ตอนที่ 605 เทพเซียน!
ความรู้สึกตอนที่รอความตายช่างไม่ดีเอาเสียเลย ความรู้สึกตอนที่โดนกัดทั้งเป็นให้ตายอย่างช้าๆ ไม่ดียิ่งกว่า โดยเฉพาะตอนที่ฟันกัดอยู่บนเนื้อของคุณ ฝังลึกเข้าไป ฟันของมนุษย์ไม่แหลมคมเหมือนสัตว์ป่า เธอยังต้องใช้แรงกัดแล้วดึงชิ้นเนื้อออกมา ตลอดขั้นตอนนี้สำหรับเถ้าแก่โจวที่ถูกมัดอยู่บนเสาไม้ คือการทรมานอย่างหนึ่งจริงๆ
หลายคนชอบใช้ปาก แต่และคาดว่ามีไม่กี่คนที่อยากสัมผัสประสบการณ์การใช้ปากที่รุนแรงเช่นนี้ โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเสียงเสียดสีของฟันที่ถูไถไปมาอยู่บนกระดูกของคุณ โคตรจะเสียวซ่านเข้าไปถึงกระดูกของคุณเลยทีเดียว
โชคดีที่ยังมีเรื่องให้ดีใจ นั่นก็คือเถ้าแก่โจวเป็นคนที่เคยไปเตาเผาศพมาหลายครั้งแล้ว ถึงแม้จะไม่น่าภูมิใจหรือควรค่าต่อการโอ้อวดอะไร ทว่าการเผชิญหน้ากับประสบการณ์ความเจ็บปวดทรมานที่ยากจะทนได้ในตอนนี้ ไม่ทำให้โจวเจ๋อถึงขั้นเสียสติ
เธอกัดฉีกและกลืนกิน เสียงลมหายใจหอบของชายหญิงสะท้อนไปมาอยู่ในกระโจมแห่งนี้ และไม่รู้ว่าขั้นตอนนี้ต้องดำเนินไปอีกนานแค่ไหน รอจนกระทั่งสายตาของโจวเจ๋อเริ่มค่อยๆ พร่ามัวอีกครั้ง ดูเหมือนจะสัมผัสได้ว่าแม่นางไป๋จากไปแล้ว
เมื่อลองคิดเชื่อมโยงกัน ถึงแม้สุดท้ายแล้วแม่นางไป๋จะถูกทหารจับที่ทงเฉิง แต่ละเห็นได้ชัดว่าเธอหนีออกไปจากที่นี่ได้ในท้ายที่สุด รากษสหน้าหยกไม่ธรรมดาเลยจริงๆ บางทีหรือหลังจากนั้นเธอที่หนีเอาชีวิตรอด ไม่ยินยอมอยากจะกระโดดโลดเต้น สุดท้ายถึงโดนทหารแห่งราชวงศ์ชิงจับตัว หรือไม่ก็มีสาเหตุอย่างอื่น
เถ้าแก่โจวไม่รู้สึกสนุกกับการไขความลับของประวัติศาสตร์ ตอนที่เขาค่อยๆ เงยหน้าลืมตา พบว่าตัวเองยังคงถูกมัดอยู่ แต่กลับถูกมัดอยู่บนเสาทองสัมฤทธิ์แทน บริเวณโดยรอบถูกมัดด้วยโซ่ขึ้นสนิม ราวกับว่าตัวเองกลายเป็นฟอสซิลที่ถูกผึ่งลมให้แห้ง
กลับมาสถานที่นี้อีกแล้ว นี่คือการเข้ามาครั้งที่สองของโจวเจ๋อ ที่นี่ไม่มีป้ายชื่อ ถ้าหากต้องการป้ายละก็ ก็พอจะสร้างให้ได้หนึ่งอัน และเขียนตัวหนังสือตัวใหญ่บนนั้นว่า ‘บ้านสุนัขตระกูลอิ๋ง’ ถ้าหากยังสะใจไม่พอ ก็เพิ่มอีกประโยคว่า‘ลดราคาฉลองเปิดกกิจการวันแรก’ หรือไม่ก็ ‘ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง’ เสียดายที่ที่นี่มีแต่สุนัขตาย ไม่มีแบบที่พันธ์น่ารักที่กระโดดโหยงเหยงไปมา นอกจากนี้แม้แต่เศษกระดูกก็เหลือไม่กี่ส่วน
