ตอนที่ 604 มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์!
ดูเหมือนภาพฉากได้เปลี่ยนไปกะทันหัน โจวเจ๋อรู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองหลุดจากการควบคุมของตัวเองอย่างสมบูรณ์ ความรู้สึกเช่นนี้คล้ายกับตอนที่ถูกอิ๋งโกวควบคุมเป็นอย่างมาก แต่เขายังคงรักษาสติได้มากพอ ณ จุดนี้ถือว่าแตกกต่างจากเมื่อก่อนเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขาไม่ปล่อยให้ตัวเองทำลายภาพลวงตาอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นห่วงอิงอิงที่อยู่ในนั้น เขาอยากดึงอิงอิงออกมาพร้อมกัน แต่ละตอนนี้บริเวณโดยรอบกลับมืดไปทั่ว แปดเปื้อนไปด้วยสีดำของความสิ้นหวัง เต็มไปด้วยความจนใจและโศกเศร้า ดุจดังการแสดงที่น่าตื่นตากำลังจะสิ้นสุด ทำให้คนต้องถอนหายใจด้วยความเสียดาย
โจวเจ๋อมองไปรอบๆ สุดท้ายจึงเลือกที่จะหลับตา เขาตัดสินใจที่จะฝ่าออกไปจากตรงนี้ในท้ายที่สุด พาตัวเองออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน หากปล่อยให้ถลำลึกต่อไป เขาเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อชีวิตจริง
ถ้าหากมองจากมุมมองของผู้ชม ละคร ‘ผ่าทะลุฟ้า รักทะลุมิติ’ เป็นเรื่องราวความรักที่งดงามเรื่องหนึ่งจริงๆ
‘กาลเวลาผ่านเนิ่นนานมีเพียงความรักที่จะคงอยู่เหมือนดั่งตำนาน กระแสน้ำไหลไม่ขาดสายจะไม่มีวันทำให้สัญญาของรักแท้ต้องเศร้าหมอง…’ บทเพลงนี้เคยเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศจีน
แต่ถ้าหากจับคุณเป็นตัวเอกแล้วโยนเข้าไปในสถานการณ์ที่คล้ายดั่งฝันและมายานี้ คุณจะไม่รู้สึกว่าสวยงามอีกต่อไป และในเหตุการณ์ปกติจะไม่ไปตามหาสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่จะไปหาจิตแพทย์ว่าตัวเองเป็นโรคอะไร
เพียงแต่ตอนที่โจวเจ๋อพยายามจะทำลายเขตแดนภาพลวงตา ความมืดที่อยู่ตรงหน้าตัวเองกลับปรากฏแสงสว่าง โจวเจ๋อค่อยๆ ลืมตา เขาเห็นประตูบานหนึ่ง ด้านหลังประตูส่องแสงสว่างจ้าตา เมื่อลังเลอยู่พักหนึ่ง โจวเจ๋อจึงเดินไปข้างหน้าและผลักประตูออก
ทนายอันถนัดเรื่องเขตแดนภาพลวงตาโลกแห่งความฝัน และเคยเล่าเรื่องพวกนี้ให้โจวเจ๋อฟังมาก่อน ในความฝัน ถ้าหากเป็นฝันดีตอนที่คุณรู้ตัวว่านี่คือความฝัน คุณกำลังจะตื่นในไม่ช้า แต่ถ้าอยากยืดเวลาของความฝัน วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือมองว่าบริเวณที่ใกล้ตัวเองมีฝาบ่อหรือสิ่งอื่นใดที่สามารถมุดเข้าไปได้ไหม หลังจากมุดเข้าไปแล้ว มักจะเป็นการแสดงสัญญาณทางจิตวิทยาว่า ความฝันสามารถดำเนินต่อไปได้
และภาพลวงตาก็มีต้นกำเนิดมาจากสิ่งนี้ มีพื้นฐานที่เหมือนกัน อย่างมากก็แค่แสดงออกในรูปแบบที่ต่างกันเท่านั้น
