ตอนที่ 611 ปลาเค็มออกเดินทาง
ไม่เหมือนสถานที่ที่เจาะจงโดยเฉพาะบางแห่ง ที่มักจะมีการวางเป็นระเบิดในรถหรือไม่ก็การโจมตีแบบฆ่าตัวตายอัตโนมัติอะไรพวกนี้ ซึ่งฟังจนหูชาไปหมดแล้ว แต่จู่ๆ เกิดระเบิดในประเทศจีน ถือว่ามีผลกระทบที่ใหญ่พอสมควร ถึงแม้จะไม่มีคนเสียชีวิตอะไร แต่ทุกฝ่ายต่างให้ความสำคัญอย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ เพื่อคงสภาพที่เกิดเหตุไว้สำหรับการเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดความล่าช้าเป็นอย่างยิ่ง การตกแต่งและซ่อมแซมร้านหนังสือภายในระยะเวลาอันสั้นจึงเป็นไปไม่ได้
ฉวีหมิงหมิงมาหาโจวเจ๋อในวันต่อมา เมื่อเห็นว่าโจวเจ๋อมีสภาพร่างกายและจิตใจที่ไม่ค่อยดีนัก หลังจากช่วยจับชีพจรให้เขาจึงเขียนใบสั่งยาบำรุงเลือดและบำรุงประสาทให้บางส่วน
เดิมทีเขาอยากจะพูดเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์ แต่ถูกโจวเจ๋อห้ามเสียก่อน แล้วพูดตามตรงว่าช่วงนี้ตัวเองต้องเดินทางไกล รอเขากลับมาแล้วค่อยว่ากัน ฉวีหมิงหมิงจึงตกลง
กว่าจะหลอกล่อจนเถ้าแก่ของตัวเองยอมตกลงออกเดินทางได้นั้นไม่ง่าย ทนายอันจึงรีบจองตั๋วเครื่องบินจุดหมายปลายทางคือเถิงชง แต่เนื่องจากสนามบินทงเฉิงกับสนามบินถัวเฟิงในอำเภอเถิงชงล้วนเป็นสนามบินเล็ก ดังนั้นจึงไม่สามารถบินตรงจากทงเฉิงไปเถิงชงได้ ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่คุนหมิง
ทนายอันกับโจวเจ๋อได้ปรึกษากันเพื่อสำหรับผู้ถูกเลือกผู้ที่ได้เดินทางไปยูนนานในครั้งนี้ ตอนที่ไปเซี่ยงไฮ้ครั้งที่แล้วทนายอันคอยประจำการอยู่ที่ร้านหนังสือ แต่การปฏิบัติการครั้งนี้เขาเป็นคนจัดการและวางแผนด้วยตัวเอง เขาต้องไปแน่นอน สวี่ชิงหล่างก็ต้องไป เพราะเขาเป็นพ่อครัว เถ้าแก่โจวไม่อยากทารุณกระเพาะของตัวเอง
อิงอิงก็ต้องไป โจวเจ๋อร่างกายตอนนี้ร่างกายของโจวเจ๋อยังไม่ฟื้นตัวดี จำเป็นต้องมีคนคอยดูแล ขณะเดียวกันเขาก็จำเป็นต้องนอนหลับพักผ่อนด้วย เด็กผู้ชายถูกจัดให้เฝ้าร้านหนังสือ เพราะร้านขายยาข้างๆ ยังมีพวกโกวซินทั้งสามคนกำลังถูกรักษาที่ถูกช่วยชีวิตไว้กำลังรักษาตัวอยู่ ที่นี่ยังมีหญิงสาวตัวดำที่จำเป็นต้องมีคนคอยเฝ้าดูไว้อยู่ด้วยแลคนเดียวก็เพียงพอ ด้วยความสามารถของเด็กผู้ชาย คอยนั่งบัญชาการอยู่ที่นี่ด้วยตัวเองก็เหลือเฟือแล้ว
ทนายอันกำชับอิงอิงเป็นพิเศษให้พกกาแฟที่เขาตัวเองชื่นชอบไปเยอะๆ ช่วงนี้เขาไม่สามารถนอนหลับได้ ส่วนสาวน้อยโลลิกับหลิวฉู่อวี่รวมทั้งเหล่าจางและพวกเขาสองสามคนซึ่งเป็นยมทูตที่เป็นลูกน้องของโจวเจ๋อที่เหลือ เขาไม่ได้พาไปด้วยในครั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ใช่การจัดการทีมท่องเที่ยวเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทีมงานของของร้านหนังสือ จึงเน้นที่คุณภาพไม่ใช่จำนวนคนคนเยอะจึงไม่ดี