เมื่อมองไปรอบๆ เดิมทีจากพื้นที่ว่างเปล่าแต่เดิม เริ่มมี ‘เงาคนเดินไปเดินมา’ อย่างช้าๆ ประหนึ่งว่ามีดวงตามากมายนับไม่ถ้วนกำลังจ้องมองเขาตัวเอง และคนพวกนี้ก็เป็นรุ่นพี่ของเขาตัวเอง เจ้าโง่ไม่รู้ว่ากลับชาติไปเกิดกี่ครั้งแล้ว และไม่รู้ว่ามี ‘สุนัขเฝ้าบ้าน’ ที่ทำหน้าที่นี้กี่รุ่นแล้วตัว
โจวเจ๋อลองขยับ แต่พบว่าโซ่เหล็กยิ่งรัดแน่น แน่นมากจนรัดตัวเขาให้อยู่ใน ‘เขตแดนภาพลวงตา’ นี้ไม่สามารถหลุดพ้นและตื่นขึ้นมา
ก่อนหน้านั้นถ้าหากเป็นเพียงเขตแดนภาพลวงตาของแม่นางไป๋เท่านั้นก็ไม่เป็นไร โจวเจ๋อไม่คิดว่าแม่นางไป๋จะเก่งจนสามารถใช้เขตแดนภาพลวงตามายากักขังตัวเขาองได้ ถ้าหากเธอเก่งขนาดนั้นจริง คงไม่ต้องใช้วิธีหลบๆ ซ่อนๆ แบบนี้ แต่เป็นเพราะความสามารถไม่ถึง ไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ ถึงได้เลือกทางอ้อม
หากจะว่ากันให้ถึงที่สุดแล้ว ครั้งนี้คืถือว่าสำเร็จครึ่งหนึ่งหรึ่ง แต่สาเหตุที่ต้องตกหลุมพรางนี้ ไม่ใช่สาเหตุจากภายนอก แต่เป็นเพราะยากที่จะป้องกันโจรที่อยู่ในบ้านทั้งวันทั้งคืน
ในอดีต โจวเจ๋อไม่รู้จริงๆ ว่าส่วนลึกในของจิตวิญญาณของตัวเองมีสถานที่แบบนี้ด้วย หรือจะพูดอีกอย่างว่าเมื่อก่อนตอนที่อิ๋งโกวอยู่ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ โจวเจ๋อในอดีตใช่ว่าจะไม่เคยคิดมอบสิ่งที่ฉุดรั้งและมีผลกระทบต่อจิตดใจของตัวเองให้กับอิ๋งโกวโดยตรง แต่ทุกครั้งอิ๋งโกวสามารถจัดการได้อย่างเหมาะสมและตรงไปตรงมา
ทว่าอิ๋งโกวตกอยู่ในห้วงแห่งการหลับใหลตลอดกาลนานแล้ว เดิมทีไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ตอนนี้กลับเป็นปัญหาจริงๆ
“จะเอายังไง พวกคุณ หมายความว่ายังไง” โจวเจ๋อเอ่ยถาม ในหัวของเขามีความเป็นไปได้โผล่มามากมาย และลองคาดเดาหลายสิ่ง ความรู้สึกที่พวกเขามีต่อตัวเองเป็นแบบไหนกันแน่