ถึงแม้จะถูกชักชวนให้เปิดประตูและมีความหมายว่าจะเจออันตรายที่ใหญ่หลวงกว่าเดิม แต่โจวเจ๋อก็ยังผลักประตูออก ด้านหลังของประตูเป็นเสาทองสัมฤทธิ์เรียงกันเป็นแถว บนเสานั้นแขวนด้วยโซ่เหล็กที่ขึ้นสนิม บรรยากาศเต็มไปด้วยความรกร้างว่างเปล่า บริเวณโดยรอบเสาต้นอื่นที่เหลือล้วนว่างเปล่า มีเพียงเสาต้นนั้นที่อยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อเพียงต้นเดียวที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยกระดูกขาว
ตอนที่โจวเจ๋อเข้าไปใกล้ นัยน์ตาของกระดูกขาวเปล่งแสงสีเขียวออกมา ให้ความรู้สึกประหลาดที่น่ากลัว กระดูกขาวยื่นมือชี้ไปที่โจวเจ๋อ โจวเจ๋อไม่ขยับเขยื้อน จากนั้นส่ายหน้าช้าๆ ถึงแม้จะไม่ได้พูด แต่ทั้งสองฝ่ายราวกับมีคำพูดเป็นร้อยเป็นพันซึ่งกันและกัน
คนหนึ่งขอร้อง อีกคนหนึ่งปฏิเสธ กระดูกขาวหดหู่ผิดหวังทรุดตัวลง แสงที่อยู่ในเบ้าตาเริ่มมืดลง แต่ไม่ช้ากลับเริ่มดิ้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ตำแหน่งเสาต้นอื่นที่ว่างเปล่าก็เริ่มมีเงาจางๆ สีดำกำลังโอนเอนไปมา
โจวเจ๋อพอเข้าใจแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน บางทีหรือว่าที่นี่อาจจะเป็นที่พักพิงของเขาในภายหน้า การปฏิเสธของเขาตัวเองในตอนนี้ ราวกับไร้น้ำใจเกินไป ทุกคนล้วนเป็นสุนัขเหมือนกัน ทำไมต้องเผาไฟใส่กัน แต่การปฏิบัติตัวต่อคนอื่นของเถ้าแก่โจว เคยคำนึงถึงจิตใจคนตั้งแต่ตอนไหน ขอโทษนะ เขาเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก ไม่เข้าใจหลักความเป็นธรรมและไม่อยากที่จะเข้าใจ
นี่คือร่างกายของเขา และนี่ก็เป็นชีวิตของเขา คนอื่นถึงแม้จะเป็นอิ๋งโกวในตอนแรก โจวเจ๋อก็ไม่อนุญาตให้เขาเปลี่ยนแปลงหรือขัดจังหวะโดยพลการ จากนั้นดูเหมือนโจวเจ๋อจะปฏิเสธไวเกินไป ทำให้เกิดความไม่พอใจทั้งกลุ่ม ตอนที่โจวเจ๋ออยากจะทำลายเขตแดนภาพลวงตาเพื่อออกไป กลับพบว่าบนเสาที่เรียงกันหนาแน่นโดยรอบ สายโซ่ที่เป็นสนิมมานานเหล่านั้นจู่ๆ ก็ลอยขึ้นมา ขึงขึ้นไปด้านบน ราวกับว่าอยากทำให้ที่นี่มั่นคงขึ้น เพื่อไม่ให้เขาตัวเองรีบตื่นขึ้นมา
“พวกแกสามัคคีกันจริงๆ” โจวเจ๋อสูดลมหายใจลึกๆ เวลานี้เขาไม่สามารถทำลายเขตแดนภาพลวงตาได้จริงๆแม้แต่ภาพและวัตถุที่อยู่ข้างกายก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ความมืดเริ่มหายไป ปรากฏแสงไฟไหวเอนที่บริเวณโดยรอบ สายโซ่เส้นหนึ่งไม่รู้ว่ายื่นขยายมาจากทางไหนได้ล่ามร่างกายของเขาไว้ตัวเอง หลังจากมองเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว โจวเจ๋อพบว่าตัวเองถูกมัดอยู่บนเสาต้นหนึ่ง ไม่มีกลิ่นอายที่โบราณและยิ่งใหญ่เหมือนเสาทองสัมฤทธิ์ แต่เป็นเสาไม้ที่หนามากๆ ต้นหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ที่นี่น่าจะเป็นกระโจมแห่งหนึ่ง