นักพรตเฒ่าอุ้มเจ้าลิงน้อย ร้องโวยวายอยากไปด้วย สุดท้ายถูกโจวเจ๋อและทนายอันปฏิเสธพร้อมกันอย่างไม่ลังเล ความหมายของทนายอันคือ ร้านหนังสือจำเป็นต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยดูแล หลังจากการตรวจสอบทางนั้นสิ้นสุดลงยังต้องจัดทีมมาตกแต่งร้านหนังสือใหม่ คนอื่นไม่ไว้ใจไม่ได้และก็ทำได้ไม่ดี มีเพียงนักพรตเฒ่าเท่านั้นที่น่าไว้วางใจที่สุด
นักพรตเฒ่าฟังแล้วชื่นใจเป็นอย่างมาก เพราะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเถ้าแก่อีกครั้ง
เวลาไม่คอยท่า วันถัดมาตอนกลางวัน ทนายนอันจึงเรียกรถแท็กซี่สองคัน เพื่อไปส่งทุกคนที่สนามบินทงเฉิง
ไม่ใช่เพราะไม่อยากขับรถของตัวเอง แต่รถสองคันที่จอดอยู่นอกร้านหนังสือตามปกติ ถูกแจ้งขอเบิกเงินชดเชยที่โดนระเบิดไปเมื่อวานซืนแล้ว
ทนายอันกับสวี่ชิงหล่างกลับไม่ได้ใส่ใจนัก ทนายอันมีเงิน เงินที่ให้อิงอิงซื้อกาแฟให้ตัวเองโดยเฉพาะก็เกือบ ‘สองสามแสน’ แล้ว ทำให้อิงอิงกลายเป็น ‘ลูกค้ารายใหญ่’ ในสายตาของตัวแทนขายกาแฟเนสท์เล่แถบนี้ไปโดยปริยาย
ส่วนสวี่ชิงหล่าง ถึงแม้ช่วงนี้ราคาบ้านในทงเฉิงจะราคาตก ทรัพย์สินส่วนตัวของสวี่ชิงหล่างหดตัวลงเกือบยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่ว่าอย่างไรตัวเลขพื้นฐานก็ยังคงอยู่ เขาจึงปล่อยวาง
ทั้งสามคนยังร่วมกันปรึกษาหารือว่าจะซื้อรถใหม่ยี่ห้ออะไร แต่ทำไมต้องเป็นสามคน ก็เพราะมีอิงอิงอยู่ในนั้นอีกหนึ่งคน อิงอิงอยากจะซื้อรถดีๆ ให้เถ้าแก่ของตัวเองมานานแล้ว เจ้าแม่อสังหาริมทรัพย์อิงอิงหนึ่งปีที่ผ่านมาได้ลงทุนไปทั่วสารทิศเกือบทุกที่
ถึงแม้ช่วงนี้อสังหาริมทรัพย์จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ขาดทุนไม่น้อย แต่เธอซื้อบ้านไม่ได้ทำเพื่อเก็ร็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ แค่อยากแข่งกับสวี่ชิงหล่างที่มีห้องชุดยี่สิบสามห้องล้วนๆ
ไม่ว่าอย่างไรสิ่งของที่ฝังไปพร้อมกับศพของเธอมีเยอะแยะ แค่หยิบออกมามั่วๆ หนึ่งชิ้นก็สามารถซื้อรถหรูได้สบาย
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมสิ่งของที่ฝังมาพร้อมกับศพของตัวเองถึงมีมากมายก่ายกอง แม่นางไป๋ไม่ใช่ลูกคุณหนูตระกูลบัณฑิต แต่เป็นแม่ทัพหญิงของกองทัพไท่ผิง รากษสหน้าหยก ดังนั้นมีทรัพย์สินมากมายจึงเป็นเรื่องที่ปกติเป็นธรรมดา