เป็นความอิจฉา อิจฉาที่ตัวเขาเป็นที่โปรดปรานเหรอ อย่างเช่น ท่ามกลางเงาคนเหล่านี้จะต้องมีหลี่ซิ่วเฉิงคนนั้นแน่นอน ถ้าหากตอนแรกอิ๋งโกวยอมช่วยเขา ถึงแม้จะออกแรงเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าจะให้เขาหนีพ้นออกจากวังน้ำวนกรุงแตกของเทียนจิง ถือว่าเป็นเรื่องง่ายอย่างมาก กองทัพพญายมแห่งขุมนรกอิ๋งโกวก็เคยบุกเข้าไปแล้ว นับประสาอะไรกับทหารแห่งราชวงศ์ชิงที่ถือปืนผาหน้าไม้และอาวุธเย็นในโลกมนุษย์ ทั้งสองอย่างนี้ไม่อยู่ในระดับเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
เป็นความโกรธแค้น โกรธที่ตัวเขายังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขากลายเป็นโครงกระดูกเหรอ ดูจากท่าทางแล้ว เหมือนวิญญาณถูกตราตรึงไว้ที่แห่งนี้ และไม่รู้ว่าไม่สามารถไปเกิดใหม่เพราะเหตุนี้ด้วยหรือเปล่า แล้วนี่จะทำอะไรอีก อิ๋งโกวทิ้งของที่ระลึกไว้ให้เขา เวลาว่างไม่มีอะไรทำก็ให้เขาหยิบออกมาเล่นอย่างนั้นเหรอ
เขาลองคิดถึงความน่าจะเป็นหลายอย่าง แต่ละมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่โจวเจ๋อไม่เคยคิดเลยไม่ถึง นั่นก็คือคนพวกนี้มองตัวเองเขาเป็นรุ่นน้อง จึง ‘ปกป้องรักษา’ เขาตัวเอง เหอะๆ เถ้าแก่โจวไม่รู้สึกว่าตัวเองหน้าใหญ่ขนาดนี้มาก่อน จิตใจคนเราไม่บริสุทธิ์และเรียบง่ายถึงขั้นนี้
‘“ครืดๆๆ…ครืดๆๆ…’” สายโซ่เริ่มหดตัวขึ้นมา ลมรอบทิศเริ่มพัดแรงขึ้น มาพร้อมกับความหนาวเย็นเข้ากระดูก เหมือนเป็นศัตรู เป็นปรปักษ์ กระทั่งเป็นขมิ้นกับปูนไม่สามารถประนีประนอมกันได้!
“ผมก็ต้องตายเหมือนกัน รอผมตายก่อน แล้วจะมาอยู่เป็นเพื่อนทุกคน ทำไมต้องบังคับกันตอนนี้” โจวเจ๋อเอ่ยปาก
ทุกคน พวกเราจะไม่เยาะเย้ยใส่กัน คิดจะทำอะไรน่ะ จากนั้นก็ไม่มีใครตอบรับโจวเจ๋อ เหตุการณ์ที่เข้ามาอย่างกะทันหันบุกเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ ทำให้โจวเจ๋อทำตัวไม่ถูกจริงๆ แต่เถ้าแก่โจวไม่ใช่คนนิ่งรอความตาย เขาถูกมัดอยู่บนเสา มุมปากของเขาเริ่มมีสองเขี้ยวงอกออกมา ผิวหนังตามร่างกายเริ่มเป็นสีเขียว พวกนายไม่เกรงใจฉัน อย่างนั้นฉันก็จะไม่เกรงใจพวกนาย!
สายลมพัดแรงขึ้น ไฟโกรธของโจวเจ๋อยิ่งลุกโชน คำรามเสียงต่ำ “ตอนที่เขาอยู่ พวกคุณไม่กล้าร้องโวยวาย พอเขาไม่อยู่แล้ว ก็กล้าลงมือกับคนพวกเดียวกัน เป็นพวกเดียวกันกับพวกคุณ น่าอับอายขายหน้าจริงๆ!”
