยู่ใต้เท้ากินด้วยกัน ถึงแม้จะพูดว่าเป็นร่างแยกของเซี่ยจื้อ แต่ทุกคนล้วนเป็นสัตว์มหัศจรรย์โบราณ เมื่อกินอันนั้นแล้วมากินควันธูปนี่ ไม่ใช่การกินอึเหรอ
ไม่แน่ถ้าหากบังคับให้เจ้าลิงกลืนลงไป อาจจะทำให้มันเกิดการปะทะและย่อยไม่ดี
โอเค ทนายอันหันหน้า มองโกวซินนั่งอยู่ไกลๆ ด้วยความอ่อนแรง นี่น่ะเหรอโอรสคนโปรดของสวรรค์ ไม่รู้สินะว่าของที่เขาหมายตา แม้แต่พรรคพวกและสัตว์เลี้ยงในร้านหนังสือของเราก็ยังดูหมิ่นไม่อยากกิน
เมื่อพิจารณาอีกครั้ง โกวซินแค่อยู่กับนักพรตเฒ่าครึ่งวันเท่านั้นก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้ เถ้าแก่คนเก่าของนักพรตเฒ่าก็มีจุดจบที่น่าอนาถเช่นกัน ต้องจากหรงเฉิงเตร็ดเตร่มาถึงเซี่ยงไฮ้ และได้แต่สงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่ทำตัวเด่น ทว่าเถ้าแก่ของตัวเองน นักพรตเฒ่าอยู่กับเขามาหนึ่งปีกว่า เขายังคงดื่มกาแฟนอนอาบแดดได้ทุกวัน ไม่เป็นอะไรเลยสักนิด
เมื่อคิดได้ดังนี้ ทนายอันจึงเกิดความรู้สึกเลื่อมใสขึ้นมาในใจ และพลังของควันธูปเทียนนี้ ทนายอันก็ขี้เกียจที่จะกินมัน เขาไม่ได้เป็นข้าราชการและไม่ได้เป็นบัณฑิต อีกทั้งและเจ้าสิ่งนี้ก็ไม่สามารถเพิ่มพลังเพิ่มฐานะได้โดยตรง เขากินมันเข้าไปก็เหมือนกินของเสีย
จากนั้นเขาจึงมองไปรอบๆ อีกครั้ง ทนายอันยื่นนิ้วชี้ไปที่สวี่ชิงหล่าง “คุณต้องกินมันเข้าไป!” สวี่ชิงหล่างประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว เดินไปตรงหน้าร่างธรรมแล้วยืนนิ่งไม่ปขยับ
“ยังจะรออะไรอีก เจ้าสิ่งนี้ไม่สามารถหั่นเป็นชิ้นผัดในส่กระทะให้คุณกินได้ กินๆ ไปเถอะ หรือว่ายังต้องเพิ่มจานเพิ่มซอสให้คุณด้วย” ทนายอันเดินไปข้างๆ สวี่ชิงหล่าง ยื่นมือตบไหล่ของเขาแล้วพูดต่อ “เจ้าสิ่งนั้น อย่ามัวคิดว่าจะควบคุมหรือกดทับมัน บางครั้งต้องแสดงความกตัญญูกตเวทีบ้าง ทุกคนต่างได้รับผลประโยชน์ความสัมพันธ์ก็จะดีเองต่างเกี่ยวข้องกันเรื่องผลประโยชน์ก็พอ เขาเป็นเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ควันธูปควันเทียนนี้มีประโยชน์กับเขามาก”
สวี่ชิงหล่างพยักหน้า “ขอบใจนะ”
“แหม คนกันเองเกรงใจอะไร รอคุณว่างแล้ว ลองไปถามเถ้าแก่ว่าใช้ชีวิตร่วมกับคนนั้นยังไง คนนั้นน่าจะกลับชาติไปเกิดอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเคยเป็นมีสุนัขเฝ้าบ้านมากี่ตัวครั้งแล้ว แต่คนที่ใช้ชีวิตได้มีชีวิตชีวามากที่สุด ก็คือเถ้าแก่ของพวกเราไม่ใช่เหรอ”
เมื่อฟังคำพูดเหล่านี้ แม่นางไป๋ที่เดิมทีมีสีหน้านิ่งทื่อถูกควบคุมตัวอยู่ตรงนั้นพลันลืมตาขึ้นมา แผดเสียงตวาดด่าว่า “โอหัง เจ้าพูดว่าใครเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน!”
“อ้าว” ทนายอันเอามือเท้าเอว มองแม่นางไป่ที่ถูกควบคุมตัวรวมทั้งร่างธรรมนี้ เดิมทีเขาอยากจะพูดจาเสียดสีอีกสักหน่อย ทันใดนั้นเขานึกถึงตัวตนในชาติที่แล้วของแม่นางไป๋ได้ สีหน้าของเขาจึงดูไม่เป็นธรรมชาติในทันใด แล้วจึงถามว่า “โอ้วแม่เจ้า เถ้าแก่กับจงหวังคนนั้นเป็นสุนัขพันธุ์เดียวกันเหรอผสม”
………………………………………………………………………..