หลังจากเอะอะโวยวายกันมาตลอดทางแล้ว ในที่สุดก็ถึงสนามบินทงเฉิง สนามบินทงเฉิงเล็กมากถึงมากที่สุด นอกจากคนไม่กี่คนที่สามารถเดินไปที่ประตูขึ้นเครื่องบินเพื่อขึ้นเครื่องได้โดยตรงแล้ว เที่ยวบินส่วนใหญ่ต้องนั่งรถบัสรับส่งไปขึ้นเครื่องบิน
ทุกคนไม่รีบร้อนเข้าไปสแกนก่อนขึ้นเครื่อง หลังจากลงจากรถแล้วยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงหน้าประตูก่อน สูบบุหรี่ เพราะหลังจากเข้าไปแล้วจึงไม่สะดวกที่จะสูบบุหรี่
อิงอิงยืนดูสัมภาระที่อยู่ถัดไป ถึงแม้ทนายอันบอกว่าครั้งนี้ไม่ได้ไปเที่ยว เถิงชงเป็นจุดมุ่งหมายปลายทาง แต่ไม่ใช่สถานีปลายทาง ทว่าอิงอิงก็ยังเตรียมสัมภาระมามากมาย
ไม่ว่าอย่างไรเธอมีแรงเยอะ แบกกระเป๋าคนเดียวเจ็ดแปดใบได้สบาย ทนายอันจึงไม่พูดอะไรอีก เขาก็รู้ว่าผีดิบสาวคนนี้ทนเห็นไม่ได้ที่สุดก็คือเถ้าแก่ของตัวเองต้องใช้ชีวิติอย่างยากลำบาก
โจวเจ๋อ ทนายอัน และสวี่ชิงหล่างสามคนนั่งยองๆ อยู่หน้าประตูใหญ่ของเครื่องสนามบิน พ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมกัน
“สนามบินทงเฉิง เล็กมากจริงๆ เครื่องบินลำใหญ่ก็มีไม่กี่ลำ” ทนายอันบ่นอุบ เพราะเขาซื้อตั๋วเครื่องบินชั้นเฟิร์สต์คลาสได้แค่สามใบ แต่ในตรงนี้มีสี่คน จึงไม่มีทางเลือก วันนี้เขาต้องนั่งชั้นประหยัดธุรกิจ ไม่ใช่เพราะตั๋วเครื่องบินมีคนแย่งกันเยอะ แต่เครื่องบินโดยสารขนาดเล็กเหล่านี้มีที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสแค่แปดที่นั่งเท่านั้น
โจวเจ๋อได้ยินดังนั้นจึงครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง ทงเฉิงถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเขตมณฑลเจียงซูตอนใต้ อันที่จริงหากแบ่งตามกฎระเบียบเดิม ถึงแม้ตอนนี้จะเรียกว่ามณฑลเจียงซูตอนกลาง แต่ก็ถือว่าเป็นเขตมณฑลเจียงซูตอนเหนือ
คนนอกยังเคยได้ยินคำพูดที่ว่าเจียงซูใต้ร่ำรวย เจียงซูเหนือยากจน จะว่าพูดถูกก็ถูก จะว่าพูดผิดก็ผิด เศรษฐกิจของเจียงซูตอนเหนือสู้เศรษฐกิจของเจียงซูตอนใต้ไม่ได้ก็จริง แต่ก็ต้องดูว่าเปรียบเทียบกับใคร ควรทราบว่าในมณฑลเจียงซู หากพูดถึงจีดีพีแล้ว เมืองเอกหนานจิงถูกจัดอันดับอยู่หลังซูโจวและอู๋ซี
และเมือง ‘ยากจน’ ใดๆ ในเจียงซูเหนือ หากอยู่ในมณฑลอื่นก็อยู่ในระดับกลางค่อนไปทางบน อย่างการจัดอันดับจีดีพีของทงเฉิงยังสูงกว่าซีอันเลย แต่ยังไม่พูดถึงความเล็กของสนามบิน รถไฟหัวกระสุนเพิ่งจะสร้างให้ใช้งานได้เมื่อสองสามปีที่แล้วนี่เอง ส่วนรถไฟใต้ดินก็เพิ่งจะสร้าง
“วันนี้อากาศไม่ค่อยดี” สวี่ชิงหล่างพูดด้วยความจนใจอยู่บ้าง
“หวังว่ายูนนานจะท้องฟ้าสดใส” ช่วงนี้ฝุ่นควันรุมล้อมเข้ามา ด้านบนของทงเฉิงในเวลานี้จึงดูขมุกขมัว