กระดูกสะบักถูกแทงทะลุ กระทั่งบนเท้ายังถูกตะขอเหล็กแทงทะลุเข้าไป รู้สึกคล้ายพระเยซูเวอร์ชันขอทานที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขน
‘“พึ่รึบ!’” กระโจมถูกเปิดออก แม่นางไป๋ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดบุกเข้ามา มองดูตัวเขาเองที่ถูกมัดและมัดตรึงอยู่บนเสาไม้ แม่นางไป๋น้ำตาคลอหน่วย
“ท่านพ่อ…” เธอเสียใจจริงๆ แต่โจวเจ๋อกลับหน่ายใจเล็กน้อยคิดเป็นอย่างอื่น เขากำลังคิดว่าทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากการผูกมัดของสายโซ่และตื่นขึ้นให้เร็วกว่านี้
“พวกพี่น้องทั้งหลายพวกพี่ชายน้องสาวถึงแม้จะรู้ว่าเป็นแผนลวงของปีศาจชิง แต่พวกเราก็ยังยินดีที่จะมาช่วยท่าน ไม่มีเทียนหวัางแล้ว เทียนกั๋วยังคงดำรงอยู่ต่อไป ถ้าหากไม่มีท่าน เทียนกั๋วจะไร้ซึ่งความหวังอย่างแท้จริง!”
หากมองจากมุมมองของประวัติศาสตร์ ถ้าหากหลังจากที่ก่อกบฏเกิดเหตุการณ์แล้ว หงซิ่วเฉวียนและคนอื่นที่จุดไฟลูกที่หนึ่งและทำหน้าที่หลอกลวงคนสำเร็จแล้วตายหมู่พร้อมกัน ไม่แน่ไท่ผิงเทียนกั๋วอาจจะประสบความสำเร็จได้จริง และยังควบคุมได้ทั้งประเทศ
ร้องตะโกนคำขวัญที่ไม่เป็นจริงอย่าง ‘ขับไล่แมนจูฟื้นฟูการปกครองจีน’ แต่การปกครองของราชสำนักชิงมีความเป็นไปได้สูงที่จะสิ้นสุดลงตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีก่อนแล้ว
ตอนนั้นที่ราชสำนักชิงกำลังเสื่อมถอย กระทั่งตัวเองได้แฉถึงการรัฐประหารของซูสีไทเฮาและไอ้ผีหก (อ้ายซินเจวี๋ย๋หลัวพระนามอี้ซิน พระราชโอรสองค์ที่หกของจักรพรรดิเต้ากวง) แต่อย่างน้อยก็เข้าใจเรื่องหนึ่ง นั่นคือไท่ผิงเทียนกั๋วต้องถูกปราบปรามโดยไม่มีเงื่อนไข กระทั่งสละอำนาจให้ข้าราชการฮั่นโดยไม่เสียดายด้วยเหตุนี้
และส่วนทางฝั่งไท่ผิงเทียนกั๋วได้ปรากฏคนเก่งมีความสามารถอย่างเฉินอวี้ยู่เฉิง หลี่ซิ่วเฉิงติดต่อกันอย่างไม่ขาดสาย แต่ก็ได้แต่และต้องทนใช้ชีวิตอย่างยากลำบากต่อไปกับข้าราชระดับสูงที่เสื่อมทรุดเร็วยิ่งกว่าราชสำนักชิง
โจวเจ๋อเริ่มดิ้นให้หลุดจากสายโซ่ อันที่จริงเขาไม่ได้ดิ้นให้หลุดจากโซ่เส้นนี้ แต่เป็นโซ่ที่อยู่ด้านบนต่างหาก เจ้าโง่ยังคงตกอยู่ในห้วงของการหลับใหล เห็นได้ชัดว่าไอ้คนพวกนี้เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว
จวบจนป่านนี้ ตอนที่ทนายอันร้องด้วยความตกใจว่าหลี่ซิ่วเฉิงกับเถ้าแก่ของตัวเองเป็นสุนัขพันธุ์เดียวกันหสมนั้น ถ้าหากโจวเจ๋อยังไม่รู้ว่าตัวเองกับจงหวังหลี่ซิ่วเฉิงคนนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างไรกันแน่ เช่นนั้นคงเสียชาติเกิด
ผู้คนมักจะพูดว่า ข้อผูกมัดของชาติก่อน มักจะถูกหยิบมาเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่สวยงามและน่าเศร้า แต่เถ้าแก่โจวไม่เคยคาดหวังและเฝ้ารอชาติก่อนของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
อย่างมากก็เป็นแค่สุนัขเฝ้าบ้านรุ่นก่อนของอิ๋งโกวกับสุนัขเฝ้าบ้านของรุ่นก่อนๆ รวมทั้งสุนัขเฝ้าบ้านรุ่นก่อนของรุ่นก่อนและรุ่นก่อนเท่านั้น
ตอนนี้เขารำคาญเป็นอย่างมาก ถ้าหากเป็นแค่แผนของแม่นางไป๋เท่านั้นก็ไม่เป็นไร แต่เห็นได้ชัดว่าภายในร่างกายของตัวเองมีบางสิ่งที่อยู่ไม่สุขกำลังกระสับกระส่ายร้อนรน ช่วงเวลาที่เจ้าโง่ไม่อยู่ ไอ้หมอนั่นที่หลายครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้สังเกตว่าพวกเขามีตัวตนอยู่จริงไหม และดูเหมือนจะเริ่มเหยียบจมูกขึ้นหน้าแล้ว!
ด้านนอกกระโจม มีเสียงเข่นฆ่าดังเป็นระยะ หัวคนคือเงินรางวัล ความดีความชอบทางทหารก็คือขั้นบันไดของการเลื่อนขั้น การพัฒนาพลังการสู้รบของกองทัพเซียงกับความตกต่ำของมันหลังจากนี้ จริงๆ แล้วเป็นเหตุผลเดียวกัน ไม่ว่ากองทัพใด หากแนวหน้ากำลังทำสงคราม แต่ด้านหลังพวกข้าราชการทหารกลับซื้อบ้านซื้อที่ดิน ทำสงครามไปพลางร่ำรวยไปพลาง ถูกกำหนดว่าจะไม่สามารถเป็นกองทัพที่อยู่ได้นาน
ตอนนี้เมืองเทียนจิงเพิ่งแตก ต้องฉวยโอกาสขณะที่กองทัพนี้ยังยืนหยัดด้วยเลือดของผู้กล้า ท่านแม่ทัพจึงคิดแผนดึงดูดการช่วยเหลือกากเดนของกองทัพไท่ผิง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นแผน แต่ดกากเดนของกองทัพไท่ผิงกลับดึงดันที่จะบุกฝ่าเข้ามา!
แม่นางไป๋ไล่ฆ่าตนมาถึงที่นี่ถือว่าไม่ง่ายเลย และสภาพของ ‘หลี่ซิ่วเฉิง’ ที่อยู่ตรงหน้าเธอ หากคิดที่จะให้เธอพาเขาออกไปจากที่นี่ เหมือนเป็นเรื่องเพ้อฝัน
หลายครั้งทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ก็ยังทำ และไม่ได้ทำเพื่อความดีความชอบ แต่เพื่อทำให้ตัวเองสบายใจ
“ท่านพ่อคนนั้นที่ท่านเอ่ยถึง ทำไมเขาถึงไม่มาช่วยท่าน ตอนที่เมืองแตก ทำไมเขาไม่มาช่วยท่านหลบหนี” แม่นางไป๋เหมือนกำลังเค้นถาม และน้ำเสียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถึงแม้หงซิ่วเฉวียนจะสร้างตัวด้วยวิธีการหลอกลวง แต่นายพลระดับสูงของไท่ผิงเทียนกั๋วต่างไม่เชื่อ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีหยางซิ่วชิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นพระบิดาเทียนฟู่เสด็จลงมาประทับร่างบังคับหงซิ่วเฉวียนให้คุกเข่ายอมรับผิดถูกและถูกโบย