…
รถของโจวเจ๋อจอดอยู่หน้าร้านหนังสือ ผู้คนเดินไปมาริมถนน แต่เขากลับไม่ได้ลงจากรถ ในตำแหน่งที่ลับตาคนของสวนดอกไม้ริมทาง มีเทียนเล่มเล็กกับยันต์กระดาษ ยังมีด้ายนสีแดงพันอยู่เบาๆ และใต้ดินของสวนดอกไม้มีป้ายสีดำที่ซ่อนลึกอยู่ในนั้น ป้ายนั้นสั่นเล็กน้อย ส่งเสียงร้องไห้เหมือนเด็กทารกออกมาเป็นระยะ
โชคดีที่โจวเจ๋อขับรถของทนายอัน ฟิล์มรถยนต์ทำให้มองจากด้านนอกไม่สามารถมองเห็นด้านใน เดิมทีทนายอันออกแบบมาเพื่อสะดวกในการเล่นชอบเกมรักในรถ ตอนนี้คนที่อยู่ด้านนอกจึงสังเกตไม่เห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับคนที่นั่งด้านใน
…
ภายในร้านหนังสือเต็มไปด้วยอากาศหนาวเย็น มองไม่ออกจากด้านนอก แต่ถ้าผลักประตูเดินเข้าไป คุณจะเกิดภาพลวงตาคิดว่าตัวเองอยู่บนพื้นน้ำแข็งและหิมะ แม่นางไป๋อยู่ตรงประตู คุกเข่าอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เคียดแค้น เธอกับไป๋อิงอิงมีหน้าตาเหมือนกัน แต่กลับไม่น่ารักสดใสเหมือนตอนนั้นอีกแล้ว
เงาที่อยู่ด้านหลังของไป๋อิงอิงกำลังหายไปอย่างช้าๆ อิ๋งโกวอย่างไร้เสียก็กำลังนอนหลับใหลอยู่ ก่อนหน้านั้นไม่ว่าเขาจะคำนวณไว้แล้วหรือว่าเบื่อที่เห็นอิงอิงชอบแต่โจวเจ๋อและหึงที่ไม่สนใจตัวเอง แต่หลังจากปลดล็อกคการควบคุมอิงอิงของแม่นางไป๋แล้ว เงานี้ก็ไม่ทำอย่างอื่นอีกเลย
เส้นผมของอิงอิงขาวราวหิมะ เดินมาอยู่ตรงหน้าแม่นางไป๋ เธอมองแม่นางไป๋ที่คุกเข่าแล้วจึงนั่งลงยองๆ อย่างช้าๆ ใบหน้าที่เย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง ในนัยน์ตามีแต่ความเย็นเยือกซึมลึกถึงกระดูก
นี่คือพี่สาวของเธอ นี่คือนายหญิงของเธอ วันเวลาที่เงียบเหงาที่ต้องนอนในโลงศพสองร้อยปี มีเพียงเธอเท่านั้นที่พูดคุยแก้เหงากับตัวเอง
“อิงอิง มีชีวิตอยู่ต่อไปแทนข้า เขากำลังจะกลับมาแล้ว เขากำลังจะกลับมาแล้ว…” แม่นางไป๋เผยแววตาที่ใฝ่ฝันหาออกมาจากนัยน์ตาของเธอ “ร่างกายของเจ้าบริสุทธิ์ ตอนนั้นเขาไม่ยอมรับข้า มองข้าเป็นลูกสาวบุญธรรม แต่ร่างกายของข้ายังคงเก็บไว้ให้เขาตลอด เขากำลังจะกลับมา เขาใกล้จะกลับมาแล้ว!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไม่รู้ทำไมอิงอิงถึงแสดงความโกรธออกมาบนใบหน้าของเธอ และสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างโดยสัญชาตญาณ
สายตาของแม่นางไป๋กลับเหลือบมองไปที่เงาด้านหลังที่ยังไม่หายไปอย่างสมบูรณ์ จากนั้นจึงแสดงสีหน้าเคียดแค้นออกมาบนใบหน้าอีกครั้ง เธอแค้น เธอแค้นอย่างมาก ตอนนั้นหากคนผู้นั้นลงมือ จงหวังคงไม่ตาย! ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ทำการใหญ่อะไร ไม่กลับไปฟื้นฟูไท่ผิงเทียนกั๋ว ก็สามารถใช้ชีวิตอย่างสันโดษได้
แต่คนผู้นั้นอยู่ในร่างของจงหวังมาตลอด กลับไม่ทำอะไรเลย มัวแต่มองจงหวังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก! ถ้าหากมีแค่เรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร แต่แม่นางไป๋รู้ดี ว่า คนผู้นั้นกลับปฏิบัติตัวต่อเถ้าแก่ของร้านหนังสือกลับไม่เหมือนอย่างเคย!