“แม่งเอ๊ย ฝุ่นละอองพวกนี้ไม่น่าทำให้คนสำลักขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ” ทนายอันโบกมือ เขาสำลักเข้าจริงๆ จึงเงยหน้ามอง และแล้วมันไม่ใช่ฝุ่นควันจริงๆ
คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจนชิน ภูมิต้านทานฝุ่นควันได้ถูกฝึกมานานแล้ว ดูดฝุ่นละอองเหมือนกับดูดออกซิเจนเข้าไป ถือเสียว่ากินธัญพืชบำรุงก็แล้วกัน
สาเหตุที่ทำให้สำลักเช่นนี้ เป็นเพราะบนถนนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังเผาเงินกระดาษอยู่ตรงนั้นผู้หญิงสามคนกับเด็กสี่คนที่อยู่ข้างๆ ถือกระทะมาใบหนึ่งแล้วเผาเงินกระดาษทีละหนึ่งกำมืออยู่ที่นั่น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินสองสามคนที่อยู่ข้างๆ ก็กำลังมองดูอยู่ ถึงแม้จะเร่งให้รีบออกไป แต่ก็ไม่ได้ห้ามพวกเขาไม่ให้เผาเงินกระดาษ
“ทำอะไรน่ะ” ทนายอันพูดไม่ออก “เผาเงินกระดาษก็มีที่สนามบินด้วยเหรอ”
“น้องชาย ขอยืมไฟแช็กหน่อย” ผู้ชายคนหนึ่งเดินมาข้างๆ โจวเจ๋อแล้วกล่าว โจวเจ๋อจ้องนิ่ง กวาดตามองคนที่อยู่ข้างๆ หนึ่งที แต่ก็ยังยื่นไฟแช็กให้กับเขา
การยืมไฟแช็กที่หน้าประตูสนามบินสำหรับสิงห์ค์อมควันแล้วเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าอย่างไรตอนที่เข้าออกสนามบินก็ต้องทิ้งไฟแช็กอยู่ดี
ทนายอันกวาดตามองเขาหนึ่งที เมื่อเห็นเขาใส่ชุดทำงาน จึงหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ทำงานที่นั่นเหรอครับ” ทนายอันชี้ไปฝั่งตรงข้ามสนามบิน ที่นั่นกำลังก่อสร้างสนามบินทงเฉิงแห่งใหม่ และที่อยู่ไกลออกไป ทางยกระดับสนามบินได้สร้างเสร็จแล้ว
“ใช่ครับ” ผู้ชายวัยกลางคนพยักหน้า เขาสูบบุหรี่เข้าไปเต็มปอด แล้วพ่นออกมาอย่างแรง
“เลิกงานแล้วก็รีบกลับบ้านสิครับ มาเดินเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกทำอะไรครับ” ทนายอันถาม
ผู้ชายวัยกลางคนถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ไม่ใช่เพราะผมไม่เข้าใจกฎระเบียบ ผมอยากกลับ แต่เมื่อวานกลับไปแล้วหนึ่งครั้งพบว่าเกิดเรื่องที่นั่น วุ่นวายไปหมด จึงไม่เดินเข้าไปข้างใน จากนั้นผมจึงกลับมาเตร่อยู่ในเขตก่อสร้าง”
“อย่าเตร่ไปทั่วหวาดหวั่น ระวังเกิดเรื่อง” ทนายอันกล่าว
“ฮิๆ รู้แล้วครับๆ ยังดีที่มีเพื่อนร่วมงานที่พอสนิทบ้างอยู่ที่นี่น จึงอยากอยู่เป็นเพื่อนพวกเขาเยอะๆ”
ทนายอันไม่พูดอะไรอีกและได้แต่มองโจวเจ๋อ โจวเจ๋อกลับจึงมองไปทางเด็กและผู้หญิงที่กำลังเผาเงินกระดาษอยู่ทางนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองสามคนได้เร่งพวกเขาให้รีบออกไป ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็คือสนามบิน พวกเขาสามารถรับผิดชอบได้ไม่มากจริงๆ สามารถยอมให้พวกเธอเข้ามาเผาเงินกระดาษถือว่าทำลายกฎระเบียบไปแล้ว