ก่อนหน้านี้แม่นางไป๋ก่อนหน้านั้นเคยพูดกับหลี่ซิ่วเฉิงถึงคนนั้นที่เคยเจอในความฝัน และก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ตอนนี้เมืองเทียนจิงแตกแล้ว จงหวังถูกจับ แทบจะกลายเป็นสถานการณ์ปิดตาย เธอจึงไม่เชื่อคำพูดก่อนหน้านี้อีก และรู้สึกว่าท่านพ่อของเธอหาข้ออ้างมาปลอบใจเธอเพื่อให้เธอออกจากเทียนจิงก่อนที่เมืองจะแตก
โจวเจ๋องงอย่างมาก ตอนนั้นทำไมเจ้าโง่ถึงไม่ออกโรง เธอไปถามเขาสิ เธอมาถามฉันแล้วฉันจะรู้ได้อย่างไร
เสียงการฆ่าฟันด้านนอกยิ่งชัดเจนขึ้นและใกล้เข้ามาทุกที แม่นางไป๋เดินไปข้างหน้าสองสามก้าว เดินมาอยู่ตรงหน้าโจวเจ๋อ แล้วก้มหน้า “ท่านพ่อ…”
เธอจะทำอะไร
“พระบิดาเทียนฟู่ จะคุ้มครองท่าน” เมื่อพูดประโยคนี้จบ แม่นางไป๋จึงเงยหน้าอ้าปาก แล้วกัดลงไปที่หน้าอกของโจวเจ๋อโดยตรง!
เธอกัดแรงมากจริงๆ ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง โจวเจ๋อสูดปากพ่นลมหายใจเย็นออกมา
‘“สวบ!’”เลือดเนื้อหนึ่งชิ้นถูกแม่นางไป๋กัดออกมาอย่างดื้อๆ เธอร้องไห้พร้อมกับกลืนเนื้อคำโต
“ท่านพ่อ หว่านเอ๋อร์ (ลูก) ไม่สามารถพาท่านออกไปได้ หว่านเอ๋อร์ไม่อยากเห็นท่านพ่อถูกส่งไปที่เมืองหลวงของปีศาจชิงได้รับการดูหมิ่น หว่านเอ๋อร์จะนำท่านพ่อหลอมรวมอยู่ในร่างกายของตัวเอง เพื่อให้ท่านพ่ออยู่ในร่างกายของหว่านเอ๋อร์ตราบชั่วนิรันดร์!”
“…” โจวเจ๋อ เธอบ้าหรือเปล่า “โอ๊ย!!!!” กัดอีกแล้ว จากนั้นเธอก็กัดอีก เถ้าแก่โจวครั้งนี้เจ็บปวดจนไม่อาจหายใจได้ ขณะเดียวกันเขารู้สึกสะดุ้งอยู่ในใจ ในประวัติศาสตร์เจิฉิงกั๋วเฉวียนไม่ได้พาหลี่ซิ่วเฉิงส่งไปที่เมืองหลวงเพื่อโอ้อวดตามท้องถนน แต่ใช้วิธีที่ ‘ หลิงฉือ’(แล่เนื้อเถือหนัง’) ฆ่าเขาให้ตาย และเรื่องนี้ยังคงเป็นข้อสงสัยที่อยู่ในวงการนักของประวัติศาสตร์มาโดยตลอด ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
เจิฉิงกั๋วเฉวียนเป็นคนมุทะลุ ดื้อรั้น แต่ไม่ได้ไม่มีรสมอง ตอนนี้ประวัติศาสตร์กำลังเล่นซ้ำอยู่ตรงหน้าเขาตัวเอง แม่งเอ๊ยเจิฉิงกั๋วเฉวียนอยากจะส่งไปแต่ไม่มีทางต่างหาก เพราะหลี่ซิ่วเฉิงถูกแม่นางไป๋ฆ่าทั้งเป็น กัดเขาให้ตายทีละคำ!
แม่นางไป๋ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดกำลังกัดกินพร้อมกับยิ้มด้วยหน้าตาอัปลักษณ์ ขณะที่กลืนเข้าไปในเวลาเดียวกันเธอได้พูดพึมพำอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์ “พระบิดาเทียนฟู่บนสววรค์ ท่านพ่อจะมีชีวิตอยู่ในร่างของข้าตลอดชั่วนิรันดร์ จะมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์!”
………………………………………………………………………..