หากไม่มีคนผู้นั้น เถ้าแก่ของร้านหนังสือแห่งนี้ ยมทูตตัวเล็กคนนี้ ต่อให้มีสิบชีวิตก็คงตายนานแล้ว! ถือสิทธิ์อะไร!ทำไม! ไม่กลัวว่าจะไม่มีส่วนแบ่งแต่กลัวแบ่งไม่เท่ากัน ที่พูดมาก็คือหลักการนี้
เธอแค้นอิ๋งโกว แค้นใจเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบนกำแพงเมืองในวันนั้น ตอนที่จงหวังบอกว่าตอนที่ตัวเองฝันเห็นคนผู้นั้นพูดด้วยใบหน้าที่ใฝ่ฝันและเคารพเลื่อมใส!
“จุดประสงค์ของท่านคุณ ไม่ใช่ข้าฉัน…” ไป๋อิงอิงพูดเสียงเย็นชา “แต่เป็น…เถ้าแก่”
แม่นางไป๋หัวเราะ หัวเราะอย่างมีความสุขและพอใจเป็นอย่างยิ่ง
“เทศกาลเสื้อกันหนาว ต้องเผาเจ้า แต่สิ่งที่ถูกทำลาย คือหัวใจของเขา รอจงหวังกลับมา เจ้าต้องช่วยดูแลปรนนิบัติเขาแทนข้า” แม่นางไป๋พูดชัดถ้อยชัดคำ
อิงอิงเม้มปากอย่างช้าๆ เล็บมือซ้ายงอกยาวออกมาแล้วตบลงไป! “นางสารเลว!”
‘ปึ้ง!’ วิญญาณของแม่นางไป๋ถูกพลังปราณพิฆาตตบสลายไปโดยตรง สุดท้ายก่อนที่จะมลายหายไป แม่นางไป๋ดูเหมือนจะเห็นตัวเองตอนอายุเจ็ดขวบ เนื่องจากสงครามทำให้เธอต้องสูญเสียครอบครัว คุกเข่าร้องไห้เจ็บปวดใจอยู่หน้าพุ่มหญ้าข้างทาง และเขาขี่ม้ามาอยู่ตรงหน้าเธอ
…
เสี่ยวเฮยและเสี่ยวไป๋นอนระเกะระกะอยู่ที่เบาะหลังรถ พลังชีวิตของคนทั้งสองแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่ากระดูกหักไปที่ท่อนแล้ว แต่ก็ไม่ตาย
โกวซินถูกนักพรตเฒ่าจับนั่งอยู่ตรงตำแหน่งข้างคนขับ นักพรตเฒ่าเข้าไปนั่งตรงตำแหน่งคนขับรถ เตรียมสตาร์ทรถเดินทางกลับ
พวกทนายอันยังต้องอยู่ในวัดเฉิงหวงเมี่ยวอีกครู่หนึ่ง ช่วยสวี่ชิงหล่างกลืนพลังแห่งควันธูปเทียน ตอนที่รถเพิ่งออกตัว โกวซินที่นั่งอยู่ข้างๆ ท่าทางเหมือนคนป่วยใกล้ตายจู่ๆ ก็พูดว่า “เขากลับไปแล้วเหรอ”
“ใคร” นักพรตเฒ่าสงสัยอยู่บ้าง
“ผมเคยบอกแล้วว่าเขามีภัย”
“เหอะๆ อย่างนั้นทำไมเจ้าถึงมองไม่ออกว่าวันนี้ตัวเองจะซวยขนาดนี้” นักพรตเฒ่าพูดในใจ บอกแล้วว่าตัวเอง‘ข้าเป็นนักต้มตุ๋น คิดว่าจะโดนเจ้าหลอกได้ง่ายเรอะ‘
“ผมดวงดีมาตั้งแต่เด็ก”
“มองไม่ออกจริงๆ” นักพรตเฒ่าพูดซ้ำเติม
“เพราะว่า…” โกวซินหัวเราะ หันหน้ามองนักพรตเฒ่าที่อยู่ข้างกายแล้วพูดต่อว่า “ตอนผมเป็นเด็ก ผมเคยเจอเทพเซียนมาก่อน”
………………………………………………………………………..