ด้านข้างของผู้หญิงเหล่านี้มีผู้ชายเดินเข้ามาสองสามคน ดูเหมือนกำลังปลอบใจไม่ให้พวกเธอเสียใจ
โจวเจ๋อมเม้มปาก สวี่ชิงหล่างจึงเอ่ยว่า “นึกถึงคนงานก่อสร้างห้าคนที่เจอตอนเปิดร้านที่จัตุรัสนานาชาติอู่โจวได้ไหม”
โจวเจ๋อพยักหน้า เมื่อกี้๊เขาก็นึกถึงเหมือนกัน คนงานก่อสร้างห้าคนนั้น ตอนแรกมาที่ร้านของเขาตัวเอง นั่งลงกับพื้นแล้วอ่านนิยาย นั่งอ่านอยู่นานสองนาน โจวเจ๋อยังเคยนั่งสูบบุหรี่หน้าร้านหนังสือกับพวกเขา ฟังพวกเขาเล่าเรื่องของภรรยาและลูกของตัวเอง พูดถึงที่นาของครอบครัวตัวเอง ต่อมาหลังจากนั้นจึงรู้จากหน้าหนังสือพิมพ์ว่า พวกเขาเป็นฮีโร่ที่สละชีวิตตัวเองเข้าไปช่วยชีวิตชาวบ้านที่ไฟไหม้
“มีความปรารถนาอะไรไหม” โจวเจ๋อถาม
ผู้ชายที่ขอยืมไฟแช็กพยักหน้า เอ่ยว่า “ผมยังไม่ได้แต่งงาน พ่อแม่ก็จากไปเร็ว เงินที่เก็บสะสมสองสามปีที่ผ่านมาฝากไว้ในบัตรทั้งหมดนี้ ถูกผมซ่อนไว้ในที่แห่งหนึ่ง มันคือเงินจากหยาดเหงื่อของผม ปกติใช่จ่ายประหยัดจนชิน ไม่กล้าใช้เงิน จึงอยากขอร้องคุณหนึ่งเรื่อง ผมจะบอกตำแหน่งของบัตรและรหัสกับคุณ ช่วยผมนำเงินนี้ไปบริจาคทีครับ”
โจวเจ๋อพยักหน้า “ผมตกลงแล้ว”
“อย่างนั้นก็ดีครับ ขอบคุณนะครับ”
เวลานี้ ผู้หญิงสองสามคนและเด็กถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินไล่ออกไปแล้ว ไม่โกรธหน้าแดงและไม่ลงไม้ลงมือ ทั้งสองฝ่ายต่างเกรงใจซึ่งกันและกัน
ผู้ชายสองสามคนที่เดิมทีปลอบใจเด็กและผู้หญิงอยู่ทางนั้นได้เดินเข้ามา ทักทายและขอยืมไฟแช็กจากคนที่อยู่ข้างๆ โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อโบกมือ มองผู้ชายวัยกลางคนที่พูดอยู่ข้างๆ เมื่อครู่แล้วถามว่า “รู้ใช่ไหมว่าอยู่ที่ไหน”
“รู้ครับ เคยไป”
“พาเพื่อนคนงานก่อสร้างของคุณไปด้วย ผมมีธุระต้องออกไปจัดการ ที่นั่นจะมีคนคอยต้อนรับพวกคุณ เรื่องที่คุณไหว้วาน บอกกับนักพรตเฒ่าที่อยู่ที่นั่นก็ได้”
“รู้แล้วครับ” เมื่อทิ้งก้นบุหรี่แล้ว ผู้ชายจึงเรียกเพื่อนคนงานก่อสร้างสามสามคนของตัวเองออกไปพร้อมกันทั้งหมดสี่คน เงาหลังของพวกเขาค่อยๆ เลือนรางห่างเบลอไกลออกไป
โจวเจ๋อจึงสั่งอิงอิง “ส่งข้อความหาสาวน้อยโลลิ บอกให้เธอไปที่ร้านหนังสือต้อนรับคนพวกนี้ แล้วส่งพวกเขาไปสู่สุคติ” พูดจบ โจวเจ๋อก็ทิ้งก้นบุหรี่ ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วพูดว่า “สายแล้ว เข้าไปสแกนตรวจก่อนขึ้นเครื่องกันเถอะ”
……………………………………………………………………….